Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ร่วมทดสอบ Peoplecine mobile Beta0.1


รูป
ย้อนอดีตวันหวานยังหวานอยู่เจ้าของ ผู้ตอบหลังสุด
-เปี๊ยก โปสเตอร์ยังไม่มีคนตอบ
-สมบัติ เมทะนียังไม่มีคนตอบ
-ไชยา สุริยัน มล.อภิรัฐ จรูญโรจน์.. 29/12/2566 15:23
-รําลึก53ปี มิตร ชัยบัญชา.. 29/10/2566 16:52
-American Graffiti Cast: Then and Now (1973 vs 2021)ยังไม่มีคนตอบ
-เอกสารกฤตภาค (Clipping) ข่าวภาพยนตร์จากสิ่งพิมพ์ยุคเก่า.. 14/2/2566 0:33
-Mary Poppins (1964 vs 2022) ยังไม่มีคนตอบ
-The A Team (1983) Cast: Then and Nowยังไม่มีคนตอบ
-Top 20 Catchiest Songs from Classic Movie Musicalsยังไม่มีคนตอบ
-THE TEN COMMANDMENTS 1956 Cast THEN AND NOW 2022 ยังไม่มีคนตอบ
-THE SEARCHERS 1956 Cast THEN AND NOW 2022ยังไม่มีคนตอบ
-The Sound of Music Tour.. 5/6/2565 13:22
-ภาวนา ชนะจิต เทสหน้ากล้องครั้งแรกยังไม่มีคนตอบ
-50 ACTION STARS ⭐ Then and Now .. 13/12/2564 14:05
-แมน ธีระพลยังไม่มีคนตอบ
-ไชยา สุริยัน.. 8/11/2564 13:37
เลือกหน้า [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 314

"ดีโน เดอ ลอเรนติส"



ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปผู้จัดการ...

ปิดฉากชีวิตโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน "ดีโน เดอ ลอเรนติส" สิ้นลมในวัย 91 ปี


ปิดฉากชีวิตโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ดีโน เดอ ลอเรนติส สิ้นลมในวัย 91 ปี

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ปิดฉากชีวิตโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ดีโน เดอ ลอเรนติส สิ้นลมในวัย 91 ปี
ดีโน เดอ ลอเรนติส 1919 - 2010

ปิดฉากชีวิตโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ดีโน เดอ ลอเรนติส สิ้นลมในวัย 91 ปี
กับภรรยาคนที่สอง มาธาร์ ชูมัคเกอร์

ปิดฉากชีวิตโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ดีโน เดอ ลอเรนติส สิ้นลมในวัย 91 ปี
ซิลวาน่า มันกาโน่ ภรรยาคนแรกของ เดอ ลอเรนติส ใน Bitter Rice หนังสำคัญอีกเรื่องของเขา

ปิดฉากชีวิตโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ดีโน เดอ ลอเรนติส สิ้นลมในวัย 91 ปี
Nights of Cabiria ของ เฟลลินี่

ปิดฉากชีวิตโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ดีโน เดอ ลอเรนติส สิ้นลมในวัย 91 ปี
ร่วมงานกับ เฟลลินี่ อีกครั้งในหนัง La Strada

ปิดฉากชีวิตโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ดีโน เดอ ลอเรนติส สิ้นลมในวัย 91 ปี
เจน ฟอนด้า กับหนัง Barbarella

ปิดฉากชีวิตโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ดีโน เดอ ลอเรนติส สิ้นลมในวัย 91 ปี
อัล ปาชิโน ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จาก Serpico ของ เดอ ลอเรนติส

ปิดฉากชีวิตโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ดีโน เดอ ลอเรนติส สิ้นลมในวัย 91 ปี
King Kong ของ เดอ ลอเรนติส ไม่ใช่งานที่ดีนัก แต่ก็เป็นหนังที่หลาย ๆ คนยังจำได้มีรู้ลืม

ปิดฉากชีวิตโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ดีโน เดอ ลอเรนติส สิ้นลมในวัย 91 ปี
Blue Velvet

ปิดฉากชีวิตโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ดีโน เดอ ลอเรนติส สิ้นลมในวัย 91 ปี
Dune หายนะอีกครั้งในวงการภาพยนตร์

ปิดฉากชีวิตโปรดิวเซอร์ระดับตำนาน ดีโน เดอ ลอเรนติส สิ้นลมในวัย 91 ปี
เดอ ลอเรนติส, ราฟาเอลล่า (ลูกสาว), เดวิด ลินช์ (ผู้กำกับ) และ เฟรดดี้ ฟรานซิส (ผู้กำกับภาพ) ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Dune

"ดีโน เดอ ลอเรนติส" ผู้อำนวยการสร้างที่ได้รับการจดจำมากที่สุด คนหนึ่งในประวัติศาสตร์ฮอลลีวูด และภาพยนตร์โลก เจ้าของหนังคลาสสิค Serpico และ Barbarella รวมถึงมีส่วนต่อการปฏิวัติระบบการสร้างหนัง และระดมทุน ที่ส่งผลมายังฮอลลีวูดยุคปัจจุบัน ได้สิ้นลมลงแล้วด้วยวัย 91 ปี 
       
       ราฟาเอลล่า เดอ ลอเรนติส ผู้เป็นลูกสาวได้ออกมาให้ข่าวถึงเรื่องนี้ พร้อมกล่าวว่าพ่อของเธอเสียชีวิตอย่างสงบ โดยมีครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในวาระสุดท้าย ในช่วงคืนวันพุธที่ 10 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ที่บ้านในเบเวอร์ลี่ ฮิลล์ส โดยในแถลงการณ์ไม่ได้เปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้
       
       ดีโน เดอ ลอเรนติส เป็นชาวอิตาลีโดยกำเนิด เขาเกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1919 ที่เมืองเนเปิลส์ แคว้นกัมปาเนีย ในครอบครัวพ่อค้าขายสปาเก็ตตี้นาโปลีตัน โดยในช่วงวัยรุ่นได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาวิชาการสร้างภาพยนตร์ที่ Centro Sperimentale di Cinematografia ในกรุงโรม แต่เรียนไม่จบเพราะสงครามโลกครั้งที่ 2 มาขัดจังหวะเสียก่อน
       
       ภายหลังสงครามสิ้นสุด เขาจึงได้เริ่มต้นอาชีพคนทำหนัง ปี 1940 เดอ ลอเรนติส ได้อำนวยการสร้างหนังเรื่อง L ultimo Combattimento เป็นผลงานชิ้นแรกจากทั้งหมดเกือบ 150 เรื่องของเขา โดยในปี 1946 ยอดผู้อำนวยการสร้างได้ก่อตั้งบริษัทDino de Laurentiis Cinematografica ซึ่งในระยะแรกผลิตผลงานภาพยนตร์แนวสัจจะนิยมใหม่ โดยมีหนังเรื่อง Bitter Rice ของผู้กำกับ จูเซ็ปเป้ เดอ ซานติส เป็นผลงานที่สำคัญที่สุด
       
       เดอ ลอเรนติส เป็นผู้มีบุคลิกโดดเด่น เขามีรูปร่างไม่สูงใหญ่นัก แต่มีชื่อในทางการทำงานด้วยความสมบุกสมบัน จนได้รับการเปรียบเทียบเป็น นโปเลียน แห่งกองถ่ายภาพยนตร์ ในการทำงานช่วงแรก เขามีบทบาทอย่างสูงต่อกระแสคลื่นลูกใหม่ ของคนทำหนังอิตาลีในยุคนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอำนวยการสร้างหนังให้กับยอดผู้กำกับ เฟเดอริโก้ เฟลลินี่ โดยส่วนใหญ่เป็นการทำงานร่วมกับ คาร์โล พอนติ ผู้อำนวยการสร้างระดับตำนานอีกท่านของวงการหนังแดนมักกะโรนี
       
       เขาทำงานในประเทศบ้านอยู่หลายปี มีผลงานอันหลากหลายแนวทั้งหนังสายลับแบบเจมส์ บอนด์ อย่าง Kiss the Girls และ Make Them Die, แน่นอนว่าต้องเคยสร้างหนังคาวบอยสไตล์อิตาลีที่เรียกกันว่า สปาเก็ตติ เวสเทิร์น กับ Navajo Joe(1966) และไม่พลาดกับหนังหนังสงครามโลกครั้งที่สอง Anzio (1968)
       
       ขณะที่ Danger: Diabolik (1968) และ Barbarella (1968) คือหนังที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนชื่อดัง และประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งคู่ โดยเฉพาะเรื่องหลัง หนังไซไฟเซ็กซี่ที่ภาพของนักแสดงสาว เจน ฟอนด้า ในหนังเรื่องนี้แทบจะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่ง ของวงการภาพยนตร์ไปแล้ว
       
       หลังจากอิ่มตัวกับความสำเร็จในบ้านเกิด ในช่วงยุค 1970s เดอ ลอเรนติส ตัดสินใจเดินทางไปทำงานที่สหรัฐฯ ซึ่งตลาดหนังใหญ่ที่สุดในโลกอย่างฮอลลีวูดตั้งอยู่ที่นั่น จนกระทั่งปักหลักทำงานที่นี่อย่างยาวนานตลอดชีวิตที่เหลือ กระทั่งได้สัญชาติอเมริกันในปี 1986 อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยสูญเสียความเป็นอิตาเลี่ยนของตนเอง และพยายามกลับไปใช้ชีวิตที่ เกาะคาปริ และโรม ให้ได้อย่างสม่ำเสมอทุกปี
       
       เดอ ลอเรนติส เปิดตัวการทำงานในสหรัฐฯ ด้วยงานอย่าง Serpico หนังอาชญากรรมของผู้กำกับ ซิดนีย์ ลูเม็ต ที่มีนักแสดงระดับตำนาน อัล ปาชิโน่ รับบทนำ Serpico แทบจะประสบความสำเร็จในทุกด้าน หนังลงทุนเพียง 1 ล้านเหรียญฯ แต่สามารถกวาดรายได้ถึง 29 ล้านเหรียญฯ นอกจากนั้นยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 2 สาขา ในด้านบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม และดารานำชายยอดเยี่ยมโดย อัล ปาชิโน่
       
       อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่หนังเรื่องแรกของ เดอ ลอเรนติส ที่ได้โอกาสลุ้นรางวัลออสการ์ เพราะก่อนหน้านั้นผลงานที่เขาอำนวยการสร้างในอิตาลีให้กับผู้กำกับ เฟเดอริโก้ เฟลลินี่ อย่าง La Strada และ Nights of Cabiria ก็เคยคว้าออสการ์สาขาหนังภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมมาแล้ว
       
       ภายหลังความสำเร็จของ Serpico เขายังอำนวยการสร้างหนังของ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด เรื่อง Three days of the Condor Death Wish ของ ชาร์ลส์ บรอนสัน ซึ่งกลายเป็นหนังซึ่งผู้คนยังจดจำได้ถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้อำนวยการสร้าง Conan The Barbarian หนังแจ้งเกิดให้กับอดีตชายงามชาวออสเตรีย อาร์โนลด์ ชวาร์ตเซเนคเกอร์ ด้วย
       
       ตลอดการทำงานกว่า 70 ปี ของยอดผู้อำนวยการสร้าง เขาได้ชื่อว่าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการทำหนังที่แหวกจากกระแส, เป็นนักเสี่ยงโชค ยอมทุ่มเม็ดเงินมหาศาลให้กับงานที่บางครั้ง หลายฝ่ายมองว่าไม่ได้มีศักยภาพทางการตลาดมากนัก โดยเฉพาะในการร่วมงานกับยอดผู้กำกับของโลก อาทิ โรเบิร์ต อัลต์แมนอิงก์มาร์ เบิร์กแมน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เดวิด ลินช์ ที่ร่วมกันสร้างหนังคลาสสิคอย่างBlue Velvet 
       
       กระทั่งคนทำหนังแถวหน้าของยุคปัจจุบันอย่าง แซม ไรมี่ และ พี่น้องวาร์ชอว์สกี้ ก็ได้เปิดตัวทำหนังกระแสหลักกับเขาเช่นเดียวกัน
       
       ท่ามกลางความสำเร็จมากมาย ความล้มเหลวก็คือส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์การทำงานของ เดอ ลอเรนติส ด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหนัง King Kong ฉบับปี 1976 ที่หลายฝ่ายยกให้เป็นหนังยอดแย่
       
       ขณะที่ Dune หนึ่งในการร่วมงานของเขากับยอดผู้กำกับ เดวิด ลินช์ ที่กล้าหาญชาญชัยกับการหยิบเอานิยายวิทยาศาสตร์ของ แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ด้วยทุนสร้างมหาศาลถึง 40 ล้านเหรียญฯ ที่นับว่าสูงมากในยุคนั้น ก็ลงเอยด้วยการขาดทุนย่อยยับ กับรายได้เพียง 29 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น
       
       นอกจากสร้างหนังที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์มากมายแล้ว เขายังเป็นผู้อำนวยการสร้างคนแรก ที่มองเห็นศักยภาพของตลาดหนังนอกสหรัฐฯ เดอ ลอเรนติส ยังเป็นหนึ่งในคนที่ริเริ่ม การร่วมทุนกันสร้างหนังจากผู้สร้างหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงเป็นคนแรก ๆ ที่ สามารถระดมทุนจากการขายสิทธิ์การจัดจำหน่ายล่วงหน้า ให้กับบรรดาผู้จัดจำหน่ายทั่วโลก
       
       โดยผลงานลำดับท้าย ๆ ของ เดอ ลอเรนติส ก็คือหนังอย่่าง U-571, The Last Legion, Virgin Territory รวมถึงหนังในชุด ฮันนิบาล เล็คเตอร์ ที่เขามีส่วนร่วมสร้างถึง 4 เรื่องได้แก่ Manhunter (1986), Hannibal (2001), Red Dragon(2002) และ Hannibal Rising (2006) ขณะที่หนังโรแมนติกคอมเมอร์ดี้ Virgin Territory คือผลงานเรื่องสุดท้ายที่มีชื่อของ ดีโน เดอ ลอเรนติส เป็นผู้อำนวยการสร้าง
       
       ในด้านชีวิตส่วนตัว เดอ ลอเรนติส แต่งงานมาแล้วสองครั้ง ภรรยาคนแรกคือนักแสดงหญิงชาวอิตาลี ซิลวาน่า มันกาโน่ ที่ครองคู่กันอยู่ 40 ปีจนกระทั่งฝ่ายหญิงเสียชีวิตในปี 1989 ซึ่งหลังจากนั้นอีก 1 ปี เขาจึงเข้าพิธีสมรสกับผู้อำนวยการสร้างหญิงมาธาร์ ชูมัคเกอร์ 
       
       เดอ ลอเรนติส มีทายาททั้งหมด 6 คน ลูกสาวคนเดียวจากภรรยาคนแรก ราฟาเอลล่า เดอ ลอเรนติส ดำเนินรอยตามพ่อ ด้วยการก้าวขึ้นเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ขณะที่ลูกชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า เฟเดอริโก้ ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตกในปี 1981 ซึ่งในฐานะพ่อเขาไม่สามารถทำใจ ลืมเลือนความเศร้าครั้งนั้นได้เลย เวโรนิก้า เดอ ลอเรนติส ลูกสาวอีกคนกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ถึงตอนนี้พ่อก็ยังไม่สามารถพูดถึงเขาได้เลย พ่อยังบอกกับฉันว่า ทุกเช้าที่ตัวเองต้องตื่นขึ้นมา ต้องนึกถึงเขาเสมอ"
       




ความเห็น

[1]


"ดีโน เดอ ลอเรนติส" นี่ล่ะผู้สร้างตำนานหนังดังหลายๆเรื่องที่ยังประทับใจมิรู้ลืม....


เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 1

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 112745718 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Vilianappw , JerryUnelf , IlyiaMug , HoustonDab , Irinefi , Julieiz , ThomasovBeauh , Bobbyerihor , Keithustval , CharlessFup ,