คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น |
|
|
| | “เชอร์ลีย์ เทมเพิล” ที่เพิ่งจะเสียชีวิตลงด้วยวัย 85 ปี ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงเด็กที่ดังที่สุดตลอดกาล แต่เช่นเดียวกับดาราเด็กอีกจำนวนมาก เธอกลับแทบไม่ได้ใช้เงินที่หามาได้ตั้งแต่เด็กเลย เพราะทรัพย์สินจำนวนมากที่หามาได้ แทบจะหมดเกลี้ยงไปหมดด้วยมือของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ซูเปอร์สตาร์แห่งยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ด อันที่จริงในยุคของเธอ เชอร์ลีย์ เทมเพิล ไม่ได้ถูกเรียกว่านักแสดงเด็กซูเปอร์สตาร์เท่านั้น แต่ในช่วงหนึ่งถึงกับได้รับการจัดอันดับให้เป็นดาราทำเงินอันดับ 1 ของฮอลลีวูดด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในปี 1936 ที่เธอมีผลงานฉายปีเดียว 8 เรื่อง เทมเพิล สามารถทำเงินให้กับสตูดิโอมากกว่าซูเปอร์สตาร์แห่งยุคอย่าง คล๊าก เกเบิล เสียอีก ชนิดที่มีผู้กล่าวว่าเด็กวัย 6 ขวบคนนี้ คือผู้ที่ช่วยบริษัท 20th Century Fox ที่มีหนี้สิ้นตอนนั้นถึง 42 ล้านเหรียญฯ ให้รอดพ้นจากการล้มละลายได้ด้วยตัวคนเดียว เทมเพิล เริ่มมีผลงานตั้งแต่ปี 1935 หรือตอนที่เธอมีอายุ 7 ขวบ และโด่งดังสุดขีดจนไปถึงปี 1938 อันเป็นช่วงที่สังคมอเมริกาอยู่ในภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจอย่างหนัก หรือที่เรียกกันว่า “ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่” ที่ดำเนินอยู่ 8 ปีระหว่าง 1931 – 1939 ถือเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยคนตกงาน, นักธุรกิจฆ่าตัวตายจากความล้มเหลว ผู้คนส่วนใหญ่ก็คงไม่อยากหาความบันเทิงกับภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาซับซ้อน หรือหนักหน่วงใดๆ นอกจากหวังใช้โรงภาพยนตร์เป็นที่พึ่งในการหลีกหนีจากความเป็นจริงอันโหดร้าย จนมีผู้กล่าวเอาไว้ว่าความน่ารักสดใสของ เทมเพิล ก็คือความบันเทิงที่หาได้ง่ายที่สุดในยุคนั้น อย่างไรก็ตามตัวของ เทมเพิล ได้กล่าวในเวลาต่อมาว่าเธอไม่ได้มีความพิเศษอะไรไปมากกว่าเจ้าสุนัข “รินตินติน” (สุนัขดาราพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด ที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์เงียบจำนวนมาก ระหว่างปี 1922 - 1931) ขวัญใจของคนดูหนังก่อนหน้าที่เธอจะเข้าวงการหนังนิดหน่อยเลย อย่างที่เธอกล่าวเอาไว้ว่า “คนคงพยายามหาอะไรที่จะให้กำลังใจกับพวกเขาได้ สุดท้ายพวกเขาก็ตกหลุมรักเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กับหมาตัวหนึ่ง ซึ่งเรื่องแบบนั้นคงไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ อีก” เหลือเงินไม่ถึง 3 หมื่นเหรียญฯ ? ชื่อเสียงของ เทมเพิล ตกต่ำลงเมื่อเธอมีอายุมากขึ้นตามลำดับ หนัง 2 เรื่องที่เธอแสดงให้กับMGM หลังอายุเริ่มเข้าช่วงวัยรุ่นก็ล้มเหลว ไม่ได้ทำเงินเหมือนเมื่อตอนที่เธอเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ จนเมื่ออายุ 17 ปี เทมเพิล จึงตัดสินใจแต่งงานกับ จอห์น เอการ์ จ่าทหารอากาศแห่งกองทัพบกสหรัฐ และถอนตัวออกจากวงการภาพยนตร์ไปตอนมีอายุเพียง 21 ปี เท่านั้น และหันไปทำงานการเมืองแทน เทมเพิล กล่าวยอมรับในเวลาต่อมาว่าเธอสูญเสียวัยเด็กไปกับการทำงานตั้งแต่อายุน้อยๆ อย่างไงก็ตามเธอชีวิตของเธอก็ยังถือว่าดำเนินไปอย่างราบรื่น ชื่อเสียงและภาพอันสวยงามไม่ได้โดนทำลายไปเมื่อเติบใหญ่ขึ้น เทมเพิล ยังถูกจดจำในฐานะดาราเด็กที่สามารถใช้ชีวิตเติบใหญ่ได้อย่างปกติสุข และชีวิตไม่ได้ล้มเหลวจาก เหล้า, ยาเสพติด หรือปัญหาชีวิคู่แต่อย่างใด แต่ยังคงสามารถรักษาภาพความเป็น “ขวัญใจอเมริกันชน” ได้จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต แต่ก็ใช่ว่าชีวิตของ เทมเพิล จะปราศจากปัญหาใดๆ เพราะกลายเป็นว่าเงินจำนวนมหาศาลที่เธอหาเอาไว้ได้ระหว่าง 3 ปีแห่งความรุ่งโรจน์ในวงการหนังนั้นกลับสูญหายไปภายในพริบตาชนิดที่เธอแทบจะไม่ได้ใช้เงินก้อนดังกล่าวแม้แต่นิดเดียว ในหนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า Child Star เทมเพิล เปิดเผยว่าหลังออกจากวงการบันเทิงเธอพบว่าตัวเองเหลือเงินอยู่แค่ 28,000 เหรียญฯ เท่านั้น แทนที่จะเป็น 3 ล้านเหรียญฯ (ประมาณ 48 ล้านเหรียญฯ หากเทียบค่าเงินในปัจจุบัน) อย่างที่ควรจะเป็น โดยเงินส่วนใหญ่ที่เธอหามาได้หายไปกับการใช้จ่ายอย่างสุรุยสุร่ายของสมาชิกในครอบครัว นอกจากนั้นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของ จอร์จ ฟรานซิส เทมเพิล พ่อของเธอซึ่งคอยทำหน้าที่บริหารจัดการ และนำเงินของลูกสาวไปลงทุน ก็คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เงินของอดีตซูเปอร์สตาร์เด็กหมดไปภายในพริบตา อย่างไรก็ตาม เทมเพิล กล่าวในหนังสือว่าเธอไม่ได้รู้สึก “โกรธ หรือผิดหวังอะไรในตัวพ่อแต่อย่างใด” ต่อมาตัวของ เทมเพิล เองก็ยังสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้ ทั้งการทำงานทางการเมือง ที่มีตำแหน่งทางการทูตในหลาย ๆ ตำแหน่งตั้งแต่ยุคของประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน จนถึงสมัยของ ประธานาธิบดี จอร์จ บุช และยังมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารในบริษัท และองค์กรใหญ่หลายแห่งไม่ว่าจะเป็น รวมถึง The Walt Disney Company, Del Monte, Bank of America, the Bank of California และ National Wildlife Federation เป็นต้น "กฏหมายคูแกน" ป้องกันพ่อแม่ผลาญเงินลูก ไม่ใช่เพียงแค่ "เทมเพิล" เท่านั้นที่แทบจะหมดเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ดาราเด็กอีกหลายคนในยุค 1930s ก็ต้องพบกับปัญหาแบบเดียวกัน เมื่อเงินซึ่งพวกเขาหามาได้ถูกพ่อแม่ใช้จ่ายไปจดหมดเกลี้ยง รวมถึงกรณีของ "แจ็คกี คูแกน" ที่โด่งดังขึ้นมาก่อนหน้าเธอด้วย คูแกน ที่มีผลงานในหนังเงียบหลายๆ เรื่องรวมถึง The Kid ของ ชาร์ลี แชปปลิน มีผลงานภาพยนตร์หลายเรื่อง ซึ่งน่าจะทำเงินให้กับเขาได้ถึง 3 – 4 ล้านเหรียญเลยทีเดียว (ประมาณ 48 – 65 ล้านเหรียญฯ หากเทียบค่าเงินในปัจจุบัน) แต่ทั้งแม่ และพ่อเลี้ยงของเขากลับผลาญเงินทั้งหมดไปกับการจับจ่ายซื้อของฟุ่มเฟือย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อขนสัตว์, แหวนเพชร และรถยนต์สุดหรู จนเมื่อ คูแกน อายุได้ 21 ปี เขากลับพบว่าตัวเองไม่เหลือเงินเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้เกิดการฟ้องร้องกันขึ้นมา ผลของคดีฟ้องร้องระหว่าง แจ็คกี คูแกน กับแม่ของตัวเองทำให้เกิดการตรากฏหมายที่ว่าด้วย “นักแสดงเด็ก” ของรัฐแคลิฟอร์เนียขึ้นมา และเรียกกันว่า “กฏหมายคูแกน” ซึ่งกำหนดเอาไว้ว่าผู้ปกครองของดาราเด็กต้องนำรายได้จำนวน 15% ของนักแสดงเด็ก ใส่ไว้ในกองทุน ที่เจ้าตัวจะสามารถนำเงินไปใช้ได้เมื่อเขาอายุถึงเกณฑ์แล้วเท่านั้น แต่ถึงจะมีการปรับปรุงแก้ไขกฏหมายฉบับนี้หลายครั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา กฏหมายก็ยังมีช่องโหว่ให้ผู้ปกครองนำเงินของนักแสดงเด็กไปใช้อยู่ดี วงจรซ้ำซาก ในประวัติศาสตร์ของฮอลลีวูด มีดารานักร้องเด็กจำนวนมากที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลฟ้องร้องพ่อแม่ของตัวเอง เมื่อพบว่าพ่อแม่นำเงินรายได้ที่พวกเขาหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ไปใช้จ่ายอย่างไม่สมเหตุสมผล ไม่ว่าจะเป็น “ลีแอน ไรม์ส”หรือ “เดบบี กิ๊บสัน” ก็ผ่านการขึ้นศาลฟ้องร้องกับบุพการีมาแล้วทั้งนั้น หรือในกรณีของ แกรี โคลแมน ดาราเด็กผู้อื้อฉาว ที่ชีวิตอันตกต่ำของเขาเป็นข่าวใหญ่อยู่นานหลายปี ก็เคยฟ้องร้องแม่ของตัวเอง ว่ายักยอกเงินรายได้จากสมัยที่เขายังมีชื่อเสียงไปใช้ แต่ฝ่ายผู้เป็นมารดากลับอ้างต่อศาล ว่าเธอเพียงต้องการดูแลทรัพย์สินมากกว่า 6 ล้านเหรียญฯ แทนลูกชาย เพราะเขาไร้ซึ่งความสามารถ ที่จะการจัดการเงินก้อนนั้นตัวเอง จน โคลแมน ต้องตอบโต้บุพการีอย่างดุเดือดว่า “มันเห็นกันชัดๆ ว่าแม่ทนไม่ได้ ที่จะไม่ได้ควบคุมชีวิตผมอีกแล้ว” ช่องโหว่อีกประการของ กฏหมายคูแกน ในยุคนี้ก็คือกรณีของคนดังเด็กจากรายการประเภทเรียลลิตี้โชว์ เพราะกฏหมายฉบับดังกล่าวที่มีเป้าหมายคุ้มครอง “ดาราเด็ก” ไม่ได้ครอบคลุมการคุมครองไปถึงเหล่าเด็กที่ปรากฏตัวในรายการประเภทเรียลลี้ตี้โชว์ ที่นำเสนอชีวิตจริงของบุคคลต่างๆ แบบไม่ใช่การแสดงด้วย แม้แต่กฏหมายแรงงานเด็กก็ไม่ได้ครอบคลุมในการปกป้องเหล่า “ดาราเรียลลิตี้” ตัวน้อย ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน ถึงเด็กที่ปรากฏตัวในรายการประเภทนี้ จะสามารถใช้ความน่ารักและเป็นธรรมชาติ สร้างเรตติ้งให้กับรายการ จนทำเงินได้เป็นล้าน ๆ เหรียญก็ตาม นอกจากนั้นบางรัฐก็ไม่ได้มีกฏหมายคุ้มครองคนดังเด็เด็ก ที่จะปกป้องเงินของเหล่าคนดังเด็กจากมือของพ่อแม่ รวมถึงรัฐจอเจียร์บ้านของ “ฮันนี บู บู” หรือ อลานา ธอมป์สัน นางงามเด็กคนดัง ที่รัฐของเธอไม่ได้บังคับให้พ่อแม่เปิดกองทุนสำหรับนักแสดงเด้ก แต่อย่างน้อย จูน แชนนอน แม่ของ ฮันนี บู บู ก็ยืนยันว่าเธอสมัครใจที่จะเปิดกองทุนให้กับลูกเอง เพราะอยากให้ลูกสาวมีหลักประกันที่มั่นคง เมื่อโตขึ้นก็อาจจะเอ่ยปากขอบคุณเธอที่ “ทำอะไรฉลาด ๆ จนหนูคงจะไม่ต้องลงเอยเหมือนดาราเรียลลิตี้พวกนั้น” ซึ่งจำนวนมากไม่มีหลักประกันทรัพย์สินอะไรให้ตัวเองเลย |
|
|