มหาตมา คานธี GANDHI
อหิงสา มหาบุรุษ 
ภาพยนตร์อัตชีวประวัตินักต่อสู้จิตใจสูงส่ง ความยิ่งใหญ่ที่เสียสละ
เสนอโดย พีเพิลซีนเว็บคนรักหนัง

มหาตมา คานธี เกิดที่อินเดีย 2 ตุลาคม 1869 เสียชีวิต 30 มกราคม 1948 พออายุได้ 18 ปีไปเรียนต่อที่อังกฤษ พยายามศึกษาคำสอน ศาสนา พุทธ คริสต์ อิสลาม และเรียนวิชากฎหมาย จนสอบได้ “เนติบัณฑิต “ จึงกลับมาประเทศอินเดีย
ปี 1919 อังกฤษ ออกกฎหมาย Rowlatt ซึ่งไม่ยอมให้สิทธิเสรีภาพต่อพลเมืองของอินเดีย เป็นต้นเหตุที่ผลักดันให้คานธี เป็นผู้นำต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอาอิสรภาพของอินเดียคืนมา

ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ถูกปกครองแบบโหด เช่นผืนดินดีๆแก่การเพาะปลูก อังกฤษยึดไปเป็นเจ้าของ คนอินเดียต้องเช่าที่ดินตัวเอง จากอังกฤษเงินภาษีเก็บได้เท่าไร ส่งกลับอังกฤษหมด คนอินเดียหงอ ทั้งเกรงทั้งกลัวอังกฤษหมด
ความทุกข์ของชาวอินเดียเหล่านี้เสมือน ทาสในเรือนเบี้ย สุดแต่นายฝรั่งจะหยิบยื่นให้รับ...ชี้นิ้วให้ทำ

ห้ามมีปากเสียงต่อต้านติดคุก ทุกข์ของคนอินเดียเหล่านี้ถูกสุมอยู่บนบ่าสองข้าง ของมหาคานธี..ที่ต้องออกมาสู้ด้วยวิธี สินติ อหิงสา อารยะขัดขืน แบบไม่ใช้กำลังตอบโต้ สู้แบบ “สันยาเคราะห์”

ท่านมหาตมะ คานธี กินมังสวิรัติตลอดชีพโดยใจรัก ท่าน กล่าวไว้ว่า... พวกทรราช เผด็จการ หรือพวกฆาตกร
ทำท่าจะเป็นผู้ชนะ แต่พอถึงที่สุด พวกนั้น พินาศทุกทีไป เป็นเช่นนี้เสมอมา อินเดียมีพื้นดินกว้างใหญ่ไพศาล พลเมืองพันล้าน ส่วนใหญ่ยากจนข้นแค้น...บ้างอดมื้อกินมื้อ บางคนไม่มีบ้าน ต้องอาศัย นอนตามข้างถนน

สิ่งที่ร้ายที่สุดคือ มนุษย์เราย่อมขาดเกลือไม่ได้ อังกฤษจึงเอาเกลือ มาเป็นสิ่งคุมชีวิตคนอินเดีย.. ให้ตกในกำมือของตนเอง
อังกฤษออกคำสั่งว่า คนอินเดีย จะผลิตเกลือไม่ได้ จะขายเกลือก็ไม่ได้ คนขาย ต้องเป็นคนอังกฤษเท่านั้น
คราวนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะคานธี โต้แย้ง น้ำเค็มในมหาสมุทรอินเดีย ย่อมเป็นของคนอินเดีย คนอินเดียย่อมมีสิทธิน้ำนำมาทำเป็นเกลือได้ อย่างน้อยก็กินเอง ว่าแล้วคานธี ก็พาประชาชน เดินทางราว 20กว่า ไมล์ ไปทำเกลือให้เป็นข่าวไปทั่วโลก

คานธี ผลึกกำลังประชาชนทั่วประเทศสู่เพื่ออิสภาพ ประกาศวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ.1919 เป็นวัน หะระดาล คือหยุดธุระกิจงานการค้าทุกชนิด ทั่วประเทศโดยสันติวิธี แต่มีบางแห่งมีการใช้กำลังกันขึ้น จนคานธี ถูกจับที่นิวเดลี

ไปปล่อยที่ บอมเบย์ จนประชาชนวุ่นวาย คานธี อดอาหาร สามวันและสั่งเลิกต่อสู้ เพราะนายพล Dyer ผู้บังคับบัญชากองทหารอังกฤษ สั่งให้ทหารยิงปืนเข้าไปในกลุ่มประชาชนชายหญิงประมาณว่าการตาย สูงถึง 1500 คน บาดเจ็บ 3000คนสังหารโหดครั้งนี้อังกฤษเสื่อมเสียมาก สุดท้ายคานธีถูกจำคุก 6 ปี แต่ได้ลดโทษออกจากคุกก่อนผลทางสุขภาพ พอออกมาแล้วก็อุทิศเวลาแก้ปัญหาของชาติ อาทิปัญหา ฮินดู กับมุสลิม ที่ไม่ถูกกัน

12 มีนาคม 1930 คานธี ออกเดินทางไกล 24 วันไปยังชายทะเล ณ.ตำบลฑันที เพื่อลบล้างกฎหมายของอังกฤษ ห้ามมิให้คนอินเดียทำเกลือรับประทาน ประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก เป็นผลให้คานธี ถูกจับอีก พร้อมทั้งประชาชนชายหญิงจำนวนเป็นแสน งานนี้สร้างการปั่นป่วนของรัฐบาลอังกฤษจนต้องปล่อยตัว คานธีในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1931

“การต่อสู้เพื่อให้เอกราชนั้นแสนยาก “
“แต่พอได้เอกราชแล้ว กลับยากกว่า “

อินเดียพอเป็นเอกราชแล้วยืดอก ไม่มีใครกลัวใครอินเดียแบ่งออกเป็นสองประเทศมุสลิมตั้งเป็นประเทศปากีสถาน ฮินดูเป็นอินเดียดั่งเดิม

อินเดียถูกแยกและเป็นอิสระในวันที่ 15 สิงหา ปี 1947 คานธี ไม่ยอมเข้าร่วมฉลองอิสรภาพ เขาเดินทางไปเรียกร้องและวิงวอนให้ยุติการประหัตประหารกัน ระหว่างฮินดู กับมุสลิม เมื่อพูดไม่รู้เรื่องยังไม่ฟังคานธีจึงประกาศ อดอาหารจนกว่าความบ้าคลั่งจะสิ้นสุดน่าอัศจรรย์ต่างยุติโดยไม่คาดฝัน อินดู มุสลิมต่างมาขอขมา คานธี แต่มีชาวอินดูส่วนน้อยบ้าคลั่งเรื่องศาสนาบางกลุ่มยังไม่ฟัง

น่าเศร้าเกิดเหตุร้ายวันที่ 30 มาราคมปี 1948 นาถูราม โคทเส ได้สังหารทูตแห่งความเมตตาด้วยกระสุนปืน 3 นัด ขณะที่ คานธี เดินออกมาที่สนามหญ้า เพื่อสวดมนต์ไหว้พระตอนเย็น คานธี ล้มลง คำพูดที่ออกจากปากสุดท้ายคือ “ เห ราม “ (ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า) หัวใจของท่านเปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ หัวใจหยุดเต้น ท่านจากไปมีทรัพย์สินเพียง 3 ดอลล่า แต่ชื่อ ท่านมหาตมา คานธี เป็นตำนานอมตะบุคคลสำคัญของโลกไปตลอดกาล
(วิวัย จิตต์แจ้ง เรียบเรียงใหม่ )