Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ประธานกรรมการ :ปวีณ เขื่อนแก้ว
เวบมาสเตอร์:อนุกูล วิมูลศักดิ์ 084-819-7374,095-308-6840


= ภายใน24ชั่วโมง , = ภายใน 3 วัน = ทั่วไป , = คลาส2 , = คลาส3 ,
รูป
ภาพกิจกรรมเวบพีเพิลซีน เจ้าของ อ่าน ตอบ ผู้ตอบหลังสุด
-กองทัพรัสปูตินบุก473916.. 9/4/2551 11:33
-เครื่องรัสเซียออกงานครับ440412.. 3/4/2551 21:57
-เที่ยวไปในดินแดนแห่งความรัก ณ บ้านโฮมฮัก จ.ยโสธร645336.. 29/3/2551 17:36
-สมบูรณ์ภาพยนตร์ หน่วยที่ 2 ตอน 2657921.. 28/3/2551 20:38
-นิราศสันป่าตองมาเเว้วววววววววววววววว710021.. 14/3/2551 20:08
-ทริปใหม่มาแล้วจ้า...(นิราศแหลมฉบัง)661336.. 5/3/2551 20:45
-สมบูรณ์ภาพยนตร์ ภาค 2454912.. 24/2/2551 22:02
-จอที่รับมาครับ460618.. 23/2/2551 20:15
-สมบรณ์ภาพยนตร์ ฉายหนังที่วัดศรีคูณเมือง500016.. 22/2/2551 21:05
-งานคืนสู่เหย้าที่ อสช.495914.. 22/2/2551 20:09
-นักฉายหนังมือ 1 ครับ572316.. 13/2/2551 21:00
-ขากลับพี่จาทีเอพาไปกินข้าวแถวคลองถมครับ46723.. 9/2/2551 19:24
-งานมิตร ชัยบัญชา ตอนพิเศษ (กล้องพี่พักรบครับ)504610.. 23/1/2551 1:50
-งานมิตร ชัยบัญชา ตอน 7 จบ616231.. 18/1/2551 11:16
-งานมิตร ชัยบัญชา ตอน 6451612.. 14/1/2551 4:37
-งานมิตร ชัยบัญชา ตอน 545657.. 14/1/2551 4:17
เลือกหน้า
[<<] [27] [28]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 444

(ID:896) เที่ยวไปในดินแดนแห่งความรัก ณ บ้านโฮมฮัก จ.ยโสธร


    

ข้อมูลอ้างอิงจากคุณ เสือหลุมหลิม

พี่ติ๋ว สุธาสินี น้อยอินทร์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ หรือบ้านโฮมฮัก

เธอเป็นรุ่นพี่ร่วมสถาบันเดียวกันกับผม และยังเป็นรุ่นพี่ชมรมผู้บำเพ็ญประโยชน์ ของผมอีกด้วย

...หลังจากเรียนจบ ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปทำอะไร อยู่ที่ไหน จนกระทั่งได้พบเธออีกทีบนหน้าจอโทรทัศน์ของรายการทีวีรายการหนึ่ง

...เราจึงได้ทราบว่าพี่ติ๋วยังคงสานต่ออุดมการณ์ที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่อง....
...ขณะนี้พี่ติ๋วกำลังป่วยหนักด้วยมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย
...พี่ติ๋วกำลังต้องการความช่วยเหลือ ลูกๆ ของเธอที่บ้านโฮมฮักกำลังต้องการความเหลียวแลจากผู้คนในสังคม

ผมอยากเจอพี่ติ๋ว..
มีคำถามหลายอย่างที่อยากจะถามเธอมากมาย..
ผมจึงต้องเดินทางไป จังหวัดยโสธร เมืองบั้งไฟพญาแถนด้วยตนเอง
อยากไปเยี่ยมเยียนอาการของพี่ติ๋ว.. อยากไปดูความเป็นอยู่ของเด็กๆ
และ.. พอจะช่วยเหลืออะไรพี่ติ๋วกับพวกเด็กๆ ได้บ้าง



ความเห็น

[1] [2]


(ID:8918)


เมื่อเดินทางสู่จังหวัดยโสธร เพื่อไปเยี่ยมเยียนบ้านโฮมฮัก
ผมจ่ายค่ารถเสร็จแล้วเดินหิ้วถุงเงาะและมังคุดเข้ามาที่ บ้านโฮมฮัก
คนแรกที่เข้ามาทักทาย (นอกจากหมาที่เดินกระดิกหางอย่างแรงเสียจนเหมือนมันส่ายไปทั้งก้น)
ก็คือ... "น้องปาร์ค" คนนี้ครับ...
น้องปาร์คยกมือไหว้ พร้อมกล่าว "สวัสดีครับ"
แค่ก้าวแรกที่มาเยือนก็ทำให้ผมรู้สึกดีซะแล้ว




(ID:8919)


บ้านโฮมฮัก ซึ่งจริงๆ ชื่อ "บ้านฮวมฮัก" ฮวม ที่มาจากคำว่า รวม นั่นแหละครับ...

แต่เดิมนั้น บ้านฮวมฮัก เริ่มต้นจากงาน บำบัดกลุ่มเด็กที่ติดยาเสพติด ที่ อ.กุดชุม จ.ยโสธร
ต่อมาเกิดมีปัญหากับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

เนื่องจาก กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ค้ายาเหล่านั้น....กลัวว่า เด็กๆ ที่เคยติดยา
เมื่อเลิกยาได้แล้วจะกลับมาเป็นพยานให้ตำรวจมาจับพวกตน
จึงพยายามกลั่นแกล้งและข่มขู่พี่ติ๋วทุกวิถีทาง
จนกระทั่งมี อาสาสมัครของมูลนิธิฯ ตายในปีเดียวกันถึง 4 คน




(ID:8920)


พี่ติ๋วจึงพาเด็กๆ ประมาณ 40 คน มาอยู่ที่นี่ ซึ่งขณะนั้นพื้นที่ตรงนี้เป็นสินสมรสของพี่ติ๋วและสามี มีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่
ต่อมาเมื่อพี่ติ๋วกับสามีแยกทางกับ..... พี่ติ๋วจึงซื้อที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสของตนเอง

แรกมาอยู่ยังไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ พี่ติ๋วและเด็กๆ ต้องกางเต็นท์อยู่กัน
จนกระทั่งรัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินช่วยเหลือจึงได้มีอาคารหลังแรกขึ้นมา ก็คืออาคารหลังที่เห็นตรงหน้านี่แหละครับ




(ID:8921)


บ้านที่เห็นซ้ายมือ เป็นที่พักสมัยแรกๆ ก่อนที่จะได้งบสร้างอาคารจากญี่ปุ่น..
พี่ติ๋วและลูกๆ ช่วยกันสร้างด้วยตัวเองโดยอาศัยความรู้และประสบการณ์จากการออกค่ายอาสาฯ เมื่อครั้งสมัยที่พี่ติ๋วยังเรียนอยู่..
"หลังหนึ่งนอนกันสิบกว่าคนได้มั้ง ไม่รู้นอนกันได้งัย" พี่ติ๋วย้อนเหตุการณ์ในอดีตให้ฟัง




(ID:8922)

จากนั้นก็เริ่มรับกลุ่มเด็กติดเชื้อ HIV เข้ามาที่บ้านซึ่งเด็กที่ติดเชื้อในระยะแรกมาจากการติดยาเสพติดมาก่อน...
หลังจากนั้นจึงมีเด็กที่กำพร้า เพราะพ่อ-แม่ เป็นเอดส์ตาย และเด็กติดเชื้อ HIV เข้ามา
จนปัจจุบันเด็กที่เข้ามาอยู่ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กกำพร้า
เด็กในบ้านโฮมฮัก เท่าที่ผมพอจะ สรุปออกมาจะมีได้ดังใน ตารางนี้อ่ะคับ

----------------------------------------------

ปัจจุบันบ้านโฮมฮัก มีเด็กในการดูแลประมาณ 100 กว่าคน
ซึ่งที่นี่จะให้อยู่รวมกันโดยไม่มีการแบ่งแยกเด็กที่ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ
เพื่อต้องการให้เด็กทั้งสองกลุ่มเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน
เด็กที่โตกว่าจะถูกสอนให้เอาใจใส่ และดูแลน้องๆ ด้วยความรัก ทั้งที่บ้านและโรงเรียน

----------------------------------------------

........ซึ่งเท่าที่ผมสังเกตดู น้องๆ ที่โตกว่า ดูแลน้องที่เล็กกว่าจริงๆ และดูแลด้วยความรักเหมือนพี่รักน้อง
ซึ่งน้องๆ ส่วนใหญ่ก็เชื่อฟังพี่เสียด้วย ถึงแม้บางทีอาจจะเอาแต่ใจตัวเองบ้าง แต่สุดท้ายก็เชื่อฟังพี่ๆ
ถ้าไม่ไหวจริงๆ เหล่าพี่ๆ จึงจะฟ้องแม่ที่เป็น จนท.มูลนิธิฯ  (ที่โฮมฮัก เด็กๆ จะเรียก จนท.ชายว่า "พ่อ" เรียก จนท.หญิง ว่า "แม่" ครับ)

......สุดท้ายถ้ายังไม่เชื่อฟังอีกก็จะเป็นแม่ใหญ่สุดของบ้าน ก็คือ "แม่ติ๋ว"
แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ถึงมือแม่ติ๋วหรอกครับ แค่บอกว่าจะฟ้องแม่ติ๋วแค่นั้น เด็กๆ ก็จะยอมเชื่อฟังแล้วแหละครับ
ไม่ใช่เพราะความกลัวแม่ติ๋วดุ ..
แต่เพราะเด็กๆ รักและเคารพแม่ติ๋วมากเด็กๆ และกลัวแม่ติ๋วจะไม่รักน่ะครับ...






(ID:8923)


ระหว่างรอพี่ติ๋วออกมาก็ถือโอกาสนั่งคุยกับพวกพี่ๆ ที่เอาของมาบริจาค ได้ความว่า พี่เขามาจากกรุงเทพฯ
....ปกติทางบริษัทฯ มีนโยบายในการบริจาคสิ่งของและทำกิจกรรมเพื่อสังคมทุกปีอยู่แล้ว
บริษัทได้ชมรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับมูลนิธิสุธาสินี แล้วก็รู้สึกชื่นชมพี่ติ๋วและอยากช่วยเหลือพี่ติ๋ว จึงเอาของและเงินมาบริจาค

....สักครู่ผมก็สังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งฝ่าสายฝนที่ตกปรอยๆ เข้ามาในศาลา
กลุ่มพี่ๆ ที่มาบริจาคของยกมือไหว้สวัสดีผู้หญิงคนนั้น.. "พี่ติ๋ว" แน่ ผมคิด....

หลังจากทักทายกับกลุ่มผู้มาบริจาคของเสร็จ เธอเดินไปนั่งรวมอยู่กับเด็กๆ
เอามือโอบกอดแล้วถามไถ่ถึงสุขภาพของเด็กๆ แต่ละคนด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดู





(ID:8924)


หลังจากผู้บริจาคของกลับไปแล้ว ผมจึงมีโอกาสคุยกับพี่ติ๋วอย่างจริงจังเสียที....

พี่ติ๋วรู้สึกดีใจมากกว่าเมื่อพบกันครั้งแรกเสียอีก...หลังจากที่รู้ว่าผมเป็นรุ่นน้องของเธอที่ วทก. และชมรมบำเพ็ญฯ
สีหน้าแววตาของติ๋วดูแล้วไม่เหมือนคนป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเลยสักนิดเดียว
ทั้งๆ ที่คนป่วยเป็นมะเร็งในรุ่นเดียวกันกับพี่ติ๋วที่ รพ. ต่างพากัน เดดซะมอเร่กันหมดแล้ว




(ID:8925)


เด็กๆ ที่บ้านโฮมฮัก รับผิดชอบจำนวน 100 กว่าชีวิต
มีทั้งที่อยู่โรงเรียนประจำ และโรงเรียนจรไป-กลับ
โรงเรียนประจำก็จะเป็นโรงเรียนคริสต์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กผู้หญิง ที่โตแล้ว...
แต่..ปัญหาส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่โรงเรียนจรไป-กลับ
เนื่องจากบางโรงเรียนไม่ยอมรับเด็กจากบ้านโฮมฮัก  เหตุเพราะอาศัยรวมอยู่กับเด็กที่ติดเชื้อ HIV

...ในวันนั้นผมเห็นมีน้องผู้ชายคนหนึ่งมีผ้าก๊อตพันแผลโป๊ะหัวอยู่ด้วย
ทราบจากพี่ติ๋วว่า..น้องเขาโดนผู้ปกครองของเพื่อนเอาก้อนหินขว้างใส่จนหัวแตกและห้ามไม่ให้มาเล่นกับลูกของเขาอีก
เพียงแค่รู้ว่า น้องเขาอยู่บ้านโฮมฮัก

ทุกวันนี้เด็กๆ ที่เรียนหนังสือแบบจร คือไป-กลับ จะถูกกระจายกันไปหลายๆ โรงเรียน ใน 3 จังหวัด
คือ ยโสธร สุรินทร์ และอุบลราชธานี
โดยมีพี่ติ๋ว และ จนท.ผู้ชาย คอยขับรถรับส่งในตอนเช้าและเย็น
เหตุที่ต้องกระจายไปไกลถึง 3 จังหวัด พี่ติ๋วเล่าให้ฟังว่า

......ก่อนนี้ พี่ติ๋วเคยพาเด็กๆ ที่บ้านโฮมฮักไปก่อม๊อบเพื่อร้องเรียนผู้ว่าฯ ที่ศาลากลางจังหวัด
เรื่องเด็กๆ ที่มูลนิธิฯ ไม่มีที่เรียน
สาเหตุเนื่องจากเด็กที่มูลนิธิฯ เป็นเด็กที่ติดเชื้อ HIV ทางโรงเรียนจึงรังเกียจ
แต่การเรียกร้องความเท่าเทียมในสิทธิมนุษยชนให้แก่ลูกๆ ของเธอในครั้งนั้น
กลับกลายเป็นการตอกย้ำความบอบช้ำที่มีอยู่แล้วในใจของเด็กๆ ให้เจ็บช้ำยิ่งกว่าเดิม
และมันก็กลายเป็นความผิดพลาดที่พี่ติ๋วเองต้องจดจำไปชั่วชีวิต

"ก็เพราะพ่อ-แม่มันhere... ลูกมันถึงออกมาเป็นอย่างนี้ มาติดโรคอย่างนี้...
แล้วทำไมคุณ คิดถึงแต่ลูกๆ ของคุณ ทำไมคุณไม่คิดถึงส่วนรวมบ้าง....
คนอื่นเขาก็รักลูกเหมือนกัน ไม่มีใครอยากให้มาติดโรคจากลูกของคุณหรอก"
นั่นเป็นคำพูดของข้าราชการตำแหน่งใหญ่โตคนหนึ่งในจังหวัดยโสธร

"ในระหว่างที่ผู้ใหญ่คือพี่ กับเขาเถียงกันนะ หลิมเชื่อมั้ย....
เด็กๆ ที่พี่พาไปก่อม๊อบด้วย เขาเกาะแขนพี่...
เขาร้องไห้.....
ร้องไห้กันหมดเลย.....
เราก็เลยได้รู้สึกตัว ว่า...
เออ..เราพลาด อยู่ดีๆ ทำไมเราพาลูกๆ ของเรามาให้เขาเหยียบย่ำ
ทุกวันนี้..เด็กๆ พวกนี้เขาก็เจ็บปวดพอแล้วที่เขาไม่มีพ่อ ไม่มีแม่
ไปเรียนที่ไหนเขาก็รังเกียจ...
แล้วเราจะพาพวกเขามาให้ไอ้พวกนี้ยืนด่าอีกทำไม..."
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา....
พี่ติ๋วไม่เคยพาเด็กๆ ไปประท้วงที่ไหนอีกเลย
ที่ไหนไล่ พี่ติ๋วก็จะพาเด็กๆ ไปเรียนที่อื่น
แม้จะมีอยู่บ้าง โรงเรียนที่ไม่รังเกียจเด็กๆ จากบ้านโฮมฮัก
อย่างโรงเรียนบ้านตาดยาง ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับมูลนิธิฯ
แต่..ก็เริ่มมีเสียงบ่นมาบ้างจากทางผู้บริหารของโรงเรียน
พี่ติ๋วจึงใช้วิธี กระจายไปตามโรงเรียนต่างๆ ซึ่งบางโรงเรียน
ก็อยู่ข้ามจังหวัดถึง สุรินทร์และอุบลฯ
ด้วยหวังว่าถ้ามีโรงเรียนไหนไล่
อย่างน้อยก็ไม่ทั้งหมดอย่างน้อย ขาดที่เรียนแค่ 10 กว่าคน
แต่ถ้าไปกองอยู่ โรงเรียนเดียวกันหมด
เมื่อโดนไล่เด็กที่บ้านโฮมฮักทุกคนจะขาดที่เรียนโดยทันที




(ID:8926)


แล้วในด้านอาหารล่ะครับ อย่างโครงการอาหารกลางวัน เลี้ยงไก่ไข่ หรือปลูกผักอะไรอย่างเงี้ยอ่ะครับ?

พี่ติ๋ว: "ก็มีนะ เราลองทำกันมาหมดแล้ว ตามประสาแม่ลูก เราเคยเลี้ยงหมูไว้ตัวนึง...
แล้วมีวันนึง หมูมันหลุดหนีเข้าไปในหมู่บ้าน.. คนในหมู่บ้านเขามาต่อว่าเราใหญ่เลย
บอกว่าเราปล่อยให้หมูเป็นเอดส์หลุดเข้าไปในหมู่บ้านได้อย่างไร ตั้งแต่นั้นมาเลยไม่กล้าเลี้ยง"

--------------------------------------

แล้วอย่างเห็ด ล่ะครับ? ...คือผมคิดว่า การทำพวกเนี้ยมันน่าจะช่วยในเรื่องลดภาระค่าอาหารของบ้านลงไปได้บ้าง หรือป่าว?

พี่ติ๋ว : "ทำ.. เห็ดเราก็ลองเพาะเลี้ยงกันมาหมดแล้ว...เราเลี้ยงเห็ดอะไรนะลูก?"
.......พี่ติ๋วหันไปถามน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่กอดเอวพี่ติ๋วฟังเราสนทนากันอยู่

"เห็ดนางฟ้าใช่มั้ย...อื้อ...เห็ดนางฟ้า เราเพาะจนออกมาเยอะแยะจนกินไม่หมด
แล้วก็เอาใส่ถุงไปขายที่ตลาดนัดกัน....คนเขาก็ไม่กล้าซื้อไปกิน เขาบอกเป็นเห็ดเอดส์อีก
เราก็เลยต้องมานั่งกินกันเอง ช่วงนั้นกินเห็ดกันทุกวันจนหน้าบานจะเป็นเห็ดอยู่แล้ว
ก็เลยเลิกไปอีก เรื่องลดค่าใช้จ่ายด้านอาหารมันก็ลดไปได้บ้าง
แต่จะให้กินเห็ดทุกวันทุกวันมันก็ไม่ไหว เพราะคนเรามันต้องได้รับสารอาหารอย่างอื่นบ้างจริงมั้ย.."





(ID:8927)


บ้านโฮมฮัก นอกจากจะรับอุปการะเด็กที่กำพร้าแล้ว
ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ HIV อีกด้วย

พี่ติ๋วเล่าให้ฟังว่า... "สำหรับผู้ใหญ่เราจะไม่รับไว้ที่บ้าน แต่จะช่วยเหลือเรื่องยา...
สำหรับเด็กเราก็จะดูว่า พ่อ-แม่เขาเสียชีวิตหรือยัง ถ้ายังเราก็จะให้เขาอยู่กับพ่อ-แม่
แต่ถ้า พ่อ-แม่ เขาเสียชีวิตแล้วเราก็จะดูว่าเขามีญาติไหมและ ญาติของเด็กจะรับอุปการะต่อไหม
....ในรายที่เด็กมีอยู่กับพ่อ-แม่ หรือญาติ เราก็จะช่วยเหลือในเรื่องของนมและยา คือมารับแจกนมและยาที่ มูลนิธิฯ ได้
....แต่ถ้าพ่อ-แม่ของเด็กเสียชีวิตแล้ว ไม่มีญาติหรือญาติของเด็กไม่รับอุปการะ ทางมูลนิธิฯ ก็จะรับเด็กมาอยู่ในบ้าน"

ปล.ภาพชาวบ้านมารับนมและยาที่มูลนิธิฯ แจกให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ




(ID:8928)


ปัญหาเรื่องน้ำในยามหน้าแล้ง ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ทางมูลนิธิต้องเจอ

เนื่องจากน้ำที่ใช้ปัจจุบันเป็นน้ำบาดาล ต้องใช้มอเตอร์สูบน้ำขึ้นมา
ที่นี่จึงประสบปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำในหน้าแล้ง คือช่วงตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเมษายน เนื่องจากระดับน้ำใต้ดินมีไม่เพียงพอ
โดยเฉพาะน้ำที่ใช้อาบ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมาก สำหรับเด็กที่ติดเชื้อที่จะต้องรักษาความสะอาดของร่างกายอยู่เสมอ
........................................

ในหน้าแล้งไม่มีน้ำไว้อาบ ที่บ้านโฮมฮักแก้ไขปัญหาตรงนี้ยังงัยครับ?

"เราก็จะพาเด็กๆ ไปอาบน้ำกันตามปั๊มน้ำมันค่ะ... 555"
"แถวนี้จะมีปั๊มน้ำมันอยู่สองปั๊ม ที่เขาไม่รังเกียจพวกเรา
เราก็จะพาเด็กๆ ไปเข้าแถวอาบน้ำกันยาวเหยียดเลย 50 กว่าคนทั้งแม่ทั้งลูก...
สลับกันไปวันละปั๊ม ไปปั๊มเดียวกันทุกวันเกรงใจเขา...555"
พี่หยิน แม่คนหนึ่งในบ้านโฮมฮัก...
ตอบคำถามไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี ทำให้คำตอบที่ดูเหมือนน่าหดหู่ ฟังดูไม่น่าเศร้าจนเกินไปนัก

ปล. ภาพแทงค์เก็บน้ำที่มีของ มูลนิธิฯ




(ID:8929)


เด็กๆกำลังเข้าแถวรับอาหารจากพี่ผู้ใหญ่ใจดีที่มาเลี้ยงอาหารเด็กๆ



(ID:8930)


กินเตี๋ยวราดหน้ากับเด็กๆ เสร็จ ผมก็เดินไปคุยกับพี่ติ๋วต่อ

พี่ติ๋ว: "ไปทานข้าวกลางวันร่วมกับเด็กๆ มาใช่มั้ย"
เสือหลุมหลิม: "ใช่ครับพี่ติ๋ว"

พี่ติ๋ว: "เด็กๆ เขามาเล่าให้พี่ฟัง เด็กๆ ที่นี่เขาจะตื่นเต้นมากเวลามีใครมาร่วมทานข้าวกับเขา...
มีคนมาเลี้ยงอาหารเขาก็ดีใจนะ แต่ไม่เท่ากับมาทำอะไรร่วมกับเขา หรือมาทานอาหารร่วมกับเขาหรอก"

เสือหลุมหลิม: "อ๋อ!..จริงด้วยครับพี่ติ๋ว ผมสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเด็กๆ มองผมกันจัง เวลาผมกินข้าวร่วมโต๊ะกับพวกเขา อืม..เป็นอย่างนี้นี่เอง"

พี่ติ๋ว: "ส่วนใหญ่คนที่มาเลี้ยงอาหารเด็กๆ เขาก็มาเลี้ยงอาหารเด็กๆ เท่านั้น.. ไม่ได้ทานอาหารร่วมกับเด็ก
บางทีคนมาบริจาคเงิน.. เขามาถึง เอาเงินบริจาคมาให้ แล้วก็รีบกลับไปเลย  ยังไม่ทันได้ขอบคุณ ถามชื่อเสียง หรือหน่วยงานด้วยซ้ำ
เด็กๆ เขาก็จะมาถามว่า ..แม่เขารังเกียจพวกหนูใช่มั้ย เขาถึงรีบกลับ...
พี่ก็เลยต้องคอยแก้ต่างว่า เขามีธุระจ้ะลูก เขาเลยต้องรีบไป"

พี่ติ๋ว: "อย่างตอนเช้าก็เหมือนกัน.. ตอนที่หลิมมาถึงใหม่ๆ แล้วหลิมแล้วเขาถามว่าจะทานกาแฟไหม แล้วหลิมไม่ทาน น้องเขาก็มาฟ้องพี่..บอกว่า..แม่ติ๋ว..พี่เขาไม่กินกาแฟ พี่เขารังเกียจเราหรอ.. พี่ก็เลยบอกว่า...ถ้าพี่เขารังเกียจเราพี่เขาคงไม่มาหาเราหรอก ไม่เชื่อ..หนูลองชงกาแฟไปให้พี่เขาสิ..."

....จากที่พี่ติ๋วเล่าเให้ฟัง ทำให้ผมนึกทบทวนถึงเรื่องเมื่อตอนเช้า..
ตอนที่ผมเพิ่งมาถึงมูลนิธิใหม่ๆ และนั่งคุยเรื่องประวัติมูลนิธิฯ กับพี่หยิน
พี่หยินถามผมว่าจะทานกาแฟมั้ย  แต่ผมปฏิเสธ...เพราะผมกินมาตั้งแต่เช้าแล้วก็เลยไม่รับ
จนกระทั่งสายๆ ขณะกำลังเดินดูและเก็บภาพของที่ระลึกที่เด็กๆ บ้านโฮมฮักทำขาย
ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ยกกาแฟมาเสริฟให้ ซึ่งผมก็รับและกินไปอีกแก้ว
ทั้งที่ในใจคิดว่า..(ตายแน่ตรูยังไม่ทันสิบโมงเลยล่อกาแฟ 2 แก้วแล้ว)




(ID:8931)


ปล. ภาพเสื้อที่ระลึก ที่มูลนิธิทำขายครับ



(ID:8932)


ห้องพักหลังเล็กๆ ของพี่ติ๋ว เป็นทั้งห้องพักและห้องทำดีทอกซ์ รักษาตัวของพี่ติ๋ว
พี่ติ๋วบอกว่าที่มาสร้างห้องอยู่ตรงโรงทานข้าวของเด็กๆ ก็เพราะ...
บางวันพี่ติ๋วจะเจ็บปวดท้องเป็นอย่างมาก จนไม่มีแรงจะลุกจากเตียง..
ก็จะได้เสียงเด็กๆ นี่แหละที่มาช่วยปลุกให้ลุกขึ้นมาจากเตียง..

"ในตอนเช้านะหลิม พวกเขาจะมากินข้าวกันตรงนี้งัย... แล้วเขาก็จะเอะอะกัน ทั้งเสียงช้อน เสียงชามดังกระทบกันเวลากินข้าว บางทีก็ทะเลาะกันบ้างตามประสาเด็ก ก็จะทำให้เราอยากลุกขึ้นจากเตียงมาดูว่าเขากำลังทำอะไรกัน เขาทะเลาะกันเรื่องอะไร อะไรทำนองนี้ละ นึกดูก็ขำๆ.. พี่ชอบเรียกพวกเขาว่า... นาฬิกาชีวิต ที่คอยปลุกเราให้ลุกขึ้นมาจากเตียง ไม่นอนซมอยู่บนเตียง"

พี่ติ๋วทำไมหายไปเลยครับ ไม่ติดต่อหาใครเลย ไม่มีใครรู้ข่าวหรือเรื่องราวของพี่ติ๋วเลยจนกระทั่งมาเห็นพี่ติ๋วออกรายการทีวีนี่แหละ?

พี่ติ๋ว: "คงต้องเริ่มเล่าจากออกค่ายนั่นแหละ หลังจากที่ได้ไปออกค่ายฯ พอกลับมาก็เลยมีอุดมการณ์อย่างจะทำงานอุทิศตัวให้กับสังคม
พอเรียนจบพี่ก็เลยไปทำงานเป็นอาสาสมัครมูลนิธิเกี่ยวกับบำบัดผู้ป่วยติดยาเสพติดในชุมชนคลองเตย
แล้วถึงได้รู้ว่าที่มาของคนที่มาอาศัยอยู่ในคลองเตย ส่วนใหญ่ก็คือคนอีสาน ที่เข้ามาหางานทำแล้วจึงมาติดยาเสพติดที่นี่...
พี่ก็เลยเขียนโครงการฯ ขอไปทำโครงการที่จังหวัดยโสธร"

"....ที่ไม่ได้บอกใคร ก็เพราะเราอยากวัดตัวเราเองด้วยว่าเรามีอุดมการณ์มากแค่ไหน เรามีความอดทนมากแค่ไหน แล้วก็ต่อสู้ ทนทำมันเรื่อยๆ มา จนกระทั่งมูลนิธิมีเงินเหลือเพียงแค่หมื่นกว่าบาท อะไรที่พี่พอจะขายได้ก็เอาไปขายหมดแล้ว ทั้งที่ดิน มรดกที่ได้รับมาจากพ่อ ทรัพย์สินสมบัติของตัวเองขายหมด ไม่รู้จะทำยังงัยดีแล้ว เด็กที่ยังตัวเล็กๆ อยู่ ยังช่วยตัวเองไม่ได้ก็มีอยู่ตั้งเยอะ..
พี่ก็เลยต้องนำเด็กบางส่วนไปกระจายฝากตามวัด ที่เขาไม่รังเกียจเรา วัดละ 2-3 คนก็ยังดี
ส่วนพวกที่ยังเหลือไปฝากที่ไหนไม่ได้ ก็พากันงมหอย หาผัก หาปลา ตามหนองกินกันตามประสาแม่-ลูก
จนกระทั่งมาเจอแม่ชีศันสนีย์ แม่ชีท่านเลยพามาออกรายการ VIP
ซึ่งพี่ก็คิดแล้วว่า ช่วงนั้นเราไม่ไหวจริงๆ  แถมไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ ถ้าเราตายไปเด็กๆ จะอยู่กันอย่างไร... ก็เลยต้องเปิดตัวสู่สาธารณะชน"




(ID:8933)
งานนี้ซึ้งครับซึ้ง



(ID:8934)



พี่ติ๋วครับ.. ที่มูลนิธิฯ มีเด็กๆ ติดเชื้อแล้วตายที่นี่มั้ยครับ

พี่ติ๋ว: ที่นี่มีเยอะ..ไม่ใช่มีแต่เด็กนะหลิม ผู้ใหญ่ก็มี ที่นี่พ่อ-แม่บางคน (จนท.ชาย /จนท.หญิง) ก็มีติดเชื้อเหมือนกัน
แล้วก็มาช่วยดูแลเด็กๆ จนกระทั่งตายในบ้านฯ ก็มี

แล้วเราทำยังงัยต่อครับ?

เราก็เอาไปฝัง เพราะวัดที่นี่ เขาไม่ให้เราเผาที่เมรุของเขา ก็เลยต้องเอาไปฝังที่โบสถ์คริสต์
ก่อนหน้านี้ก็มีเด็กตายคนหนึ่ง พี่และพวก จนท. ก็พากันเอาผ้าห่อศพ และก็หาไม้มาต่อโลงกันเอง
ทำโลงกันเองเลย...
เด็กๆ เขาก็มายืนดูพี่เขาเสียชีวิต เขาจะร้องไห้..
เราก็ต้องปลอบเขาว่า...พี่เขาไปสบายแล้วลูก ดูสิพี่เขาไม่เจ็บ ไม่ปวดแล้ว ไม่นอนร้องไห้อย่างเหมือนก่อนแล้วเห็นมั้ย..พี่บอกเด็กๆ อย่าร้องไห้..แต่ตัวพี่เองก็เกือบร้องไห้เหมือนกัน...
พอตอนที่เรากำลังจะยกศพใส่โลง พี่ออกแรงมากแล้วรู้สึกปวดท้อง...
ก็เลยเผลอปล่อยผ้าที่ห่อศพหลุดมือ..ศพก็เลยร่วงออกมาจากห่อผ้า..เด็กๆ เขาก็เลยร้องไห้กันใหญ่เลย... (ถึงตอนนี้พี่ติ๋วแกเล่าแบบขำๆ)

แล้วหลังจากเอาศพใส่โลงเสร็จ... เราก็ขับรถไปโบสถ์เพื่อจะเอาศพไปฝัง
ปรากฏว่าโลงที่ พี่และ จนท. ช่วยกันตอก ช่วยกันทำขึ้นเอง.. มันแตกขึ้นมาตอนไหนไม่รู้....
น้องเขาก็นอนยิ้มหราอยู่หลังกระบะรถมาตลอดทาง...
พี่ก็สงสัย เอะ! ทำไมรถที่ตามหลังมามันขับๆ เข้ามาใกล้ๆ แล้วทำไมอยู่ดีๆ ก็เบรคทิ้งระยะห่างจากรถเราไกลจัง
พอมีคันใหม่แซงคันหลังขึ้นมา ก็เบรคอีกแล้วทิ้งระยะห่างรถของเราอีก พี่ก็งงๆ..
พอจอดรถลงไปดู.. อ้าว! โลงแตกนี่หว่า..... 555






(ID:8935)


บ้านโฮมฮัก แม้จะมีห้องพยาบาลและเตียงพยาบาลอย่างดี แต่ก็ไม่เคยได้รับการดูแลจาก สาธารณะสุขหรือโรงพยาบาลของรัฐในตัวจังหวัดเลย.. (ไม่ได้หมายถึงจังหวัดที่ติดแม่น้ำโขง นะครับ)

"ก็มีมาเหมือนกันนะ.. มาแจกจดหมายเชิญประชุม แต่ไม่เคยมาดูแลหรือมาเยี่ยมเยียนที่นี่เลย ขนาดเด็กๆ ป่วย...
เราพาไปโรงพยาบาลหมอยังไม่ค่อยอยากจะดูอาการเด็กเลย..
จะจับเนื้อจับตัวว่าตัวร้อนหรือป่าว ไม่เคยเลย..
อย่างกรณีเด็กเป็นฝีในปาก ก็ไม่เคยจะแตะเนื้อต้องตัว จับปากของเด็กเลย..
นั่งอยู่เฉยแล้วสั่งให้เด็กอ้าปาก แล้วสั่งยา....จบ

....อย่างบางรายเด็กเขาถูกส่งมาจากต่างจังหวัดก็มี ส่งมากับรถทัวร์โดยสารฯ
เราก็ไม่รู้หรอกว่าพ่อ-แม่ เขาเป็นใคร เด็กเกิดที่ไหน
รู้แต่ว่าตอนนี้เขาป่วย...พอพาเด็กไปรักษาที่โรงพยาบาล..เขาบอกว่าไม่ใช่เด็กที่เกิดในจังหวัดยโสธร ไม่รักษาให้...คุณไปรับมาจากไหน?...ใครเป็นคนส่งมา?

ดูเอาเถอะ.. แล้วจะให้ทำยังงัย ก็ในเมื่อเด็กมันถูกส่งมาแล้วจะให้ส่งกลับไปอย่างนั้นหรือ..
ถ้าจะไม่ยอมให้ใช้สิทธิ 30 บาท หรือสิทธิอะไรก็น่าจะบอกเรา เรายอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลเต็มจำนวนเงินอยู่แล้ว ขอให้เด็กไม่เป็นไรเถอะ...

...ทุกวันนี้ถ้าเด็กๆ ป่วย พี่จะพาเด็กไป รพ.เอกชน ในจังหวัดอุบลฯ เลยนะ ยอมขับรถไปไกลถึงโน่น ไปบ่อยมากจนเขาจำเราได้.. แล้วเขาก็ดีกับเรามาก ไม่มีเงินพี่ขอวางทองเอาไว้ก่อน เขาก็รับ...
บางทีไม่มีเงินจริงๆ ทองก็ไม่มีวาง เขาก็ให้พี่ติดไว้ก่อน มีเงินค่อยมาชำระ
ก็ต้องขอบคุณทาง รพ. ที่โน่นเหมือนกัน ถ้าไม่ได้เขาเด็กๆ ที่นี่คงไป (ตาย) กันหลายคน"




เลือกหน้า
[1] [2]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 36

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 116958138 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :นนท์ , Jerekioxgew , ProlBlask , RobertMIGH , Sallycgriet , BrianerpGep , AnthonykDraib , Kristenmswony , Edwinjophorie , Stanley ,