Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ประธานกรรมการ :ปวีณ เขื่อนแก้ว
เวบมาสเตอร์:อนุกูล วิมูลศักดิ์ 084-819-7374,095-308-6840


= ภายใน24ชั่วโมง , = ภายใน 3 วัน = ทั่วไป , = คลาส2 , = คลาส3 ,
รูป
หนังจีนในอดีต ทุกยุค ทุกสมัยเจ้าของ อ่าน ตอบ ผู้ตอบหลังสุด
-หย่งชุน หมัดสั้นสะท้านบู๊ลิ้ม829016.. 6/12/2555 19:39
-หนังจีนกำลังภายในยุคตี้หลุ๋ง หว่านจือเหลียงสมัยหนุ่มๆ75192.. 5/12/2555 13:26
-กระทู้นี้..ผีมาตามนัด1140632.. 26/11/2555 22:52
-ใบปิดหนังจีน เวอร์ชั่นไทย แชร์กันชม3229363.. 19/11/2555 17:22
-เอาโปสเตอร์หนังจีนมาให้เบิ่งกัน ลองทายดูซิว่ามีชื่อไทยว่าชื่ออะไร?71873.. 19/11/2555 16:02
-แนะนำช่อง GRAND ดูหนังจีนเก่า ๆครับ68383.. 12/11/2555 14:04
-หนัง เลิฟซีน เฉินหลงวัยกระเตาะ ALL IN THE FAMILY80380ยังไม่มีคนตอบ
-ปกหนังดีๆบางส่วน..ของว่านจือเหลียงสวยๆครับ64354.. 11/11/2555 22:52
-รายชื่อหนังจีน ชอว์ บราเดอร์ ที่ทำขายในประเทศไทย ทั้งดีวีดี และวีซีดี308561.. 29/10/2555 16:12
-โครงการ 7 stephen chow vol. 21784347.. 28/10/2555 18:42
-วิ่งปล้นฟัด..77514.. 26/10/2555 20:24
-ใหญ่สั่งมาเกิด ภาค 3 ... เรียกน้ำย่อยกันหน่อย1876130.. 25/10/2555 9:48
-โครงการ ตามล่าเสียงโรง ภาค 2635010.. 22/10/2555 13:30
-ฤทธิ์งู ฤทธิ์หมอ - The Killer Snakes (1974)68725.. 19/10/2555 16:02
-อิทธิฤทธิ์พญางู - The Snake Prince (1976)52777.. 19/10/2555 5:42
-CHiNESE ZODiAC (เฉินหลง)93627.. 18/10/2555 1:16
เลือกหน้า
[<<] [30] [31] [32] [33] [34] [35] [36] [37] [38] [39] [40] [41] [42] [43] [44] [45] [46] [47] [48] [49] [>>]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 1116

(ID:11092) เฉินหลง รวมพลังมังกรฟัดโลก หนังที่รวมคิวบู๊ของยอดดาราจีน


ต้นกำเนิดจากศาสนาจากโบราณพัฒนาโดยนักรบผู้กล้าแกร่ง    ศืลปะการต่อสุ้หลายรูปแบบถูกยกระดับโดยชนรุ่นใหม่ระดับปรมาจารย์  พบกับ  เฉินหลง  ฌ็อง คล้อด แวนแดม    ซินเซีย  ร็อชร็อค  หงจินเป่า  และ บรู๊ชลี   ร่วมแสดงด้วยกัน  ในบทบาทบู้สุดยอด  ด้วยลีลา  ความเร่าร้อน  ในภาพยนตร์ชั้นเยี่ยมทุกแอ็คชั้น  ที่คุณเคยจินตนาการและระทึกที่คุณไม่คาดฝันมาก่อน 

๓๐ ปีก่อน เมื่อมีใครซักคนพูดถึง "กังฟู" ขึ้นมา ... ชื่อแรก ที่ทุกคนต้องนึกถึงก็คงจะหนีไม่พ้น "บรู๊ซ ลี" ราชากังฟู ที่นำเสนอกังฟูอันรวดเร็วและรุนแรง แหกขนบกังฟูแบบเดิม ๆ ที่ปรากฏในภาพยนตร์จีนก่อนหน้านั้น ที่มักจะเน้นความอ่อนช้อย สวยงาม ...

แต่ภายหลังจากที่มังกรหนุ่มอย่าง บรู๊ซ ลี ต้องลาลับไปโดยไม่มีใครคาดฝัน ... ในขณะที่ความนิยมในตัวเขาพุ่งสูงจนเรียกได้ว่าเป็น "ปรากฏการณ์" ของวงการภาพยนตร์จีนและทั่วโลก ... ผู้ชมต่างต้องการชมลีลาบู๊แบบดุดัน และสะใจ ของราชากังฟูรายนี้ .. ต่อไป และ ต่อไป อย่างไม่มีเบื่อ .. สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ การนำเอาฟิล์มหนังที่ ลี ถ่ายเก็บไว้เพื่อทำหนังเรื่องใหม่ของเขา (Game of Death) แต่ถ่ายยังไม่ทันเสร็จ เจ้าตัวก็มาเสียชีวิตไปก่อน ... ฟิล์มเหล่านั้น ถูกนำมาใช้เพื่อตัดต่อเป็นหนังเรื่องใหม่ถึง ๒ เรื่อง (Game of Death และ Tower of Death) .. ฉากบู๊ในหนังทั้ง ๒ เรื่อง ผสมผสานกันระหว่าง ฟิล์มที่ถ่ายทำค้างไว้ของตัว ลี เอง กับ ฉากที่ถ่ายทำใหม่โดยใช้ "นักแสดง สวมรอย บรู๊ซ ลี" อันเป็นวิธีหนึ่งที่ทางกลุ่มผู้สร้างใช้เพื่อกอบโกยกระแสความคลั่งไคล้ บรู๊ซ ลี อย่างหนักหน่วงจากทุกสารทิศ ..

...ถึงขนาดมีการระดมชายฉกรรจ์นับร้อยคนในจีน ที่มีรูปร่าง , หน้าตา คล้ายคลึงกับ "บรู๊ซ ลี" มาทำการทดสอบหน้ากล้อง เพื่อตระเตรียมในการสร้างหนังตามกระแส "บรู๊ซ ลี" อันมักจะมีชื่อเรื่องประกอบไปด้วย " Death, Dragon และ Fist " ..

นอกจากการระดม "คนหน้าเหมือน" ดังกล่าวแล้ว อีกทางหนึ่งที่กลุ่มผู้สร้าง (โดยเฉพาะ โกลเด้น ฮาเวสท์) พยายามอย่างหนักหน่วง ก็คือ การค้นหาตัวตายตัวแทน "บรู๊ซ ลี" ขึ้นมา ... ชายหนุ่มนับร้อย ผ่านมาและผ่านไป ในบทบาทที่คล้ายคลึงกับแนวทางการแสดงของลีในหนังกังฟู .. แต่ไม่มีใครเลยที่จะทัดเทียมเขาได้ ..



.. กลุ่มนักแสดงที่เดินตามรอย "บรู๊ซ ลี" นอกจากจะสำเนาเอกลักษณ์ทั้งหลายแหล่ของบรู๊ซ ลี มาใช้ การตั้งชื่อในการแสดงของพวกเขาเหล่านั้น ก็ตามรอย ลี ด้วย ... จึงปรากฏชื่อดารากังฟูอย่าง "บรู๊ซ เหลียง , บรู๊ซ ไหล , บรู๊ซ เล" เป็นต้น ...

ทว่า ... ในบรรดาชายหนุ่มที่เดินตามรอย "บรู๊ซ ลี" นั้น มีเพียงไม่กี่คนที่ตัดสินใจ "สร้างเส้นทางใหม่"ของตนขึ้น .. โดยยกราชากังฟูขึ้นหิ้งไว้ .. แล้วกรุยทางเส้นใหม่ที่แสดงความเป็นตัวตนของตนเองอย่างเต็มที่ ..

นักแสดงคนที่ว่า .. กล้าจะแตกต่างออกไปนั้น .. ปรากฏชื่อในภายหลังว่า ... "เฉินหลง" ...

ชื่อเดิมของ "เฉินหลง" คือ "ชานคงซาน" ..แรกเริ่มเจ้าตัวเป็นหนึ่งในเจ็ดนักแสดงเด็กอุปรากรณ์จีนชื่อดัง (ที่มีเพื่อนร่วมรุ่นซึ่งต่อมากลายเป็นตำนานอีกหน้าหนึ่งในประัวัติศาสตร์ภาพยนตร์ "กังฟู" ของจีนอย่าง "หงจินเป่า" , "หยวนเปียว" , "หยวนหว่า" รวมทั้งผู้กำกับคิวบู๊มือฉมังในปัจจุบันอย่าง "หยวนขุย" , ที่นั่น พวกเขาต่างเป็นศิษย์มีครู .. และครูของพวกเขาคือ อาจารย์ ""หยูชานหยวน" ...

... ชีวิตของ "ชาน คง ซาง" ไม่ได้สวยงามอย่างในนิยายนัก .. เขาต้องเข้ารับการฝึกฝนกังฟูแบบเส้าหลินอย่างหนัก ... ตลอดระยะเวลา ๑๐ ปีที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในรั้วโรงเรียนแห่งนี้ ... เวลาของเขาถูกใช้ไปในการฝึกฝนตัวเองทางด้านร่างกายและจิตใจ , การเรียนหนังสือ และการออกเดินสายแสดงในนามอุปรากรณ์จีน ในนาม " The Seven Little Fortunes " .. และนั่นทำให้เขาได้รับชื่อใหม่จากการตั้งของอาจารย์ "หยูชานหยวน " .. ชื่อนั้นคือ "หยวนหลิว"

... กระทั่งเมื่อจบการศึกษาจากโรงเรียนนั่นแหล่ะ ที่เจ้าตัวเริ่มจับเส้นทางสู่การแสดงอย่างจริงจัง (หลังจากที่ ผ่านการแสดงเป็นนักแสดงสมทบเด็กมาแล้ว..) .. งานชิ้นแรก ๆ ที่เจ้าตัวได้รับ คือ การรับบทเป็นตัวประกอบในหนังกังฟูสามสี่เรื่อง หนึ่งในนั้น คือ " Fist of Fury " และ " Enter The Dragon " ของราชาหนังกังฟู "บรู๊ซ ลี" ..

หลังจากนั้น ชีวิตในวงการแสดงของเจ้าตัวก็เวียนว่ายอยู่กับบทตัวประกอบ นักแสดงสมทบ ... เรื่อยมา แม้จะได้รับการทั้งผลักทั้งดันจากผู้กำกับอย่าง "หลอเหว่ย" ที่เห็นแววและมอบบทบาทการแสดงนำให้เจ้าตัวหลายต่อหลายเรื่อง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จซักที .. จนกระทั่งเมื่อได้ร่วมงานกับผู้กำกับอีกคนนั่นแหล่ะ . ที่ "ชาง คง ซาน" หรือ "เฉินหลง" เริ่มจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ในฐานะของ "เฉินหลง" เอง ไม่ใช่ในฐานะ "บรู๊ซ ลี คนใหม่" ที่ หลอเหว่ย ทั้งผลักทั้งดันมาเป็นเวลานาน ...

ผู้กำกับคนดังกล่าว .. ย่อมเป็นใครไม่ได้นอกจาก "หยวนหวู่ปิิง" ที่ทางผู้สร้างอย่าง "อู๋ซีหยวน" เลือกให้มากำกับหนังเรื่องหนึ่ง ที่นำแสดงโดยตัว "เฉินหลง" เอง ... หนังเรื่องนั้นประสบความสำเร็จอย่างงดงาม .. สร้างชื่อให้กับทีมผู้สร้างและตัวเฉินหลงเองเป็นอย่างมาก .. การผสมผสานกังฟูอันรวดเร็วเข้ากับความตลกจากคิวบู๊ ที่มาในแบบ "ทีเล่นทีจริง" มากกว่าจะเอาให้ถึงตายอย่างที่ปรากฏในหนังช่วงนั้น .. โดยเฉพาะกับ การแสดงอันลื่นไหลของตัวเฉินหลงเอง ที่นำเสนอความกะล่อนยียวนบนจอได้อย่างน่ารักน่าชัง .. ทำให้หนังเรื่อง " ไอ้หนุ่มพันมือ " ( Snakes in the Eagles Shadow ) โด่งดังทั่วเอเชีย ..

หลังกระแสความโด่งดังนั้น กลุ่มผู้สร้างทีมเดิมได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง .. คราวนี้ พวกเขาได้สร้างงานที่เรียกได้ว่าเป็น " มาสเตอร์พีช " ของหนังในแนวทาง ตลก-กังฟู .. ที่ก่อให้เกิดหนังในรูปแบบดังกล่าวตามมาอย่างมากมาย และ เป็นตัว "เฉินหลง" ที่มีผลงานในแนวทางดังกล่าวติดทำเนียบมากกว่าใคร ๆ ...

หนังเรื่องที่ว่าคือ " ไอ้หนุ่มหมัดเมา " ( Drunken Master ) ...





ความเห็น

[1]


(ID:119132)
" ไอ้หนุ่มหมัดเมา " ออกฉายในปี ๑๙๗๙ นำเสนอเรื่องราวของ " หวงเฟยหง วัยหนุ่ม" ที่ยังห้าวและทะเล้นเป็นที่สุด .. หวงเฟยหง นอกจากจะเกรกมะเหรกเกเรไปวัน ๆ แล้ว ยังเทียวก่อเรื่องทะเลาะวิวาทไปทั่ว สร้างความหนักใจให้แก่ "หวงฉีอิง" ผู้เป็นบิดาอย่างมาก .. จนกระทั่งหมดความอดทนที่จะเสี้ยมสอนบุตรตนให้อยู่ในโอวาทได้อีกต่อไป ... จึงได้ส่งตัว หวงเฟยหง ให้แก่เพื่อนสนิทคนหนึ่ง นามว่า "ยาจกซู" .. และความันส์ ฮา ก็มาบังเกิดขึ้น เมื่อ ศิษย์หัวดื้อ กับ อาจารย์หัวไว ประทะกัน ... การฝึกกังฟูแบบโหด มัน พิสดาร จึงถูกงัดมาใช้เพื่อเสี้ยมสอนศิษย์หัวดื้อ รายนี้ให้เป็นผู้เป็นคนกับเขาขึ้นมาได้ ....

++


(ID:119133)
สิ่งที่หนังตลกชั้นเยี่ยมเรื่องหนึ่งจะมีได้ คือ บุคลิกตัวละครที่แสนโดดเด่น และ บทสนทนาชั้นเยี่ยม รวมไปถึง การวางและร้อยเรียงมุขตลกในเรื่องให้ไหลลื่นกลมกลืนไปกับเนื้อเรื่องได้อย่างแนบสนิท ไร้รอยสะดุด ... สิ่งเหล่านี้ปรากฏในหนังเรื่องนี้ทั้งหมด แถมยังอุดมไปด้วย ฉากบู๊กังฟู แบบ มันส์ผนวกฮา ที่ยากจะหาใครทำได้ดีเทียบเท่า "เฉินหลง" ...



(ID:119134)
ผู้ชมจำนวนไม่น้อย ที่เคยได้ชม หนังของ บรู๊ซลี ในอดีต คงและต้องทึ่งและชื่นชมในตัวเขาไม่น้อย ( อาจเปรียบได้กับ จา พนม ในยุคนี้ล่ะครับ ) แม้เขาจะเสียชีวิตมาแล้วกว่า 30 ปี และมีผลงานการแสดงนำเพียง 4 เรื่อง แต่ผู้ชมก็ยังระลึกถึงเขาอยู่เสมอ เขาเป็นนักแสดงต่างชาติเพียงไม่กี่คนที่ได้รับการยอมรับจากฝรั่ง จนได้รับเลือกจาก นิตยสารเอ็มไพร์ (อังกฤษ) จัดเขาเป็นหนึ่งใน 100 ดารานำตลอดกาล ในปี 1997


นอกจากผลงานด้านการแสดง บรู๊ซลี ยังถือว่าเป็นครูมวยกังฟู ที่มีอัจฉริยะทีเดียว เขาสามารถนำเอาศาสตร์ของการต่อสู้หลายแขนงมาประยุกต์ เป็น ศาสตร์ชนิดใหม่ ที่เขาเองเรียกว่า จี๊ทคุนโด ( Jeet Kung Do )

วันอังคาร ที่ 10 สิงหาคม 2553
Posted by HOF , ผู้อ่าน : 5092 , 19:22:35 น.  
หมวด : ภาพยนตร์/ละคร

พิมพ์หน้านี้
โหวต 0 คน


ผู้ชมจำนวนไม่น้อย ที่เคยได้ชม หนังของ บรู๊ซลี ในอดีต คงและต้องทึ่งและชื่นชมในตัวเขาไม่น้อย ( อาจเปรียบได้กับ จา พนม ในยุคนี้ล่ะครับ ) แม้เขาจะเสียชีวิตมาแล้วกว่า 30 ปี และมีผลงานการแสดงนำเพียง 4 เรื่อง แต่ผู้ชมก็ยังระลึกถึงเขาอยู่เสมอ เขาเป็นนักแสดงต่างชาติเพียงไม่กี่คนที่ได้รับการยอมรับจากฝรั่ง จนได้รับเลือกจาก นิตยสารเอ็มไพร์ (อังกฤษ) จัดเขาเป็นหนึ่งใน 100 ดารานำตลอดกาล ในปี 1997


นอกจากผลงานด้านการแสดง บรู๊ซลี ยังถือว่าเป็นครูมวยกังฟู ที่มีอัจฉริยะทีเดียว เขาสามารถนำเอาศาสตร์ของการต่อสู้หลายแขนงมาประยุกต์ เป็น ศาสตร์ชนิดใหม่ ที่เขาเองเรียกว่า จี๊ทคุนโด ( Jeet Kung Do )


มากล่าวถึง ประวัติและผลงานด้านแสดง ของบรู๊ซลี ก่อนครับ
บรู๊ซลี เกิดที่โรงพยาบาลในย่านไชนาทาวน์ มลรัฐซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ปี 1940 ในระหว่างที่พ่อของเขา ( พ่อของบรู๊ซเป็นชาวจีน ขณะที่แม่ของเขานั้นเป็นลูกครึ่งระหว่างจีนกับเยอรมัน ) พร้อมกับคณะงิ้วกวางตุ้งไปตระเวนแสดงในอเมริกา บรู๊ซจึงได้รับสัญญาติอเมริกัน จากนั้นพ่อของเขาก็พากลับฮ่องกง

บรู๊ซลีเริ่มเข้าสู่โลกเซลลูลอยด์ตั้งแต่ยังเป็นทารกหนึ่งขวบ จากนั้นก็มีการแสดงในฮ่องกงเรื่อยๆ ตั้งแต่ 6 ขวบ ในภาพยนตร์เรื่อง "The Beginning of the Boy" (1946 )

จากนั้นก็ได้เล่น Xi lu xiang หรือ My Son, Ah Chung (1950) ตอนที่เขายังอายุสิบขวบ ซึ่งได้ฉายในอเมริกา จากนั้นลีเล่นภาพยนตร์มาตลอด


+
+


(ID:119135)
พอเริ่มเป็นวัยรุ่นก็เริ่มเกเร ยกพวกตีกับชาวบ้านเขาไปทั่ว ครั้งหนึ่งเมื่อเขาได้ต่อสู้กับเด็กคนหนึ่ง ซึ่งตัวเล็กกว่า แต่เขาพ่ายแพ้ เพราะเด็กคนนั้นเรียนวิชามวย เขาจึงต้องการเรียนมวยบ้าง เขาจึงเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ของ สำนักมวย หย่งชุน ของอาจารย์ยิบมัน เขาละทิ้งโรงเรียนและหันมาเอาจริงเอาจังทางกังฟู ตั่งแต่อายุเพียง 15 ปี
ปลายเดือนเมษายน ค.ศ. 1959 ที่เกาลูนแห่งเกาะฮ่องกงมีการประลองมวยจีน ระหว่างศิษย์สองสำนัก ฝ่ายหนึ่งคือ บรู๊ชลี ในวัย 19 ปี ซึ่งขณะนั้นเป็นศิษย์ของอาจารย์ยิบมันเรียนมวยหย่งชุนอยู่ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งที่มาท้าประลองเป็นคนของสำนักหลงอี้ฝึกมวยใต้มา 4 ปีแล้ว สถานที่ประลองคือ ดาดฟ้าของตึกแห่งหนึ่งซึ่งตามปกติใช้เป็นสนามบาสเก็ตบอลตามกติกาที่ตกลงกันในตอนแรก คือ ต้องหยุดหมัดก่อนชกถูกลำตัวและหากผู้ใดหลุดออกนอกเส้นสนามบาสเก็ตบอลจะถือว่าเป็นฝ่ายแพ้

แต่ครั้นพอ บรู๊ช เพิ่งจะถอดเสื้อออก หมัดของคู่ประลองก็ใส่เข้ามาที่ใบหน้าของบรู๊ช ลี ทันที ทำให้กติกาที่ตกลงกันไว้ยกเลิก กลายเป็นการวิวาทกันอย่างไม่มีกติกาไปเสียแล้ว แต่การวิวาทในครั้งนี้กลับกลายเป็นว่า ฝ่ายนั้นถูก บรู๊ช ลี ต่อยลงไปนอนกับพื้นแล้วยังถูก บรู๊ช ลี ตามเข้าไปแตะซ้ำที่ใบหน้าอีกสองทีจนฟันหักหลายซี่และสลบคาที่ ขณะที่ตัว บรู๊ช ลี นอกจากรอยช้ำที่ขอบตาเพราะโดนหมัดทีเผลอในตอนแรกแล้วแทบไม่โดนต่อยเลย


+ +
++


(ID:119136)

ต่อมา ผู้ปกครองของคู่ประลองได้เข้าแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินการกับบรู๊ช ลี ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ทำให้พ่อของบรู๊ซ ต้องส่ง เขาไปอยู่ อเมริกา

บรู๊ช ลี จึงเดินทางไปเมืองซานฟรานซิสโก ในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1959 เขามาทำงานที่ร้านอาหารของญาติในซานฟรานซิสโกอยู่พักหนึ่ง แล้วย้ายไปซีแอตเทิล เป็นครูสอนเต้นรำชาชาชา ซึ่งเขาเคยได้แชมป์ที่ฮ่องกงมาก่อน
จากนั้นเขาก็มาเรียนวิชาปรัชญา ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน เรียนจบแล้วย้ายไปแคลิฟอร์เนีย บรู๊ซลี พบกับลินดา ลี แคดเวลล์ ภรรยาที่แต่งงานอยู่กินกันขณะที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียนี่เอง พร้อมทั้งตั้งสถาบันสอนศิลปะป้องกันตัว สอนมวยจีนไปด้วย


+
+


(ID:119137)

เดือนกรกฏาคม ปี ค.ศ. 1964 บรู๊ช ลี ในวัย 24 ปี ได้ย้ายไปอยู่ที่โอ๊คแลนด์ อาชีพสอนกังฟู สร้างรายได้ให้ บรู๊ซถึง ชั่วโมงล่ะ 275 ดอลล่าร์ และเขียนหนังสือเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้จีนหลายเล่ม เขากับคู่หูเปิดรับนักเรียนกังฟูที่ไม่ใช่เอเชียอย่างเป็นทางการในเมืองโอ๊กแลนด์ หลังจากสองปีก่อนเขาเคยเทรนคนผิวขาวคนแรกเล่นกังฟู และก่อนหน้านั้นเล็กน้อย มีสตูดิโอสอนกังฟูไม่จำกัดสีผิวเจ้าอื่นเปิดก่อนเป็นแห่งแรกในโลกที่ไชน่า ทาวน์ ในลอสแอนเจลิส
ที่โอ๊คแลนด์นี่เองที่เป็นจุดหักเหแห่งวิถีมวยจีนของบรู๊ช ลี เพราะบรู๊ซ มีเหตุต้องประลองกับครูมวยจีนคนหนึ่งชื่อ หว่อง แจ๊คแมน โดยเรื่องมีอยู่ว่า
เมื่อ บรู๊ช ลี มาเปิดสำนักมวยจีนที่โอ๊คแลนด์ โดยเปิดกว้างต่อชาวตะวันตก ทำให้ผู้อาวุโสชาวจีนโพ้นทะเลในไชน่าทาวน์ที่ซานฟรานซิสโกไม่พอใจเป็นอย่างมาก และส่งสาส์นออกมาเตือนบรู๊ช ลี หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่สนใจยังคงเปิดสำนักมวยสอนชาวต่างชาติอยู่อีก ในที่สุด ทางนั้นจึงส่ง หว่อง แจ็คแมนที่เชี่ยวชาญ หมัดกระเรียนขาว (มวยใต้ของมณฑลฮกเกี้ยน) เพื่อมาปราบ บรู๊ช ลี

ก่อนประลอง หว่อง แจ๊คแมน ได้พาลูกศิษย์และผู้เกี่ยวข้องราว ๆ 10 คนมาที่สำนักมวยของ บรู๊ช ลี โดยเรียกร้องให้เขายุติการสอนมวยจีนให้แก่คนต่างชาติ หรือไม่ก็ต้องรับคำท้าประลองจากตน และถ้าหากบรู๊ช ลี แพ้เขาจะต้องปิดสำนักหรือไม่ก็ต้องเลิกสอนชาวต่างชาติเสีย โดยทางฝ่ายหว่องคงแค่คิดจะขู่ บรู๊ช ลี ให้หงอแล้วยอมทำตามความเห็นของพวกผู้ใหญ่ในไชน่าทาวน์เท่านั้น แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อ บรู๊ช ลี กลับรับคำท้าของหว่องจริง ๆ มิหนำซ้ำยังเป็นฝ่ายเสนอให้สู้กันโดยไม่มีกติกาข้อห้ามใด ๆ ทั้งสิ้นด้วย

บรู๊ช ลี สั่งให้ลินดาภรรยาของเขาและศิษย์ในสำนักของเขาทั้งหมดออกไปข้างนอก ข้างในมีแต่เขากับหว่องและพวกเท่านั้น เมื่อการประลองเริ่มขึ้น บรู๊ช ลี เป็นฝ่ายเข้าประชิดตัวหว่องแล้วออกหมัดตรงเป็นชุดใส่หว่องราวกับพายุบุแคม หว่องพยายามถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่างจาก บรู๊ช ลี เอาไว้แต่ บรู๊ช ลี กลับตามติดแล้วปล่อยหมัดชกออกไปไม่หยุดหว่องทนการบุกของบรู๊ช ลีไม่ไหวถึงกับหันหลังหนีไม่คิดสู้อีก บรู๊ช ลี ต้องกระโจนไปกระชากตัวหว่อง ทุ่มลงนอนกับพื้นเงื้อหมัดหมายเผด็จศึก จนหว่องเอ่ยปากยอมแพ้ การประลองในครั้งนั้นจึงยุติลง

แม้บรู๊ช ลี จะได้ชัยอย่างง่ายดาย แต่ตัวเขากลับไม่พอใจในสไตล์การต่อสู้ของเขาในครั้งนั้นเลย เพราะเขาต้องใช้เวลาในการประลองนานถึงกว่า 30 วินาทีกว่าจะพิชิตคู่ต่อสู้ได้ ในขณะที่สไตล์การต่อสู้ในอุดมคติของบรู๊ช ลี คือต้องโค่นคู่ต่อสู้ให้ได้ภายใน 6 วินาที เท่านั้น


+ +
++


(ID:119138)
บรู๊ช ลี ได้วิเคราะห์จุดอ่อนในสไตล์การต่อสู้ของเขาในครั้งนั้นซึ่งใช้มวยหย่งชุนว่าขาดฟุตเวอร์คที่ดีพอทำให้ต้องเสียเวลาไล่ตามคู่ต่อสู้ที่ถอยหนีไม่ยอมปะทะด้วย อาจกล่าวได้ว่า ผลจากการประลองกับหว่อง แจ๊คแมน เป็นจุดเริ่มต้นการคิดค้น วิชา "มวยจี๊ทคุนโด"

ชื่อเสียงของบรู๊ซลี เริ่มโด่งดังจนถึงขนาดที่ว่าโรงเรียนสอนศิลปะการป้องกันตัวของญี่ปุ่นในซีแอตเทิล ต้องขอมาทดสอบฝีมือด้วย

ปี 1966 เขามีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทภาพยนตร์เล็กๆของฮอลลีวู๊ด เป็นตัวประกอบในซีรีย์ เรื่อง The Green Hornet" หนังชุดนี้มี 30 ตอน แม้จะไม่ดังมาก แต่ก็ทำให้ลีเริ่มมีชื่อเสียงโดดเด่นยิ่งกว่าดารานำเสียอีก แต่นั่นกลับทำให้ดาราดังอย่างเจมส์ โคเบิร์น และสตีฟ แม็คควีน อ้อนวอนขอให้บรูซช่วยรับเป็นศิษย์ และเขายังเรียนคาราเต้เพิ่มเติม ในสาขา Kenpo Karate จากอาจารย์ญีปุ่นในกลางทศวรรษที่ 60


+ +


(ID:119139)

ก่อนจะกลับไปสอนกังฟูต่อ หลังจากผิดหวังในฮอลลีวูด เขากลับฮ่องกงในปี 1971 พบกับ เรย์มอนด์ เชา (Raymond Chow) ผู้ผลิตหนังในฮ่องกง เปิดฉากด้วย "ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง" (The Big Boss) ถ่ายทำในประเทศไทยทั้งเรื่อง ( กรุงเทพ และ สระบุรี ) แสดงร่วมกับ เหมียวเข่อซิ่ว (Mao Ke-hsiu หรือ Nora Miao) ดาราดังในยุคนั้น
เหมียวเข่อซิ่ว (苗可秀)  ชื่อภาษาอังกฤษว่า  Nora Miao  
เป็นดาราสาวแสนสวยที่มีชื่อเสียงมากในยุค 70  ชื่อนี้เป็น
ชื่อที่เรารู้จักกันในวงการบันเทิง  โดยรู้จักเธอครั้งแรกจากภาพยนตร์จอเงิน
ที่เขียนเรื่องโดย หลีเสี่ยวหลง หรือ Bruce Lee จากเรื่องไอ้หนุ่มซินตึ้ง  
ที่ทำรายได้ถล่มทลายที่ฮ่องกงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ชื่อเสียงของบรู๊ซลี
ดังระเบิดเถิดเทิงไปในทันที  และภาคต่อมาก็สร้างต่ออีก 2 ภาค

ชื่อ เหมียวเข่อซิ่ว มีที่มาจากไหน เธอเปิดเผยว่า ชื่อนี้นำมาจากคำสุภาษิต
คำว่า "เหมียวเอ๋อร์ปู๋ซิ่ว" (苗而不秀) แปลว่า
ต้นอ่อนที่ไม่สามารถออกดอกออกผลได้  สื่อความหมายว่า  คนเก่งที่มีสติปัญญาแต่ไร้ซึ่งผลงาน
แล้วมาแปลงเป็น "เหมียวเข่อซิ่ว" ซึ่งแปลว่า  ต้นอ่อนที่สามารถผลิดอกออกผลได้
หมายความว่า เป็นคนเก่งที่มีผลงาน  เป็นชื่อดีที่ลบล้าง
คำสุภาษิตคำดังกล่าวข้างต้นได้ดีทีเดียว  เก่งสมชื่อจริงๆ อาแจ้
เจ้เหมียวเธอมีชื่อจริงว่า เฉินหยงหมิ่น (陈咏悯)  
เกิดวันที่ 8 ก.พ.1952  เมื่อ 57 ปีมาแล้ว เกิดและโตที่ฮ่องกง  
สัดส่วนไม่บอกครับ   ส่วนสูง 163 cm.  น้ำหนัก  49 kg.
(น่าจะเป็นน้ำหนักเมื่อตอนยุค 80  ปัจจุบันนี้คงเกินแล้วหล่ะ)  
บรรพบุรุษเป็นชาวจีนมณฑลกวางตุ้ง  ก็อยู่ใกล้ๆ ฮ่องกงนี่เอง  
เธอจบการศึกษาที่ St. Rose of Lima's College
ที่ฮ่องกง  




(ID:119140)
เหมียวเข่อซิ่ว เข้าสู่วงการแสดง เมื่อปี 1970 ในสังกัด  เจียเหอ ( 嘉禾)
หรือที่เรารู้จักกันในภาษาอังกฤษว่า โกลเด้น ฮาร์เวสท์  (Golden Harvest)  
(เมื่อตอนเด็กๆ เราฟังเป็น โกลเด้นเฮาเวส)   แสดงภาพยนตร์เป็นนางเอก
หนังของ บรู๊ซลี  3 เรื่อง คือ

1.ไอ้หนุ่มซินตึ้ง ( 唐山大兄   ตึ่งซัวตั่วเฮีย ) The Big Boss ปี 1971
2.ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง ล้างแค้น (精武门 สำนักมวยจิงอู่ ) Fist of Fury  ปี 1972
3.ไอ้หนุ่มซินตึ้งบุกกรุงโรม ( 猛龙过江  ไอ้มังกรเดือดตะลุยข้ามแผ่นดิน)
   The Way Of The Dragon  ปลายปี 1972
ปีถัดมา คือ ปี 1973  ก็ลาออกจากสังกัด  Golden Harvest  
มาเป็นพิธีกรจัดรายการทางโทรทัศน์ และเป็นดารา ที.วี.
เรื่องที่ผ่านสายตาเราก็คือ แสดงเป็น ต๊กโกวหงส์  ในเรื่องกระบี่ไร้เทียมทาน ปี 1979  
และยอดยุทธจักรมังกรฟ้า ปี 1980
และอีกหลายเรื่องของค่าย ATV(ที่เราไม่ได้ดู)  คือ

ปี 1986   เรื่อง  Lady C.I.D  ( 柔情点三八)
ดารานำแสดงได้แก่  จูเจียง พันจื้อเหวิน  หมีเสวี่ย  เย่อวี้ชิง   เหมียวเข่อซิ่ว (แสดงเป็น เฮเลน)

ปี 1987 เรื่อง ถีเสี้ยวอินเหวียน (啼笑因缘)  
เป็นเรื่องราวระหว่างชายหนุ่มและสาวนักร้อง เกิดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ในยุค 1920
ดารานำแสดงได้แก่ หลิวซงเหยิน  หมีเสวี่ย   เหมียวเข่อซิ่ว (แสดงเป็น กวนซิ่วกู )

ปี 1987  เรื่อง 13 ฮ่องเต้ราชวงศ์ชิง เธอร่วมแสดงด้วย 3 ตอน (3 จักรพรรดิ)   คือ

1.  ตอน จักรพรรดิ์ ฮวั๋งไท่จี๋ (ฉ่งเต๋อ)  แสดงเป็น สนมจวง (พระสนมของจักรพรรดิ์ฉ่งเต๋อ)
2.  ตอน จักรพรรดิ์ ซุ่นจื้อ  (องค์ชาย 9 โอรสของจักรพรรดิ์ ฮว๋างไท่จี๋)  แสดงเป็น เสี้ยวจวงไทเฮา
     (พระมารดาของจักรพรรดิ ซุ่นจื้อ)
3.  ตอน จักรพรรดิ คังซี   (องค์ชาย 3 โอรสของจักรพรรดิ์ ซุ่นจื้อ )   แสดงเป็น เสี้ยวจวงไทฮองไทเฮา  



(ID:119141)
ปี 1987 เรื่อง   "หลวี่ฮองเฮา"  หนึ่งใน 4 สตรีมหัศจรรย์ในแต่ละยุคของประวัติศาสตร์
( 历代奇女子之吕后 ) Those Famous Women In Chinese History
แสดงเป็น หลวี่จื้อ  (吕雉) หลวี่ จื้อ  เป็นพระชายาของหลิวปัง  อ๋องแห่งแคว้นฮั่น
หลังจากที่หลิวปังรบชนะเซี่ยงอวี่ อ๋องแห่งแคว้นฉู่ (ฉู่ป้าหวัง หรือช้อปาอ๋อง)  
แล้วสถาปนาขึ้นครองราชย์ เป็นกษัตริย์ต้นราชวงศ์ฮั่น (ฮั่นตะวันตก) ก่อน ค.ศ.202 ปี
พระนามว่า ฮั่นเกาจง และได้แต่งตั้งให้ หลวี่จื้อ เป็น หลวี่ฮองเฮา    
ในช่วงกลางยุค 80 ก็มีข่าวคราวออกมาว่า
มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับพระเอกหนุ่มรูปหล่อชื่อดังจากเรื่องน้ำตาจระเข้นามว่า พันจื้อเหวิน  ข่าวล่าสุดตอนนั้น

หมดยุค 80 เธอก็อำลาวงการภาพยนตร์ไป

ขึ้นสู่ยุค90  เธอย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ โตรอนโต
ถิ่นไชน่าทาวน์ในประเทศแคนาดา  ทำอาชีพเป็นนักจัดรายการ
ทางสถานีวิทยุ ( Toronto Chinese Radio )  
ภาคภาษาจีนกวางตุ้ง ชื่อรายการ "มีนัดกับแฟน"  佳人有约
Having a date




(ID:119142)
ต่อมาเมื่อเร็วๆ นี้ คือเมื่อปีที่แล้ว (2008)  เจ้เหมียวเธอกลับเข้าสู่วงการภาพยนตร์อีกครั้ง  

ร่วมแสดงภาพยนตร์ที่กำกับฯ โดย จางไอ้เจีย ในเรื่อง " อี๋เก้อเห่าป้าป่ะ" (一个好爸爸) "
แปลว่า คุณพ่อที่ดีคนหนึ่ง  หรือชื่อเรื่องภาษาอังกฤษว่า  Run Baba Run  (รัน ป่าป๊า รัน)  

นำแสดงโดย กู่เทียนเล่อ    หลิว ยรั่ว อิง



(ID:119143)
ตามที่เสนอไปแล้วข้างต้นครับ  คือ เจ้เหมียวไม่ได้ยอมรับ หรือ ปฏิเสธ
ว่าเป็นหรือไม่ได้เป็นแฟนกันกับบรู๊ซลี


ดาราที่ถ่ายหนังด้วยกัน ก็สนิทสนมกันเป็นธรรมดา
กองสอดแนมหาข่าวของวงการบันเทิงบางทีก็เอาไปเขียนเอาเอง

กุข่าวเองก็มี ความจริงเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครทราบ
เพราะเจ้าตัวไม่ยอมเปิดเผยอะไร ใครจะเขียนอะไรก็เขียนไป....

ตามหลักฐานที่เห็นตามสื่อ  ไม่ปรากฏรูปของเจ้เหมียวถ่ายคู่กับหนุ่มหน้ามลคนไหนเลย  
ถ่ายภาพเดี่ยวตลอด

ตอนที่เจ้เธอไปทำงานที่แคนาดา  ก็พาแม่ไปเที่ยวที่แวนคูเวอร์ (vancuvour )
บ่อยๆ  และทุกครั้งก็ต้องแวะไป

ลิงค์หัวข้อ: http://wintesla2003.com/topic/110451



(ID:119144)
บรู๊ซลี วาดลวดลายพายุหมัดและเท้าแบบที่ผู้ชมไม่เคยเห็นมาก่อน เขาได้ประกาศศักดาของคนเอเชีย เตะฝรั่งตัวมหึมาคว่ำคาเท้า ส่งผลให้ลีกลายเป็นฮีโร่ของคนทั่วฮ่องกงและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หนังของเขาทำรายได้มหาศาล แสดงร่วมกับ เหมียวเข่อซิ่ว เช่นเดิม
โดยหนังเรื่องนี้ บรู๊ซ ลี กำกับ และเขียนบทด้วยตนเอง ทั้งยังได้เข้าไปถ่ายทำใน โคลีเซียม ของอิตาลี กลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเขา รายได้สูงสุด ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปถึงฮอลลีวูด ร่วมแสดงโดย เหมียวเข่อซิ่ว และชัค นอริส ดาราศิลปป้องกันตัวชื่อดังของอเมริกา รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญศิลปป้องกันตัวอีกหลายชาติ

+


(ID:119145)
เรื่องต่อมาจึงได้ทุนจากอเมริกาคือ "ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง มังกรประจัญบาน" (Enter the Dragon) 1973 หนังทำรายได้ถล่มทลายกว่าสองร้อยล้านเหรียญ กลายเป็นหนังกังฟูฮ่องกงเรื่องแรกที่สร้างปรากฏการณ์ใหญ่ให้แก่วงการ ภาพยนตร์เอเชีย อีกทั้งยังก่อให้เกิดกระแสคลั่งไคล้ไอ้หนุ่มซินตึ๊งไปทั่วโลก


แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่ บรู๊ซลี เสียชีวิตเสียก่อนที่หนังจะฉาย ด้วยวัยเพียง 32 ปี ( หลังจาก อาจารย์ยิบมันเสียชีวิตเพียง 1 ปี )



(ID:119146)

หนังเรื่องสุดท้ายของบรู๊ซ GAME OF DEATH (1978) ชื่อไทย ไอ้หนุ่มซินตึ๊งเกมมรณะ ซึ่งบรู๊ซลี ถ่ายไม่จบ เพราะเสียชีวิตก่อน และได้ใช้คนอื่นมาแสดงต่อจนจบ

หลังจากนั้น ยังมีการสร้างหนังประวัติของ บรู๊ซลี จากเนื้อหาที่ ลินดา ภรรยาของเขาเขียน Dragon: The Bruce Lee Story 1993 แสดงนำโดย Jason Scott Lee

บุตรของ บรู๊ซลี Brandon Lee ได้เดินตามรอยบิดา เป็นนักแสดง โดยแสดงเพียงเรื่องเดียว The Crow 1994 ชื่อไทย อีกาพยายามและเสียชีวิต ด้วยอายุเพียง 28 ปีและยังมี ซีรีย์ เรื่อง The Lendgend of Brucelee 2008




(ID:119147)

ผลงานทาง การคิดค้นวิชามวย จี๊ทคุนโด Jeet Kun Do  หรือ วิชาหยุดหมัด ที่รวมเอาการต่อสู้ ถึง 26 ชนิด บรู๊ซลีนั้น ศึกษาในศิลปะการต่อสู้ ทั้ง มวยจีนไท๊เก็ก สายตระกูลอู๋ที่บิดาสอนในตอนเด็ก มวยหย่งชุน ที่ฝึกกับอาจารย์ยิบมัน และยังมีมวยจีนสายอื่นๆ ทั้งมวยเหนือ และ มวยใต้ สายเส้าหลิน แต่ดูเหมือนว่า บรู๊ช ลี ไม่เคยมีโอกาสได้ค้นคว้ามวยสิ่งอี้ มวยปากัว (ฝ่ามือมังกรแปดทิศ) มวยอี้ฉวน (มวยจิต) และมวยแปดสุดยอด มิฉะนั้นแล้ว ฝีมือของเขาจะยิ่งรุดหน้ากว่าที่เป็นอยู่ในขณะนั้นอย่างแน่นอน

ในส่วนมวยต่างชาติ บรู๊ซลี ศึกษาทั้ง คาราเต้ ในสาขา Kenpo Karate , เทคควันโด้ , มวยไทย , มวยปล้ำ , มวยสากล ยิวยิตสู ฯลฯ ไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน โดยมีท่วงทำนองที่ลื่นไหลและยืดหยุ่นมากขึ้น

ด้วยความที่ บรู๊ซลี เป็นคนตรง เชื่อมันในตัวเอง และมุ่งมั่นทำงานอย่างหนัก โดยไม่ยอมพักผ่อนและดูแลร่างกายที่ถูกใช้งานอย่างหนัก เขาฝึกฝน จนบ่อยครั้งเขาถึงกับไม่กินข้าว ในที่สุดเขาก็มีคนพบร่างไร้สติของเขาที่บ้านพักของดาราสาว เบ็ตตี ติงเพ่ย (Betty Ting Pei) ในฮ่องกง เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิต เนื่องจากบรู๊ซป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองบวม เนื่องจากแพ้ยาแก้ปวดที่ติงเพ่ยให้กินก่อนเขาจะหลับ เป็นการตายโดยอุบัติเหตุไม่ใช่ฆาตกรรม
แต่ถ้าหาก บรู๊ช ลี ยังคงมีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้ จะมีอายุ หกสิบเศษ เชื่อว่าในช่วงสามสิบปีมานี้เขาคงหันมาสนใจศาสตร์กำลังภายในอย่างวิชาลมปราณล้างไขกระดูก และมวยภายในสกุลต่าง ๆ รวมทั้งหันมาสนใจเรื่องจิตวิญญาณด้วยอย่างแน่นอน ตำนานของ "มังกร" อย่าง บรู๊ช ลี จึงยังกลายเป็นตำนาน ที่ยังไม่ตาย ของ มังกรผู้ผงาดโลก ตราบจนเท่าทุกวันนี้


+
++


(ID:119148)

+


(ID:119149)

"เฉินหลง" ที่ได้ความสด บวกกับบุคลิกทะเล้นติดทะลึ่งของตัวละคร อันกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเขาในที่สุด ...แม้ คิวบู๊ จะยังเป็นในทิศทางที่ออกจะ "อนุรักษ์นิยม" คือ ยังช้าและคล้ายคลึงกับการแสดงอุปรากรณ์ มากกว่าจะเป็น คิวบู๊ ที่ดุดัน รุนแรง แบบในหนัง บรู๊ซ ลี แต่ทว่า กลับกลายเป็นผลดีซะอีก เพราะทำให้สามารถดึงความสามารถของเฉินหลง ออกมาได้อย่างสูงสุด .. สิ่งที่ดึงดูดผู้ชมในฉากบู๊ จึงไม่ใช่ความรุนแรงแบบ บรู๊ซ ลี แต่เป็นความว่องไว และ สวยงาม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยลีลาแสนสนุกของเฉินหลง .. ซึ่งเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับผู้ชมอย่างยิ่งในขณะนั้น ....

คนที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย คงจะหนีไม่พ้น "หยวนหวู่ปิง" ที่ได้ความแรงของหนังเรื่องนี้ ส่งเจ้าตัวขึ้นหิ้งระดับท๊อปของกลุ่มผู้กำกับคิวบู๊ชั้นเยี่ยมของยุค ไล่กระชั้นเจ้าของตำแหน่งเดิมที่ครองมายาวนานอย่าง "หลิวเจียเหลียง" ... ด้วยคิวบู๊ ที่สดใหม่ ผสมผสานความอ่อนช้อยของอุปรากรณ์จีน เข้ากับ ความตลกตามสถานการณ์ที่หยอดเข้ามาอย่างไม่ยั้ง แม้กระทั่งฉากบู๊เอาเป็นเอาตายที่สุดของเรื่องในช่วงท้าย .. หยวนหวู่ปิง ก็ไม่ลืมที่จะงัดท่าไม้ตายฮา ๆ ออกมาให้คนดูได้ขำกันจนได้ .

" ไอ้หนุ่มหมัดเมา " อาจจะเป็นหนังทีั่ดูล้าสมัยในแง่ของการถ่ายทำไปแล้ว แต่ทว่า ความสนุกยังคงเต็มเปี่ยม นั่นก็เพราะความไหลลื่น และลงตัวในทุกๆส่วนของหนัง ไล่ตั้งแต่ การแสดง , ตัวละคร , บทสนทนา และ คิวบู๊ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับหนังกังฟูเยี่ยม ๆ ซักเรื่อง .. จึงไม่แปลกที่แม้เวลาจะผ่านมานานกว่า ๓๐ ปี แต่ในอันดับท๊อปลิสท์หนังกังฟู "ไอ้หนุ่มหมัดเมา" จะยังยืนหยัดอยู่ในท๊อปทรีได้อย่างภาคภูมิ ...

สิ่งที่หนังฮา ๆ เรื่องนี้ นำเสนออาจไม่มีอะไรมากไปกว่า เรื่องของ หนุ่มทะเล้น รายหนึ่งที่ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงจนกระทั่งเป็น " ยอดบุรุษ " ที่สามารถเอาชนะศัตรูที่ยิ่งใหญ่กว่าได้อย่างงดงามในตอนท้ายเรื่อง ...

...แต่หากจะลองเทียบกับเรื่องราวในชีวิตของตัวนักแสดงนำอย่าง "เฉินหลง" เองแล้ว จะเห็นได้ว่า เรื่องราวในหนังแทบจะทาบทับกับชีวิตของเขาเองอย่างแนบเนียน...

อุปสรรคอันยิ่งใหญ่ของ "เฉินหลง" อาจไม่ใช่ศัตรูที่ร้ายกาจอย่างในหนัง ที่มีวิทยายุทธอันโหดเหี้ยม แต่เป็น "สถานะ" ของเขาเองต่างหาก ที่เป็นยอดศัตรูที่หลายคนเคยพ่ายแพ้มาแล้ว ... สถานะที่ว่าคือการเป็น " บรู๊ซ ลี คนใหม่ " นั่นเอง ..

การเลือกทางเดินของ หวงเฟยหง ในเรื่องที่สุดท้ายก็ไม่ดึงดัน ลดละฐิติของตัวเอง แล้วยอมรับและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในท้ายที่สุด ก็คล้ายคลึงกันกับในชีวิตจริงของเฉินหลงเอง ที่ปรับเอาพฤติกรรมในชีวิต บวกกับความชื่นชอบของตัวเองที่หลงไหลในหนังตลกเงียบของ บัสเตอร์ คีตัน ... ผสมผสานกับกังฟูยุคเก่าอย่างกลมกล่อม ให้กลายเป็น " เฉินหลง " ที่ไม่ใช่ " บรู๊ซ ลี คนใหม่ " อย่างที่ใคร ๆ พยายามจะยัดเยียดให้เขาก่อนหน้านี้ ...

ที่สุดแล้ว คนเราก็ต้องเลือกจะกรุยทางเดินของตัวเอง ... โดยเฉพาะทางเดินที่เป็นตัวของตัวเองที่สุด ..

...การก้าวตามทางเก่าที่คนอื่นกรุยทางไว้ .. นับเป็นสิ่งที่ดี .. แต่ยังไม่ดีที่สุดสำหรับคนที่อยากจะก้าวไปให้ไกลกว่านั้น .. ก้าวไปยังสิ่งที่สูงสุดสำหรับตน .. เพราะเส้นทางที่ถางไว้แล้ว .. ย่อมจะมีจุดสิ้นสุดของมันเสมอ ..

ผิดกับเส้นทางใหม่ .. ที่เราสร้างและกำหนดเองได้ว่า ....

" จะจบอย่างเป็นตำนาน .. หรือจะเดินตามเขาอย่างคนไม่มีเงาเป็นของตัวเอง ..."




เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 18

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 112735884 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Julirag , Jabeabe , Clarazkamic , KennethsAmara , SherinkaTrelf , BoxerBral , DavidoosGot , Vilianarab , Vikisrx , JustinzeDew ,