Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ประธานกรรมการ :ปวีณ เขื่อนแก้ว
เวบมาสเตอร์:อนุกูล วิมูลศักดิ์ 084-819-7374,095-308-6840


= ภายใน24ชั่วโมง , = ภายใน 3 วัน = ทั่วไป , = คลาส2 , = คลาส3 ,
รูป
พูดคุย-แลกเปลี่ยนเรื่อง ฟิล์มภาพยนตร์เจ้าของ อ่าน ตอบ ผู้ตอบหลังสุด
-Cinema Kinoton Endless loop12471.. 8/2/2557 11:56
-สมาชิกท่านใดจำชื่อหนังเรื่องนี้ได้บ้างครับ22687.. 26/12/2556 6:18
-(เศษฟิล์ม) ตัวอย่างหนังไทย หาดูได้ยาก และบางเรื่อง (อาจจะ) สูญหายไปแล้ว1166329.. 28/11/2556 22:55
-คลิป ฟิล์มเพลงสรรเสริญพระบารมี1183129.. 24/11/2556 13:27
-70 mm film projector14400ยังไม่มีคนตอบ
-อุปกรณ์เอาฟิล์มใส่รีลแบบเซราะกราว (ลูกทุ่ง) ให้คุณม่อมครับ519444.. 28/9/2556 22:20
-วงจรภาคจ่ายไฟ ซาวด์แดงครับ705516.. 23/9/2556 7:54
-เบื้องหลังผู้ที่ทำซับไทยในหนังต่างประเทศ และซับอังกฤษในหนังไทย (ซับตอก)17073.. 20/9/2556 12:15
-ข้อมูลเกี่ยวกับฟิล์มภาพยนตร์สำหรับถ่ายทำ860231.. 16/9/2556 21:45
-ฟิล์มหนังปีนี้ เวลาเปลี่ยนม้วนไม่มีจุดดำแล้วเหรอครับ16442.. 26/8/2556 12:49
-เอามาฝากจากfacebook starpicครับ16192.. 21/8/2556 11:49
-ตามล่าหารีล!!14252.. 9/8/2556 16:30
-การซื้อฟิล์มหนังที่กำลังฉายในโรง23252.. 3/8/2556 18:08
-Film Chemistry: "The Alchemist In Hollywood" ASC 194015120ยังไม่มีคนตอบ
-ADHESIVE RESIDUE ภัยเงียบที่พีงระวัง158710.. 21/7/2556 22:41
-รวม ภาพ (ยี่ห้อ) ฟิล์มภาพยนตร์ที่ใช้ในบ้านเรา ฉบับ (เกือบ) สมบูรณ์466720.. 16/7/2556 12:16
เลือกหน้า
[<<] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 166

(ID:15962) เอามาฝากจากfacebook starpicครับ


วันนี้มีบทเรียนสั้นๆ แต่เห็นบ่อยครั้ง จนบางคนแอบสับสนว่า มันต่างกันยังไง ? เรื่องทีว่านั่นคือ Teaser กับ Trailer ครับ

อ่ะ เอา Teaser (ทีเซอร์) ก่อนนะ...

จริงๆความหมายของ Teaser ก็ตรงตามความหมายของคำศัพท์ครับ (ยั่วเย้า) ดังนั้น Teaser ในวงการหนัง จะใช้เรียกสื่อโฆษณาหนังเรื่องนั้นๆในลักษณะ 'สั้น แต่ดึงดูด' ซึ่งมีทั้งใบปิด ที่เป็นภาพของสิ่งของหรืออะไีรก็ตามที่พอจะยั่วน้ำลายคนดูได้ แม้ว่าจะไม่ได้เห็นรายละเอียดส่วนอื่นๆของหนัง (เช่น ดารา) ยกตัวอย่างจากใบปิดทีเซอร์ "Die Another Day" (ภาพที่โพส) จะเห็นนะครับว่า บนใบปิดไม่มีดาราหรือภาพแอ็กชั่นของตัวละคร แต่คนทำใช้ภาพของปืนบนน้ำแข็งมายั่วยวนคนดู

และภาพเคลื่อนไหวอย่างตัวอย่างหนัง ตัวอย่างหนังที่เป็นทีเซอร์ จะมีความยาวแบบสั้นๆครับ แค่นาทีนึง หรือต่ำกว่านั้น จุดประสงค์หลักๆ ก็อย่างที่บอกไปว่า่ มันต้องสั้น ไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวหนังมาก แต่ชวนดึงดูดให้คนดูร้องซี้ดปาก ยกตัวอย่าง ตัวอย่างทีเซอร์ของ Die Another Day (คลิกดู http://www.youtube.com/watch?v=aHuAGozIJuM) ซึ่งมีความยาวแค่ 57 วินาที แต่สามารถกระตุกต่อมความอยากดูได้

อย่างต่อมาคือ Trailer (เทรลเลอร์)

เป็นภาพยนตร์ตัวอย่างที่มีความยาวมากว่าทีเซอร์ครับ ซึ่งทำให้ผู้สร้าง สามารถอธิบายแนวหนัง , อารมณ์หนัง , พล็อตเรื่องคร่าวๆ , ฉากไฮไลท์ และโฉมหน้าของเหล่านักแสดงเด่นๆในหนังเรื่องนั้นๆได้อย่างเต็มที่ ซึ่งส่วนใหญ่ เทรลเลอร์จะมีความยาวระหว่าง 2-3 นาที ยกตัวอย่างจาก ตัวอย่างหนังฉบับเต็มของ Die Another Day (คลิกดู http://www.youtube.com/watch?v=P0VyXWDrv_Y) มีความยาว 3 นาที บอกเล่าลักษณะสำคัญตามที่แอดมินว่าไว้

สำหรับฮอลลีวู้ด เนื่องจากหนังจากที่นี่ กะจะขายในตลาดโลกด้วย ระหว่างการสร้าง ทีมงานจึงจำต้องคอยเลี้ยงความสนใจของคนดูไปเรื่อยๆ ด้วยการส่งทีเซอร์ หรือเทรลเลอร์ หลายตัว ออกมาสู่สายตาคนดู นั่นจึงทำให้หนังเรื่องนึง อาจจะมีตัวอย่างหนังมากกว่า 1 ตัวขึ้นไปครับ (ซึ่งต่างจากหนังไทยที่มักจะมีทีเซอร์ตัวเดียว หรือเทรลเลอร์ตัวเดียว)

แถมให้อีกอย่างคือ Spot (สปอต) อันนี้เป็นเหมือนตัวอย่างหนังครับ แต่มีความยาวแบบสั้นๆแค่ 20-30 วินาที (หรืออย่างมากก็ไม่้เกินหนึ่งนาที) ออกฉายทางทีวีหรือสื่ออื่นๆ ซึ่งด้วยความแพงของค่าเช่าเวลา จึงทำให้มันสั้นๆแบบนั้นแหละครับ (คลิกดูตัวอย่าง http://www.youtube.com/watch?v=laPB2HVVSRw)

ตัวอย่างหนังไม่ว่าจะเป็นแบบทีเ้ซอร์หรือเทรลเลอร์ ก็ล้วนแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญ สำหรับการโปรโมทหนังครับ หากตัวอย่างดูดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง (ยกตัวอย่างด้วย ตัวอย่างหนัีง Inception http://www.youtube.com/watch?v=66TuSJo4dZM) ผู้ชมเห็นแล้วอยากดูอะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไปครับว่า ตัวอย่างหนังดูดี ตัวหนังจะดีตาม หรือตัวอย่างหนังดูแย่ แต่ตัวหนังจริงอาจจะดีกว่าก็เป็นได้ คล้ายคลึงกับคำกล่าวที่ว่า 'อย่าตัดสินหนังสือที่หน้าปก'

หวังว่าบทเรียนนี้ คงจะทำให้ชาว sp. เข้าใจหน้าที่ของทีเซอร์และเทรลเลอร์มากขึ้่นนะครับ
ดูเพิ่มเติม

ขอบคุณหนังสือ สตาร์พิค ครับ




ความเห็น

[1]


(ID:160507)
โดยส่วนตัวผมมองว่าทีเซอร์บางเรื่อง ก็เหมือนหนังตัวอย่างกลายๆ คือพอจะจับแนวทางของหนังได้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องยาวเพียงไม่กี่วินาที หรือยาวประมาณ 2 - 3 นาทีโดยเฉลี่ย

เคยถามบุคคลท่านหนึ่ง แกให้คำตอบว่า ตัดสินใจยากเหมือนกันครับที่จะเลือกเอาช็อตนั้น ช็อตนี้ ไปใส่ในหนังตัวอย่าง ใส่มากไปก็จะเป็นการสปอยล์ (เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ) ในหนัง บางครั้งถึงขั้นถกเถียงกันก็เคยมี

เท่าที่ทราบมาเกี่ยวกับหนังตัวอย่างทั้งหลายที่เคยเข้าฉายในบ้านเรา

* ถ้าเป็นหนังไทยยุคฟิล์ม 16 ม.ม. พากย์สด ต้องเอาฟิล์มชุดที่ถ่ายเสร็จแล้ว มาปรินต์ใหม่แล้วตัดต่อเพื่อเลือกเอาช็อตมาทำหนังตัวอย่าง (แน่นอนล่ะคุณภาพก็ Drop ลงไป)

* หนังไทย ฟิล์ม 35 ม.ม. เสียงในฟิล์ม อันนี้คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมอีก

* กรณีหนังต่างประเทศ ที่เป็นฟิล์ม 35 ม.ม. จะมีอยู่ 3 กรณีคือ

(1) ปรินต์จากฉบับเดิม อาจจะตัดต่อหรือแทรกภาพ (รวมถึงชื่อเรื่องภาษาไทย) ลงไป (หรือไม่ก็ได้) จะเป็นซาวด์แทรค ตอก (หรือทำเนกาตีฟ Overlay) ซับไทย หรือไม่มีซับ กับมีเสียงพากย์ไทย

- อย่างหนังจีน, ฮ่องกง เช่น ชอว์ บราเดอร์ส, หรือผ่านผู้จัดจำหน่ายอย่าง นนทนันท์, สหมงคลฟิล์ม, โกลเด้น ทาวน์ฟิล์ม อันนี้เห็นได้อย่างชัดเจน

- หนังฝรั่ง ทั้งหนังตึก และค่ายอิสระ ในยุคโรงหนังสแตนด์อะโลน และมินิเธียเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นเวอร์ชั่นเดียวกันครับ เดี๋ยวนี้มี CG มาช่วยทำในส่วนของไตเติลชื่อเรื่อง หรือคำโปรย

(2) เอาต้นฉบับเดิม มาตัดต่อขึ้นใหม่ แล้วใส่เสียงไทย

ที่นึกออกเลย ก็มี The Godfather ภาคแรก ซึ่งเป็นการนำกลับมาฉายซ้ำในช่วงที่ค่ายหนังตึกเค้าไม่ส่งหนังเข้าฉายช่วงระหว่างปลายปี พ.ศ. 2519 - พ.ศ. 2523 (เนื่องจากรัฐบาลในยุคนั้นปรับภาษีนำเข้าฟิล์มหนังจากต่างประเทศ เลยทำให้ค่ายหนังตึกบอยคอต ผลก็คือ คนไทยได้ดูหนังฝรั่งย้อนหลังตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 ขึ้นมา ล้วนเป็นหนังที่ทางค่ายซื้อไว้ แต่ยังไม่มีกำหนดที่จะฉาย เอามาฉายคั่นเวลา พอหมดสต๊อก ก็เอาหนังฝรั่งเก่าๆ ที่เป็นหนังดัง หนังมีรางวัลการันตีกลับมาฉายซ้ำ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 - พ.ศ. 2523 โดยเข้าฉายในโรงเครือพีรามิด นั่นคือ ลิโด้, สกาล่า, สยาม, ศาลาเฉลิมไทย, ฮอลลีวู้ด และอื่นๆ) ซึ่งตัวอย่างเรื่องนี้ มจ. ชาตรีเ้ฉลิม ยุคล ท่านได้ตัดต่อขึ้นมาใหม่ครับ

** เมื่อคราวที่ภาพยนตร์เรื่อง Apocalypse Now (กองพันอำมหิต) จะเข้าฉาย และเนื่องจากหนังมันยาว ก็เลยมอบหมายให้ท่านมุ้ย ซอยภาพยนตร์เรื่องนี้ ปรากฏว่าความมาแตกเสียก่อน ทาง ผกก. (ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า) ยื่นคำขาดว่า ถ้าขืนซอยหนังออกแม้เพียงเฟรมเดียว ก็ให้ส่งคืน และห้ามฉาย ทว่าทางโรงกลับเอาช่วง End Credit มาใส่ไว้ในตอนต้นซะงั้น **

(3) เวอร์ชั่นลูกผสม คึือเอาแบบ 1 กับแบบ 2 มารวมกัน

ตัวอย่างหนังเรื่อง "เทวดาท่าจะบ๊องส์ ภาคพิสดาร 3" ที่ผมมี อยู่ในกรณีนี้

* อีกประเภทหนึ่ง ก็คือ นำฟิล์ม 35 ม.ม. ไปโบลว์เป็นฟิล์ม 16 ม.ม. เสียงในฟิล์ม

ทราบมาว่ามีการทำออกมาด้วยนะครับ มีทุกเรื่องที่เข้าฉาย จนถึงเรื่องสุดท้ายในปี พ.ศ. 2538 (ข้อมูลจากนักสะสมท่านหนึ่ง แต่ หวง..ง..ง มาก ขอบอก)

นี่ยังไม่นับรวมกรณีที่นำเข้า เพื่อมาเข้าฉายเฉพาะสถาบันที่เปิดสอนภาษา อย่าง AUA หรือ บริติช เคาน์ซิล รวมทั้งกิจกรรมของทางสถานฑูต ซึ่งจะมีการฉายภาพยนตร์ด้วยฟิล์ม 16 ม.ม. ด้วย ปัจจุบันเค้ายุติไปแล้ว และปรับมาฉายจากสื่อวิดีทัศน์อื่นแทน ทราบมาว่าทั้งเครื่องฉายและฟิลฺ์ม ไม่อยู่แล้วครับ



เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 1

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 112742621 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Julieiz , ThomasovBeauh , Bobbyerihor , Keithustval , CharlessFup , Lewisuhacal , Irinfsa , Julizde , Iringgb , Julihtx ,