ยุคหนึ่งของภาพยนตร์ไทย จะมีฉากที่นักแสดงร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ มีทั้งเพลงลูกทุ่ง และเพลงลูกกรุง จากนั้นไม่นานก็จะมีเพลงจากภาพยนตร์ในรูปแบบแผ่นเสียงออกวางจำหน่าย หลายบทเพลงยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน โดยมีการนำมาผลิตลงสื่อบันทึกเสียงในยุคหลังซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะๆ แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว จะยังมีฟิล์ม หรือหายสาบสูญไปแล้วก็ตาม

ในฉากเพลงที่เอ่ยมานั้น มีทั้งแบบ “ลิปซิงค์” ซึ่งนักแสดงนำร้อง ทว่าตัวเพลงเป็นเสียงของนักร้องอีกคน กับอีกประเภทหนึ่ง คือ ตัวนักร้อง ร้องเพลงเอง ซึ่งประเภทหลังนี้ ผู้ชมภาพยนตร์ในต่างจังหวัดจะชื่นชอบกันมาก และยังมีอีกแบบหนึ่งคือ ใช้ “เพลง” เล่าเรื่องในฉากนั้น โดยไม่ปรากฏตัวนักร้องให้เห็น

นักร้องที่เคยแสดงภาพยนตร์ไทย ส่วนใหญ่จะเป็นนักร้องลูกทุ่งครับ ส่วนแนวลูกกรุง มีเพียงไม่กี่เรื่อง เท่าที่พบจะมีเพียง 1 - 2 คน นอกจากว่าทางผู้สร้างตั้งใจจะสร้างเป็นภาพยนตร์เพลง ก็จะมีนักร้องมากกว่านั้น หลายเรื่องโด่งดังและทำเงิน มีเพียงไม่กี่เรื่องที่ไม่ทำเงินในกรุงเทพฯ แต่กลับเป็นที่ชื่นชอบในต่างจังหวัด โดยเฉพาะหนังกลางแปลง

การที่ผู้สร้างจะนำนักร้องแนวลูกทุ่งมาแสดงภาพยนตร์ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นยุคอดีต หรือในปัจจุบันก็ตาม สิ่งที่เป็นอุปสรรคนั่นคือ คิวว่างของตัวนักร้อง นี่แหละครับ ถ้าโชคดีได้คิวว่างก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องรอ ยิ่งถ้าเป็นฉากที่มีนักร้องรวมอยู่หลายๆ คน ก็ต้องรอจนกว่าจะได้วันที่มีคิวว่างตรงกันถึงจะมาถ่ายทำให้ได้

กระทู้นี้ก็จะย้อนรอยรำลึกถึงภาพยนตร์ไทยเรื่อง มนต์เพลงลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม. ซึ่งเป็นผลงานร่วมสร้างของ สหมงคลฟิล์ม และ ลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม. ซึ่งในขณะนั้นบริหารโดยคุณวิทยา ศุภพรโอภาส และยังเป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกของคุณบัณฑิต ทองดี และยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในประวัติศาสตร์ของวงการเพลงลูกทุ่ง และภาพยนตร์ไทย ที่รวบรวมไว้มากที่สุด ตั้งแต่นักร้อง นักแต่งเพลง นักจัดรายการลูกทุ่งเอฟ.เอ็ม. รวมถึงบุคคลที่อยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งไทย กว่า 200 ชีวิต มาแสดงในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน พร้อมด้วยบทเพลงทั้งที่กำลังได้รับความนิยมในช่วงนั้น และที่เคยได้รับความนิยมก่อนหน้านั้น กว่า 30 เพลง มาใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมทั้งบทเพลงใหม่ที่แต่งขึ้นโดยเฉพาะอีกหนึ่งเพลง แม้จะไม่ได้นักร้องที่มีชื่อในเวลานั้นมาร่วมแสดงอีกหลายท่าน (เนื่องจากไม่มีคิวให้) แต่ก็ถือว่า “มากที่สุด” แล้ว นอกจากนี้ยังทำรายได้ถึง 65.6 ล้านบาท

สำหรับภาพจากฟิล์มภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นฟิล์มภาพยนตร์ตัวอย่างซึ่งผ่านการใช้งานมาแล้ว (แบบแรกเป็น “ทีเซอร์” ทว่ามีภาพบางส่วนที่เหมือนกัน) ซึ่งบริการภาพยนตร์กลางแปลงที่จังหวัดนครสวรรค์ได้มอบบริจาคให้เว็บมาสเตอร์เมื่อปี 55 จึงได้ดำเนินการสงวนรักษา ด้วยการซ่อมแซมฟิล์มในส่วนที่ชำรุด และอนุรักษ์ไว้ ไม่เคยนำออกฉายอีกเลย