Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ร่วมทดสอบ Peoplecine mobile Beta0.1


รูป
หนังจีนในอดีต ทุกยุค ทุกสมัยเจ้าของ ผู้ตอบหลังสุด
-คิดถึงเธอ”เหมยเยี่ยนฟ่าง(ANITA MUI-1963,2003).. 3/11/2563 16:27
-“รวมกันเราเชือด”-SEVEN WARRIORS(1989)ฉากสนทนาที่น่าจดจำของนักรบทั้ง7ในภาพยนตร์.. 2/11/2563 20:52
-Proud of Me ดีที่สุดแล้วลูกยังไม่มีคนตอบ
-เรื่องน่ารู้ก่อนชม”ทะลักจุดแตก-HARD BOILED(1992)”-TALK ABOUT MOVIE ยังไม่มีคนตอบ
-ผีกัดอย่ากัดตอบ-Mr.Vampire(1985)-TALK ABOUT MOVIE:แนะนำหนังน่าสะสมยังไม่มีคนตอบ
-หนังกลางแปลง-TALK ABOUT MOVIEยังไม่มีคนตอบ
-สวัสดีปีใหม่-2563/HAPPY NEW YEAR-2020 BY TALK ABOUT MOVIE ยังไม่มีคนตอบ
-กุมารทอง ราคะ - เฮี้ยน .. 30/12/2562 14:26
-หนังน่าสะสม”ซาละมัง ซาละแม”(1988) จาก นนทนันท์ยังไม่มีคนตอบ
-Vanguard 急先锋 (2020)ยังไม่มีคนตอบ
-“รวมกันเราเชือด”-SEVEN WARRIORS(1989) 7เซียนซามูไรหรือ7สิงห์แดนเสือ เวอร์ชั่นฮ่องกง จากนนทนันท์ยังไม่มีคนตอบ
-ประวัติย่อผู้ก่อตั้งบริษัท โกลเด้นท์ฮาวเวทส์,เรมอนด์ เชา(RAYMOND CHOW 1927-2018).. 28/11/2562 23:40
-ประวัติย่อ”เรย์มอนด์ เชา”ผู้ก่อตั้งบริษัท”โกลด์เด้นท์ ฮาลเวส์ท”ยังไม่มีคนตอบ
-กระบี่เทพสังหาร ให้เสียงไทยโดย ทีมพันธมิตร..... 13/11/2562 10:05
-JADE DYNASTY | กระบี่เทพสังหารยังไม่มีคนตอบ
-เดอะ โครว์-THE CROW(1994)ประวัติย่อ”BRANDON LEE” by TALK ABOUT MOVIEยังไม่มีคนตอบ
เลือกหน้า [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24] [25] [26] [27] [28] [29] [30] [31] [32] [33] [34] [35] [36] [37] [38] [39] [40] [41] [42] [43] [44] [45] [46] [47] [48] [49] [50] [51] [52] [53] [54] [55] [56] [57] [58] [59] [60] [61] [62] [63] [64] [65] [66] [67] [68] [69] [70]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 1115

เสียวลิ้มยี่ หนังดังในอดีตที่จะกลับมาให้รับชมกันอีกครั้งในฉบับบลูเรย์ชัดแจ๋ว


  เป็นหนังดังในอดีตอีกเรื่องที่นนทนันสั่งเข้ามาฉายในเมืองไทยและประสบความสำเร็จอย่างดงามเพราะยืนโรงฉายนานเป็นเดือน.รวมทั้งเป็นการแจ้งเกิดนักกีฬาวูซูจากจีนแผ่นดินใหญ่(ในตอนนั้น)คือ หลีเหลียนเจี๋ย ที่เริ้มแสดงหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ซึ่งหลังจากประสบความสำเร็จ ทางผู้สร้างก็สร้างภาคต่อออกมาอีกสองภาคด้วยกัน แต่ไม่ได้เกี่ยวเนื่องอะไรกับภาคแรกเลย เพียงแต่ใช้ทีมดารานำแสดงชุดเดิมจากภาคแรกเท่านั้น..ในโอกาสที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการจัดทำเป็นแผ่นบลูเรย์ออกวางจำหน่ายเป็นแบบ Boxset รวมทั้งหมดสามภาคด้วยกัน.รวมทั้งทีม Jub Classic Digital Crazy Team ได้สั่งภาพยนตร์ชุดนี้มาไว้แล้วเพื่อทำการโมดิฟายเสียงพากย์ไทยลงในแผ่นบลูเรย์ในลำดับต่อไป..ผมขอถือโอกาสนำเสนอข้อมูลและเกร็ดต่างๆของภาพยนตร์เรื่องนี้.ซึ่งเป็นข้อเขียนของคุณฟ้าธานี จากเวบผู้จัดการที่นำเสนอเอาไว้อย่างยอดเยี่ยม..นำมาเป็นข้อมูลสำหรับเพื่อนๆสมาชิกเวบพีเพิลซีนกันอีกครั้งครับ.รวมทั้งขอขอบคุณคุณฟ้าธานีแห่งเวบผู้จัดการมา ณ.ที่นี้ด้วยครับ.



                          Shaolin Temple หรือ “เสี่ยวลิ้มยี่” หนังปี 1982 ผลงานของผู้สร้างจากทางฮ่องกงที่ชื่อว่า บริษัท จงหยวน เป็นฝีมือของนักทำหนังรุ่นลายคาม อย่างผู้อำนวยการสร้าง “ฟุฉี” และผู้กำกับ “จางซิ่งเหยิน”
ที่ยกกองถ่ายเข้าไปทำงานร่วมกับทีมงาน และนักแสดง
ที่แทบจะเป็นชาวแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด โดยเฉพาะนักแสดงนำ
นักกีฬาวูซูระดับแชมป์ที่ชื่อว่า “หลีเหลียนเจี๋ย”
ที่ต่อมากลายเป็นนักแสดงกังฟูที่ดังที่สุดอีกคนในประวัติศาสตร์ของงานสายนี้
จนกลายเป็นหนังดังแห่งยุค
ปลุกให้หนังกังฟูที่เรียกว่าแทบจะหมดลมหายใจไปแล้ว
ให้ได้รับความสนใจขึ้นมาอีกครั้ง



ความเห็น

[1]



                      เรื่องราวของ Shaolin Temple เริ่มต้นด้วยการบวชเข้าเป็นพระวัดเส้าหลินของหนุ่มน้อยคนหนึ่ง ที่ดูเหมือนเขาจะมีปัญหาในการรับศีลข้อที่ว่า "ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต" ...
       
       หลังจากนั้นหนังจึงเล่าเรื่องย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้น ในยุคที่สภาพบ้านเมืองจีน กำลังอยู่ในช่วงระส่ำระสายหลัก ชาวบ้านถูกเกณฑ์ไปสร้างเมืองหลวงใหม่ให้กับขุนศึกผู้มักใหญ่ใฝ่สูง ชาวบ้านที่ถูกบีบบังคับใช้แรงงานคนหนึ่งพยายามแข็งข้อ แม้จะมีฝีไม้ลายมืออยู่บ้าง แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับเหล่ากองทัพ ที่มีทั้งจำนวน, อาวุธ และความชำนาญในการต่อสู้ที่มากกว่า สุดท้ายชาวบ้านผู้กล้าหาญก็ถูกฆ่า แต่อย่างน้อยเขาก็ยังช่วยให้ลูกชายคนเดียวของตัวเองหนีรอดไปได้
       
       กับเรื่องราวพื้น ๆ มีตัวเอกเด็กหนุ่มชาวบ้าน ผู้ตกเป็นเหยื่อของภัยสงครามการแย่งชิงอำนาจ เสี่ยวลิ้มยี่ ก็เหมือนหนังกังฟูในยุค 70s - 80s ทั่วๆ ไป ที่มีเนื้อเรื่องเรียบง่าย พอจะเปิดพื้นที่สำหรับการระดมฉากต่อสู้ และคิวบู๊ให้ดำเนินต่อเนื่องไปตลอดทั้งเรื่อง
       
       หนังใช้เวลาไม่นานก็พาตัวเองเข้าสู่วัดเส้าหลิน ที่นั้นเด็กหนุ่มได้รับการถ่ายทอดวิชามวย และเพลงอาวุธต่าง ๆ ซึ่งสำหรับเขานี่คือโอกาสชั้นที่จะได้นำไปสู่การล้างแค้น แต่สุดท้ายนอกจากหนี้ชีวิตของบิดาแล้ว เขากลับมีโอกาสช่วยเหลือ “หลี่ซื่อหมิน ” ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ถัง ให้รอดพ้นจากภัยอันตรายด้วย


       
       การอนุญาตให้ เสี้ยวลิ้มยี่ ได้เข้าไปถ่ายทำในจีน พร้อมนำแสดงโดยยอดนักกีฬาระดับสมบัติของชาติ คือส่วนสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้พิเศษจากงานเรื่องอื่น ๆ ในยุคเดียวกันทั้งหมด ในทางตรงกันข้ามนี่ยังแสดงออกถึงเจตนารมเปิดประเทศในยุค 80s ของพญามังกร ที่ตอนนั้นดูจะแสดงออกถึงความต้องการทำความรู้จักกับโลกภายนอกให้มากขึ้น
       
       เรื่องราวของวัดเส้าหลินในหนังเรื่องนี้ ก็ดูจะมีความแตกต่างจากหนังเส้าหลินมากมายหลายร้อยเรื่อง ที่เคยถูกสร้างมาในฮ่องกง หรือไต้หวัน หนังไม่ใช้ฉากหลังเป็นยุคราชวงศ์ชิง ที่ว่าด้วยต่อสู้เชิงต่อต้านของ กบฏชาวฮั่น กับรัฐบาลแมนจู แต่เป็นเรื่องราวที่ย้อนอดีตไปไกลกว่านั้น ในสมัยต้นราชวงศ์ถัง กับเนื้อหาที่ว่ากันด้วย การสร้างชาติของชาวฮั่น ซึ่งก็ดูจะไปกันได้ดี กับการเป็นหนังที่สนับสนุนโดยรัฐบาลจีนอยู่แล้ว.
      




                                             
       ตามปกติแล้วหนังกังฟูในช่วงปลายยุค 70 จนถึงต้นยุค 80 นั้นมักจะมาคู่กับคำว่า "ทุนต่ำ" แต่นั่นไม่ใช่สำหรับ Shaolin Temple ที่ดูมีการลงทุน สร้างออกมาอย่างประณีต แม้ เสี่ยวลิ้มยี่ จะไม่ได้เป็นหนังกำลังภายในสุดโปรดเรื่องหนึ่งของผู้เขียน แต่ก็ยอมรับว่าหนังชุดนี้มีดีอยู่ไม่น้อย
       
       จุดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ การเล่าเรื่องอย่างไม่รีบร้อน มีความกลมกล่อมอย่างหนังกำลังภายในยุคเก่าตามความถนัดของผู้กำกับ หนังยังใช้ประโยชน์จากการถ่ายทำในจีนแผ่นดินใหญ่ได้อย่างคุ้มค่า ฉายภาพทัศนียภาพอันสวยงามของประเทศจีน ทั้งน้ำตก, แม่น้ำ รวมถึงสิ่งปลูกสร้างสำคัญอย่าง กำแพงเมืองจีน สร้างความแตกต่างให้กับหนังอย่างเห็นได้ชัด ภาพที่ออกมาดูยิ่งใหญ่อลังการ บนฉากหลังแปลกตา แตกต่างจากฉากซ้ำซากในหนังกังฟูฮ่องกงยุคนั้นโดยสิ้นเชิง


       
       ว่ากันที่คิวบู๊ Shaolin Temple มีมวยกังฟูที่สวยงามให้ชม เป็นการแสดงหมัดมวยในแบบเดียวกับกีฬาวูซู ที่เน้นความต่อเนื่องของท่าทาง, มีฉากรำมวย โชว์เพลงอาวุธให้ดูกันอย่างยาวเหยียด ... ต้องยอมรับว่านักแสดงมีทักษะความสามารถกันทุกคน แต่เมื่อถึงฉากพะบู๊ต่อสู้เอาชีพก็ทำได้ถึงพริกถึงขิงดี
       
       แม้หนังจะไม่ได้นำเสนอธรรมะอันลุ่มลึกน่าขบคิดอะไร แต่ก็มีหลายฉากหลายตอนที่พอจะแสดงให้เห็นการตีความหลักคำสอนอยู่บ้าง โดยเฉพาะการแสดงให้เห็นถึงความยากลำบาก ในการรักษาคำสอน และเดินตามทางพุทธศาสนา ในสถานการณ์อันยากลำบาก
       
       ทั้งในฉากตลกโป๊กฮาที่พยายามหาเหตุผลให้กับการบริโภคเนื้อสัตว์และ สุราของเหล่าพระสงฆ์ จนไปถึงฉากตึงเครียดที่พูดถึงคำถามที่ว่า พระสามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการฆ่าฟัน ในสถานการณ์ที่จำเป็นที่สุดได้หรือไม่ ... และแบบใดจึงจะเรียกว่า "ความจำเป็น" ... หนังมีคำตอบที่ชัดเจนเป็นเหตุเป็นผลดี อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ทุกคนเห็นด้วย แต่ก็เป็นเหตุผลที่น่ารับฟัง




                 นอกจากความน่าสนใจของตัวหนังแล้ว Shaolin Temple
ได้รับการบันทึกว่านี่คือผลงานการแสดงครั้งแรกในชีวิตของ หลี่เหลียนเจี๋ย
ที่ในวัย 20 ปีเขาถือเป็นนักกีฬาวูซูระดับแถวหน้าของประเทศ
แต่สำหรับวงการบันเทิงแล้ว เป็นวัยที่เขาไม่เคยผ่านการแสดงใด ๆ มาก่อนเลย

       

       Shaolin Temple ใช้เวลาถ่ายทำยาวนานถึงเกือบสองปี
ผ่านช่วงเวลาอันเลวร้าย ของสภาพอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การทำงานในละแวกแม่น้ำเหลือง
และมีหลายฉากหลายตอนที่เหล่านักแสดงต้องลงไปเล่นกันในน้ำ
ทุกคนต้องแสดงสีหน้าสีตาสนุกสนานเพลิดเพลิญกับการเล่นน้ำ
แต่ความจริงแล้วนั่นคือวิบากกรรมครั้งใหญ่



       

       คนทำงานทั้งเบื้องหน้า และหลังฉาก ทีมงานส่วนใหญ่
ก็เรียกได้ว่ามีประสบการณ์ที่น้อยมาก หลีเหลียนเจี๋ย เองก็ยังยอมรับว่า
กองถ่ายหนังเรื่องแรกของเขานั้นแทบจะทำหนังไม่เป็นกันเลย

       

       กับการถ่ายทำอันยาวนานถึงเกือบสองปี, สภาพอาการอันเลวร้าย,
ประสบการณ์ทำหนังที่น้อยมาก หลี่เหลียนเจี๋ย
ยังยอมรับว่าเขามีความสุขกับการถ่ายทำหนังเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย
เพราะได้พักจากการฝึกฝนกังฟูอันเข้มงวดที่ตรากตรำอยู่นานหลายปีตั้งแต่เด็ก
จนโต กับการฝึกฝนวันละ 8 ชั่วโมงเต็ม ที่ใคร ๆ
ก็รู้กันดีว่านักกีฬาจีนในยุคคอมมิวนิสต์นั้นฝึกซ้อมกับหนักหนาสาหัสแค่ไหน

       

       แต่สำหรับ Shaolin Temple
นั้นพระเอกยอดนักบู๊บอกว่าทุกอย่างผ่อนคลายกว่ามาก
แม้จะต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 หรือ 6 โมงเช้า
แต่การทำงานก็ไม่ได้ตึงเครียดอะไรมากนัก
เมื่อจบการถ่ายทำในแต่ละวันเหล่านักแสดงวัยรุ่นจำนวน 30 - 40 ชีวิต
ก็จะมาร่วมเล่นกีฬาอย่าง ฟุตบอล หรือ บาสเกตบอล กัน ...
แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี หลี่เหลียนเจี๋ย ยังคงยืนยันว่า เสี่ยวลิ้มยี่
คือความจำที่ "งดงาม" สำหรับเขา.เสมอมา.......

       และในวันที่ 1-2 มีนาคม 2557 อันใกล้จะถึงนี้ ผมจะนำเสนอภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นสู่จอกลางแปลง 12 เมตรสโคปมาให้รับชมกันอีกครั้งในการฉายภาพยนตร์แบบย้อนยุค ในงานทำบุญ 100 วันคุณแม่ของผมผู้ล่วงลับไปแล้ว..ใครที่อยากจะรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในแบบอารมณ์กลางแปลงกันอีกสักครั้ง..ไม่ควรพลาดชมครับ.










เสี้ยวลิ้มยี่จะกลับมาแบบอลังการงานสร้างครับ แบบฉบับ บลูเรย์ 1080p ที่ได้รับการอนุเคราะห์จาก "หนุ่มนิรนาม" หนึ่งในทีมงาน JUB CLASSIC DIGITAL  (ที่ถูก samsonite ล็อคคอเข้าทีม 55555 จริงแล้วเป็นความประสงค์ของเจ้าตัวเองครับที่มีความต้องการอยากเป็นส่วนเล็กๆ ในคารขับเคลื่อนโครงการอนุรักษ์หนังในอดีต)




เรื่องนี้ผมดูครั้งแรกที่โรงหนังกรุงเกษมฟิล์มข้างหัวลำโพง...เสียงจีนมีซับไทยครับ..จำได้ว่าวันนั้นปิดเทอมจะนั่งรถไฟกลับบ้านที่อุดรก็เลยแวะไปดูหนังรอเวลากลับบ้าน...บัตร 30 บาท นั่งดูหน้าจอเลย เหอเหอ...
ยุคนั้นหนังเรื่องนี้ดังมากครับ...เวลาไปใหนๆก็จะเจอเพื่อนๆพูดถึงหนังเรื่องนี้กันครับ...น่าเสียดายที่โรงหนังกรุงเกษมถูกทุบทิ้งไปแล้ว...เศร้าจัง...



เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 7

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 112929974 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Michailyzt , GermanFoup , HelenViefs , DonaldSap , Davidfable , พีเพิลนิวส์ , AntonGeods , เอก , Carlosincof , autogNer ,