โรงหนังศรีเมือง จ.ตรัง
ตอนย้อนรอยนักพากษ์ มนต์เสน่งฟิล์มหนัง
นำเสนอโดย พีเพิลซีนเวปคนรักหนัง
ผมชัยเจริญ ได้มาพากษ์ ที่โรงหนังศรีเมืองจังหวัดตรัง ค่อนข้างบ่อย แหละแล้วจู่ๆ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณวิโรจน์ ได้ถามผมขึ้นว่า...อยากทำโรงหนังไหมล่ะ
โรงหนังศรีเมือง เขาจะให้เช่าเอาไหมล่ะ
โรงหนังศรีเมืองกับเฉลิมตรังเขาเครือเดียวกัน โรงหนังศรีเมืองได้ฉายแต่หนังไม่ค่อยทำเงิน ให้คนอื่นเช่าไปเสียจะดีกว่า ไม่ต้องรับภาระขาดทุน
เขาคิดกันอย่างนี้ ไม่รู้คิดถูกหรือเปล่า ? แต่ผมชัยเจริญว่าเขาคิดผิด..
เพราะเขาเตะหมู.. เข้าปากหมา.. ชัดๆๆ
จริงอยู่เด็กแดงๆอย่างผม.. จะมีปัญญาไหม ที่จะไปแข่งกับเฉลิมตรังเขาได้
เขาก็มองแล้วว่าคนอย่างผม มีแต่ตายกับตายลูกเดียว.
แต่ผมชัยเจริญไม่คิดอย่างนั้น ผมกลับคิดไปว่า ราชรถมาเกยเข้าแล้ว
อยู่ดีไม่ว่า มายกโรงหนังให้ผมทำ..ด้วยสัญญาตั้งสามปี โรงหนังศรีเมืองก็ไม่ได้ขี่ริ้วขี่เหร่ เขาลงทุนสร้างทันสมัย อุปกรณ์ครบครัน ฉายอยู่ทุกวันทุกคืน
เราเพียงแต่หิ้วกระเป๋าในเดียวเดินเข้าไป ดำเนินงานต่อได้ทันที..
แต่ผมคิด ..จะเอาตังค์ที่ไหนมาเช่าโรงหนังล่า? จะเอาหนังที่ไหนมาฉายล่า ?
เฉลิมตรังเป็นเถ้าแก่ เขายังเข็นศรีเมืองไม่รอด แล้วเราละเป็นใครมาจากไหน? ทุกคนในยุทธจักร ต่างคิดแบบนี้ แล้วพากันเวทนาสงสารผม เพื่อนๆบอกอย่าทำเลยตายลูกเดียว ครับพี่ชัยเจริญ แต่ผมไม่ฟัง
แถมซ้ำโรงหนังคู่แข่ง ต่างยกมือปิดปากหัวเราะขำ แล้วเฝ้าดู ไอ้ตี๋นักพากษ์ ขุดหลุมฝังตัวเอง แท้ๆ แต่..ชายนักสู้ ที่มีความบ้า อยู่ในหัวสมอง หาได้คิดอย่างนั้นไม่ แต่กลับคิดเพียงว่า.. “ อยากเป็นใหญ่ ต้องทำสิ่งที่ยาก “
ผมคิดของผมอย่างนี้ ถ้าหากจะต้องตายมันน่าจะคุ้มค่า ใครจะทำไม?
ผมจึงตกลงเซ็นสัญญาทันที ใครท้วงก็ไม่ฟัง แต่พอเซ็นเสร็จ กลับเอามือก่ายหน้าผาก เราจะทำยังไรดีหวา.. เรื่องเงิน ไม่เห็นต้องลงทุนอะไรเราเดินอาดๆสั่งซ้ายหัน ขวาหันได้ทันที ค่าเช่าหนัง ก็หมุนเอาซิ ขอเงินค่าพากษ์ล่วงหน้าจากโรงที่รู้จักชอบพอกัน หรือเงินจากบริการหนังอาคเนย์ฟิล์มบ้าง หากขัดสนจริงๆ ก็หาบริการเงินด่วนดอกร้อย ละสิบ
แล้วเอาหนังที่ไหนมาฉายล่ะ เรื่องนี้สบายมาก หนังมีเป็นร้อย เฉลิมตรัง หรือคิงส์ตรัง (เฉลิมรัฐ) สองโรงฉายไม่หมด
ศรีเมืองเมื่อเป็นของเราเองเราพากษ์ ไม่ต้องจ่างตังค์ชื่อเสียงชัยเจริญก็พอหากินได้ พนักงานศรีเมืองผมก็สนิททุกคน มีทั้งโกเกียรติ บ่าว- เซ่งจ๋าย- มล และวินัย ยังมี อรุณ สละ โกเขียว แล้วไม่รู้ลูกหลานใคร ผมก็ขนมาช่วยหมด
กะให้ดังเปรี่ยงปร้างทำเป็นจอยักษ์ ไว้ฉายหนังใหญระบบทอสเอโอ
ตั้งชื่อใหม่หรู เป็น “แกรนต์ตรัง “ เท่านี้ก็เรียบร้อย.. หิ้วกระเป๋าเดินแอ็กอาร์ดเข้าไปดำเนินงานได้เลย ผมเป็นคนบ้าระห่ำ ก็น่าใช่ ผมเป็นคนดวงดีก็ไม่ผิด
ไม่นานมีหนังหนังใหญ่ระบบ 70 มม.มาฉายที่ โรงหลายเรื่องเช่นเรื่อง “ป้อมปืนนาวาโรน “
เรื่องนี้ชัยเจริญพากษ์เองมันจริงๆมีมุขให้เล่นตลอดเรื่อง เล่นเอาแกรนต์ตรังดังขึ้นมารวดเร็ว ตามด้วย “ศึกระฆังทอง “ เบนเฮอร์ ช่วยให้ชีวิตผมพลิกขึ้นมาทันที แต่เรื่องไหนๆก็ไม่ใหญ่โต มโหฬารเท่าเบนเฮอร์ มีผู้คนจากกระบี่ นครศรีธรรมราช พัทลุง ยกขบวนกันมาดูอย่าน่าตกใจตื่นเต้นกันทั่วบ้านทั่วเมืองบัตรหมดเก้าอี้ไม่พอนั่งแน่นมากทั้งโรงหนัง.. ขนาดตั๋วยืนยังเอา...ยืนกันขาแข็งเกือบ 4ชั่วโมง ทรมาทรกรรมคนดูเกินสมควร ผมชัยเจริญพากษ์
จากแกรนต์ตรังโรงเดียวยังมันส์ไม่พอ ผมยังไปเช่าโรงหนังที่ห้วยยอดอีกเพื่อเป็นที่ระบายหนัง ห้วยยอดประกาศฉายรอบพิเศษ 4 ทุ่มครึ่ง พอฉายที่ตรังจบก็ขนหนังรีบบึ่งไปทันที ผ่านครองเต็ง ลำภูลามาถึงห้วยยอด ที่น่าสนุกตรงที่
ห้วยยอดประกาศฉายรอบสี่ทุ่มครึ่ง พอใกล้เวลาฉายแฟนๆผู้หญิง ก็ตีตั๋วปจับจองที่นั่งกันก่อนแล้ว ส่วนแฟนหนังผู้ชายยังไม่เข้าโรงหนัง บ้างก็นั่งจับกลุ่มคอยที่ร้านกาแฟ กินโกปี๋ รอกันที่นั่น บางคนยืนรอบนถนนทางเข้าเต็มสองฝาก พอเขาเห็นแสงไฟรถเก๋งพุ่งสว่างมาแต่ไกล ก็มีเสียวตะโกนดังขึ้นว่า
“ชัยเจริญม่าแหล่ว ชัยเจริญ ม่าแหล่ว ๆๆ “ พูดภาษาใต้ (แบบแหลงใต้)
จากนั้นก็มีเสียวฮือดังขึ้น คนดูนับร้อยพากันเฮโล เข้าไปในโรงหนัง..
โอยสนุกอย่าบอกใคร แต่ผมชัยเจริญคนพากษ์ สนุกแทบ ขาดใจ
ผมดำเนินแกรนต์ตรัง ไปได้ตลอดรอดครบ สามปี พร้อมกับมีหนี้สินเป็นเงาตามตัว เพราะบางโปรแกรมฉายได้เงินก็จริง แต่ไม่ได้ทุกเรื่อง ที่เสมอตัวก็มี
ขาดทุนก็มี เข้าทำนอง ทำหนังเหลือแต่หนัง นั่นแหละ
ครั้นหมดสัญญา เขาก็เชิญให้ออกจากโรง เราไปทำให้เขาเสียหายไม่น้อย เขาเคยนึกว่าเราเป็นหมู ยังไงก็ไปได้ไม่กี่น้ำ แต่ที่ไหนได้ เรากลับเป็นเขี้ยวเสือยาว
กลับไปราวีเขาไม่เลิก เราฉายหนังใหญ่ทีไร โรงเขาฟังทุกที คนมาดูที่โรงหนังเราหมด เฉลิมตรัง งงเต็ก เลยสู้เราไม่ได้
จะให้อยู่ต่อทำไม หมดสัญญาต้องให้ออกไป และเตรียมผู้เช่ารายใหม่เรียบร้อยแล้ว ขอจบแต่นี้ คอยติดตามตอนต่อไปครับขอขอบพระคุณอาจารย์ชัยเจริญ ดวงพัตรา
![]() | |
![]() | ![]() |
ความเห็น |