ข้อมูลสมาชิกแจ้งข่าวใน เครือข่ายป้องกันมิจฉาชีพหากินเรื่องลิขสิทธิ์

พวกมิจฉาชีพ อ้างว่ามาจากบ.แกรมมี่ แล้วจะมาไถตังค์ค่าลิขสิทธิ์เพลง

อาทิตย์ที่ 24 มี.ค. เวลาประมาณทุ่ม 20 มีมิจฉาชีพแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ลิขสิทธิ์จากบริษัทแกรมมี่มาถามเรื่องลิขสิทธิ์ที่ร้าน 
“ป้าดวงราดหน้ายอดผัก” ที่หัวหิน (ราดหน้ามึงยังจะเอาเนอะ) เพราะเนื่องจากว่าทางร้านเปิดเพลงฝรั่งเก่าๆ แบบว่ายุค 50s 60s (ซี่งก็ไม่รู้ว่า เพลงฝรั่งแก่ๆเกี่ยวอะไรกับแกรมมี่)

คุณพ่อของเราเป็นเจ้าของตึกที่ป้าดวงเขาเช่าทำร้านราดหน้าอยู่ แล้วเขายังหาเด็กเสิร์ฟไม่ได้ เลยไปช่วยเขาเสิร์ฟ
แล้วก็มี ผู้ชายใส่เสื้อลาย ชื่อนาย "ธีรเดช จงเลิศฐิติ” ชื่อเล่นเอกซ์ เข้ามาในร้าน พร้อมกับผู้ชายอีก 1 คน ใส่เสื้อ 3G+ สีส้มๆ (คนละค่ายและ มึงเกี่ยวอะไร)
บอกว่ามาตรวจลิขสิทธิ์เพลง โดยที่นาย เดินมาที่เคาน์เตอร์ร้าน และผู้ชายเสื้อส้มนั่งอยู่ที่นั่งหน้าร้านข้างๆครัว

ธีรเดช : ผมมาตรวจลิขสิทธิ์เพลงครับ
เรา : ค่ะ แต่ว่า จำได้นะคะว่าทางกฎหมายลิขสิทธิ์ เพลงต่างประเทศอายุมากกว่า 50 ปีขี้นไป
ธีรเดช : (ทำหน้าเอ๋อไปนิดนึง แต่ยังวางท่า) อ่อครับ แล้วทางร้านมีเพลงอะไรบ้างครับ
เรา : ก็เป็นเพลงของเจ้าของร้านน่ะค่ะ เพลง Oldies ฝรั่ง
ธีรเดช : เจ้าของร้านเป็นคนที่ไหนครับ
เรา : ทำไมเหรอคะ (ในใจคิด นี่มึงขู่กันชัดๆ มึงถามว่ามาจากไหนทำอะไร)

คุณพ่อที่เป็นตำรวจเก่า เห็นท่าไม่ดี เลยฉะกับมัน เสียงดังลั่นร้าน
พ่อ : เราไม่สนใจ มึงเอาเอกสารมา! ทำมาหากินกันอย่างนี้! กูเป็นตำรวจมา 30 กว่าปี อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงเป็นใคร

นายธีรเดชก็เถียงกับพ่อ ด่าพ่อเราบ้างว่า ไม่มีมารยาท (ทำผิดแล้วยังด่าคนอื่นอีกนะมึง) พ่อก็ด่ากลับว่า พวกมึงมันมิจฉาชีพ อย่าคิดนะว่ากูไม่รู้
นายธีรเดช ก็ขู่ว่า “ผมก็เป็นคนมีนายนะ” และวางท่าใหญ่โต ไม่เกรงกลัว
พ่อก็ตอบว่า “นายมึงน่ะใคร มึงเอานายมึงมาเลย"
แต่ตอนนั้นก็กลัวว่าจะเกิดเหตุนองเลือดกันในร้านคนอื่นเลยช่วยห้ามทั้ง 2 คนกับแม่

ส่วนขณะที่ทะเลาะกัน นายเสื้อส้มก็เดินหนีออกไปแล้ว (ทิ้งเพื่อนเลยนะมึง)
และคนอื่นๆที่เห็นเหตุการณ์ มีผู้ชายอีก 2 คนดูลาดเลาหน้าร้านด้วย

สุดท้าย นายธีรเดช ก็ยอมออกจากร้านไป และไปที่จอดรถที่ใกล้ๆกับตึก
ระหว่างนั้นก็มีปากเสียงกับพ่ออีกรอบ ตะโกนด่าพ่อข้ามรั้วบ้าน
แล้วมัน 2 คนก็ขึ้นรถของ นางสาวเกษสิรินทร์ บุญศิริ (เมียนายธีรเดช) หนีไป

ระหว่างนั้น คุณพ่อก็เลยโทรหาลูกน้องเก่า ประสานกับทีมไล่ล่า ให้ตามจับพวกโจรนี้ให้ได้
และแล้วก็ได้ทั้งประวัติ ชื่อจริงนามสกุลจริง ที่อยู่ และได้พบว่า

2 ผัวเมีย ประวัติโชกโชนที่พัทยา ทำแบบนี้หลายรอบ จนเข้าพัทยาไม่ได้แล้ว

ทีมนี้จะจอดรถใกล้ๆกับจุดที่จะลุย รอดูลาดเลา แล้วตัวเมียจะรออยู่ในรถ ให้ผัวกับเพื่อนออกมา
โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่หนุนหลังดูลาดเลาและอาจจะส่งคนเข้ามาในร้านก่อนด้วย
ถ้าหากหลงกลพวกนี้ พวกนี้ก็จะจับคุณขึ้นรถ พาไปข้างๆโรงพัก และไถตังค์
แต่มันจะไม่จบแค่นั้น คนพวกนี้จะกลับมาทุกเดือนๆเพื่อไถตังค์ บางรายบอกว่าเดือนละ 7000 บาท ถึงเป็นหมื่นก็มี

และก็จับตัวได้ในวันรุ่งขึ้น คุณพ่อเลยบอกลูกน้องว่า กักตัวพวกมันไว้ แล้วเอามันกลับมาที่ร้านราดหน้าตอนเย็นๆ

ทั้ง 2 คนถูกนำตัวมาโดยตำรวจชั้นประทวนคนนึง ที่หน้าซีดตั้งแต่เข้ามาแล้ว
แล้วทั้ง 2 คนนี้ก็โดนคุณพ่อ คุณแม่ และเรา จวกให้ ทั้งถาม ทั้งกัด ทั้งเทศน์ (มีคลิป)
นายธีรเดช ยอมรับว่าตัวเองออกมาจากแกรมมี่แล้ว แต่นางสาวเกษสิรินทร์อ้างว่า ยังอยู่ในบริษัท 
และให้ผัวที่ไม่ได้ทำงานในแกรมมี่แล้ว ทำหน้าที่แทนตัวเอง(?) โดยการไปขายลิขสิทธิ์ (ตอนนั้นมึงบอกจะมาตรวจ ไม่ได้ขายย??!!!!!)
ไม่ว่าจะถามคำถามเรื่องประวัติซึ่งมีบันทึกอยู่แล้วยังไง
ไม่ยอมรับแม้แต่ตัวเองทำผิด และไม่ยอมรับว่าตัวเองมีประวัติที่พัทยา ทั้งๆที่ประวัติโชกโชน
ถามว่าเพลงภาษาอังกฤษที่แกรมมี่มีลิขสิทธิ์มีกี่เพลง นางตอบว่า 3 เพลง แต่ตอบไม่ได้ว่าเพลงอะไร
ถามว่าคนที่เหลือคือใคร แม่งก็บอกว่ามาคนเดียว ทั้งๆที่ในกล้องวงจรปิด ก็มีภาพอยู่ว่ามากันกี่คน
ถามว่าเก็บเขาเดือนละ 7000 จริงมั๊ย ก็ปฎิเสธ 
แล้วอ้างว่า “ที่ทำแบบนี้ ต้องทำยอดส่งบ.แกรมมี่"
คือเอาเป็นว่า ทั้ง 2 คน หากินแบบนี้มานาน โดยใช้ชื่อบริษัทแกรมมี่
ถามไปถามมา ตำหนวดที่มาด้วยท่าจะร้อนตัวร้อนรน ลากลับบอกว่าจะไปรับเสด็จ ทั้งๆที่แต่งตัวซกมกจนไม่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายเท่าไหร่
สรุปแล้ว ทั้งทีมมึงรักมึงมาก ทิ้งมึงกันไปหมดเลย

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ในหน่วยงานแกรมมี่รู้รึเปล่าว่ามีคนแบบนี้อยู่ หรือรู้แต่ไม่ทำอะไร
ถ้าเห็นแก่หน้าตาบริษัทตัวเอง ก็ขอให้ดำเนินคดีกับคนที่ใช้ชื่อตัวเองมาหากินโดยรังแกคนทำอาชีพสุจริต
เพราะยังไง สำหรับพวกเรา ก็ไม่ได้โดนไถตังค์ ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก แค่หมั่นไส้ และก็ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
แต่สำหรับคนอื่นที่โดนมากกว่านี้ ก็ลองคิดดูว่าเขาจะคิดยังไงกับบริษัทคุณ

และสุดท้าย ฝากไปถึงโจรทั้งทีมด้วยว่า
“เครื่องบันทึกเสียงของมึงที่มึงเอามา ตอนโดนลากมาหาพ่อกู

กับข้อมูลตำรวจ vdoกล้องวงจรปิด และ vdoคลิปที่พวกกูจวกพวกมึง
อะไรจะมีน้ำหนักกว่ากัน"

​http://ict.in.th/61065