Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ
ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ
แนะทำความสะอาดบ้าน กัน"แมงมุมหม้ายสีน้ำตาล"
นายประสิทธิ์ วงษ์พรม นักวิจัยด้านกีฏวิทยา ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า ลักษณะของแมงมุมหม้ายดำ จะมีลายตรงหน้าท้องเป็นรูปนาฬิกาทรายสีแสด หรือ สีแดง และหากสังเกตหน้าท้องด้านบนจะมีสีน้ำตาลเป็นลักษณะครึ่งวงกลม ซึ่งบริเวณท้องจะมีสัดส่วนใหญ่กว่าส่วนหัวชัดเจนมาก โดยจะมีลายนูนบนท้องเป็นริ้วสีน้ำตาลสลับสีขาวอ่อนๆ ตรงริ้วเป็นจุดสามจุดเรียงกันสองแถว ซึ่งแมงมุมชนิดนี้จะชักใยทำรังในที่รก เช่น ห้องน้ำเก่า โรงไม้เก่า ลังไม้ หรือแม้กระทั่งเก้าอี้ที่วางไว้นานๆ
นายประสิทธิ์ ระบุว่า ส่วนใหญ่แล้วถ้ามนุษย์ไม่ไปสัมผัสจนทำให้แมงมุมตกใจ แมงมุมชนิดนี้จะไม่กัด ยกเว้นว่า แมงมุมจะเข้าไปทำรังในหมวกเก่า หรือ รองเท้าเก่า ถ้าไม่ระมัดระวังอาจโดนกัดได้ ซึ่งเป็นอันตรายมาก เพราะแมงมุมหม้ายดำมีพิษรุนแรง หากถูกกัดจะปวดและอักเสบค่อนข้างรุนแรง โดยนายประสิทธิ์แนะนำให้ทำบ้านให้สะอาด ทำความสะอาดลังไม้เก่า หรือ ลังผลไม้ที่ทิ้งไว้นานๆ เพราถ้าเด็กๆ ไปเล่นอาจเกิดอันตรายได้
นอกจากนี้ นายประสิทธิ์ ยังได้ระบุว่า ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกกับเรื่องแมงมุมหม้ายดำ เนื่องจากการแพร่ขยายพันธุ์ดังกล่าวเป็นการแพร่ขยายพันธุ์ที่เกิดขึ้นตาม ธรรมชาติ ไม่ใช่เป็นการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
นายประสิทธิ์ วงษ์พรม นักวิจัยจากภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ศึกษาเรื่องแมงมุมในประเทศไทย
เปิดเผยวันที่ 18 มกราคม ว่า จากการศึกษาและเก็บข้อมูลเรื่องแมงมุมในประเทศไทย พบว่าขณะนี้มีแมงมุมพิษชนิดหนึ่ง ชื่อ "แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล" ซึ่งเดิมพบแต่ในประเทศสหรัฐอเมริกา แถบฟลอริดา เท็กซัส และบริเวณเขตเส้นศูนย์สูตร
ปัจจุบันได้แพร่ กระจายเข้ามาในประเทศไทยแล้ว เชื่อว่าขณะนี้แมงมุมดังกล่าวได้ขยายพันธุ์กระจายไปยังชุมชนต่างๆ รอบๆ ปากแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง และอ่าวไทยตอนบนแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่าเจอแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลชุกชุมที่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
และมีรายงานมีคนถูกกัดที่นั่น แต่ยังไม่ได้ลงไปตรวจสอบความชัดเจน
นายประสิทธิ์กล่าวว่า
แมงมุมชนิดนี้ มีพิษรุนแรงทำลายระบบเลือด และระบบภูมิคุ้มกัน พิษร้ายแรงกว่าพิษของแมงมุมแม่หม้ายดำ 2 เท่า และร้ายแรงกว่าพิษงูเห่า 3 เท่าทีเดียว เพียงแต่เวลาแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลกัด จะปล่อยพิษออกมาไม่หมด ความร้ายแรงอาจจะไม่เท่าแม่หม้ายดำ
เพราะแม่หม้ายดำ หรืองูเห่า กัดแล้วปล่อยพิษออกมาทั้งหมด เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ หากโดนงูเห่า หรือแม่หม้ายดำกัด จะปล่อยพิษออกมาในระดับมิลลิกรัม คือ 1 ส่วนในพันส่วน แต่แม่หม้ายน้ำตาลจะปล่อยพิษออกมาในระดับ ppm คือ 1 ส่วนในล้านส่วน อย่างไรก็ตาม หากถูกกัดหลายตัวพร้อมกันปริมาณพิษก็จะเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
นายประสิทธิ์กล่าวต่อไปว่า
สำหรับลักษณะ ทั่วไปของแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลนั้น พบว่าขนาดของตัวมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร บริเวณท้องจะโตกว่าหัวหลายเท่า ท้องจะกลมป่อง ด้านล่างมีลักษณะคล้ายรูปนาฬิกาทรายสีส้ม ด้านบนมีสีน้ำตาลสลับขาวลายเป็นริ้วๆ มีจุดสีดำสลับขาวตรงท้องข้างละ 3 จุด รวมเป็น 6 จุด วางไข่ครั้งละ 200-400 ฟอง
สาเหตุการแพร่ระบาดนั้น คาดว่า จะเข้ามากับเรือสินค้าเป็นหลัก และมีรายงานด้วยว่า มีพ่อค้าบางคนนำมาขายให้คนที่ชอบเลี้ยงสัตว์แปลก โดยไม่รู้ว่าเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรง ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการว่า มีผู้เสียชีวิตจากการถูกแม่หม้ายน้ำตาลกัด แต่มีรายงานการถูกกัดแล้วจากหลายพื้นที่
ส่วน ใหญ่ผู้ถูกกัดจะมีอาการแพ้อย่างแรง แผลจะเหวอะหวะ และเป็นผื่นบวมแดงเจ็บปวด มีหนอง แผลจะหายช้ามาก เพราะพิษทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบน้ำเหลือง และทำลายเม็ดเลือดขาว คนที่ถูกกัดส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าแผลดังกล่าวเกิดจากอะไร ขณะนี้ ยังไม่มีเซรุ่ม หรือยาถอนพิษ ทำได้แค่รักษาตามอาการเท่านั้น
ยัง โชคดีว่า แมงมุมชนิดนี้ไม่มีนิสัยดุร้าย ไม่โจมตีหรือบุกกัดใครอย่างไม่มีเหตุผล จะหลบมากกว่าสู้ และจะกัดเมื่อถูกรุกรานที่อยู่เท่านั้น
นักวิจัยแมงมุมให้ข้อสังเกตความแตกต่างระหว่างแมงมุมทั่วไปกับแมงมุมแม่ หม้ายน้ำตาลว่า นอกจากลักษณะลำตัวแล้ว ให้สังเกตลักษณะการทำรัง หรือการชักใย แมงมุมทั่วไปจะชักใยค่อนข้างสวยงามเป็นระเบียบ และชักใยอยู่ที่สูง เช่น ตามขื่อ ตามคาน หรือหลังคาบ้าน
แต่ แม่หม้ายน้ำตาลจะทำรังอยู่ที่ต่ำ สูงไม่เกิน 1 เมตร ลักษณะรังหรือใยจะยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ พบเห็นได้ตามใต้โต๊ะ เก้าอี้ รองเท้าเก่าในบ้าน ที่น่าเป็นห่วงคือ เด็กๆ ที่ชอบคลานเข้าไปอยู่ตามซอกมุมบ้าน หากไปเจอแมงมุมชนิดนี้อาจจะถูกกัด และตกอยู่ในอันตรายได้
ขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลในเชิงลึก รวมทั้งเรื่องการกระจายพันธุ์ จึงขอความร่วมมือ สำหรับผู้พบเห็นแมงมุมที่มีลักษณะดังกล่าว ขอความกรุณาแจ้งมายังภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ด้วย
ความเห็น
[1]
วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552
เวลา 11:26:29 น.
มติชนออนไลน์
แนะทำความสะอาดบ้าน กัน"แมงมุมหม้ายสีน้ำตาล"
นายประสิทธิ์ วงษ์พรม นักวิจัยด้านกีฏวิทยา ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า ลักษณะของแมงมุมหม้ายดำ จะมีลายตรงหน้าท้องเป็นรูปนาฬิกาทรายสีแสด หรือ สีแดง และหากสังเกตหน้าท้องด้านบนจะมีสีน้ำตาลเป็นลักษณะครึ่งวงกลม ซึ่งบริเวณท้องจะมีสัดส่วนใหญ่กว่าส่วนหัวชัดเจนมาก โดยจะมีลายนูนบนท้องเป็นริ้วสีน้ำตาลสลับสีขาวอ่อนๆ ตรงริ้วเป็นจุดสามจุดเรียงกันสองแถว ซึ่งแมงมุมชนิดนี้จะชักใยทำรังในที่รก เช่น ห้องน้ำเก่า โรงไม้เก่า ลังไม้ หรือแม้กระทั่งเก้าอี้ที่วางไว้นานๆ
นายประสิทธิ์ ระบุว่า ส่วนใหญ่แล้วถ้ามนุษย์ไม่ไปสัมผัสจนทำให้แมงมุมตกใจ แมงมุมชนิดนี้จะไม่กัด ยกเว้นว่า แมงมุมจะเข้าไปทำรังในหมวกเก่า หรือ รองเท้าเก่า ถ้าไม่ระมัดระวังอาจโดนกัดได้ ซึ่งเป็นอันตรายมาก เพราะแมงมุมหม้ายดำมีพิษรุนแรง หากถูกกัดจะปวดและอักเสบค่อนข้างรุนแรง โดยนายประสิทธิ์แนะนำให้ทำบ้านให้สะอาด ทำความสะอาดลังไม้เก่า หรือ ลังผลไม้ที่ทิ้งไว้นานๆ เพราถ้าเด็กๆ ไปเล่นอาจเกิดอันตรายได้
นอกจากนี้ นายประสิทธิ์ ยังได้ระบุว่า ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกกับเรื่องแมงมุมหม้ายดำ เนื่องจากการแพร่ขยายพันธุ์ดังกล่าวเป็นการแพร่ขยายพันธุ์ที่เกิดขึ้นตาม ธรรมชาติ ไม่ใช่เป็นการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
เหอ...เหอ น่ากลัว ต้องไปสังเกตบ้านตนเองแล้วล่ะ
ได้ดูจากรายการ เรื่องจริงผ่านจอ มาเหมือนกัน คงต้องระวังกันแล้วล่ะ กับอ่าน NET เจอที่ต่างประเทศ เรื่องมีอยู่ว่ามีคนไปกินร้านอาหารแห่งหนึ่งแล้วกับมาเสียชีวิต ตำรวจไปตรวจอาหารก็ไม่เจอ และก็ได้รับแจ้งว่าเหตุการณืแบบนี้อีกหลายๆครั้ง สุดท้ายก็ระดมทีมค้นหาและคำบอกเล่าจากคนเจ็บว่ารับประทานอาหารเสร็จก่อนกลับก็เลยเข้าห้องน้ำ หลังจากการตรวจทั้งร้านอาหาร และสุดท้ายก็จบที่ห้องน้ำ สรุป เจอครับ แมงมุมทำรังอยู่ไต้ฝาครอบชักโครกนี้เองน่าจะเป็นแมงมุมชนิดเดียวกับปวีณบอกนี้ละ
เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 3
กลับขึ้นข้างบน
/
กลับหน้าแรก
ค้นกระดานข่าว:
ถูกเปิด:
ถูกคลิ๊กแล้ว:
117963587
ตอนนี้มีผู้เข้าชม :
1
ล่าสุด :
Jerekioxgew
,
พีเพิลนิวส์
,
นุกูล
,
จาทีเอ
,
อั้น
,
เอก
,
นนท์
,
แสบ chumphon
,
วัตร
,
เอ๋
,