กรรณิการ์ อมรา สุดยอดนักพากย์
ที่ก้าวไปเป็นส.ท. ได้สำเร็จ
ท่านมีลีลาเฉียบแหลม เสียงมีมนต์เสน่งห์ สไตล์มีเอกลักษณ์เน้นบทพากย์เป็นหลักต้องพิมพ์บทด้วยตนเองทุกเรื่องมีแทรกบทตลกไว้บ้างให้ได้เฮ ดูแล้วสนุกผู้ชมรักประทับใจมาก แฟนหนังติดตามมาก ชมว่าท่านเป็นสุดยอดการพากย์ปักษ์ใต้
นำเสนอโดยเว็บพีเพิลซีนเว็บคนรักหนังร่วมกับศิลปวัฒนธรรมและบันเทิง นสพ.มติตรัง
กรรณิการ์ได้สร้างผลงานศิลปะการพากษ์ไว้มากมาย หาดใหญ ตรัง นคร แต่ละเรื่องล้วนแต่ทำให้ชื่อเขาเป็นติดอันดับแนวหน้ามาตลอด ตอน เปิดตำนานนักพากย์ กรรณิการ์ ท่านมีชื่อจริงว่า สรวง ยุทธนา เกิด 19 กันยายน ปี 2472 เสียชีวิต เมื่อวันที่ 16พฤษภาคม ปี 2529 โชคดีตอนเด็กๆอายุ16 ได้มาทำงานโรงหนังที่หาดใหญ่ทำทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายเริ่มจากเก็บตั๋ว สิ่งที่สรวงรักชอบที่สุด คือการพากย์เขาแอบจดจำจากนักพากย์ทุกคน กว่าจะได้เป็นนักพากย์เก่งต้องเฮง วันหนึ่งราชรถมาเกยเข้าจนได้ มีนักพากย์ดังศิษย์ทิดเขียว ชื่ออาจารย์วรเทพ มาเห็นหน่วยก้านนายสรวงเข้า จึงชวนสรวงไปเดินสายห้อยตามอาจารย์ไปทุกแห่งที่อ.วรเทพไปพากย์ ไปไหนสรวงไปด้วยนอนกินด้วยกัน อาจารย์เห็นความมุ่งมานะจึงสอนเทคนิคให้สรวงทั้งหมด ทั้งทำบทและเรียบเรียงบท อ.ให้พากย์แทนท่านในโรงหนังเล็กๆก่อน ให้ชื่อว่า “แมนสรวง”ระยะอยู่กับอ.วรเทพเกือบสองปี คราวนี้ได้หนังมาพากย์เป็นของตัวเองโชว์เองหลายเรื่องชักดังกับเขาเหมือนกัน คราวนี้อาจารย์.ให้ฉายเดี่ยว
ไม่นาน “แมนสารวง” ไปพบกับนักพากย์หญิงคนหนึ่ง จนได้พากย์คู่กันใช้ชีวิตร่วมกันในนามใหม่ว่า..
“กรรณิการ์ ฉวีวรรณ” ก็ประสบความสำเร็จ แค่ 8 ปีฉวีวรรณป๋วยเสียชีวิตจากไป
เมื่อขาดคู่พากย์ ก็ต้องหาคนใหม่ที่ลงตัวชื่ออมรา และพากย์คู่มาตลอดในนาม “กรรณิการ์ อมรา”
จนโด่งดังพลุแตกใครๆรู้จักดี ก็แห่มาฟังคู่นี้พากย์ทุกแห่งที่ไปคนแน่นทุกโรง
พากย์หนังเป็นร้อยเรื่อง หนังดังอาทิเช่น 4แดนสงคราม ปาปิญอง โคม่า ธนาคารคนดิบ คนเหล็ก 2029 นักรบแดนตาย โชโลแลนเจ้าขุมทอง ร็อกกี้4 ฯลฯ
ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่กรรณิกาพากย์คือเรื่อง ร็อกกี้4ขยี้หมียักษ์ ฉายที่โรงเฉลิมไทยหาดใหญ่ ท่านพากย์ได้เพียงสามรอบมีอาการหอบ หายใจไม่ออก ไอมีเลือด จึงมีการอัดเทปทันทีส่งท่านไปโรงพยาบาลพักรักษาอยู่4เดือน จึงจากโลกนี้ไป ทิ้งไว้เป็นเพียงตำนานและความทรงจำตลอดไป
ส่วน อมราคู่ชีวิต เธอเล่าว่า สมัยเด็กๆขายของหน้าโรงหนังทับเที่ยงภาพยนตร์ที่ตรัง นักพากย์ที่ประทับใจคือ อ.ชัยเจริญ ดิฉันฝันอยากเป็นนักพากย์ บุญวาสนาส่ง ได้ไปช่วยงานครูดาวนคร หน้าที่ร้องเพลงสลับการพากย์ วันหนึ่งท่านไม่สบายพากย์เสียงผู้หญิงไม่ได้จึงให้ดิฉันพากย์ จึงเป็นการพากย์ครั้งแรกในชีวิตใจมันตุ๊มๆต้อมๆสะดุดตะกุตะกักบ้างครูดาวนครจึงให้กราบไหว้ขออนุญาตท่านอาจารย์ทิดเขียว ดิฉันพากย์หนังเมื่ออายุ17 ปีปัจจุบันปี2562 ดิฉัน 80กว่าแล้ว ดิฉันบอกลูกหลานว่าสมบัติทั้งหมดได้มาจากการเป็นนักพากย์ทั้งสิ้น คำว่านักพากย์หนังจึงประทับอยู่ในหัวใจ “กรรณิการ์ อมรา” ตราบชั่วกาลนาน เรามีพ่อ “ทิดเขียว “คนเดียวกัน
บทความโดยวิวัย จิตต์แจ้ง เขียนสำเร็จได้ต้องขอขอบพระคุณ พี่โต๊ะพันธมิตร พี่สายสุดา พึ่งสุจริต พี่อมรา อ.ชัยเจริญ ดวงพัตรา มานะที่นี้
![]() | |
![]() |
ความเห็น |