Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ร่วมทดสอบ Peoplecine mobile Beta0.1


รูป
โรงหนังเมื่อครั้งอดีต เจ้าของ ผู้ตอบหลังสุด
-ตามไปดู เจาะลึกโรงหนังมงคลรามา สะพานควาย.. 21/2/2553 14:08
-โรงหนังชั้นสองกับความทรงจำสีจางๆ.. 26/1/2553 15:19
-ตั๋วหนังเก่าสมัยโรงหนัง ศาลาเฉลิมไทย.. 10/12/2552 10:24
-โฆษณายุคก่อน.. 30/8/2552 22:18
-ฟิล์มสไลด์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์ ปริ๊นซ์ ขอนแก่น.. 30/8/2552 20:12
-บังเอิญจริงๆ กับ โรงหนังอิมพีเรียล จ.สกลนคร.. 6/8/2552 18:36
-อยากทราบว่าใครเป็นแฟนบริการหนังแจ่มจันทร์ภาพยนตร์บ้างงงงง บอกหน่อยค่ะ.. 30/7/2552 18:27
-นายายอาม เธียเตอร์ อ. นายายอาม จ. จันทบุรี.. 26/7/2552 23:39
-โรงหนังในอดีตของ อ. หนองบัว จ. นครสวรรค์ (ตอนที่ 2): โรงภาพยนตร์หนองบัวรามา.. 25/7/2552 22:52
-++ ลำลึกความหลัง โรงหนังศรีอุดร นครอุดรธานี.. 17/7/2552 15:37
-+++โรงภาพยนตร์ แฟรี่ Cineplex ชั้น4 แฟรี่พลาซ่า นครขอนแก่น.. 8/7/2552 8:56
-โรงภาพยนตร์ อัมรินทร์ จ.เลย.. 7/7/2552 17:06
-บัญชีรายชื่อโรงภาพยนตร์ต่างจังหวัดในอดีต (บัญชีเก่ามากเลยทีเดียว) ตอนที่ 1.. 7/7/2552 11:56
-วิกเถ้าแก่เทียน ตลาดเก่าระยอง.. 23/6/2552 12:29
-โรงหนังของ รพ. ภฺมิพล.. 19/5/2552 0:29
-มาดูฝรั่งฉายหนังในโรงกันบ้างว่าจะเป็นยังไง.. 16/5/2552 7:00
เลือกหน้า [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 250

โรงหนังชั้นสองกับความทรงจำสีจางๆ


พอดีผมไปเห็นบทความเกี่ยวกับโรงหนังชั้นสอง พอได้อ่านแล้วรู้สึกขึ้นมาทันทีเลยว่าทำไมที่จังหวัดอุดรบ้านผมเดี๋ยวนี้ถึงไม่มีโรงหนังชั้นสองให้ดูกันอีกเลย ลองอ่านดูนะครับ

 อมรพันธุ์ นครนนท์ นนทบุรี งามวงศ์วาน พระโขนง เจริญกรุง ศรีเทวี พหล ฮอลลีวูด มงคล แหลมทอง ฮาวาย ปรินซ์ แคปปิตอล บางแค นิวยอร์ค ฯลฯ  แค่ลองพิมพ์คำ "โรงหนังชั้นสอง" ในเสิร์ชเอ็นจิน google.co.th รายชื่อโรงหนังข้างต้นก็โผล่มายาวเหยียด แต่เมื่อลองตรวจสอบคร่าวๆ (จากคนรุ่นลุงรุ่นน้า) กลับพบว่าหลายแห่งนั้นได้ปิดตัวเองลงไปนานสิบๆ ปีแล้ว ที่ยังมีสภาพหายใจคล่องเป็นปกติด้วยการยังคงฉายหนังให้คนดู เหลือแค่ไม่ถึง 5 แห่ง

หรือนี่กำลังจะกลายเป็นเพียงความทรงจำสีจางๆ ของคอหนังไปจริงๆ

นานเท่าไหร่แล้วที่คุณไม่ได้ก้าวย่างไปเหยียบโรงหนังขนาดเล็ก ซึ่งซ่อนตัวอยู่ตามย่านชุมชนต่างๆ และถูกขนานนามว่าเป็นโรงหนังชั้นสอง

นับตั้งแต่การเข้ามาตีตลาดของระบบมัลติเพล็กซ์ที่มีจุดขายตรงความทันสมัยและเสียงรอบทิศทาง โดยถูกนำมาสร้างสรรค์เป็นแหล่งความบันเทิงแห่งใหม่ภายในห้างหรู ดูเหมือนบทบาทโรงหนังชั้นสอง (เดิมทีเคยเป็นโรงหนังชั้นหนึ่ง) ก็ค่อยๆ ห่างเหินจากคอหนังทุกขณะ

ยิ่งเมื่อโรงหนังชั้นสองหลายๆ แห่งปรับกลยุทธ์ดึงคนดูด้วยการฉายหนังโป๊ สุดท้ายก็ต้องโดนกวาดล้างและปิดตัวลงอีกไม่ช้า อวสานของแหล่งบันเทิงที่เคยอู้ฟู่จึงมาเยือน เหลือตำนานให้ขานไขในลักษณะตึกร้างว่างเปล่าไว้ดูต่างหน้าเท่านั้น

เคยมีงานวิจัยหลายฉบับที่พูดถึงโรงหนังชั้นสอง แต่มิติที่อ้างนั้นกลับเน้นย้ำไปที่คนดู โดยเฉพาะมุมมองเชิงมานุษยวิทยา มักกล่าวว่า โรงหนังชั้นสองมีสถานะเหมือนพื้นที่ซ่อนเร้น มีภาพลักษณ์คล้ายเป็นตั้งแต่ซ่องโสเภณี บ่อนการพนัน หรือกระทั่งที่นัดพบชายรักชายเพื่อกระทำกิจกาม ทว่ามีใครบ้างที่คิดจะช่วยฟื้นชีพโรงหนังชั้นประหยัดให้กลับมาเป็นแหล่งบันเทิงใจ (ที่ดีๆ) ในสังคมอีกครั้งก่อนจะสาบสูญไป

คงจะยังจำได้ดี ในหนังตลกเน้นฮา "โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า" กับหนังผีสยองขวัญ "ผีจ้างหนัง" ทั้งสองเรื่องนี้ต่างก็ใช้โรงหนังชั้นสองแห่งเดียวกันเป็นโลเกชันถ่ายทำ

เรื่องแรก โรงหนังอยู่ในฐานะเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ลุงของโตมร (อี๊ด โปงลางสะออน) เหลืออยู่และใกล้เจ๊งรอมร่อ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นโรงหนังผีดุ ส่วนเรื่องหลังถูกใช้เป็นโรงหนังร้าง ที่นำพาไปสู่คำตอบของเหตุการณ์ผีจ้างหนังไปฉายที่ป่าคำชะโนด จ.อุดรธานี (ปี 2532)

ศศิธร พิสิฐวุฒินันท์ ผู้จัดการโรงหนังงามวงศ์วาน สถานที่ถ่ายทำหนังทั้งสองเรื่อง บอกว่า ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ การที่ถูกเลือกเป็นโลเกชันถ่ายทำในหนังช่วยได้มาก เพราะลำพังแค่ขายตั๋วแต่ละวันอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะมาเกื้อหนุนธุรกิจให้เติบใหญ่เหมือนเมื่อครั้งรุ่งโรจน์

สำหรับโรงหนังงามวงศ์วานนั้น เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2523 สมัยที่ถนนงามวงศ์วานยังมีทุ่งนาขนาบข้าง เมื่อเจ้าของเห็นว่าน่าจะเป็นธุรกิจที่ดี เพราะมีชุมชนอยู่ใกล้ๆ จึงลงทุนลงหลักปักฐาน สร้างเป็นโรงหนังชั้นหนึ่ง เอาใจคนรักหนังด้วยหนังคุณภาพทุกแนว จนได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักกันดี

กิจการดำเนินไปอย่างแล่นฉิว ความนิยมพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ วัดได้จากจำนวนคนดูที่มาอุดหนุนยืนต่อคิวจองตั๋วล้นหลามจนต้องเสริมเก้าอี้ทุกรอบ แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อการปรากฏโฉมของระบบโรงหนังที่ส่งตรงจากต่างประเทศเข้ามา คนดูที่เคยเนืองแน่นก็เริ่มบางตา จากที่ต้องยืนต่อคิวนานๆ มาถึงก็ซื้อได้ทันที หรือที่ต้องเสริมเก้าอี้ ไม่มีอีกแล้ว ทุกรอบมีที่เหลือให้เลือกมากมาย

"ช่วงนี้ก็ถือว่าไม่กระทบอะไร เพราะดิฉันยึดหลักพอเพียง ไม่ค้ากำไรกับคนดูเกินไป คิดว่ายังไงๆ หนังที่ฉายก็ช้ากว่าโรงใหญ่ 2 อาทิตย์ ลดครึ่งราคาน่าจะเหมาะสมแล้ว โชคดีที่ครอบครัวทำธุรกิจสายส่งเอง เลยตัดปัญหาเรื่องนี้ได้ ส่วนค่าใช้จ่ายแต่ละวันก็ใช้วิธีถัวเฉลี่ยเอา วันปกติอาจไม่เต็ม วันหยุดคนดูเยอะ ก็มาเฉลี่ยกัน จุดหลักอยู่ที่ต้องซื่อสัตย์กับคนดู ไม่เอาเปรียบ ไม่ใช่จ่ายแค่นี้ บริการแค่นี้พอ ที่นี่ยังเต็มร้อยเหมือนเดิม ไม่ว่าจะความสะอาดหรือพนักงาน ต้องเทียบเท่าชั้นหนึ่ง"

โรงหนังงามวงศ์วาน นับเป็น 1 ใน 20 กว่าโรงของตระกูลพิสิฐวุฒินันท์ โดยกระจายตามย่านสำคัญทั่วกรุงเทพฯ ที่ยังคงเปิดให้บริการ เพื่อรองรับกลุ่มคนอีกระดับที่อาจมีรายได้ไม่มาก แต่อยากสัมผัสความบันเทิงรูปแบบหนัง

เป็นที่น่าสังเกตว่า ตั้งแต่โรงหนังถูกใช้เป็นโลเกชันในหนังไทย 2 เรื่อง เมื่อคนรู้ก็อยากมาดูสถานที่จริง ทำให้ความคึกคักกลับสู่ที่นี่อีกครั้ง พร้อมทั้งกำลังกลายเป็นโรงหนังเนื้อหอมที่กองถ่ายหนัง ละคร รวมถึงมิวสิกวิดีโอ รุมตอมขอใช้เป็นโลเกชัน ด้วยเพราะเดินทางสะดวกสบาย กว้างขวาง และมีความงามคลาสสิกแฝงเร้นอยู่

เช่น ลูกค้าประจำของโรงหนังงามวงศ์วานคนนี้ -- บุปผา ฝั่งสระ บอกว่า ชอบเพราะใกล้บ้านดี (แถวเกษตร) ขับรถมาไม่ถึง 10 นาที แถมไม่พลุกพล่านเหมือนเวลาไปดูหนังในห้าง บางทีไปแล้วไม่มีรอบ ต้องรอนานเสียเวลา แต่ที่นี่มาเมื่อไหร่ก็ได้ดู

"จะดูกี่รอบก็ได้ ไม่จำกัด บางทีไม่มีธุระไปไหน ก็จะนั่งดูทั้งวัน แต่ส่วนใหญ่ดูแค่ 2 เรื่อง ถ้าชอบเรื่องนั้นมากๆ ก็จะวนดูอีกรอบ มันคุ้มค่ากว่าไปดูในโรง 4 เรื่องคนเดียวนี่เกือบ 500 บาทเลยนะ ทั้งครอบครัวละเท่าไหร่ แต่ที่นี่ 4 คน พ่อ แม่ ลูก รวมแล้วไม่เกิน 500 บาท"

ถือเป็นเรื่องไกลเหลือเกินที่จะทำให้โรงหนังชั้นสองกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง เพราะตราบใดระบบโรงหนังถูกพัฒนาอย่างไม่รู้จบ และคนที่ติดรูปลักษณ์มากกว่าเนื้อหาสาระ หรือแม้แต่ราคาที่ห่างไกลกันมากก็ตาม หวังเพียงลึกๆ แค่ว่าที่เหลืออยู่ตอนนี้คงเป็นทางเลือกของคนที่ชื่นชอบรสนิยมการนั่งดูหนังในโรงไม่หรูหราทันสมัย แต่หากสบายใจสบายกระเป๋าเท่านั้นเอง

มีอะไรในโรงหนังชั้นสอง



ยี้!!! หลายคนคงเกิดอาการนี้แน่ๆ หากว่าใครสักคนชวนคุณไปดูหนังที่โรงหนังชั้นสอง โดยเฉพาะคู่รักเพิ่งคบกันหมาดๆ อย่าเดาเสียให้ยาก อาจมีเคือง (มากถึงมากที่สุด) หรือถึงขั้นเลิกชัวร์

ก็จะอะไรเสียอีกละ ในเมื่อโรงหนังเฟิร์สคลาสตามห้างหรู แอร์งี้เย็นฉ่ำ เก้าอี้นุ่มชวนหลับ มีป๊อปคอร์น กรอบๆ หอมๆ หลากรส พร้อมเสิร์ฟ หรือพนักงานบริการ ล้วนแต่หล่อสวยทั้งนั้น เห็นแล้วสบายตาสบายใจ ที่สำคัญระบบเสียงรอบทิศทาง ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้การนั่งดูหนังได้อรรถรสอักโข ทำไมต้องเลือกโรงหนังชั้นสองด้วยเล่า ไม่เข้าใจ

จริงๆ โรงหนังชั้นสอง (บางแห่ง) อาจไม่ได้ดูเลวร้ายเกินไปนัก ยิ่งหากตัดปัจจัยความทันสมัยทั้งหมดที่พูดมา ที่นี่คือแหล่งความบันเทิงอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งนอกเหนือจากการฉายหนัง ก็ยังมีอะไรอื่นๆ มากมายให้ค้นหาและได้เรียนรู้



ตั๋วราคาถูก-ดูได้ทั้งวัน

เด็ก นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ 50 บาท ผู้ใหญ่ 60 บาท เป็นภาพที่ชินตาของขาประจำโรงหนังชั้นสอง ป้ายราคามักติดไว้หน้าเคาน์เตอร์ออกตั๋วเด่นหรา เพื่อให้ใครไปใครมาเห็นชัด ไม่ต้องเสียเวลาถามพนักงานว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ เข้าเกณฑ์ไหนจ่ายตามจริง

โรงหนังชั้นสองส่วนใหญ่จะตั้งราคาตั๋วอยู่ประมาณนี้ หากจำไม่ผิดจากเดิมนั้นแค่ 30-40 บาท ไม่กี่ปีก็ขยับเพิ่มมาอีก 10 บาท ด้วยเหตุผลของแพง น้ำมันแพง ขอช่วยค่าไฟฟ้านิดหน่อยละกัน

แม้จะมีราคาสูงขึ้น แต่เมื่อเทียบกับโรงหนังในห้างหรู (ต่ำสุด 120 บาท และอาจพุ่งเป็นหลักเฉียด 1 พันบาท เมื่อเลือกที่นั่งที่มีความเป็นส่วนตัวสูง) ดูเหมือนตั๋วโรงหนังชั้นสองเรียกว่า "ถูกแสนถูก" นี่เองจึงทำให้คนที่ไม่คิดอะไรมาก หวังเสพหนังเพียงผ่อนคลาย หรือเพื่อความบันเทิงเริงใจ กลายเป็นลูกค้าหน้าเดิมๆ โดยไม่ต้องสงสัย

การดูหนังในโรงหนังชั้นสองไม่ใช่แค่คุ้มค่าเรื่องราคาตั๋ว แต่ยังผลถึงจำนวนหนังที่ฉายอีกด้วย จ่าย 50-60 บาท แต่ได้ดูหนังวันเดียว 2 เรื่อง อันเป็นที่มาของคำว่า "ฉายหนังควบ" หรือบางครั้งก็เรียก "ฉายหนังวน" คือจะวนฉายหนังทั้ง 2 เรื่องตลอดวัน โดยแบ่งเป็นรอบๆ คล้ายกับโรงหนังปกติ เช่นที่โรงหนังงามวงศ์วาน วันหนึ่งมี 7 รอบ เริ่มกันตั้งแต่เช้าราวๆ 9 โมงครึ่ง และเสร็จสิ้นรอบสุดท้าย 3 ทุ่ม 10 นาที ฉะนั้น ลูกค้าที่นี่จะนั่งแช่นั่งนานกี่ชั่วโมงก็ไม่มีใครมาไล่

หลายคนเข้าใจว่าโรงหนังชั้นสองฉายเฉพาะหนังเกรดบี หรือไม่ก็หนังโป๊ อย่างที่เคยตกเป็นข่าวเกรียวกราว ยุคก่อนอาจจะใช่ แต่เดี๋ยวนี้หนังที่ฉายนั้นเป็นหนังเด็ดหนังดังฟอร์มบิ๊กๆ อาจไม่ได้ชนโรงปกติ แต่ก็ไม่ถึงกับล่าช้า เพียง 2 สัปดาห์หลังเข้าฉาย หนังเหล่านั้นก็จะถูกนำมาเอาใจคนชอบความบันเทิงราคาประหยัด

เพื่อนคนหนึ่ง (เป็นคอลัมนิสต์วิจารณ์หนัง) มักพูดเสมอว่าโรงหนังชั้นสองมีข้อดีสำหรับเขาในยามที่ต้องเขียนถึงหนังดีๆ บางเรื่อง เพราะดูในโรงปกติรอบเดียวอาจไม่ทันซึมซับอะไรจากหนังเลย แต่พอซื้อตั๋วมานั่งดูหนังแบบฉายวนตลอดวัน ทำให้ภาพต่างๆ กระจ่างแจ้งมากขึ้น แถมยังคุ้มค่าเป็นไหนๆ


บรรยากาศกันเอ๊ง...กันเอง

อาจเทียบไม่ได้หรอกกับโรงหนังชั้นนำ ยิ่งเฉพาะบรรยากาศหรูหราโอ่อ่าหาไม่ได้จากโรงหนังชั้นสอง แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่หาไม่ยากในโรงหนังราคาประหยัด นั่นต้องยกให้ความเป็นกันเอง

คุณเคยรู้สึกหรือเปล่า เวลาตีตั๋วเข้าไปดูหนังโรงปกติมักเจอกฎกติกามารยาทเยอะแยะน่าเวียนหัว นี่ก็ทำไม่ได้ นั่นก็ทำไม่ดี จนบางครั้งเกิดอาการเกร็งถามหา เพราะเดี๋ยวจะโดนเขม่น โดนมองว่าไม่มีสมบัติผู้ดีเอาเสียเลย เคี้ยวป๊อปคอร์นกร๊วบๆ ก็กลัวไปทำลายสมาธิคนข้างๆ พอถึงฉากฮาๆ ได้แค่ฮึๆ ในลำคอ กลัวจะหาว่าเส้นตื้น หรือฉากเศร้าร้องไห้ทั้งเรื่อง ก็ไม่กล้าโฮดังๆ กลัวคนข้างหันมาบอก ฟูมฟายเกินไปไหม นี่มันแค่ในหนัง

ในโรงหนังชั้นสองบรรยากาศแบบนี้แทบจะไม่มีให้เห็น พอซื้อตั๋วเสร็จ แวะบาร์ขนมเครื่องดื่ม (เล็กๆ) เลือกของถูกใจได้ พนักงานคราวป้าฉีกตั๋วเดินเข้าโรง เก้าอี้มีเป็นร้อย ชอบมุมไหนเลือกตามใจปรารถนา ใกล้จอไกลจอ (จริงๆ เขาระบุที่นั่งไว้ แต่ไม่ยักมีใครนั่งตามหมายเลข) ฉีกซองขนมโดยไม่ต้องกลัวคนข้างๆ ว่าเอา ฮาเสียงดังๆ แบบไม่ต้องมัวเก๊กท่าเก็บลีลา หรือจะร้องไห้ก็ไม่มีใครหมั่นไส้ เพราะนั่นคุณกำลังอินกับหนัง ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ

อาจจะมองว่าเป็นการดูหนังที่ขาดรสนิยมไร้มารยาทอยู่สักหน่อย เมื่อคิดกลับกัน นี่ละคือสีสันที่โรงหนังชั้นหนึ่งไม่มีและไม่สามารถทำได้ เอาง่ายๆ การเดินเข้า-ออกระหว่างดูหนังเพื่อทำกิจธุระส่วนตัว แน่นอน...เป็นสิ่งไม่พึงกระทำ ยังไม่นับเสียงโทรศัพท์ปี๊บๆๆ นานสองนาน ทว่าที่นี่ทำได้สบายใจเฉิบ (ภายใต้ลิมิตของคนภายในโรงหนัง มีใครขืนทำซ้ำๆ เช่น ปล่อยเสียงโทรศัพท์ดังนานๆ สักพักคนข้างๆ จะสะกิดเองว่าพอเถอะชักน่ารำคาญแล้ว คนนั้นก็หยุดเองโดยอัตโนมัติ) วุ่นวายดีแท้ แต่ก็สนุกสนานไปอีกแบบ



ระวังให้ดี (อาจ) มีเรื่องสยอง !?!

นั่งดูหนังเพลินๆ วันดีคืนดีถุงขนมที่วางเก้าอี้ข้างๆ เผลอแป๊บเดียวขนมถุงนั้นก็มีอันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา จับมือใครดมก็ไม่ได้ แต่พอมารู้อีกทีคุณอาจร้องกรี๊ดหัวใจวายตาย เพราะขี้ขโมยนั้นไม่ใช่ใคร เจ้าหนูจอมวายป่วงขาใหญ่ในโรงหนังนั่นเอง

ความมืดภายในโรงหนัง ไม่ว่าจะชั้นหนึ่งหรือชั้นสองมักเป็นมุมอับเหมาะสำหรับการกระทำมิดีได้เสมอ โรงหนังชั้นสองอาจเจอหนักหน่อยในข้อหานี้ มีจำนวนไม่น้อยเก่าโทรมแล้วยังไม่ใส่ใจเรื่องความสะอาด น่าจะเรียกว่า "โรงหนู" มากกว่าโรงหนัง เพราะหนูวิ่งพล่านกันให้วุ่น เหมือนพวกมันกำลังมีงานปาร์ตี้ท่ามกลางมหรสพอันครึกครื้นก็ไม่ปาน แต่มีบางแห่งที่แม้วันนี้จะถูกเลื่อนขั้นเป็นแค่โรงหนังชั้นสอง กลับยังคงรักษามาตรฐานความสะอาดเฉกเช่นเมื่อครั้งเคยรุ่งเรืองเป็นโรงชั้นนำประจำย่าน ปลอดทั้งหนู ปลอดทั้งควันบุหรี่

นอกจากหนูจะเป็นเรื่องชวนสยองของโรงหนังชั้นสองแล้ว ที่สยองไม่แพ้กันเห็นจะไม่พ้นบรรดาเกย์จิตเปลี่ยว ที่ชอบทำทีมาตีสนิทพูดคุยกับผู้ชาย (ที่มาคนเดียว) จากนั้นก็ลวนลามตามแต่โอกาสเอื้ออำนวย สยองยิ่งกว่าผีในหนังบางเรื่องด้วยซ้ำ ทำให้ภาพลักษณ์โรงหนังชั้นสองดูเสื่อม ถูกมองเป็นแหล่งรวมตัวชาวสีม่วง พลิกผันจนได้รับฉายา "โรงหนังเกย์"

อย่างที่เคยตกเป็นข่าวเกรียวกราวมาแล้ว กรณีโรงหนังชั้นสองนำหนังโป๊เนื้อหาเข้าข่ายอนาจารมาฉาย เพื่อหวังดึงกลุ่มลูกค้าชายขายแรง (งาน) จนสร้างความเสื่อมเสียไปสู่โรงหนังชั้นสองที่ดีๆ อีกมาก กลายเป็นจุดตกต่ำสุดขีด ไม่แพ้กับครั้งที่โดนระบบมัลติเพล็กซ์บุกเข้าขย้ำ ตามด้วยการระบาดของหนังแผ่น จำนวนคนดู (ทั่วไป) จึงเริ่มค่อยๆ ลดน้อยเพราะกลัวเรื่องสยองพองขน

ถึงอย่างนั้นหลังจากที่โดนกวาดล้างจนไม่มีการฉายหนังโป๊ โรงหนังชั้นสองบางแห่งก็ต้องปิดตัวลงปล่อยให้เป็นตึกร้าง ส่วนโรงที่ไม่ได้คิดฉายหนังแนววาบหวามก็ยังประคับประคองตัวอยู่ได้ พร้อมทั้งพยายามขจัดความสยดสยองออกไปจากโรงหนัง เหลือไว้เพียงแหล่งความบันเทิงราคาย่อมเยาเช่นเดิม


เรื่อง : วุฒิชัย สาสุข / ภาพ : ณัฏฐ์ฐิติ อำไพวรรณ

ต้องขอขอบคุณเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะเขาเขียนได้ดีจริงๆเลยครับ



ความเห็น

[1]


รวมภาพโรงหนังเก่าๆจากเนชั่นครับ ขอขอบคุณมาณที่นี้ด้วยครับ





ความทรงจำสีจางๆ





น่าเสียดายที่แทบไม่มีเหลือให้เข้าไปซื้อตั๋วดูหนังแบบโรงใหญ่ๆอย่างนี้อีกแล้วครับ























หนึ่งภาพแทนคำบรรยายหมื่นคำ

จบข่าว...แอ๊ด สตูดิโอ/รายงาน





สุดยอดเลยพี่  ที่ขอนแก่นผมคิดว่าโรงหนังปริ๊น เป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจอยู่ครับ


จำได้ว่า สมัยเรียนหนังสือระดับมหาวิทยาลัย เมื่อ 10 ปี ก่อน โรงหนังชั้น 2 ได้รับความนิยมอย่างมาก สูสีกับโรงหนังมินิเธียเตอร์ ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ เนื่องจากยุคนั้นระบบเสียงในโรงภาพยนตร์ ยังไม่แตกต่างกันเท่าที่ควร โดยโรงหนังชั้น 2 จะเต็มไปด้วยหนุ่มสาวโรงงาน วันอาทิตย์หรือวันหยุดแทบจะไม่มีที่นั่ง บางครั้งก็เป็นที่จัดคอนเสริต์ลูกทุ่ง ไม่ว่าจะเป็น จิตนหรา พูนลาภ ศิริพร อำไพพงษ์ เฉลิมพล มาลาคำ ยิ่งยง ยอดบัวงาม ฯลฯ ขณะที่มินิเธียร์เตอร์จะมีลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง

โรงหนังชั้น 2 เยอะที่สุดเห็นจะเป็นย่านพระโขนง วงเวียนใหญ่ สะพานควาย บางปะแก้ว ฯลฯ

จำได้ว่า นครนนท์ กล้าที่จะนำหนังที่โรงหนังชั้นหนึ่งในกรุงเทพ มาฉาย 2 เรื่องควบ บางครั้งก็มีการพากย์สดๆๆ คนแทบไม่มีที่ยืน เคยนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาจากถนนตก ไปลงท่าน้ำนนท์ ก่อนที่จะลงต่อรถไปดูอีกทีมาแล้วหลายครั้ง

สมัยเรียน เคยสร้างสถิติตระลอนทัวร์ดูหนังโรงหนังชั้น 2 มาแล้ว ในวันเดียว เริ่มจากที่พระประแดง ซึ่งเป็นการประชั้นกันของ ศรีสยาม เฉลิมศรี มาที่พระโขนง ซึ่งมีหลายโรง เช่นพระโขนงรามา พระโขนงเธียเตอร์ เอเซีย (ฉายหนังอาร์) แถวหน้ารามก็มีหลายโรง แต่ปัจจุบันไม่เหลือแล้ว มาถึงสะพานควายก็เหลือปัจจุบันที่เห็นก็มีมลคลภาพยนตร์ (แต่ไม่ได้ดูนานแล้ว) ส่วนพหลโยธินรามา (ฉายหนังอาร์) ก็ไม่ได้เข้าไปดูนานแสนนานเหลือเกิน ไปจนถึงแถวแยกเกษตรฯ และข้ามฝากไปดูแถววงเวียนใหญ่ ก่อนจะจบที่เมืองนนท์ฯ

 

ปัจจุบันโรงพักชั้น 2 ในกรุงเทพก็เหลือน้อยเต็มที่เหมือนกัน ผ่านไปเยาวชน พบว่า สิริรามา กลายเป็นลานจอดรถไปแล้ว เป็นต้น ฯลฯ

พูดุถึงโรงหนังชั้น 2 บรรยายไม่สนุกครับ ต้องนั่งเมาส์กันจึงจะได้รสชาติมากกว่า

 




มงคลรามา ย่านพระพานควาย ปรับปรุง จากแต่ก่อนขึ้นเยอะครับ ระบบเสียงกล้าฉายในระบบดอลบี้ ยังเป็นทางเลือกให้คนอีกลุ่มเสมอครับ 

บาบคนเบื่อ เซ็ง ก็อาจข้ามไปฝั่งพหลโยธินรามา โรงนี้เดี่ยวฉาย เดี่ยวเปิด ครับ เพราะตำรวจกวนบ่อย เนื่องจากฉายหนังเรทอาร์

ส่วนเรื่องรถเมล์อย่าพูดถึงเลยครับซ้ำใจเปล่า




พหลโยธิน แค่ผ่านๆๆ นะคับพี่เล็ก (เคยไปทำข่าวที่เขาถูกตำรวจจับนะครับ เลยพอรู้บ้าง) ส่วนอีกโรงที่อยู่ฝั่งถนนประดิพัทธ์ ปัจจุบันถุกทุบทิ้งไปแล้ว จำชื่อไม่ได้ครับว่าชื่ออะไร  แต่ที่ดูบ่อยคือ ศรีสยาม พระประแดง นครนนท์ ท่าน้ำนนท์ พระโขนงเธียเตอร์ สิริรามา เยาวราช พระโรงใหญ่ ระบบเสียงดี

แล้วอีกโรงที่อำเภอแม่สะเหรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ครับ จำชื่อไม่ได้เหมือนกัน แต่เคยไปดูประมาณ 2-3 ครั้ง ในช่วงที่ไปเกาะติดคดีป่าสาละวิน ตอนนี้ไม่รู้ยังอยู่หรือเปล่า




เอามั่งๆ


จุดเริ่มต้นของความบ้าหนัง ก็ตั้งแต่ตอนผมอยู่ที่บ้าน(ลำปาง) แล้วครับ ยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นมีอยู่ 4 โรง ถ้านับตามมาตรฐานปัจจุบัน ก็โรงหนังชั้นสองดีๆนี่เอง แต่ ณ วันนั้น คือแหล่งความบันเทิงหลักของผมครับ (ถือโอกาสจารึกไว้ตรงนี้เลยละกัน)




1.เวียงเหนือ อยู่ใกล้บ้านผมที่สุด เลยได้ไปดูบ่อยๆ ประทับใจที่สุดตอนยกโขยงกันไปดูเรื่อง คนทะลุโลก(Total Recall) รอบมิดไนท์ ห้าทุ่มครึ่ง นึกว่าจะไม่มีคนดูแล้ว ที่ใหนได้ โรงหนังแทบแตก...
โรงนี้ปิดไปสิบกว่าปีก่อน และถูกทุบทิ้ง ทำเป็นห้างสรรพสินค้าไปนานแล้วครับ

2.ฟ้าลานนา อยู่ไกลไปหน่อย เดินกันประมาณลิ้นห้อย แต่ที่นี่มีหนังสนุกๆเข้าบ่อย เลยได้ไปดูบ่อยๆด้วย หลังๆ ธนารุ่งโรจน์เข้ามาเช่า+ปรับปรุงโรงใหม่เมื่อประมาณปี 33-34 ซะสวยเช้งเลย เลยยิ่งได้ดูบ่อยกว่าเดิม
ปัจจุบัน ปิดทำการไปแล้วครับ เพราะธนาไปเปิดโรงเล็กในห้างบิิีกซีเป็นของตัวเอง ก็เลยปล่อยโรงนี้ปิดไปเลย

3.สยาม อยู่ไกลพอๆกับฟ้าลานนา แต่หนังจะเข้าล่ากว่าโรงอื่นๆทั้งหมด เลยไม่เคยไปดูเลย(ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) สุดท้ายก็ปิด และถูกทุบทิ้่งไปก่อนชาวบ้าน

4.ประตูชัย อยู่ใกล้ๆกับโรงเรียนบุญวาทย์ ที่ผมเรียนมัธยมอยู่ โรงนี้เคยเปิดเมื่อนานมาแล้ว แล้วก็ปิดไปนานแล้ว แต่มาเปิดใหม่อีกทีตอนผมอยู่ซักม.2-ม.3 ประมาณปี 33 ได้ ยิ่งอยู่ใกล้ๆโรงเรียนแบบนี้ จะเหลือเรอะครับ อิอิอิ เลยมีความหลังฝังใจกับที่นี่เยอะหน่อย
-เปิดโรงวันแรกด้วยโปรแกรมใหญ่ประจำปี "คนตัดเซียน" โจวเหวินฟะ ปะทะ โจวซิงฉือ
-"สยึ๋มกึ๋ย" หนังไทยเรื่องแรกๆที่มาฉายที่นี่ แล้วโรงหนังแทบแตก คนเยอะโคดๆ
-โปรแกรมยักษ์แห่งทศวรรษ..."คนเหล็ก 2029 ภาค 2" ผมไปดูกับน้องชาย+เพื่อน ไปดูรอบบ่าย ปรากฏว่าคนรอซื้อตั๋วแน่นเต็มหน้าโรง จนล้นลงมาบนถนน O_o" กว่าจะเคลียร์คนรอบเที่ยงเสร็จ ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาที บรรยากาศชุลมุนวุ่นวายสุดๆ(แต่ก็มันส์สุดๆด้วย)

หลังจากโดนพิษเศรษฐกิจปี 40 กระหน่ำอย่างรุนแรง ประกอบกับถูกตลาดวิดีโอตีโต้คืน โรงหนังประตูชัยก็ได้ปิดตัวไปอย่างเงียบๆ ตั้งแต่ปี 41 แล้วครับ

อ่ะ เดี๋ยวมาต่อเรื่องโรงหนังชั้นสองในกอทอมอที่ผมเคยดูละกันครับ



ผมเป็นบ้านนอกเข้ากรุง เข้ามาทำงานอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 43 พักอาศัยอยู่แถวสำโรง ก็เลยคุ้นๆโรงหนังชั้นสองแถวนั้นหลายโรงเหมือนกันครับ

-สำโรงราม่า ขวัญใจหนุ่มสาวโรงงานแถวนั้น โรงก็เก่า ภาพก็มืด แต่มีหนังใหม่ๆเข้าตลอด คนก็เลยคึกคักตลอดเหมือนกัน ที่นี่หนังเข้าค่อนข้างไวครับ ไม่เกิน 2-3 อาทิตย์ก้จะมาเข้าแล้ว โปรแกรมที่เด็ดดวงจริงๆที่จำได้ก็คือ นางฟ้าซามูไร(Kill Bill) ที่นี่จับฉายควบภาค1+ภาค2 มันซะเลย เจ๋งจริงๆ
น่าเสียดาย ล่าสุดปิดไปแล้วครับ กลายเป็นตลาดนัดขายของไปซะละ

แถวพระโขนงนี่ก็เยอะ
-ฮอลิเดย์ อดีตโรงชั้นหนึ่ง ถึงตอนที่ผมทันดูจะกลายเป็นโรงชั้นสองไปแล้ว แต่ก็เห็นเค้าความสวยอยู่พอควรครับ
-พระโขนงเธียเตอร์ อันนี้สุดๆไปเลย อดีตเจ้าของสถิติโรงหนังที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มี 2 ชั้น ที่นั่งรวมกันประมาณ 3,000 ที่นั่ง (อ่านว่า สามพันที่นั่ง) ต้องเดินขึ้นบันไดไปชั้นนึงถึงจะถึงห้องตั๋ว ซื้อตั๋วเสร็จต้องเดินขึ้นไปอีกชั้น ถึงจะถึงทางเข้า ทางเดินแถวกลาง ต้องทำเป็น 2 แถว แถวหนึ่งมีประมาณ 40 กว่าเก้าอี้(จะใหญ่ไปถึงใหนเนี่ย) ผนังสองข้าง จะมีล็อกวีไอพีเล็กๆด้วย เสียดายที่ปิดไปก่อนแล้ว ไม่งั้นจะไปลองนั่งดู ขนาดตอนที่ีผมทันไปดู โดนหั่นชั้นลอยเป็นอีกโรงต่างหาก ก็ยังเหลือร่วมๆ 2,500 ที่นั่งอยู่ดี นี่ถ้าเป็นตอนสร้างเสร็จใหม่ๆนี่ สยามภาวาลัยก็เหอะ ตกกระป๋องชิดซ้ายไปเลย
-เอเชียราม่า ตอนที่ผมอยู่ ฉายแต่หนังโป๊ครับ (เคยไปดูทีนึงด้วย อิอิอิ) แต่พอหลังจากผมย้ายออกจากสำโรง ที่นี่ก็กลับไปฉายหนังหลุดโปรแกรมทั่วๆไปแทน ไม่รู้เดี๋ยวนี้เป็นไงแล้ว

เสียดายจริงๆ โรงหนังที่ว่ามา นอกจากเอเชีราม่าแล้วไม่เหลือซักโีรงแล้วครับ ล้มหายตายจากกันไปหมด นี่ถ้าผมมีกล้องซะตั้งแต่ตอนนั้นละก็ จะไปถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึกให้หมดเลย



อยากเห็นภาพโรงเก่า ๆ อีกครั้ง ซึ่งมัน ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้  ได้ แต่หลับตา แล้ววากภาพแห่งความทรงจำ ฮืมมมมมมมมมมม


สมัยเรียน นั่งรถผ่านพระโขนงทุกวัน ก็เลยแวะดูที่พระโขนงเธียเตอร์บ่อยครั้ง ชอบมากที่สุด คือตอนฉายเรื่อง มังการเหล็กตัน ควบ นางพญางูขาว (หวังจู่เสียน ประชัน จางมั่นอี้) เพราะโรงใหญ่ อลังการมาก แจะแวะดูที่โรงแห่งนีประจำ เมื่อเปลียนโปรมแกรมหนังใหม่เข้า

และเรื่องไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นครับ ในวันอาทิตย์ หรือวันหยุดของหนุ่มสาวโรงงาน ใครจะเชื่อละครับว่าสมัยนั้น โรงหนังแห่งนี้ คนแทบไม่มีที่ยืนครับ คนแน่นโรง แม้โรงหนังแห่งนี้ จะจุคนดูได้เฉียด 3 พัน ก็ตาม

ยอมรับว่า เอเซียก้อดูบ่อยครับ เพราะสอบเสร็จ เพื่อนจะชวนไปเปิดหูเปิดตา




ไม่ทราบว่าตอนนี้โรงหนังฮอลิเดย์ ทุบทิ้งแล้วสร้างเป็นอะไรครับ เคยไปเล่นดนตรีกับวงลูกทุ่งวงหนึ่งที่ลานข้างๆของโรง คิดภาพความอลังการของโรงแล้วสุดยอดครับ เสียดายที่โตไม่ทันไม่งั้นมีหวังได้เล่นดนตรีในโรงหนังครั้งหนึ่งในชีวิตครับ


เสียดายเหมือนกันครับ แต่ก่อนฮอลิเดย์ ผมดูบ่อยเหมือนกัน




ฮอลิเดย์ตอนนี้กำลังก่อสร้างอาคารที่พักครับ คงเป้นคอนโดนะครับ ผมมีเพื่อนที่เคยฉายหนังที่ฮอลิเดย์นี้ ตอนผ่าเป้น3โรงแล้วนะครับ ผมเองก็มีโอกาสไปช่วยเพื่อนฉายหนังที่นี่ด้วยครับ สนุกครับ เป้นความฝันที่อยากเข้าห้องฉายมานานมากแล้วครับ แล้วฝันก็เป้นจริง ได้ฉายหนังอย่าง ID4และอีกหลายเรื่องจำไม่ได้ครับ 


เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 18

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 117029578 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :WilliamPHilk , Krendamxgew , LavillKer , mnlemunc , เอก , BobbyHOm , KXMartin , พีเพิลนิวส์ , นนท์ , แสบ chumphon ,