สวัสดีครับทุกท่านครับ ผมเพิ่งมีโอกาสเป็นสมาชิกเวปแล้วก็เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นคงไม่ว่ากันนะครับที่จะขอมีส่วนร่วมในกระทู้นี้เห็นกระทู้ตรงนี้แล้วทำให้ผมนึกถึงตอนเป็นเด็กไม่ได้ แต่ก่อนที่หมู่บ้าน(เมื่อ20ปีที่ผ่านมาสมัยนั้นหนังกลางแปลงเป็นที่นิยมมาก)ประมาณว่าทุกเย็นวันศุกร์จะมีหนังกลางแปลงมาฉายในหมู่บ้านแต่เป็นหนังล้อมผ้าผมกับเพื่อนมักจะไปดูกันเวลาที่หน่วยหนังกำลังขึ้นโครงจอและลำโพงกันโดยส่วนมากเด็กในวัยเดียวกันกับผมจะไปเล่นซุกซนกันหน้าจอแต่ผมกลับไม่ไปเล่นแตกลับชอบไปยืนดูว่าพี่เขาจะขึ้นจอสูงขนาดไหน(ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าจอหนังมีกี่เมตรบ้าง)ถ้าจะเข้าไปดูใกล้ๆกลัวว่าพี่ๆทีมงานจะด่าเอาเพราะอาจจะไปเกะกะพี่เขา ได้แต่ดูอยู่ห่างๆถึงห่างมากดูว่าตั้งลำโพงแบบไหนกันเปิดมาแล้วเบสจะแน่นมากไหมเพราะส่วนตัวชอบมากเวลาหน่วยหนังเขาเปิดเพลงแล้วในตอนนั้นก็แอบนึกวิจารณ์ในใจว่าทำไมไม่ตั้งจอแบบนั้นแบบนี้ถึงจะออกมาสวยแล้วเป็นระเบียบทำไมหน่วยนี้ตั้งจอเล็กจังทำไมหน่วยนั้นตั้งจอใหญ่ไม่เท่ากันเพราะสมัยนั้นความรู้สึกในความเป็นเด็กตัวเองจะมีความรู้สึกว่าถ้าเป็นหนังบุญแจกข้าวจะมีหน่วยมาตรฐานของชาวบ้านที่เขาหามาก็จะมีอันดับ1.ศรีเทพ ภาพยนตร์ (อันนี้ถือว่าสุดยอดมากถ้าเจ้าภาพจ้างมาได้ถือว่างานนั้นเป็นงานบุญใหญ่มากๆในสมัยนั้น)2. แจ่มจันทร์ 3. ฟิล์มทองอุดร (สองหน่วยนี้เป็นอันดับรองลงมาแต่หมายถึงว่าตอนกลางวันจะเป็นหมอลำกลอนให้คนดูส่วนกลางคืนก็จะเป็นหนัง ตรงนี้ผมชอบมาเพราะได้ดูตั้งสองอย่างในวันเดียวแต่ก็ถือว่าไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันกับเจ้าภาพที่จ้างศรีเทพมา)ส่วนหนังล้อมผ้าก็จะมีหน่วยต่างๆผลัดเปลี่ยนกันมาไปยืนดูพี่เขาขึ้นโครงจอดูเวลาที่พี่ๆเขาขึ้นจอขาวๆเปิดเพลงหมอลำยิ่งชอบมากไม่อยากจะไปไหนเลย ยิ่งเวลาตอนฉายชอบมองแต่เครื่องฉายเห็นลำแสงที่ออกมาจากเครื่อง โอ้โหในใจตัวเองยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ณ ตอนนั้นพลางก็นึกอยากจะมีหน่วยหนังเป็นของตัวเองจินตนาการเอาว่าถ้ามีหน่วยของตัวเองเมื่อไหร่จะทำเหมือนศรีเทพฯบ้าง แจ่มจันทร์บ้าง ฟิล์มทองบ้าง แต่มันก็ได้แค่คิดเพราะต้องรอให้เรามีงานมีเงินก่อนจึงค่อยทำ จนบางครั้งคิดว่าอยากเอาวันหยุดเรียนวันเสาร์-อาทิตย์ อยากจะเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดกับหน่วยหนัง หัดกรอฟิล์ม หัดเดินเครื่องฉายบ้าง หัดทำทุกอย่างที่ที่เกี่ยวกับการฉายหนัง เพราะในตอนนั้นใจมันรักมากเลยนะกับคำว่าหนังกลางแปลง จนทุกวันนี้ก็ยังรักหนังกลางแปลงอยู่นานแล้วที่ผมไม่ได้ไปดูหนังกลางแปลงที่บ้าน เข้ามาดูเวปไทยซีนทุกวันแต่ไม่ได้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นกระทู้ตรงนี้เลย เจอความคิดเห็นจากคุณคำเราะห์ชอบมากครับ เห็นทุกท่านแสดงความเห็นกันมาเปรียบเสมือนการให้กำลังใจกันทุกท่านเลยทำให้ผมมีความรู้สึกว่าเราไม่ใช่คนเดียวที่บ้าหนังกลางแปลงคนเดียวยังมีหลายคนที่เป็นมีความรู้สึกต่อหนังกลางแปลงเหมือนผม แล้วก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่กำลังเริ่มทำหน่วยหนังขึ้นมา ขอให้ประสบความสำเร็จไวๆนะครับแล้วก็ขอให้มางานเยอะๆด้วยครับ
สวัสดีทุกท่านคับ ความชอบยังมีอยู่คับทุกวันนี้มีอุปกรณ์ฉายของตัวเองแล้วคับกระเป๋าฉีกเหมื่อนกันเริ่มจากตอนเด็กอยู่เมืองแม่กลองได้ดูหนังของ มงคลซาวด์ ลพปุผา วัชรินทร์ (ไม่รู้ปัจจุบันมีกี่หน่วย)เมื่อรู้ว่าวัดไหนมีงานก็นั่งเฝ้ารอรถฉายหนังมารอดูตั่งจอ ลําโพง เครื่องฉาย คอยยืนเกะกะ ตกเย็นเปิดเพลงคอยวิ่งเล่นหน้าจอ พอหนังฉายอยู่ใกล้ใกล้เครื่องฉายรอฟิมล์ติดได้เฮแต่คนดูหนังโห่ต้องแย่งเศษฟิมล์กับเพือน บ้างครั่งไม่ติดเลย อดเลยเรา ได้ฟิมล์มาก็เอามาส่องไฟฉายมีจอเป็นโปสเตอร์หนังใช้ก้านร่มเป็นโครงป๋องนมเป็นเตากล่องไม้ขีดเป็นหัวฉายฝายาสีฟันเป็นเลนส์กล่องยาเพ็ญภาคของแม่เป็นลําโพง บ้าเหลือเกินทําไปได้ เชื่อว่าหลายคนมีอาการเช่นผมพอได้รู้จักweb ไทยซีนไม่หน้าเชื่อคับมีคนแบบผมเยอะเลย หนังกลางแปลงจงเจริญ ฝากไว้นิดหนึ่งคับมีงานครั่งใดเรียกใช้หนังกลางแปลงนะคับแม้ว่าระบบดิจิตอลกําลังจะมาแต่ขอให้เป็นหนังกลางแปลงระบบดิจิตอลคับก็ยังดีคับ
ฟังทิดหอดเล่าแล้วเหมือนกับผมเลย ส่วนผมใช้กล่องใบชาตราสามม้าเป็นเตากล่องยาหอมห้าเจดีย์เป็นหัวเครื่อง
กล่องสบู่เป็นแท่นเครื่องเสียงกล่องไม้จิ้มฟันเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียง(สมัยนั้นยังไม่มีเทป)ใช้กระดาษสมุดวาดเขียนเป็นจอกระป๋องยากันยุงที่ใช้เติมกระบอกฉีดยุงเป็นตู้ลำโพงครับ แต่ที่พิเศษหน่อยคือหน่วยหนังของผมมีเสียงแต่ไม่มีภาพครับ งง ละซิ ก็คือผมนำวิทยุเอเอ็มของแม่มาวางไว้หลังจอแล้วเปิดนิยายคณะเกษทิพย์ครับ
พอตอนอยู่ป.6ก็ได้เครื่องฉายที่ใช้ถ่านไฟฉายตัวสีแดงๆใช้ฟิล์มการ์ตูนใส่ข้างๆครับเสียดายไม่ได้เก็บไว้