ความเห็น |
ก่อนหน้านี้ฮ่องกงก็ใช้ระบบเดียวกับเมืองไทย ในการรับมือกับเนื้อหาต้องห้ามในหนัง คือ การตัด จนกระทั่งปี 1987 รัฐบาลฮ่องกง (ที่ปกครองโดยคนอังกฤษ) พึ่งสำนักถึงสิทธิเสรีภาพในการรับข่าวสารของประชาชน จึงริเริ่มให้มีการใช้ระบบจัดเรตติ้ง แบ่งแยกหนังออกเป็นกลุ่มๆ ตาม ภาษา ความรุนแรง และเนื้อหาทางเพศ
CAT IIA ภาพยนตร์ที่ต้องการผู้ปกครองแนะนำ สำหรับเยาชน
CAT IIB ภาพยนตร์ที่ไม่เหมาะกับเยาชน
CAT III ภาพยนตร์ที่ห้ามผู้อายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าชม
เรตที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ก็คือเรตสาม หรือภาษาอังกฤษเรียกกันว่า Category 3 ที่เราคุ้นชินกันดีกับ สัญลักษณ์สามเหลี่ยม และมีเลขสามโรมันอยู่ด้านใน เช่นเดียวกับที่เรียกกันอย่างติดปากในบ้านเรากันว่า “หนังเกรดสาม”นั่นเอง.
กฏหมายเรติ้งฉบับใหม่ ไม่ได้มีผลต่อคนทำหนัง หากแต่คนดูก็เช่นเดียวกัน คำว่า “หนังเกรดสาม” มันได้ถูกพัฒนาไปในทางเดียว กับความหมายของคำว่าหนังเรต X หรือ R ในสหรัฐ ที่ถูกใช้อย่างกว้างขวาง ในทางสแลง จนกลายกลายเป็นเครื่องหมายการค้าสำหรับหนังประเภทวับๆ แวมๆ ฉันใดฉันนั้น นับแต่วันนั้น หนังเกรดสาม ได้ถูกบัญญัติขึ้นมา มันได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งหนังประเภทวับๆ แวมๆ จากฮ่องกงไปโดยปริยาย หนัง 25 เรื่องนี้ เป็นตัวแทนของ ความลึกลับ น่าค้นหา และเย้ายวน ของนักดูหนังรุ่นก่อน ก่อนที่ ห้องสมุดหนังสือโป๊ และวิดิโอหนังเอ็กที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ที่มีชื่อว่า Internet จะถูกแนะนำให้อีกหลายปีต่อมา....
..
ชื่อหนัง Escape from Brothel นั้นชวนให้คิดว่าหนังน่าจะนำเสนอ เรื่องราวของอาชีพขายบริการทางเพศ ที่เต็มไปด้วย ความโหดเหี้ยม กักขังหน่วงเหนี่ยว อะไรเทือกนั้น แต่ตัวหนังจริงๆ ก็ไม่ได้ตึงเครียดแบบนั้น หนังดูจะเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ติดตลกร้าย ปนโหด ความหมายของการหนีจึงไม่ได้จำกัดอยู่การถูกกดชี่จากอาชีพ แต่หมายรวมถึง การหนีจากการใช้ชีวิตที่ไร้เกียรติ หนีจากชีวิตที่ไร้ทางเลือก หนีจากโลกที่ผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องรองรับอารมของเพศชาย
Escape from Brothel เป็นผลงานกำกับของ อดีตดาวร้ายมาดเหี้ยม ของชอว์บราเดอร์ที่ชื่อว่า หวังหลงเหว่ย เมื่อก้าวมาสู่อาชีพผู้กำกับ เขาก็ยังไม่ทิ้งมาเหี้ยมเกรียม ด้วยการสร้างหนังที่ดุดัน มีจุดขายในเรื่องความรุนแรงกับแบบไม่ผิดบังอำพราง ผลงานโดดเด่นอย่าง Angry Ranger และ City Warriors ก็แสดงจุดแข็งในข้อนี้ได้เป็นอย่างดี สำหรับ Escape from Brothel ยังเพิ่มเติมองค์ประกอบแห่งความล่อแหลมทางศีลธรรมเข้ามาอีกหนึ่ง นั้นก็คือ เรื่องทางเพศ...
ประเมินจากเรื่องย่อแล้ว Escape from Brothel ก็ไม่ได้มีอะไรที่หวือหวา หรือแปลกแตกต่างจากหนัง เนื้อหาเดียวกันเรื่องอื่นๆ เท่าไหร่นักนะครับ สิ่งที่ทำให้หนังโดดเด่น และพิเศษ จากหนังเรื่องอื่นนั้น ต้องยกประโยชน์ ยกความดี (หรือความเลว 555) ให้กับการเล่าเรื่องของหวังหลงเหว่ย นั้นเอง ที่พาเรื่องให้เดินไปข้างหน้า ด้วยการ “แทรกฉาก” ขายเรื่องเพศ และความรุนแรงเข้ามา โดยไม่ได้แยแสต่อ ความต่อเนื่อง หรือเป็นหตุเป็นผลใดๆ ไม่ว่าฉากเหล่านั้นจะเกี่ยวกับโครงเรื่องหลัก มากน้อย หรือไม่เกี่ยวเลยก็ตามที มุมถ่อยๆ เถื่อนๆ เสื่อมๆ ถูกระดมเข้ามาในหนัง อย่างเนื่อง
หนังเปิดเรื่องด้วยฉากล่อแหลมทางเรื่องเพศ ชนิดเต็มพิกัด ประหนึ่งให้ความมันใจต่อคนดูว่า หนังเกรดสาม เรื่องนี้จะไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู ประเภทใบปิดหวือหวา เนื้อในกระมิดกระเมียนอะไรทำนองนั้นอย่าง ไม่มีแน่นอน
ฉากร่วมรัก หนึ่งชายสองหญิง ที่สองสาวนางเอก ต้องสนองความต้องการลูกค้า ที่เกิดไอเดียกระฉูด กับตำราเซ็กพิศดารที่เจ้าตัวดูภูมิอก ภูมิใจเสียเหลือเกิน แต่สำหรับสองสาวนี้กลับเป็นความน่าเบื่อเสียเหลือการ ภาพที่หนังนำเสนอก็คือ ชายวัยกลางคนกระตือรือร้น กับการขยับท่าทางไขว้ขา เหนียวแขน อันพิศดาร สองสาวกับทำหน้าเบื่อโลก เหงาหลับแบบสุดๆ จน ทั้งคู่ต้องคอยเตือน กันด้วยสายตาว่า เราน่าแอ็กติ่ง ส่งเสียง อะไรกันบ้างนะ ดูแล้วก็ขำ แบบเศร้าๆ ดีนะครับ..
เรื่องราวพลิกผัน เมื่อแฟนหนุ่มของ อาหง ที่ชื่อว่า แซม (ฟางจงซิ่น) ไม่สามารถรอคอยวันที่จะได้พบกับแฟนสาว ที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ได้ เมื่อเพื่อนตัวแสบสองคน ชักชวนแซม ครูหนุ่มแห่งโรงเรียนประถม อดีตนักกีฬายิมนาสติก ให้เข้าฮ่องกงเพื่อก่อคดีปล้นชิง เขาจึงตอบรับในทันที เพราะนี้เป็นโอกาศเดียวที่จะได้พบกับ อาหง อีกครั้ง
เมื่อถึงฮ่องกง แซม กลับพบตัวเองอยู่ในแผนการต้มตุ๋นของใครบางคน กลุ่มมิฉฉาชีพที่นำทีมโดย ไอ้หนุ่มสุดถ่อย บิลลี่ (บิลลี่ โจว) ที่ต้องการสร้างเรื่องจัดฉากการปล้นบริษัทตัวเอง ขึ้นมาเพื่อเอาประกัน แต่แผนเกิดความผิดพลาด แซม หลบหนีมาพร้อมกับโดนตามฆ่า จาก บิลลี และสมุนในฐานะพยานรู้เห็นในเหตุการณ์ดังกล่าว แซม ตามหา อาหง จนพบ กลับพบสภาพอันย่ำแย่ของแฟนตัวเอง กับการประกอบอาชีพขายบริการ แต่ชายหนุ่มก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไร ฝ่ายหญิงเสียอีกที่ต้องเป็นฝ่าย ช่วยเหลือผู้ชายของตัวเอง จากการตามล่าของฝ่ายตรงกันข้าม..
ในฉากร่วมรัก หนึ่งชายสองหญิง ที่สองสาวนางเอก ต้องสนองความต้องการลูกค้า ที่เกิดไอเดียกระฉูด กับตำราเซ็กพิศดารที่เจ้าตัวดูภูมิอก ภูมิใจเสียเหลือเกิน แต่สำหรับสองสาวนี้กลับเป็นความน่าเบื่อเสียเหลือการ ภาพที่หนังนำเสนอก็คือ ชายวัยกลางคนกระตือรือร้น กับการขยับท่าทางไขว้ขา เหนียวแขน อันพิศดาร สองสาวกับทำหน้าเบื่อโลก เหงาหลับแบบสุดๆ จน ทั้งคู่ต้องคอยเตือน กันด้วยสายตาว่า เราน่าแอ็กติ่ง ส่งเสียง อะไรกันบ้างนะ ดูแล้วก็ขำ แบบเศร้าๆ ดีนะครับ..
หรือฉากที่อาหง และแอน ถูกทำร้ายเพื่อแก้แค้น หลังจากเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง กับลูกค้ารายหนึ่ง ลูกค้ากลับมาพร้อมกับสมุมนับสิบ จับสองสาวแก้ผ้า พร้อมสั่งให้ “ทำร้าย” กันด้วยไม้เบสบบอล ซึ่งแน่นอนว่าคงจะไม่ได้ให้เอามาฟาดกบาลกันเองแน่.
ฉากที่สามที่น่าพูดถึงก็คือ ฉากเปิดตัวไอ้หนุ่มโคตรเลว อย่างบิลลี่ (ที่แสดงโดย บิลลี่ โจว นักมวยไทยชาวฮ่องกงที่รับจ๊อบเป็นหนึ่งในทีมงานสตันแมนของ หงจินเป่า) ในวันหนึ่ง มันหิ้วผู้หญิงฝรั่งคนหนึ่ง จากบาร์ ขึ้นไปเริงรักกันในห้องพัก ของสาวคนนั้นนั่นเอง ขณะปฏิบัติภาระกิจ ผัวของหล่อนกลับปรากฏตัวขึ้นใน ทันทีทันใด พร้อมกับโวยวายเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งดูยังไงนี้มันก็เป็นการต้มตุ๋นแบล็กเมล์ชัดๆ อย่างไรก็ตาม พ่อบิลลี ไม่ตกหลุมแต่โดยง่าย กลับสวนกลับแก๊งฝรั่งตุ๋นด้วย เท้า และหมัด ทีเด็ดของฉากก็คือ ไอ้หนุ่มบิลลี่ ต่อสู้กับแบบถึงเลือดถึงเนื้อ กับสาวฝรั่งร่างบึก ฝ่ายแรกมีกางเกงตัวเดียว ส่วนฝ่ายหลังต่อให้ด้วยการไม่ใส่อะไรเลย !!! ทั้งสองสู้กันแบบเอาเป็นเอาตาย (ผู้กำกับยังอุตส่าห์เอาใจคนดู ด้วยการสโลว์ภาพอีกแนะ) ก่อน บิลลี่ จะเอาชัยได้ด้วยไม้ตาย “ชกนม” ในตอนท้ายสุด..
แต่ฉากอันโด่งดัง เป็นที่จดจำในหนังสุดฉากหนึ่งก็คือ ก็คือส่วนที่แทบไม่ได้อีกอะไรเกี่ยวข้อง กับเนื้อเรื่องหลักเลย อย่างฉาก “ห้องอาบน้ำ” อันโด่งดัง หลังจาก นางเอกสาวอาหง ไปอาบน้ำอาบท่าหลังจากการเต้นเอโรบิก ออกกำลังกาย ในห้องอาบน้ำกลับมี ไอ้โรคจิตที่ปลอมตัวเป็นผู้หญิง เข้ามาเพื่อปฏิบัติภาระกิจส่วนตัว ก่อนจะถูกจับได้ และโดนประชาทัณท์โดยสาวๆ ที่อาบน้ำกันอยู่ ประเด็นหลักของฉากก็คือ การฉายภาพของผู้หญิงนับสินในห้องอาบน้ำ ที่ทั้งเปลื้องเสื้อผ้า และลูบไล้ตัวเองด้วยสบู่
หนังเล่านำเสนอเรื่องราวด้านเพศให้ดูกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็มีให้ดูกันทั้งแบบ หวือหวา ตลก หรือซาดิส โดยเฉพาะฉากประเภทขมขื่นใจ ทำร้ายร่างกาย มีกระทั่งฉากเสื่อมๆ อย่างการเอาสายไฟต่อแบตเตอรี่รถ เข้ากับยอดปทุมถัน ของผู้หญิงเพื่อทรมาน จนกระทั่งท้ายเรื่อง เครื่องหมายการค้าของหวังหยงเหว่ยจึงปรากฏ เมื่อหนังพาตัวละครเข้าสู่ การพะบู๊ต่อสู้ แบบเลือดเดือดถึงพริกถึงขิง การฉากไล่ล่าฆ่าแกง ที่จบลงด้วยตัวละครตายเป็นกันเป็นเบือ
ถึงแม้ภาพรวมของหนังจะดูสะแปะสะปะ ไม่ต่อเนื่อง การเอาเรื่องราวที่ล่อแหลมต่อศีลธรรมมาขาย ก็เป็นเจตนาที่น่าสงสัย อย่างก็ตาม ถ้าสามารถรับความเลวร้ายต่างๆ ที่หนังนำเสนอ ทั้งในแง่เนื้อหา และคุณภาพแห่งความเป็นหนัง Escape from Brothel ก็เป็นงานที่มีอะไรน่าสนใจให้ดูกันอยู่พอสมควร ที่ส่งให้หนังโด่งดัง เข้าขั้นคลาสสิคในกลุ่มหนังคัลท์ เรียกว่าเป็นงานประเภท “เลว” จนได้ “ดี” ก็พอจะได้
ที่สำคัญ Escape from Brothel นั้นน่าจดจำที่สุดประการหนึ่ง ในฐานะงานที่เป็นเหมือนหลักไมล์ของ เฉินเป่าเหลียน หนึ่งในอดีตราชินีแห่งวงการหนังเกรด 3 ฮ่องกงคนหนึ่ง
Pualine Chan Bo-lin (ชาตะ1973 – มรณะ2002)
Escape From Brothel เป็นงานที่ดังที่สุดเรื่องหนึ่ง ของดาราสาว เฉินเป่าเหลียน หนังพูดถึงชีวิตของหญิงขายบริการ หนังอาจจะมีลีลาตลกร้าย ขายความลามก เรื่องเพศ หรือความรุนแรง แต่กลับมีตอนจบที่แสนเศร้า ที่ยิ่งเศร้าไปกว่านั้นก็คือ ชีวิตของ เฉินเป่าเหลียน เองก็น่าเศร้าไม่แตกต่างจากหนังที่เธอแสดง สาวสวยจากเซี่ยงไฮ้ ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการประกวดนางงาม บทเวที Miss Asia ในปี 1991 ของสถารณีโทรทัศน์เอทีวี ซึ่งเฉินเป่าเหลียนก็ได้งานแรก จากที่นี่นั้นเอง กับงานพิธีกรในรายการ แข่งขั่นไพ่นกกระจอก ทั้งๆ ที่เธอเองเล่นไม่เป็นเลยซักกะนิด แต่นั้นก็ทำให้ ชื่อของเฉินเป่าเหลียน เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในฮ่องกง และเปิดโอกาศงานในวงการภาพยนตร์ สถานที่สร้างเธอให้เป็นตำนานบทหนึ่งแห่งวงการหนังเกรด 3 ฮ่องกง
หลังจากมีงานแสดง กับบทเล็กๆ ในหนังสองสามเรื่อง จนกระทั่งเริ่มรับงานที่เปิดเผยเนื้อเผยตัว อย่างหนังเกรด 3 ผลงานที่เป็นที่รู้จักดีก็อย่างเช่น Erotic Ghost Story III , Behind the Pink Door, A Man of Nasty Spirit รวมถึง Escape from Brothel ถึงแม้จะนำซึ่งชื่อเสียง และงานการที่มากเพิ่มขึ้น เฉินเป่าเหลียน กลับเริ่มอึดอัดจากผลที่ได้รับ จากหนังอันล่อแหลมต่อศีลธรรมของสัมคมประเภทนี้
ความกดดันดังกล่าวถูกแสดงออกมาในรูปแบบ ของการควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เฉินป่อเหลียน แสดงอาการฉุนเฉียว เอะอะโวยวาย ในสถานที่สาธารณะอย่าง โรงแรม บนเครื่องบิน และในร้านอาหาร อยู่บ่อยครั้ง รวมถึงความขัดแย้งกับมารดาผู้ให้กำเนิด ที่เธออ้างว่า แม่นั้นเองที่เป็นคนผลักดันให้เธอ ก้าวสู่วงการหนังเกรด 3
เรื่องเศร้าของดาราสาวยังไม่จบเท่านั้น เฉินป่อเหลียน ตลอดชีวิตในวงการบันเทิง เธอพบกับปัญหาส่วนตัวมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ยา มีการรายงานว่าระหว่างปี 1997 – 2000 ดาราสาวพยายามเข้าบับบัดการติดยา ถึง 8 ครั้ง นอกจากนั้น ยังมีข่าวลือถึง มีความสัมพันธ์นอกสมรสกับนักธุรกิจคนหนึ่ง ที่มีฐานเป็นพ่อบุญธรรมของเธอเอง..
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่มีผลต่อชีวิตของมากที่สุด เกิดขึ้นในช่วงปี 2001 กับเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่า 4 ปีลูกครึ่งชาวไต้หวัน อเมริกา ที่ทำงานเป็นดีเจ ในไนท์คลับ ทั้งสองมีความสัมพันธ์ กัน จนเฉินป่อเหลียน ตั้งท้องในปี 2002 แทนที่การให้กำเนิดลูกน้อย จะเป็นเรื่องน่ายินดี กลับตรงกันข้าม ปัญหาด้านการเงินฝืดเคือง ที่เกิดกับเธอในช่วงนั้น นำมาซึ่งความกดดัน และอาการซึมเศร้า ต่อภาระการเลี้ยงดู ลูกที่ยิงแบเบาะ..
หลังจากโทรศัพท์ร้องขอต่อผู้จัดการส่วนตัว ให้ช่วยดูแลลูกน้อย ถ้าอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เมื่อหลายวันก่อน ในวันที่ 31 เดือนกรกฎาคม ปี 2002 เป็นเวลาในช่วงบ่าย ที่อพาร์ทเมนท์ ในย่านหนานหยางเซี้ยงไฮ้ นางเอกสาวสวยแห่งยุค 90 เฉินเป่าเหลียน กระโดดลงมาจากชั้น 24 ของตึกที่เธออาศัยอยู่
จากการรายงานของผู้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ในบริเวณนั้น เล่าว่า
มีเสียงดังสนั่นเหมือนมีอะไรตกกระแทกพื้นอย่างแรง
เมื่อเขาวิ่งเขาไปดูพบศพดาราสาว นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณตึกสูง
เลือดกระจายไปทั่วบริเวณ แต่ใบหน้าของเธอไม่มีริ่วรอยแห่งความเสียหายอันใด
ยังคงแสดงความสวยงามอย่างที่เคยเป็นเสมอมา..เป็นการยุติความทุกข์ทรมาณทั้งมวลที่เธอได้รับ..