“สายสุดา พึ่งสุจริต”
นักพากย์ศิษย์ “ชัยเจริญ”

มติตรัง สัมภาษณ์ นักพากย์หญิงเสียงหวานนุ่ม ชื่อดัง คุณสายสุดา พึ่งสุจริต เคยพากย์คู่กับ อรุณชัย โดยเฉพาะสายใต้ ที่แฟนหนังติดกันมากเมื่อ 30กว่า ปีก่อน สืบหานานจนพบ

กับพี่สายสุดา ที่กรุงเทพฯ ทราบมาว่าพี่ดา สนิทและเป็นลูกศิษย์ อ.ชัยเจริญ ดวงพัตรา อ.นักพากย์ชื่อดัง เบอร์ 1 ภาคใต้ คุณสายสุดาครั้งหนึ่ง ได้เคยไปร่วมพากย์กับคณะ “ทีมเสียงเอก “กับคุณศิริพร วงศ์สวัสดิ์ และรอง เค้ามูลคดี มาแล้วด้วย ผู้หญิงท่านนี้มีอะไรดี แน่นอน..

ผู้เขียน ติดต่อได้พบ คุณสายสุดาในวัย สูงอายุ แต่ท่านก็ยังสวยดูภูมิฐาน พูดจาคมคาย เสียงไพเราะ และเป็นกันเองมากพูดจาเรียบร้อยน่าฟัง

ใชัเวลาคุยกันนาน สิ่งที่เธอเล่าน่าสนใจมาก เป็นประโยชน์อาชีพพากย์หนัง เป็นบุคคลพิเศษ ที่สามารถ ทําให้คนดูยิ้ม ขำ หัวเราะ หรือร้องไห้ได้ คุณสายสุดา เธอเล่าประวัติให้ฟังว่า..อาชีพนี้เป็นอย่างไร ?

ดิฉันพากย์หนัง ตั้งแต่ อายุ 18 ปี เพราะพี่สาวเป็นนักพากย์จึงติดตามพี่ไปตลอด จดจําวิธีพากย์ จนซึมซับใจเรารักศิลปะ การพากย์ ตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งวันหนึ่งพี่สาวไม่สบาย ขอให้ช่วยพากย์แทน ก็ตกลง แต่กลัวนะค่ะ สั่นไปหมด เป็นหนังไทย ใจเต้น เข็นจนจบเรื่อง

ดิฉันเริ่มพากย์หนังเร่ก่อน เป็นบริษัทหนังหลังเฉลิมกรุง จัดจําหน่าย ต้องไปหลายจังหวัด ตั้งแต่ อยุธยาขึ้นเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย ยันเชียงของ ภาคเหนือ ไปพากย์เรื่อง จําปูน ต่อมาพากย์หนัง เร่หนังไปใต้ จนถึง

สุไหงปาดี..รีอเสาะ..เจาะไอร้อง ยะลา ปัตตานี ตรัง ไปหมด
ดิฉันสู้ชีวิตอดทน พากย์โรงหนังเร่ ลําบากมาก สมัย 45 ปีก่อนถนนหนทางไม่ดี บางแห่งกว่าไปถึงโรงหนัง ก็คํ่ามืด จําได้ว่าเคยไป

พากย์ที่สมุย สมันนั้นไม่มีเรือเฟอรรี่ ต้องไปเรือเล็กๆ ทําไงได้อาชีพเรา ต้องทําให้ได้ หน่วยเร่ที่ต้องไปพากย์ เร่ร่อนเหมือนนกขมิ้น เหลืองอ่อน คํ่าไหนนอนนั้น บางครั้งต้องพากย์ตามโรงเล็กๆ

ดิฉันไม่เคยท้อแท้ ใจสู้เต็มร้อย ช่วงหลังได้เดินทางไปใต้อีก ตอนนี้เริ่มหัดพากย์หนังฝรั่ง ซึ่งยากกว่าหนังไทยมาก

ดิฉันชื่นชมการพากย์ ของ อาจารย์ ชัยเจริญ และประทับใจมากเลยขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่าน ให้ครูชัยเจริญสอนและแนะนําเทคนิคการพากย์เสียง การใส่อารมณ์ในตัวละครให้เข้ากัน ปากต้องตรง ตาต้องไว ผู้หญิงเสียงที่เป็นแม่แบบหนังฝรั้งคือ คุณอมรา และคุณศรีวรรณ คุณศรีวรรณเป็นเพื่อนรักกับพี่สาว พี่ทั้งสองสอนแนะนําให้หลายอย่าง ถึงหลักการพากย์

คนดวงมันจะเกิด อะไรก็เกิด โชคดีไปหมด ต่อมาดิฉันได้มาพากย์หนังประจํา “โรงภาพยนตร์ศรีเมือง จังหวัดตรัง” ประมาณปี 2509 ผู้จัดการเขาให้พากย์ประจํา เป็นหนังระดับกลางๆ วันหนึ่งมีหนังใหญ่เรื่องดังมาก คือ" เทพบุตรทมิฬ " มาฉายที่ โรงหนังศรีเมืองจ.ตรัง หนังใหญ่ ที่ได้รับความสนใจมาก

อ.ชัยเจริญ ศรีวรรณ พากย์ ดิฉันไปชมทุกวัน ประทับใจการพากย์ของทั้งสองท่านโดยเฉพาะปรมาจารย์ชัยเจริญพากย์ สุดยอดมากคนดูก็แน่นทุกรอบ
ต้องเสริมเก้าอี้คนดูเยอะมากๆ แฟนๆ ใจจดใจจ่อมาดู “ชัยเจริญ”

พอหนังฉายวันที่สองมีข่าว ว่าคุณศรีวรรณ ต้องไปพากย์หนังที่หาดใหญ่ เป็นหนังของอ.ชัยเจริญเช่ามาโดย ศรีวรรณพากย์กับน้องชายของท่านคือ คุณศิริชัย

คราวนี้เป็นไง? จะทําอย่างไร อ,ชัยเจริญ ท่านจะไม่ยอมอัดเทป จะพากย์สดทุกครั้ง เมื่อท่านยืนยันเช่นนี้ โชคดี ก็ตกมาที่สายสุดาจังๆ อันเป็นผลให้ดิฉันแจ้งเกิดทันที่ ป้ายคัทเอาท์ใหญ่หน้า โรงหนังศรีเมือง ขึ้นตัวใหญ่เป็น “ชัยเจริญ- สายสุดา พากย์ “

เอาแล้วซิคราวนี้ ดิฉันประหม่า กลัวตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า พากย์กับใครไม่พากย์ ต้องมาพากย์คู่กับปรมาจารย์นักพากย์ ชัยเจริญ เจ้าของโรงหนังมาขอร้องว่าต้องพากย์ นะเพราะ ท่านสั่งไว้ว่าต้องเป็น สายสุดา คนเดียว

พอรุ่งขึ้นอาจารย์ชัยเจริญ โทรมา ทําไมเธอ ไม่ยอมรับพากย์หนังเรื่องนี้ ดิฉันตอบท่านตรงๆว่า กลัวค่ะ กลัวจะพากย์ได้ไม่ดี อ.ชัยเจริญ หัวเราะ.. บอกว่ากลัวฉันทําไม?

ฉันไม่ใช่เสือสางที่ไหน ฉันก็เชื่อว่า สายสุดา ต้องทําได้
ท่านรีบสั่งเลย พรุ่งนี้ไปนั่งซ้อมหนังในห้อง พากย์ แล้วรุ่งขึ้นอีกวันพากย์สดๆรอบเที่ยงกันเลยนะ

พี่ศรีวรรณ ให้กําลังใจว่า อย่ากลัว อย่าตื่นเต้น ตั้งใจ พี่เชื่อว่าเธอทําได้ พระคุณนี้ไม่เคยลืม อาจารย์ ชัยเจริญ ท่านให้โอกาส และพี่ศรีวรรณ สนับสนุนทําให้เรามีชื่อเสียงในอาชีพนักพากย์ ในเวลาต่อๆมา

อีกครั้งหนึ่งที่ประทับใจไม่ลืม ได้พากย์ หนังเรื่องตุ๊ดซี่ กับอาจารย์ สองท่าน คือ ชัยเจริญ โต๊ะพันธมิตร สายสุดา พากย์เรื่องนี้พากย์สามคน ที่หาดใหญ่ มีคนดูมากแน่นโรงหนัง

อีกเรื่องพากย์มีความสุข ชอบมากภาพยนตร์ เรื่อง “ดร.ชิวาโก้” พากย์ อ.ชัยเจริญท่านสั่งให้ ไปพากย์ ที่โรงหนัง นครชัย นครศรีธรรมราช เรื่องนี้ แสดงโดย โอมา ชารีฟ.. จูลี่ ตริสตี้ ในหนังมีเพลงอมตะ คือซัมแวย์ มายเลิฟ
เรื่องอื่นๆอีกเช่น "ยุทธการยึดเรือนรก" และหลายเรื่องที่ดิฉันรัก ไม่เคยลืมอาชีพศิลปะแห่งความสร้างสรรค์ในเงามืด คือการพากย์หนัง ( วิวัยจิตต์ แจ้งเขียนบทความ )