ผมมานั่งคิดๆดูครับว่าข้อดีของโปรเจ็คเตอร์คืออะไร..ก็ได้คำตอบดังนี้..

1 สะดวกน้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายสะดวกเวลาฉายก็แค่เปิดเครื่องฉายแล้วนั่งดูจนจบเรื่อง โดยไม่ต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนม้วนฟิล์มให้เสียอารมณ์ในการนั่งดูครับ

2 ข้อนี้สำคัญกับผมมากเพราะหาหนังเก่าๆที่ไม่มีฟิล์มแล้วมาฉายดูได้สบาย เช่นหนังคาวบอยที่ชอบดูหรือหนังจีนยุคชอร์บราเดอร์และหนังไทยเก่าๆอีกนับไม่ถ้วนที่เราหาฟิล์มมาฉายดูไม่ได้แล้วก็เอามาฉายในรูปแบบแผ่นหรือฮาร์ทดิสค์แทนครับ หรือบางท่านเก่งหน่อยก็จะไปหาโหลดหนังเก่าๆสมัยโบราณมาดูได้ครับ อย่างน้อยก็ทำให้ความประทับใจในตัวหนังที่ทรงคุณค่ากลับมาโลดแล่นบนจออีกครั้งหรือจะหาคอนเสริ์ตเก่าๆที่เราเคยชื่นชอบเช่นของ เอววิส ทอมโจนส์ และคนอื่นๆซึ่งหาฟิล์มหนังดูได้ยากต้องสั่งซื้อที่เมืองนอกและมีราคาแพงและก็ไม่รู้จะมีเงินซื้อรึปล่าวนะ เหอเหอ แต่ถ้าเป็นแผ่นคอนเสิร์ตรับรองที่บ้านเรามีชัวร์และราคาไม่แพงด้วย ผมเองก็ซื้อเก็บไว้หลายร้อยคอนเสิร์ตแล้ว อิอิ

3 ปัจจุบันนี้เครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์ดีๆราคาไม่แพงเกินไปนัก ก็สามารถฉายขึ้นจอหนังใหญ่ๆได้อย่างสบายครับ (อันนี้ลองมาแล้วเห็นผลกับตา)

4 เครื่องเวลาเสียก็มีศูนย์บริการให้เลือกมากมายว่าจะซ่อมจากบริษัทโดยตรงหรือจะเป็นร้านที่รับซ่อมทั่วไป

5 รายละเอียดของภาพทุกวันนี้ก็ก้าวหน้าไปมากเพราะรายละเอียดดีขึ้นเรื่อยๆจนบางครั้งดูไม่ต่างจากฟิล์มครับ อันนี้ทดสอบมาแล้วกับป๋าจุ๋มโดยการฉายด้วยระบบ FULL HD ภาพชัดโคตรๆบนขนาดจอ 12 เมตร ทำให้ผมได้เห็นพระเอกหนังคาวบอยเมื่อยุค 70 ควบม้ายิงปืนบนจอใหญ่ๆแบบชัดๆเต็มสองลูกตา ตะลึงกับสีสรรและความคมชัดเหมือนหนังพึ่งถ่ายมาเมื่อวานนี้เลย ทั้งๆที่เป็นหนังเก่าเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ต้องขอบคุณเทคโนโลยีแบบดิจิตอลจริงๆครับ ทำให้คอหนังเก่าๆโบราณอย่างผมได้มีโอกาสดูจอใหญ่ๆกับเขาบ้างเพราะหนังยุคเก่าๆที่ผมชอบดูจะไปหาฟิล์มมาฉายก็คงไม่เหลือแล้วหรือถ้าจะมีก็คงจะสีเฟดแดง ฝนตกไปหมดแล้วครับ แต่ส่วนใหญ่หนังคาวบอยยุค 40 ปีที่แล้วไม่น่าจะเหลือฟิล์มสภาพดีๆมาให้พวกเราได้ดูกัน ยกเว้นแล็ปที่เมืองนอกที่เขาเก็บรักษาไว้อย่างดี..พวกเราคงไม่มีโอกาสหามาฉายหรอกครับ อันนั้นฝันไปเลย..

6 ข้อดีของคนชอบดูหนังเก่าๆที่มีเสียงโรงก็สามารถนำหนังและเสียงโรงเก่าๆมาโมรวมกันได้เวลาดูก็จะได้บรรยากาศของเสียงพากย์ยุคโบราณที่เราเคยดูกันตั้งแต่สมัยเด็กๆครับ อันนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบดูหนังเก่าๆที่เขาเอามาพากย์ใหม่แล้วไม่ประทับใจคอหนังรุ่นเก่าที่ติดใจในรสชาติเสียงพากย์ดั่งเดิมครับ

ข้อเสียของโปรเจ็คเตอร์..

1 เครื่องจะบอบบางไม่แข็งแรงเหมือนเครื่องฉายหนัง เวลาใช้ต้องระวังกันครับ

2 เราจะหาความคลาสสิคเวลาเปลี่ยนม้วนหนังแบบฟิล์มไม่ได้เลยจากเครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์

  อารมณ์ประมาณคนที่ชอบเล่นแผ่นเสียงมากกว่าเล่นเครื่องซีดีนั่นล่ะครับเพราะต้องคอยเปลี่ยนหน้าแผ่นและทำความสะอาดแผ่นเสียงก่อนเล่นทุกครั้ง แต่ซีดีแทบไม่ต้องทำอะไรเลยนานๆถึงจะทำความสะอาดแผ่นสักครั้งนึง..

สำหรับส่วนตัวผมแล้วขอเลือกที่จะเล่นทั้งสองอย่างครับเพราะมีความชอบมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว..แต่ก็ยอมรับว่าในช่วงหลังๆผมฉายด้วยฟิล์มหนังน้อยมากเพราะฟิล์มหนังเก่าๆที่ชื่นชอบแทบไม่มีให้ดูแล้ว..จะเก่าสุดๆก็แค่ 20 ปีที่ผ่านมานี่เอง ส่วนฟิล์มหนัง 8 มม. - 16 มม. ก็หายากและมีราคาแพงขึ้นทุกวันจนต้องหยุดซื้อเพราะกลายเป็นของสะสมของคนมีตังค์ไปแล้ว...เอาไว้กลับไปรวยเมื่อไรค่อยไปหาซื้อมาเล่นต่อครับ เหอเหอ  ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดในยุคนี้ผมจึงต้องหันกลับมาเล่นโปรเจ็คเตอร์แบบจริงจังขึ้นเพราะมีราคาถูกลงมามากและก็มีหนังเก่าๆถึงเก่ามากๆมาให้เลือกดูกันแบบเป็นพันๆเรื่องเลย อีกทั้งราคาค่าแผ่นหนังเก่าๆก็ถูกลงมามากไม่ถึงร้อยบาท แหมสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ มันช่างตอบโจทย์ได้ดีเหลือเกินครับ..แถมหนังเก่าบางเรื่องเอามารีมาสเตอร์ใหม่ชัดแจ๋วแล้วอัดระบบเสียงดอลบี้ดิจิตอล 5.1 แชลแนลลงไป..โอ้พระเจ้า.สวรรค์น้อยๆของผมเลยครับ

สรุป ช่วงหลังๆฉายโปรเจ็คเตอร์บ่อยกว่าเครื่องฉายด้วยฟิล์มก็เพราะเหตุผลที่ได้อธิบายมาทั้งหมดนั่นแหละครับ..จากอดีตที่เคยเล่นหนัง 8 มม.มาตั้งแต่อยู่ชั้น ป.1 เรื่อยมาจนตอนโตก็หาซื้อเครื่องฉายแบบ 16 มม.และ 35 มม.และก็เล่นมันเรื่อยมาจนแทบจะหมดยุคของฟิล์มแล้ว..ทุกวันนี้ผมทำใจได้แล้ว..ไม่ว่าจะฉายขึ้นจอใหญ่ๆขนาดยักษ์ด้วยเครื่องอะไรผมไม่เกี่ยงทั้งนั้นขอให้ผมได้มีหนังเก่าๆที่ผมเคยดูเมื่อตอนเด็กๆแล้วมีความประทับใจในความหลังหนังเรื่องนั้นเป็นพอครับ (เหมือนคุณได้กลับไปฟังเพลงเก่าๆแล้วคิกถึงแฟนคนแรกของคุณไง แบบรักครั้งแรกอ่ะนะ อิอิ)

แล้วเพื่อนๆล่ะมีความรู้สึกยังไงบ้างก็เอามาแชร์กันได้ครับถือว่าทุกคนมีความสุขในการดูหนังด้วยกันครับ

อาการดาวลูกไก่ ( DMD Chip เสีย) คิดว่าน่าจะเกิดกับโปรเจ็คเตอร์ระบบ DLP ครับ  ไม่รู้ว่าระบบ LCD จะเป็นเหมือนกันหรือเปล่า (แต่ก็ไม่เคยไม่ยินว่าระบบ LCD มีอาการดาวลูกไก่ซักที)  โปรเจ็คเตอร์ผมใช้แค่ 280 ชั่วโมงก็เกิดอาการนี้ซะแล้ว โชคดีที่อยู่ช่วงประกันเปลี่ยน DMD Chip ใหม่ก็เลยไม่เสียตังค์ แต่คิดว่าอีกไม่นานคงเกิดอาการเหมือนเดิม  อะไหล่โปรเจ็คเตอร์แต่ละตัวถ้าเกิดพังมาราคาอะไหล่แพงอย่างโหด เพิ่มเงิน 3000 ซื้อเครื่องใหม่ได้เลย

อ่านความเห็นทุกท่านน่าเห็นใจมากครับ..ตั้งแต่ผมซื้อเครื่องโปรเจ็คเตอร์แบบ 3 หลอดของโซนี่ สมัยราคาแสนกว่าบาทจนมาถึงยุคปัจจุบันนี้หันมาใช้แบบ DLP หลอดเดียวฉายและใข้มาทั้งหมด 4 เครื่องแล้ว บางเครื่องผมใช้งานไป 1600 ชั่วโมงแต่ก็ไม่เคยเกิดอาการดาวลูกไก่หรืออาการเสียแต่อย่างใดเลย..ทุกเครื่องที่ใช้งานมาไม่เคยเสียไม่เคยซ่อมแม้แต่ครั้งเดียว บางทีฉายหนังนั่งดูทีเดียว 4 เรื่องจนถึงสว่างเลย แอร์ก็ไม่ได้เปิดแต่ก็ไม่เกิดปัญหาใดๆเลยครับ ถือว่าผมโชคดีมากๆเพราะตั้งแต่เล่นเครื่องโปรเจ็คเตอร์มาไม่เคยเกิดอาการเสียใดๆเลย...(ทั้ง 4 เครื่องที่เล่นมาตั้งแต่สมัย 19 ปีที่แล้วจนบางเครื่องก็ขายไปบ้างแล้วก็ไม่เคยเจอปัญหาครับ) อย่างชาร์ปของผมใช้งานไป 4 ปีกว่าแล้ว ใช้งานไปประมาณ 1000 กว่าชั่วโมงก็ยังปกติดีไม่เกิดปัญหาใดๆเลยครับ..โชคดีจริงๆ..

วันนี้ไปดูหนังสือเครื่องเสียงที่ห้างโลตัสมา (อาศัยยืนดูฟรีไม่ได้เสียตังค์ เหอเหอ) ก็เห็นมีบริษัทหนึ่งที่นำเครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์แบบ hi end เข้ามาขายใชหลอดแบบ LED และสามารถฉายในระบบ 3D ได้เลย ราคาคงหลายตังค์ครับ เห็นในหนังสือเขียนว่าอายุหลอดใช้งานได้ถึง 30000 - 50000 ชั่วโมงครับ

ลองไปหาข้อมูลตามเน๊ตครับน่าจะมีให้ดุ เสียดายที่ผมจำชื่อหนังสือเล่มนั้นไม่ได้แล้ว...