ประธานกรรมการ :ปวีณ เขื่อนแก้ว
เวบมาสเตอร์:อนุกูล วิมูลศักดิ์ 084-819-7374,095-308-6840
= ภายใน24ชั่วโมง , 
= ภายใน 3 วัน 
= ทั่วไป , 
= คลาส2 , 
= คลาส3 ,
[<<] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24] [25] [26] [27] [28] [>>]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 940
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 940
(ID:22322) ไฟล์หนังHD.ในแบบต่างๆที่นำมาใช้ร่วมกับเครื่องฉายดิจิตอลหรือ LED TV มีแบบไหนบ้างที่ควรเลือกนำมาใช้งานให้เหมาะสมและควรเลือกไฟล์หนังแบบไหนถึงจะเข้าท่า.? |
ไฟล์หนังHD.ในแบบต่างๆที่นำมาใช้ร่วมกับเครื่องฉายดิจิตอลหรือ LED TV มีแบบไหนบ้างที่ควรเลือกนำมาใช้งานให้เหมาะสมและควรเลือกไฟล์หนังแบบไหนถึงจะเข้าท่า.?..
1.ไฟล์น่ามสกุล MKV – เป็นนามสกุลไฟล์ที่นิยมมาก ส่วนใหญ่เป็นไฟล์ภาพยนตร์ที่ Rip มาเป็นความละเอียดระดับ HD ผ่านการบีบอัดให้มีขนาดที่เล็กลง (มีทั้งในรูปแบบ 720p และ 1080p) ขนาดทั่วไปจะอยู่ที่ 1-15 gb (ถ้าเป็น1080p จะมีความคมชัดมากกว่าและมีขนาดที่ใหญ่กว่าด้วยเช่นกัน) พบในหนังทั่วไปและซีรี่ย์ทั้งฝรั่ง,เกาหลีจนไปถึงการ์ตูนอนิเมชั่นครับ เรียกได้ว่าไฟล์นี้อยู่กับเราแบบครอบจักรวาลเจอกันบ่อยสุด- ในปัจจุบันมีรูปแบบของ Mini-hd ขึ้นมาด้วย ซึ่งจะมีขนาดไฟล์อยู่ในช่วง 3-5 gb เท่านั้น ภาพและเสียงก็จะดรอปลงมาหน่อย แต่ข้อดีก็คือประหยัดพื้นที่บน Harddisk ไปได้อีกเยอะ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน MKV จะยังไม่รองรับระบบเสียงรูปแบบใหม่ๆแบบ DtsHD, TrueHD แต่ในปัจจุบันก็รองรับระบบเสียงพวกนี้แล้วครับ ไฟล์ที่เป็นลักษณะ 3D ก็มีในรูปแบบนี้เช่นกัน จะเป็น 3Dประเภท SBS ครับ ส่วนขนาดก็จะไม่แตกต่างกันกับไฟล์หนังธรรมดาครับ....
2.ไฟล์นามสกุล.BDMV. เป็นไฟล์ภาพยนตร์ที่ไม่ผ่านการบีบอัดเลย ทำให้คุณภาพนั้นสูงกว่าแบบ MKV ที่ผ่านการบีบอัดลงไป ทั้งคุณภาพของภาพและเสียงจะเหมือนกับต้นฉบับแบบแผ่น โครงสร้างของไฟล์ประเภทนี้จะมาเป็นโฟลเดอร์ วิธีการเล่นกับ HD Player ก็จะเป็นการเล่นทั้งโฟลเดอร์ ไฟล์ประเภทนี้จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ประมาณ 25gb ขึ้นไป ไฟล์ที่เป็นลักษณะ 3D ก็มีในรูปแบบนี้เช่นกัน จะเป็น 3D แท้ๆ ไม่ใช่ SBS ครับ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า ภาพมิติก็จะลึกกว่าด้วยเช่นกัน ดูแล้วสวยกว่าสบายตากว่า..
3.ไฟล์นามสกุล ISO หรือ m2ts. คล้ายๆกับแบบ BDMV มีทั้งแบบ DVD และแบบ Bluray แต่ต่างกันที่โครงสร้าง เพราะ BDMV จะเป็นแบบโฟลเดอร์ แต่ ISO นั้นจะเป็นไฟล์เดี่ยว และมีขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน (ประมาณ 25 gb ขึ้นไป) เป็นไฟล์ภาพยนตร์ที่ไม่ผ่านการบีบอัดเลย ทำให้คุณภาพนั้นสูงกว่าแบบ MKV ที่ผ่านการบีบอัดลงไป ทั้งคุณภาพของภาพและเสียงจะเหมือนกับต้นฉบับแบบแผ่น (เห็นกันบ่อยๆก็จะมีทั้ง DVDISO,BlurayISOครับ) ไฟล์ที่เป็นลักษณะ 3D ก็มีในรูปแบบนี้เช่นกัน จะเป็น 3D แท้ๆ ไม่ใช่ SBS ครับ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า ภาพมิติก็จะลึกกว่าด้วยเช่นกัน ดูแล้วสวยกว่าสบายตากว่า (เหมือน BDMV)..
สำหรับคนที่ซีเรียสเรื่องภาพและเสียงมักจะเลือกไฟล์แบบ BDMV และ ISO เสียมากกว่า เพราะคุณภาพเข้าขั้นว่าดี ไม่มีการลดทอนลง แต่ใช่ว่า MKV จะไม่ดี เพราะบางคนก็มองไม่เห็นความแตกต่าง หากไม่ได้ใช้จอTV ที่มากกว่า 50 นิ้วหรือฉายด้วยเครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์จอใหญ่ๆ ก็แทบมองด้วยตาไม่ออกเท่าไรนัก แต่ถ้าเป็นผู้ที่ช่ำชองมากๆก็อาจจะมองเห็นความแตกต่างได้ครับ..
สำหรับระบบเสียง เดี๋ยวนี้ตั้งแต่ระดับไฟล์ DTS/DTS-HDและDolby/Dolby TrueHD ก็รองรับอยู่ในไฟล์ตั้งแต่ Mini-HD ขึ้นไปแล้วครับ ส่วนไฟล์เสียงแบบ Dolby Atmos นั้นยังจำกัดเฉพาะอยู่แค่ระดับไฟล์นามสกุล BDMV/ISO เท่านั้นในตอนนี้นะครับ..
ความเห็น |
[1]
(ID:198033)
DCP ย่อมาจากคำว่า Digital Cinema Package ไฟล์ภาพยนตร์ที่เป็นระบบมาตรฐาน และเป็นที่นิยมใชกันในระบบการฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วทั่วโลก.โดยมีโครงสร้างของไฟล์มาจากโปรแกรม JPEG2000 ซึ่งจะให้รายละเอียดของภาพที่ฉายออกมาสูงมาก ไล่ตั้งแต 1K 1080P ไปจนถึงความละเอียด 2K และ 4K ตามลำดับ.
(ID:198463)
ไฟล์ภาพยนตร์ DCP กำลังจะถูกกำหนดให้เป็นระบบมาตรฐานในการฉายภาพยนตร์กลางแปลงในประเทศไทย.แทนที่ไฟล์แบบ Home Use โดยทั่วๆไปอย่างไฟล์ MKV และไฟล์ที่ริปมาจากแผ่นบลูเรย์อย่างไฟล์ BDMV และไฟล์ ISOที่ไม่มีการบีบอัดข้อมูลใดๆ.ซึ่งมาจากปัญหาของความไม่รู้ข้อมูลในการใช้ไฟล์ให้เหมาะสมกับเครื่องฉายภาพขนาดใหญ่ๆจนเกิดปัญหาว่าคุณภาพของภาพที่ใช้ฉายออกมานั้น.เป็นที่ยอมรับไม่ได้และไม่มีคุณภาพที่ดี...รวมทั้งความเข้าใจส่วนใหญ่ของผู้ใช้ด้วย ที่เข้าใจว่า ไฟล์หนังอะไรก็ได้ที่สามารถโหลดมาจากเวบบิทไม่ว่าขนาดไฟล์จะเล็กหรือใหญ่.สามารถจะนำมาใช้ฉายภาพขนาดใหญ่ๆได้เหมือนๆกันแหละ.ซึ่งเป็นเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องครับ..การกำหนดให้ไฟล์ DCP ที่มีโครงสร้างหลักของโปรแกรม JPEC2000ที่มีมาตรฐานมีความละเอียดภาพสูงมากๆในเรื่องของคุณภาพไฟล์ที่ใช้ฉายภาพขนาดใหญ่จึงกลายเป็นคุณสมบัติและข้อกำหนดหลักของไฟล์ภาพยนตร์ที่จะนำมาใช้ในธุรกิจภาพยนตร์กลางแปลงในประเทศไทยในยุคสมัยนี้ครับ..ซึ่งตัวแปรหลักที่สำคัญคือ content หรือภาพยนตร์ที่ต่อไปจะถูกกำหนดตายตัวมาจากบริษัทภาพยนตร์จากต่างประเทศที่มีการล๊อคจำนวนครั้งในการฉาย ล๊อคยี่ห้อและรุ่นของเครื่องฉายเป็นการเฉพาะ(ไม่สามารถจะนำไปฉายกับเครื่องอื่นที่ไม่ได้ล๊อคมาจากต่างประเทศได้) ภาพยนตร์แต่ละเรื่องจะมี KDM หรือพาสเวิร์ดล๊อคเอาไว้ซึ่งถ้าจะฉายต้องแจ้งขอพาสเวิร์ดจากบริษัทภาพยนตร์ก่อน.ไม่งั้นจะไม่สามารถฉายได้..เป็นป้องกันปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์อีกทางนึงด้วย...
เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 2
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 2
กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก
ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 116952682 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Sallycgriet , BrianerpGep , AnthonykDraib , Kristenmswony , Edwinjophorie , Stanley , RobertMIGH , ProlBlask , Robbsf , Jamesfap ,