Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ร่วมทดสอบ Peoplecine mobile Beta0.1


รูป
โรงหนังเมื่อครั้งอดีต เจ้าของ ผู้ตอบหลังสุด
-โรงหนังเก่าในญี่ปุ่นยังไม่มีคนตอบ
-งานมนต์ตรังยังไม่มีคนตอบ
-5 ตำนาน โรงหนังยืนเดี่ยวที่ดีที่สุด!!ยังไม่มีคนตอบ
-สำรวจโรงหนังร้าง ยุค 80..... 20/8/2566 18:48
-‘ชุมแพซีนีเพล็กซ์’ โรงหนังขายตั๋ว 60 บาทยังไม่มีคนตอบ
-Old Cinema Halls of Jalandhar Cityยังไม่มีคนตอบ
-Major Cineplex ยังไม่มีคนตอบ
- SF Cinemaยังไม่มีคนตอบ
-อาชีพเจ้าของโรงภาพยนตร์.. 30/10/2564 16:41
-The Cinerama Domeยังไม่มีคนตอบ
-อมรา อัศวนนท์โชว์ตัว โรงหนังศรีเมือง จ.ตรังยังไม่มีคนตอบ
- 35mm Cinema Projectoยังไม่มีคนตอบ
-อดีต ผู้จัดการโรงหนังทับเที่ยงภาพยนตร์ยังไม่มีคนตอบ
-เรื่องสกาล่า...ยังไม่มีคนตอบ
- Shiela Cinemaยังไม่มีคนตอบ
-ปิด ตำนานโรงภาพยนตร์ สกาลา.. 26/6/2563 16:29
เลือกหน้า [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 247

แสงตะวันราม่า่ เชียงใหม่ อดีตที่สุขสันต์


เป็นโรงใหญ่มาก  ฉายครั้งแรกจำไม่ใด้แต่เปิดตัวเรื่องแรก  เรื่อง จอว์ส 1 ท่านใดทีข้อมูลจัดเลย  หนังดังๆผ่านโรงนี้มาเยอะเลย ใต้โรงมีร้านขายสินค้านำเข้าจากนอกเยอะ  พร้อมทั้งมีร้านที่ทำขนมวัฟเฟิลสอดใส้ฮอ๊ดดอกหอมมาก    เป็นโรงหนังที่วัยรุ่นนิยมพากันมาดูเยอะ  ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสว่นมากจะฉายแต่หนังฝรั่ง     พอตลาด vdo เริ่มเข้ามาก็ทำให้ซบเซา  จนต้องปิดตัวไป พักหนึ่ง   ต่อมาอีกไม่นาน ทางเครือโรงหนังวิสต้า ของคุณทอมมี่เข้ามาทำต่อ ก็พอกระเตื้องขึ้นมาก แต่ก็ถูกกระแส vcd dvd เข้ามาอีก ประกอบทั้งความใหญ่โตของโรง พร้อมกับค่าใช้จ่ายในการฉายแต่ละรอบสูง  จึงทำให้ต้องปิดตัวไป พร้อมๆกับโรงหนัง ทิพย์เนตรรามา  ซึ่งสองโรงนี้ถือว่าเป็นโรงใหญ่มากคู่เมืองเชียงใหม่ในอดีตเลยก็ว่าใด้  ใครที่ใด้เข้าไปชมคงจะบอกใด้เลยว่าสะใจ   แต่ต้องใจหายเมือวันเวลาผ่านไป    ปัจจุบันกลายเป็นร้านอาหาร  ผับบาร์  ไปเรียบร้อย   สว่นป้ายที่ติดนั้นเมื่อก่อนเคยเป็นป้ายหนังเขียนดว้ยมือ  ใหญ่ขนาดเท่าที่เห็นเลย   


+

ความเห็น

[1] [2]


ตอนขึ้นไปเรียนที่ม.ช. หนังเรื่องแรกที่ดูที่เชียงใหม่ ก็ดูที่แสงตะวันนี่แหละครับ

เห็นว่าในอดีต ที่นี่เคยฉายหนัง 70mm ด้วย (มีที่ฟ้าธานีอีกที) ใช้เครื่องวิกตอเรีย V8 ทั้ง 2 ที่
ติดนิดนึง ด้วยความใหญ่โตของโรง ระบบเสียงเลยลำบากหน่อย (เสียงก้องไปนิด) แต่ก็โออยู่



อ้อ ตอนเสี่ยทอมมี่มาเทคโอเวอร์นี่ ก็ไม่เชิงปิดหรอกครับ เปิดฉายต่อเนื่องเลย (หรือปิดอยู่สองสามวันหว่า ชักเลือนๆละ) มีปรับปรุงโรงขึ้นมาบ้าง เช่น ทำเก้าอี้ใหม่ ปรับปรุงระบบเสียง เปลี่ยนเครื่องฉาย อะไรประมาณนี้







นึกๆแล้วก็เสียดายเหมือนกัน โรงหนังที่เคยๆดู หายไปเกือบหมดแล้ว T_T



โรงหนังที่แสงตะวัน นี่ ผมดูบ่อยมาก ๆ ครับ เพราะตอนเรียนหนังสือ ได้อาศัยวัดศรีดอนชัย  ซึ่งอยู่  ตรงข้ามกับโรงหนังเลยครับ เพียงข้ามถนนไปก็ถึงโรงแล้ว ครับ ดูเกือบทุกอาทิตย์ครับ ค่าบัตร  40  บาท เท่านั้น  โรงใหญ่พอสมควร  แต่ที่โรงใหญ่ที่สุด  คือ โรงหนังมหานคร ที่ตลาดธานินทร์  ครับ  โรงนี้ ชอบจัดคอนเสิร์ตบ่อย ๆ  เช่น คอนเสิร์ตตลกของ โน๊ตเชิญยิ้มลูกทุ่ง  วงดนตรีที่มาเล่น ต่างก็มาพักที่วัดที่ผมอยู่นี่แหละ ที่เห็นประจำและมาบ่อยเลย  คือ วงดนตรีสุนารี ราชสีมา  วงดนตรีลูกทุ่งโน๊ต  เชิญยิ้ม  มาทีก็เป็นรถบัสเลยครับ

ตอนนั้นก่อนที่เมเจอร์จะมาเปิด โรงหนังสแตนด์อะโลน ในเชียงใหม่  ยังพอมีให้ดูอยู่หลายโรงครับ ในเครือของวิสต้า  ซึ่งทุก ๆ โรง ผมจะได้ดูมาหมดแล้ว ครับ ในแต่ละอาทิตย์ผมจะได้ดูหนังอยู่ ประมาณ 2 ครั้ง  ครับ  ไม่โรงหนังใด ก็โรงหนึ่งครับ


โรงหนังทิพย์เนตร ในตลาดทิพย์เนตร   รู้สึกจะเป็นโรงสุดท้ายที่ปิดตัวลง และถูกรื้อโรง โรงใหญ่เป็นอันดับสอง ต่อจากมหานคร  บัตร  50  บาท  เรื่องสุดท้ายที่ผมดูคือ บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 1


โรงหนังมหานคร  ตลาดธานินทร์  ใหญ่มาก ๆ ครับ รู้สึกจะปิดตัวเป็นโรงแรกในเครือวิสต้า  นะครับ  เคยไปดูโรงนี้หลายเรืื่่องเหมือนกัน  จอมันใหญ่ดี น่าจะมากกว่า  10 เมตร หรืออย่างไรนี่ครับ    เช่น   ทุบกระโหลกพันธุ์นรก    ลงขันฆ่าปราณีอยู่ทีศูนย์  บัตร  50  บาท  โรงหนังถูกรื้อ และทุบเป็นศูนย์การค้า เป็นที่เรียบร้อย หาอดีต และซากไม่เจอเลย


โรงหนังแสงตะวัน  ที่อยู่ตรงสี่แยกไนท์บราซ่า ตรงข้ามกับวัดศรีดอนไชย ดังในรูป  ตอนที่ผมมาดูตอนนั้นก็เริ่มจะร่อแร่ เหมือนกัน  บางรอบ มีคนดูผมเพียงคนเดียวก็เคยมาแล้ว ครับ  แต่คนฉายก็ฉายตามปกติครับ  เคยดูบ่อยมากที่สุด เพราะใกล้ที่พัก  รู้สึกว่าระบบภาพและเสียงไม่ค่อยดีเท่าไร บัตร  40  ตอนหลังขึ้นเป็น  50  บาท  เคยครั้งหนึ่ง จำได้ดี  ฉายเืรื่อง  "คำสั่งฆ่าประธานาธิบดี"  สงสัยพนักงาน ไม่อยู่ในห้องฉาย หรืออย่างไรไม่ทราบ ปล่อยให้หนังฉายจนฟิล์มหมดแล้วเครื่องดับไป หยุดฉายไปประมาณ 15 นาที  5555 น่าจะเข้าห้องน้ำ  (อันนี้เดาเอาครับ)  


โรงหนังเจริญเมือง   ตรงข้ามเยื้อง ๆ กับสถานีรถไฟ  มี 2 โรง  เป็นโรงเล็ก ๆ  ครับ บัตร 40 แต่ขอบอกว่า  หนูเยอะมาก ๆ  เลยครับ   บาท  เคยมาดูหลายครั้งเหมือนกันครับ  ตอนนี้สภาพโรงยังมีหลงเหลือให้เห็นอยู่  เห็นติดป้ายไว้เป็นทรัพย์สินของธนาคาร ครับ ตรงบริเวณนั้นมีโรงแรม และอาบอบนวด  ร้านนวดแผนโบราณ (เห็นว่าพนักงานนวดแผนโบราณมีเกือบร้อยคนเหมือนกัน วู้ แสดงว่าลูกค้าเยอะ อิอิ)


โรงหนัง12 ห้วยแก้ว  อยู่ตรงข้ามกับห้างเซ็นทรัลกาดสวนแก้ว  เคยไปดูไม่กี่ครั้ง ครับ เพราะบัตรจะแพงกว่าโรงข้างนอก  คือราคา  70  บาท  ถึง  90  บาท  มีอยู่ 2 โรง  ตอนนี้ด้านล่างของโรงหนังเป็นที่จอดรถไปแล้วครับ


โรงหนัง วิสต้ากาดสวนแก้ว  ปัจจุบันยังฉายอยู่  ครับ  บรรยากาศในโรงใช้ได้ครับ บัตรไม่แพง  70 - 90  บาท  ของกินหน้าโรงหนังราคาไม่แพง เท่าที่เมเจอร์ครับ


หลังจากเมเจอร์ มาเปิด โรงหนังท้องถิ่นที่เปิดให้บริการคเชียงใหม่มานานหลายปี  ต้องปิดตัวลง เพราะคนนิยมไปดูที่เมเจอร์มากกว่า (ความรู้สึกส่วนตัว นะครับ ว่าโรงหนังเมเจอร์ก็ธรรมดา ดูแล้วไม่ได้ดีไปกว่ากาดสวนแก้วมากสักเท่าไร แต่ราคาบัตรแพงกว่ามาก)  บางเรื่องคนนิยมดูมากขึ้นค่าตั๋วเอาดื้อ ๆ ก็มีครับ  การบริการธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษมาก






อย่างไรขอเอาใจช่วย  โรงหนังวิสต้ากาดสวนแก้ว  ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของโรงหนังในเครือนี้ อันเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่  บางรอบ  เห็นว่า คนน้อยมาก  แต่ฉายตามปกติไม่ตัด เหมือนเดิมครับ 



เข้ามาร่วมรำลึกด้วยคนครับ สมัยเรียน เคยขึ้นไปหาเพื่อนที่ ม.ช. ก็มีโอกาสได้ไปดูหนังที่โรงนี้ด้วยครับ

ขออนุญาติเอาตั๋วหนังของโรงนี้มาให้ดูครับ ... เมื่อปี 2531


+


คุณ DDD  เก็บตั๋วหนัง  ทุกเรื่อง  ทุกรอบ ที่ดู เลยนะครับ สุดยอดจริง ๆ ปี 2531  ตอนนี้ ก็  24  ปีแล้ว  ยังเก็บตั๋วเป็นหลักฐาน ไว้อย่างดีเยี่ยมเลยครับ



อิจฉาท่านนันครับ ที่ได้อยู่เชียงใหม่ ... เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ผมอยากไปอยู่มากที่สุด เมื่อก่อนพอมีเวลาว่าง ก็จะขึ้นไปเที่ยว ช่วงนึงติดเด็กพายัพครับ ไปทุกเดือนเลบเชียว 55 ... เดี๋ยวนี้ ไม่มีเวลาไปเยือนเลยครับ

ที่ตั๋ว จะมีอีกโรงคือ ฟ้าธานี จะอยู่ทางไป ม.ช. ตอนนี้กลายเป็นอะไรไปแล้วครับ จำได้ว่าโรงใหญ่ดีเหมือนกัน ด้านหน้าจะมีพื้นที่กว้างๆ




*** ขอคอนเฟิร์มอีกคนครับ  เด็ก ม.พายัพ น่ารักจริง ๆ ครับ น่ารักเกือบทุกคนเลย อิอิ  *****    โรงหนังฟ้าธานี ถูกทุบทิ้งไปนานแล้วครับ ตอนนี้ เป็นศูนย์การค้า แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรครับ




(อีกนิดละกัน)



ถ้าผมจำไม่ผิด โรงหนังโรงเดี่ยวในเชียงใหม่ นอกจากปิดไปหมด แล้ว ก็ยังถูก ทุ บ ทิ้ ง ไม่เหลือซากเกือบหมดแล้วล่ะครับ เหลือแสงตะวันนี่แหละ เป็นอนุสรณ์สถานแห่งสุดท้าย T_T




ฟ้าธานี  มองไม่เห็นความหลังแล้ว เปลี่ยนเป็นพื้นที่อย่างอื่นร้อยเปอร์เซ็นต์เลย

ตรงตึก AIS   แถวประตูท่าแพ  รู้สึกว่าจะเป็นโรงหนังเก่า ไม่รู้ว่าเป็นโรงชื่อว่าอะไร  มาอยู่เชียงใหม่ได้ไม่นานครับ

ทิพย์เนตร ถูกทุบทิ้งแล้ว ปล่อยพื่ั่นที่เป็นป่ารกเต็มพื้นที่เลย (สงสัยเอาไว้เลี้ยงงู) มั้ง  ยังพอดูออกว่าในอดีตเป็นโรงหนัง  (ร้านอาหารตามสั่งแถวหน้าโรงหนังทิพย์เนตร นั้น ตอนเป็นนักศึกษาชอบมากิน  จานละ 20 บาท  ได้พูนจานมาก ๆ  แบบว่า ผู้ชายกินจานเดี่ยว อิ่มตื้อ เลย ผู้หญิงกินไม่หมดน่ะ) 

มหานคร  ทุบแล้วสร้างเป็นศูนย์การค้า ยิ่งใหญ่เสียด้วย แถวกาดธานินทร์  หาซากไม่เจอเลย  ตอนเย็น ๆ  นักศึกษา แถว ม.ราชภัฏ ชอบมาเดินเที่ยวช้อปปิ้งเยอะ  ครับ

เจริญเมือง  ทุบ แล้วโรง 1  อีกโรงสองทุบครึ่งเดียว ยังเห็นซากปรักหักพัง พร้อมกับเถาวัลย์ เลื้อยพันอยู่เต็มโรง พร้อมกับมีป้ายทรัพย์สินของธนาคาร  ถนนเส้นโรงหนังเจริญ เป็นสถานบันเทิงของคนกลางคืน  มี  คาราโอเกะ  นวดแผนโบราณ  ปัจจุบน   อาบอบนวด อะไรต่อมิอะไรใกล้ ๆ เพียบ เลยครับ  ไปดูโรงหนังเก่า แต่สายตาก็แอบส่อง ส่องไปที่ร้าน  นวดแผนโบราณ  และแผนปัจจุบันด้วย........ ส่องด้วยสายตาอย่างเดียวครับ  หากไปเที่ยวเดี๋ยวกลับบ้าน  โดน ผบ.ทบ.  ส่องอีก อันนี้เรื่องใหญ่ ครับ อิอิ





โรงหนังแสงตะวัน  ยังอยู่ครบสมบูรณ์ทั้งตึก และอาคาร ครับ แต่ภายในไม่รู้ว่ารื้อออกไปหมดหรือยัง


สิบสองห้วยแก้ว  ใต้ถุนโรงหนัง ทำเป็นที่จอดรถยนตของห้างกาดสวนแก้ว  และร้านล้างอัดฉีดครับ แต่กลางคืนเด็กวัยรุ่นเยอะครับ เห็นมีทั้งผับ และคาราโอเกะด้วย เด็กแซ้บตอนดึก ๆ เยอะมาก ๆ ครับ




สงสัยต้องไปตามรอยเส้นทางโรงหนังเจริญเมือง ตามที่ท่านนันบอกไว้ซะหน่อย แฮ่ม

ขอบคุณทุกข้อมูลครับ ... คิดถึงเชียงใหม่จริงๆ




ตึก AIS นั่น เมื่อก่อนชื่อโรงหนัง ศรีวิศาล ครับ ก็ของตระกูลชินวัตรนั่นแล



เข้าใจว่า เป็นโรงที่ได้ฉายเรื่อง บ้านทรายทอง อันเสมือนกับเป็นการซื้อหวยถูกตัวแบบเต็มๆ ของพะนะทั่นในตอนนั้นด้วย


แต่ถึงสมัยที่ผมไปเรียนเชียงใหม่ ก็ถูกลดเกรดลงไป สำหรับฉายหนัง...
































เอาว่าละไว้ในฐานที่(ไม่ต้อง)เข้าใจละกันครับ --"




ขอร่วมแชร์ความทรงจำเกี่ยวกับโรงหนังเชียงใหม่ในอดีตบ้างนะครับ ผิดถูกอย่างไร ช่วยแจ้งหรือแนะนำให้ผมเข้าใจเสียใหม่ด้วยนะครับ

ย้อนกลับไปในปี 2525 หรือช่วงประถมปลายของเด็กอำเภอสันทรายอย่างผม การได้เข้าเมืองมาดูหนังกับครอบครัว มันช่างน่าตื่นเต้นเป็นที่สุด เรียกว่า อาบน้ำสระผม ใส่เสื้อผ้าชุดเก่งกันเลยทีเดียว ต้องนั่งรถสี่ล้อเขียวสันทราย-ป่าเหมือดเพื่อเข้าเมือง โดยรถคิวจะไปจอดที่ริมน้ำปิง หน้าร้านทองโอ้วจินเฮง หรือข้างๆ สะพานจันทร์สม(หรือเรียกว่า ขัวแขก)

ช่วงข้ามสะพานนครพิงค์ เราจะเห็นป้ายคัทเอาท์วาดมือตรงเชิงสะพานมุมขวาของสี่แยก เมืองฟ้า และ ฟ้าธานี ฉายวันนี้ ติดตั้งอยู่คู่กัน ทำให้ทราบได้ว่า ตอนนี้ทั้ง 2 โรงฉายเรื่องอะไรอยู่

และถ้าอยากทราบว่าทั้งเมืองเชียงใหม่ตอนนี้ ฉายเรื่องอะไรบ้าง  คงต้องไปดูตรงริมน้ำปิง ตรงกันข้ามโรงเรียนเชียงใหม่คริสเตียน หรือโรงแรมศรีประกาศ (เป็นจุดขึ้นรถเมล์ไปลำพูน ลำปาง หรือรถคิวไปสารภี) ฝั่งโรงแรมเพชรงามในปัจจุบัน  โดยทุกโรงจะติดป้ายคัทเอาท์เป็นกลุ่มๆ เรียกว่าเครือใครเครือมัน ก็ว่าได้ครับ

ยุคนั้นจะประกอบไปด้วย

เมืองฟ้า คู่กับ ฟ้าธานี

นครเชียงใหม่ คู่กับ ศรีวิศาล

ทิพเนตรรามา คู่กับ มหานคร

และเครือใหญ่สุด สุริวงค์ / สุริยง / สุริยา และ แสงตะวัน

เรียกว่า ยืนดูแล้วก็เลือกได้เลยครับ ว่าจะไปดูเรื่องไหน โรงไหน

(ก่อนหน้ายุคนี้ มีโรงหนังอีกหลายโรง ชินทัศนีย์ / ศรีนครพิงค์ / เวียงพิงค์ แต่ผมไม่ทันครับ เลยจะไม่ขอกล่าวถึงนะครับ)

เดี่ยวผมจะทยอยๆ พิมพ์ ว่าโรงไหนอยู่ตรงไหน ฉายหนังแนวไหนกันบ้างนะครับ




เมืองฟ้า – เป็นโรงเดี่ยว ตั้งอยู่ในบริเวณกาดเมืองใหม่ ด้านหน้าเป็นสองชั้น เดินขึ้นข้างบนเพื่อรอ แล้วเข้าสู่โรงหนัง ส่วนใหญ่ฉายหนังนานาชาติครับ แล้วแต่เจ้าของจะซื้อมา เรื่องแรก ครั้งแรก กับประสบการณ์ดูหนังโรงของผม เกิดขึ้นที่นี่ กับอินเดีย เรื่อง ช้างเพื่อนแก้ว ครับ ตามมาด้วยหนังไทยอย่างเรื่อง เลือดสุพรรณ ของคุณเชิด ทรงศรี หรือหนังฝรั่งเรื่อง แมวจ๋า หมาอยู่นี่ โธ่! นึกว่าโง่และโธ่! นึกว่ารวย ก็เคยฉายที่นี่  พอยุคหลังๆ ก็จะมีหนังจีนเข้าฉายบ่อยมากขึ้น รวมทั้งหนังญี่ปุ่นในกระแสตอนนั้นอย่าง โอชิน ไม่สิ้นสวาท ก็ฉายที่นี่ครับ ปัจจุบันโดนทุบทิ้งไม่เหลือให้เห็นอดีตเลย

ฟ้าธานี – เป็นโรงหนังที่อยู่ในตึกเดียวกันกับโรงแรมครับ ผมจำชื่อโรงแรมไม่ได้แล้ว อยู่บนถนนห้วยแก้ว ชั้นล่างสุดเป็นบริเวณซื้อตั๋วหนัง ขนม แล้วก็ขึ้นมารอที่ชั้น 2 โดยที่ชั้นบนๆ ขึ้นไปก็จะเป็นส่วนของห้องพักโรงแรมครับ ตอนเด็กๆ จะฉายหนังจีนเป็นหลักครับ หนังตระกูลผีจ๋าอย่าจ๋อย หนังนินจาทั้งหลาย คนเหล็ก 2029 ภาคแรกก็เข้าฉายที่นี่ครับ พอถึงยุคหนังไทยห้าดาวค่ายไฟว์สตาร์รุ่งเรือง ก็จะฉายที่นี่เกือบทุกเรื่องครับ บุญชูฯ โก๊ะจ๋าฯ จนมาถึงยุคหนังฝรั่งพากย์ไทยของค่ายอิสระที่ไม่ใช่หนังเมเจอร์ อย่าง คนเหล็ก 2029 ภาค 2, แรมโบ้ 3, ไดฮาร์ด 2 ก็ฉายที่นี่ครับ

 

นครเชียงใหม่ – เป็นโรงเดี่ยวขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนถนนช้างเผือก ปัจจุบันทุบทิ้งเหลือเป็นที่ว่างๆ รอทำอะไรซักอย่างมานานมาก ถ้าใครเคยเข้าไปกินเย็นตาโฟศรีพิงค์ ลานกว้างๆ หญ้ารกๆ ด้านในสุดนั่นแหล่ะครับ นครเชียงใหม่ เคยตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น จุดเด่นของโรงนี้ คือ ฉายหนังฝรั่งพากย์ไทย ซึ่งพากย์โดยนักพากย์ระดับพระกาฬ อย่างคุณก้องฟ้า และคุณดารณี ณ วังอินทร์ เรียกว่า จุดขายเวลารถประกาศโฆษณา ต้องบอกว่า “ก้องฟ้า-ดารณีพากย์” เสมอๆ ครับ เรียกว่าใส่มุกกันไม่ยั้ง บางทีใส่คำเมืองเข้ามา สุดยอดเลยครับ ตอนฉายเรื่อง คนไม่ใช่คน ภาคแรก คัทเอาท์อาร์โนลด์สูงกว่าตัวโรงหนังอีกครับ เสียดายสมัยนั้นไม่มีสมาร์ทโฟน ไม่งั้นคงมีภาพสวยๆ เก็บไว้เป็นบันทึกความทรงจำได้อีกนานครับ โรงนี้ผมจะเห็นเขาวาดคัทเอาท์บ่อย เพราะวาดกันด้านข้างโรงเลยทีเดียว ไปยืนดูบ่อยๆ ครับ  โรงนี้ก็ฉายหนังอิสระครับ มีทุกแนว น้ำพุ ก็เคยฉาย เสี้ยวลิ้มยี่ มังกรน่ำปั๊กก็เคยฉาย หนังฝรั่งอย่าง  9 1/2 week ก็ฉายมาแล้ว  แล้วยังเป็นผู้ริ่เริ่มสร้างโรงหนังแบบมินิเธียร์เตอร์ตามกระแสในช่วงนั้น แบบที่แมคแคนน่า หรือ โอเอ ที่กรุงเทพฯ ทำก่อน ตั้งชื่อว่า นครหินอ่อน เดี๋ยวผมจะมาเล่ารายละเอียดปลีกย่อยในลำดับถัดไปนะครับ

 

ศรีวิศาล – เป็นโรงพี่โรงน้องกับนครเชียงใหม่ ตั้งอยู่ด้านหลังห้างสรรพสินค้าเล็กๆ บนถนนท่าแพ ก่อตั้งโดยคุณเลิศ ชินวัตร ปัจจุบันก็เลยกลายเป็นศูนย์บริการเอ ไอ เอสไปแล้วครับ ผมเคยดูสมัยฉายหนังไทยปกติแค่ครั้งเดียวครับ ทางเข้า ต้องเข้าด้านข้าง ด้านถนนกำแพงดิน มีแผ่นคัทเอาท์ติดอยู่ด้านหน้าเป็นบันไดทางเข้า เดินขึ้นบันไดโค้งๆ ขึ้นไป ก็จะเจอห้องขายตั๋ว และบรรยากาศห้องรอหนังฉายของโรงหนังสมัยนั้น มีโปสเตอร์ฉายวันนี้ โปรแกรมหน้า เร็วๆนี้ แล้วก็ร้านขนม  พอเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ศรีวิศาล ก็เปลี่ยนสภาพเป็นโรงหนังชั้นสอง ฉายควบฉายวนหนังปลุกใจเสือป่า มาดูครั้งแรกก็อายๆ ครับ พอหลายๆ ครั้ง เริ่มชิน(หรือด้านก็ไม่รู้..555) โดนสั่งปิดอยู่หลายครั้ง แต่ก็เปิดๆ ปิดๆ ควบคู่กับชีวิตวัยรุ่นของผมอยู่หลายปีครับ ก่อนจะปิดตัวถาวรไป เป็นตำนานไปแล้วครับ ศรีวิศาล




สุริวงค์ – โรงหนังยืนเดี่ยวที่น่าจะทำเลดีที่สุดในยุคนั้น เพราะตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับประตูท่าแพเลย ปัจจุบันคือ โรงแรม อิมโฮเทลและสุริวงค์พลาซ่า  โรงหนังสุริวงค์ก่อตั้งโดยเจ้าไชยสุริวงศ์ ณ เชียงใหม่ เมื่อปี 2497 เป็นโรงหนังที่สวยงามมาก ทั้งด้านหน้าและด้านในห้องโถงรอ จะมีภาพแกะปูนปั้นนูนต่ำแบบเดียวกับที่แสงตะวัน เพดานก็ออกแบบให้มีมิติ คล้ายๆ สกาล่าที่กรุงเทพเลย โดยจะฉายหนังไทยเป็นหลัก หนังศุภักษรทั้งหลาย หนังคุณกำธร ทัพคัลไล เรียกว่า มีแจกของเล่นจากหนัง ไม่ต่างจากเมืองกรุงเลยทีเดียว เท่าที่ผมเคยดู ก็ยังมี ผ่าปืน คาดเชือก หนังชุดทหารเกณฑ์ทั้งหลายของคุณประยูร วงค์ชื่น แล้วก็ปิดตัวลงพร้อมๆ กับหนังไทยยุควีดีโอครองเมืองครับ

 

สุริยง – แค่เดินถัดจากโรงหนังสุริวงค์ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปอีกช่วงตึก ก็จะเจอกับด้านหน้าโรงหนังสุริยง แต่ด้านหลังจะติดกัน  ผู้ชมอย่างเราคงต้องเดินเข้ามาด้านนี้แหล่ะครับ  โรงนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลย เพราะฉายหนังจีนกำลังภายในของชอว์ บราเดอร์อย่างเดียวเลย  ทำให้ผมไม่มีโอกาศได้เข้าไปดู เพราะที่บ้านไม่ชอบ เลยอดครับ  และปิดตัวไปอย่างรวดเร็ว เพราะคนเริ่มไม่สนใจหนังกำลังภายในกันแล้ว  ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะถูกทำเป็นลานสเก็ตอยู่พักนึง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จครับ

 

สุริยา – เป็นโรงหนังยืนเดี่ยวอาคารสีขาวขนาดใหญ่ แต่หลบอยู่ด้านหลังอาคารพานิชย์ต่างๆ เลยไม่ค่อยเด่นในเรื่องของทำเล ปัจจุบันคือ โรงแรมดวงตะวัน คงพอนึกภาพออกนะครับ ว่ามันหลบในขนาดไหน แม้จะอยู่ใกล้เชียงใหม่ไนท์บาซาร์อันโด่งดัง(สมัยนั้น...ก่อนจะมีถนนคนเดินในยุคปัจจุบัน) แต่ก็มีคนดูไม่เยอะเท่าที่ควร ทำให้มักจะได้ฉายหนังโปรแกรมรองๆ จากโรงอื่น  หรือถอดจากโรงอื่นมาฉายต่อที่นี่ เช่นเรื่อง ทรอน สงครามสมองกล  จะฉายที่แสงตะวันก่อน พอมีเรื่องใหม่ ก็จะเข้าฉายที่แสงตะวัน แล้วย้ายเรื่อง ทรอน มาฉายที่นี่แทน  จนต่อมาต้องปรับตัวเป็นโรงหนังชั้นสอง ฉายหนังควบเหมือนโรงชานเมือง ชึ่งผมชอบนะ ประหยัดดี ดูได้ 2 เรื่อง 3 รอบเพราะฉายวน โดยเฉพาะหนังฮ่องกงทั้งหลาย  เท่าที่จำได้ จะได้ดู แต่งกับผี..ดีมั๊ยหว่า? จากที่นี่แหล่ะครับ

 

แสงตะวัน – ออย่างที่เห็นในภาพเจ้าของกระทู้แหล่ะครับ สวยงาม และทำเลดีมาก อยู่ติดสี่แยกเลย เดินมาจากไนท์บาซาร์ได้สบายๆ ที่จอดรถอยู่ด้านข้าง มีร้านขายช็อปเปอร์ ร้านเครื่องหนังคาวบอย โต๊ะสนุก เรียกว่าครบสูตรโรงหนังสมัยนั้นเลย  การออกแบบด้านหน้าสวยงามมาก โถงขายตั๋วกว้างขวาง และติดแผ่นโปสเตอร์ไปเยอะมาก  ซื้อตั๋วเสร็จ สามารถเดินขึ้นไปรอชั้นลอยด้านบนได้  ผ่านห้องกระจกเข้าไปภายในโรงตรงแถวกลางพอดี ประมาณว่า 20-25 บาท ลงข้างล่าง 30 บาทเดินขึ้นข้างบน แบ่งชั้นวรรณะกันตรงนี้เลย 555 ถือว่าเป็นโรงโปรดของผมเลยครับ หนังดีๆ ทั้งนั้นที่เข้าฉายที่นี่ ยุคแรกๆ 2001 ตะลุยจักรวาล, ผีอมตะ, ไปเกิดซะเถิดไป๊, ผีหวงบ้าน, คืนนี้ผีมาตามนัด, โปลิศจับขโมย, ฟ้าส่งข้ามาเกิด, โคแนนยอดคนเถื่อน จนถึงยุคหลังๆ อย่าง บอดี้การ์ด เกิดมาเจ็บเพื่อเธอ, คลื่นบ้ากระแทกคลื่นบ้า, สแกนเนอร์, สปีดเร็วกว่านรก  เป็นต้น  บางยุคก็ฉายหนังจีนของสหมงคลฟิล์ม เช่น โหดทะลุแดด, ตั้วเฮียตั้ว...เหยียบขึ้นมาใหญ่, ต้นตระกูลโหด (แล้วส่งหนังเรื่องบริษัทโหดภาค 2 ไปฉายที่สุริยา พร้อมๆ กัน เล่นเอาคนดูงง!!!)  หนังไทยก็เคยฉายครับ อย่างบ้านผีบอปภาคหลังๆ หรือหนังหาดูยากในตำนานอย่าง มาห์ ที่พงพัฒน์และมาซ่าแสดงนำ ก็เข้าฉายที่นี่

 




แสงตะวันน่าจะยุคกำนันนั้ม นครปฐมเข้ามาบริหารครับ  เครดิตภาพจากกระทู้ในเวบพีเพิลซีนนี่แหล่ะครับ ขออภัยครับ ที่จำไม่ได้




ทิพย์เนตรรามา – ตั้งอยู่ในย่านชุมชมและตลาดทิพย์เนตร  เป็นอาคารเดี่ยวชั้นเดียว ด้านหน้าพื้นที่กว้างขวาง และสามารถนั่งม้าหินอ่อนด้านข้างโรงได้อีกตลอดแนว  ส่วนใหญ่วัยรุ่นมักจะไม่ค่อยนั่งรอแถวนี้ เขามักจะพากันไปเดินดูเทปที่ร้านข้างๆ คือ ทิพย์เนตรเอนเตอร์ไพรซ์  ถือว่าเป็นร้านขายเทป-ซีดี-แผ่นเสียงที่ใหญ่มาก และยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้  หลังจากผ่านจุดตรวจบัตรเข้าข้างใน ก็จะมีห้องแอร์ไว้รอด้านในอีกชั้นนึง แต่ไม่ค่อยเปิดแอร์ มีขนมขายด้านในอีกนิดหน่อย ห้องน้ำอยู่ในนี้ พอจะเข้าโรง ก็แยกซ้าย-ขวาตามหมายเลขบัตรที่นั่ง  ขึ้นบันไดอีกไม่กี่ขั้น ก็จะถึงตำแหน่งกลางโรง บัตร 20-25 ลงด้านล่าง 30 ขึ้นด้านบน มีห้องกระจกเล็กๆ ราว 10 ที่นั่ง ติดกับห้องเครื่องฉาย เดาว่าน่าจะเอาไว้เป็นห้องเสียงในฟิล์ม หรือไม่ก็ห้องวีไอพี  ผมเคยเข้าไปนั่งตอนฉายเรื่อง จูราสสิค ปาร์ค ภาคแรก เพราะคนเยอะมาก เก้าอี้เสริมเต็มทุกขั้นบันได โรงแทบแตก.... ถือว่าห้องเล็กๆ ห้องนี้ ไม่ไหวครับ ไกลจากจอมาก กระจกก็ไม่ใส ดูหนังกันแบบมัวๆ เลยทีเดียว  ยุคแรกๆ เรียกว่าฉายหนังจีนจากค่ายนนทนันท์เป็นหลักเลยครับ คู่กับโรงมหานคร ฉายหนังตัวอย่างของกันและกัน รวมถึงโปรแกรมหน้าและเข้าฉายเร็วๆ นี้ เรียกว่าไปดูหนังเรื่องนึง จะได้เห็นโลโก้นนทนันท์สีเหลืองๆ และเสียงตึ้ง ตึง ตึ่ง ตึ่ง โกลเด้น ฮาร์เวส กันจนแทบจะจำโลโก้ภาษาจีนได้เลยทีเดียว 555 วันที่ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะภาคแรกเข้าฉาย คนแน่นมากครับ โรงทพย์เนตรนี้ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุคครับ  จากหนังจีนค่ายนนทนันท์ จนค่ายเปลี่ยนไปซื้อหนังฝรั่ง ก็ฉายหนังฝรั่งตาม ทำให้เราได้ชม นิ้วเขมือบ, เจาะเวลาหาอดีต, โรโบคอบ, ศึกมหัศจรรย์พ่อมดใต้โลก, ฑูตนรกล้านปี, กลิ้ง กลิ้งงับงับ จากที่นี่ครับ ถือว่าเป็นโรงสุดฮิตอีกโรงนึงเลย

มหานคร – โรงคู่แฝดทิพย์เนตร ตั้งอยู่ในบริเวณตลาดธานินทร์ ไม่ติดถนนใหญ่ ทางเข้าขรุขระระดับตำนาน มีมาจนถึงทุกวันนี้เลย แม้จะดีขึ้นมาก แต่เทียบกับสมัยนั้น เรียกว่า แข่งรถวิบากได้เลยครับ ลักษณะเป็นอาคารเดี่ยวขนาดใหญ่มาก ถือว่าเป็นโรงใหญ่ จัดคอนเสิร์ตลูกทุ่งบ่อยครั้ง  แต่ด้านบนหรือชั้นลอย ออกแบบได้แคบไปหน่อยครับ เรื่องไหนคนดูเยอะๆ จะไม่มีที่ยืนรอเลยครับ ต้องรออยู่ด้านล่างไปก่อน ใต้โรงเป็นที่จอดรถ โต๊ะสนุกเกอร์ เกมส์ตู้ ร้านขายของ ถือว่าใต้โรงนี่ คึกคักที่สุดครับ  ฉายหนังจีนค่ายนนทนันท์เป็นหลักเช่นกันครับเช่น เชือด..เชือดนิ่มนิ่ม ภาคแรกสุด, ขึ้นทำเนียบเจ้าพ่อเหือด, หวงเฟยหง, เทพฤทธิพิชิตมาร  มีช่วงนึง ค่ายนนทนันท์มีการแบ่งสายเป็นธงเขียว ธงแดง ทางเชียงใหม่ก็มี 2 โรงนี้รองรับ สบายๆ ครับ ยุคหลังๆ เคยมีหนังไทยอย่าง ฉีกป่าล่าคน เข้าฉายด้วย แต่หนังฝรั่งนี่นึกไม่ออกเลยครับ หลังจากปิดตัวไป เจ้าของก็ปล่อยให้ร้างอยู่นานมาก เพิ่งทุบทิ้งไปทำตึกแถวเมื่อไม่กี่ปีมานี่เองครับ




รูปนี้ได้จากอินเตอร์เน็ตเวบต่างประเทศครับ เกี่ยวกับฝรั่งที่เข้ามาทำสารคดีบ้านเรา เชฟไว้นานแล้ว เลยจำไม่ได้ครับ
+


เลือกหน้า
[1] [2]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 31

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 112743416 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Irinefi , Julieiz , ThomasovBeauh , Bobbyerihor , Keithustval , CharlessFup , Lewisuhacal , Irinfsa , Julizde , Iringgb ,