ขอบคุณครับและจะพยายามแสวงหาต่อไปครับ ท่านพี่นักพากย์ภูธร
หนังเรื่องนี้เป็นก็อบปี้ที่ทำออกมาฉายเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2549 ครับ เคยไปดูรอบสื่อมวลชนกับผู้สื่อข่าวหนังสือหนังที่พารากอนมาแล้ว บัตรยังเก็บไว้อยู่เลย
จะว่าไปแล้ว หนังเรื่องนี้ถูกนำมาฟื้นฟูใหม่ทั้งหมด เพราะเนกาตีฟเดิมใกล้จะม้วยแล้วครับ เลยต้องนำมาเทเลซีนและตัดเป็นเนกาตีฟชุดใหม่ขึ้นมาแทนทั้งหมด ทั้งนี้สิ่งที่ได้เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือ ระบบเสียง 5.1 ที่ถูกมิกซ์ขึ้นใหม่ ควบคู่ไปกับซาวด์แทรคเดิม แบบเดียวกับที่ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2530 ที่โรงภาพยนตร์ในเครือของไฟว์สตาร์ ซึ่งมี เอเธนส์ เป็นหลัก (ในวันนั้นมีหนังไทยเข้าฉายอีก 3 เรื่อง คือ เกิดมาลุย 2 , ข้าจะใหญ่ใครอย่าขวาง และเพชรสลัม สำหรับรายได้ของหนังเรื่องนี้ กลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง)
เมื่อนำมาฟื้นฟูใหม่ + มาตรฐานของแล็บไทย คุณภาพก็เลยออกมาอย่างที่เห็น
เว้นระยะนานไปหน่อย สำหรับกระทู้หนัง "ด้วยเกล้า" นี้ ก็เลยต้องรีบตอบ เพราะสัปดาห์หน้าผมก็ได้แต่ติดตามเพียงไม่กี่วัน จะโพสต์ต่อก็ไม่สะดวกแล้ว
สำหรับหนังเรื่องนี้ อย่างที่บอกไว้ก็คือ เนื่องจากปี พ.ศ. 2549 เป็นปีที่มีความสำคัญนั่นก็คือเป็นปีที่วโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี ทำให้สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย และบริษัทไฟว์สตาร์ ได้ตัดสินใจที่จะนำภาพยนตร์เรื่องนี้กลับมาฉายอีกครั้ง โดยมีสปอนเซอร์ร่วมสนับสนุนอยู่หลายแห่ง
ขณะเดียวกัน ฟิล์มเนกาตีฟของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ใกล้ที่จะเสื่อมสภาพ กล่าวคือ ถ้าไม่ทำก็ต้องพังแน่นอน ซึ่งในงานนี้ก็ได้บุคคลในวงการให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เช่น บริษัท ฟูจิ ฟิล์ม ก็สนับสนุนฟิล์มให้ฟรีๆ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย บริษัท กันตนา ฯ ก็สนับสนุนเรื่องอุปกรณ์ในการจัดทำโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเช่นกัน ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องนี้ในเวอร์ชั่นใหม่ด้วย ซึ่งเส้นซาวด์ที่พิมพ์ตอนนั้นก็ยังแบบเก่า ยังไม่เป็นสีฟ้าเหมือนตอนนี้ครับ (จริงๆ แล้ว ปี พ.ศ. 2549 ก็เริ่มมีเส้นซาวด์สีฟ้าออกมาแล้ว แต่มีเฉพาะหนังฝรั่ง เพราะตอนนั้นทางแล็บเพิ่งจะทดลองพิมพ์มั้ง)
อย่างที่บอกครับ เพราะเมื่อตอนที่ผมไปดูเมื่อตอนที่ จุ้ยเจริญภาพยนตร์ เอามาฉายกลางแปลง เมื่องานหลวงพ่อเดิม เดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2534 เป็นเรื่องที่สอง ต่อจาก แม่เบี้ย (เวอร์ชั่น ภัสสร) กับที่ดูในพารากอน พ.ศ. 2549 แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ด้วยศักยภาพของเครื่องไม้เครื่องมือในแล็บเท่าที่มี ภาพเลยไม่สดสวยเหมือนตอนที่ดูครั้งแรก เพราะครั้งแรกที่ดูนั้นภาพเป็นสโคป คมชัดตลอดเรื่อง ตัวฟิล์มนั้นยังเป็นแบบฟิล์มธรรมดาอยู่เลย ล้างและพิมพ์ฟิล์มที่ ซีเนคัลเลอร์แล็บ เพราะหนังไทยค่ายไฟว์สตาร์ ในยุค 80 จะล้างและพิมพ์ที่นั่น
(ถ้าฟิล์มเดิมยังอยู่ในสภาพดีๆ แล้วละก็รีบตะครุบได้เลย แต่แนวโน้มคงเป็นไปได้น้อยมาก เพราะมันจะเน่าไปเสียก่อน เว้นเสียแต่ว่าไปได้มาในรูปแบบฟิล์มทอง ซึ่งเป็นการนำเอาไปพิมพ์ใหม่ แต่ก็จะเจอในสภาพสีเฟดแทน เพราะฟิล์มทองยี่ห้อที่ใช้ในยุคนั้นเป็นอั๊กฟ่าครับ)
จะว่าไปแล้ว กรณีของฟิล์มหนังเรื่องนี้ ก็สะท้อนอะไรออกมาได้หลายๆ อย่าง โดยเฉพาะในแง่ของการอนุรักษ์ เพราะถ้าเป็นเมืองนอก เค้าคงไม่ปล่อยปละละเลยให้เนิ่นนานขนาดนี้ สังเกตได้เลยครับ โดยเฉพาะหนังเก่าหลายๆ เรื่อง เค้าจะนำมาสำเนาลงเนกาตีฟชุดใหม่อยู่เรื่อยๆ ตามกำหนดวาระ ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ความพิถีพิถัน รวมไปถึงเครื่องไม้เครื่องมือนั้นก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราจึงได้เห็นหนังเก่า (ทั้งหนังจีน หนังฝรั่ง) กลับมาในรูปแบบดีวีดี หรือแม้แต่เทคโนโลยีความบันเทิงระดับ HD อย่างบลู-เรย์ เค้าก็ยังนำภาพยนตร์ที่เคยออกดีวีดีมาแล้ว นำกลับมาหากินได้อีกอยู่เรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้นครับ