Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ร่วมทดสอบ Peoplecine mobile Beta0.1


รูป
หนังจีนในอดีต ทุกยุค ทุกสมัยเจ้าของ ผู้ตอบหลังสุด
-JADE DYNASTY | กระบี่เทพสังหารยังไม่มีคนตอบ
-เดอะ โครว์-THE CROW(1994)ประวัติย่อ”BRANDON LEE” by TALK ABOUT MOVIEยังไม่มีคนตอบ
-รายการ:TALK ABOUT MOVIEแนะนำหนังน่าสะสม(คนตัดคน-GOD OF GAMBLERS,賭神 THE COLLECTION-1989-1997)by Samuel ร.. 10/9/2562 16:47
-5หนังในตำนานของนักแสดงกังฟูผู้เป็นตำนาน”BRUCE LEE”(บรู๊ช ลี).. 6/9/2562 22:37
-เก่งกับเฮง-Mr.Boo:The Private eyes(1976).. 6/9/2562 22:36
-เฮงกำลัง-3(3-เฮงไม่จำกัด)Security Unlimited(1981).. 6/9/2562 22:35
-เปิดตำนานเก่งกับเฮง(2คน2โกง)Games Gamblers play(1974).. 6/9/2562 22:33
-Jade Dynasty 诛仙 (2019) ยังไม่มีคนตอบ
-7 เซียนซามูไร.. 16/8/2562 15:40
-กล้าแล้วต้องบ้า..ยังไม่มีคนตอบ
-JOURNEY TO CHINA Trailer .. 26/7/2562 20:59
-Only The Cat Knowsยังไม่มีคนตอบ
-หงส์ทองคะนองศึก.. 11/4/2562 21:25
- โคตรพยัคฆ์หยินหยาง 2018.. 7/1/2562 23:47
-วันนี้ไม่กลับบ้าน ปี 2512.. 11/12/2561 22:18
-THE WAY OF THE DRAGON 1972 ไอ้หนุ่มซินตึ๊งบุกกรุงโรม .. 18/11/2561 8:35
เลือกหน้า [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24] [25] [26] [27] [28] [29] [30] [31] [32] [33] [34] [35] [36] [37] [38] [39] [40] [41] [42] [43] [44] [45] [46] [47] [48] [49] [50] [51] [52] [53] [54] [55] [56] [57] [58] [59] [60] [61] [62] [63] [64] [65] [66] [67] [68] [69] [70]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 1117

---> ถามมา ตอบไป ... หลากหลายปัญหาคาใจกับหนังจีน ...


ขออนุญาติตั้งกระทู้ครับ ... เพราะเห็นว่า หลายๆ ครั้งที่เจอคำถามและคำตอบที่น่าสนใจเกี่ยวกับหนังจีน แต่พอจะกลับไปอ่าน ดันหาไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปอยู่ในกระทู้ไหนบ้าง

ใครมีเรื่องอะไรคาใจ , อยากหาหนังในความทรงจำมาดู ก็ไม่รู้มันเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นอะไร , ไปเจอแผ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้มา แต่ชื่อเรื่องและหน้าปกมันแปลกๆ ไม่ชัวร์ว่าเรื่องอะไร , กลัวซื้อมาซ้ำ ฯลฯ อีกมากมายหลายคำถาม ... ลองมาช่วยกันหาคำตอบด้วยกันนะครับ



ความเห็น

[1] [2] [3] [4]

[5] [6] [7] [8] [9] [10]


กำลังจะเข้มข้น ....เพิ่งอ่านได้นิดเดียว เอามาทำเป็นหนังคงน่าดูไม่น้อย....เอ็มพิคเจอร์ส ว่าไง...

 




โกบราเดอร์ส - ตอนที่ 2 ... สั่งสมประสบการณ์

ความเดิมจากตอนที่แล้ว ... ไม่เอา เสียเวลา ย้อนไปอ่านเองได้ วู้

เมื่อเป็งเพียวลงจากเรือที่ท่าเรือ ก็ต้องพบกับด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเค้าไม่มีหลักฐานใดๆ ที่แสดงว่าเป็นคนไทย จึงต้องถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้ เพื่อรอให้ญาติมาแสดงหลักฐานก่อนจึงจะถูกปล่อยตัว ... และแล้ว เวลาก็ผ่านไป 2 เดือน พ่อของเค้าจึงทราบเรื่อง และรีบมารับลูกชายจากที่นั้น

หลังจากเหน็ดเหนื่อยมามากมาย ตอนนี้เป็งเพียวก็เริ่มเข้าวัยหนุ่ม จึงมีความคิดว่าจะต้องหางานทำ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระและช่วยดูแลครอบครัว ซึ่งตอนนั้น เค้ามีน้องชายหญิงที่จะต้องช่วยดูแลถึง 6 คน ... ครอบครัวของเค้ามีพี่น้องทั้งหมด 7 คน โดยเค้าเป็นพี่ชายคนโต และมีน้องชายคือ จำเริญ , จำรูญ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเกษม) , จรัญ และน้องสาวอีก 3 คน สุนีย์ , วันเพ็ญ , ศิริเพ็ญ ... ซึ่งทั้งหมดนี้ ภายหลังจะมีบทบาทในการก่อร่างสร้างตัวของตระกูลครับ รออ่านกันช่วงท้ายๆ นะ

เมื่อได้รับอนุญาติจากพ่อและแม่แล้ว เค้ารีบออกเดินหางานทันที และได้ไปเจอร้านกาแฟร้านนึง ที่เถ้าแก่กำลังวุ่นวายอยู่ในร้าน เพราะไม่มีลูกจ้าง ต้องทำคนเดียว เค้าจึงเข้าไปของานทำ ... เถ้าแก่มองดู แล้วเห็นว่าเด็กคนนี้ท่าทางใช้ได้ จึงรับทำงาน โดยให้ทดลองงานก่อน 3 เดือน ซึ่ง 3 เดือนนี้จะไม่ให้เงิน ถ้าผ่านโปร (อิอิ) ก็จะได้รับเงินเดือนเดือนละ 4 บาท (...ประมาณ 60 ปีที่แล้ว 4 บาทนี่คงจะพอสมควรนะครับ) ... เป็งเพียวดีใจ รีบทำงานวันนั้นทันที

ภาระกิจในร้านกาแฟ คือต้องทำทุกอย่าง ... ตั้งแต่เช้ามืด ไปหาบน้ำมา แล้วตั้งไฟต้มน้ำ , เตรียมอุปกรณ์ให้เถ้าแก่ , ล้างแก้วล้างถ้วย และกระโถน , เด็กเสิร์ฟ , เป็นเพื่อนคุยให้ลูกค้า ฯลฯ เรียกว่าทำทุกอย่าง ยกเว้นชงกาแฟ เพราะเป็นหน้าที่ของเถ้าแก่ ... แม้งานจะหนักแค่ไหน แต่เค้าก็รู้สึกสนุก เพราะบางทีเถ้าแก่ชงกาแฟผิดก็จะทิ้ง แต่เค้าเสียดายจึงได้ดื่มฟรีๆ ... แถมยังได้รู้จักกับคนอีกเยอะแยะมากมาย เป็นที่รักใคร่และพอใจของลูกค้าที่มาร้านนี้

6 เดือนผ่านไป มีลูกค้าที่ชอบความขยันขันแข็งในตัวของเค้า ได้ชวนให้ไปทำงานเป็นพ่อครัวที่ร้านขายยาจีนที่บางลำภู โดยเสนอเงินให้เดือนละ 8 บาท เค้าตกลงไปทำ ... แต่ทำไปได้ 3 เดือน เค้าก็ต้องขอลาออก เพราะว่างานพ่อครัวนี้ มันไม่ใช่อ่ะ มันไม่ใช่ ... และจากนั้นก็ได้ทำงานอีกหลายอย่าง ที่โรงงานบะหมี่ , ช่วยน้องสาวขายผัก , ไปทำงานกับญาติที่ จ.ตรัง .....

ในวัย 18 ปีเต็ม เค้าเก็บเงินได้ก้อนนึง (800 บาท) จึงมีความคิดว่าอยากจะทำอะไรเป็นของตัวเอง อยากเป็นเถ้าแก่กับเค้ามั่งแล้ว ซึ่งถ้าเป็นวัยรุ่นคนอื่นๆ คงจะคิดแต่จะเที่ยวเล่นสนุก แต่กับเป็งเพียว ... ไม่คิดอย่างนั้น

จบตอนที่ 2 ดีกว่า




ว้า...จบตอนซะแล้ว...

 




555 งั้นต่อเลย

ตอนที่ 3 ... ประสบการณ์ในอดีต มีค่าเสมอในอนาคต

หลังจากอดทนอดกลั้นจนเก็บเงินได้ 800 บาท ซึ่งเมื่อ 60 ปีที่แล้ว น่าจะเป็นเงินที่ค่อนข้างเยอะพอสมควร เค้าคิดว่าจะทำอะไรดี แล้วต้องวางแผนให้ดี เพราะถ้าทำแล้วไปไม่รอด เงินเก็บก็จะหายไป คงจะต้องเริ่มกันใหม่ ... เลยมองว่าตัวเองชอบอะไร ทำอะไรได้ดีที่สุด และถนัดที่จะทำอะไร

เค้านึกย้อนกลับไปสมัยที่เป็นลูกจ้างที่ร้านกาแฟ ได้ทำอะไรมากมาย ถึงจะเหนื่อยแต่ก็สนุก และด้วยความที่เค้าเป็นคนอัธยาศัยดี ชอบการบริการ ได้พูดคุยกับคนมากมาย และที่สำคัญ ได้เห็นเงินผ่านมือเข้าร้านวันนึงๆ ไม่ใช่น้อยๆ ... จึงคิดได้แล้วว่าจะทำอะไร

เงินทุนทั้งหมดถูกนำไปใช้ทำร้านกาแฟ ซึ่งเป็นแค่ซุ้มไม้เล็กๆ แต่ดูสะอาดและบรรยากาศชิลๆ ... ช่วงเปิดร้านใหม่ๆ ลูกค้ายังไม่รู้จักและยังไม่รู้ฝีมือการชงกาแฟของเค้า เลยค่อนข้างเงียบเหงา แต่ด้วยความที่เค้าเป็นคนมองโลกในแง่ดี มีความอดทน และมีอัธยาศัยดี พอมีลูกค้าเข้าร้าน เค้าจึงจัดเต็ม จนเกิดปากต่อปาก ลูกค้าเริ่มทะยอยเข้าร้านมากขึ้นเรื่อยๆ

ในร้านของเค้าก็ไม่ได้ขายกาแฟอย่างเดียว ยังขายอะไรอีกหลายอย่างที่พอจะขายได้ ... น้ำแข็งใส , น้ำชา , ยาสูบ , ไม้ขีดไฟ , น้ำตาล ก็มีขาย ... เมื่อลูกค้าหยิบยาสูบขึ้นมา เค้าก็ไม่รีรอ ที่จะเข้าไปจุดไฟให้ และยังเป็นเพื่อนคุยที่สนุกสนานของลูกค้า ทั้งประจำและไม่ประจำ ... เงินทอนที่เป็นเศษสตางค์เล็กน้อย ลูกค้าก็ถือว่าเป็นทิปกันไป เพราะบริการที่ดีเยี่ยมของเค้า ... และแล้ว เงินก็ไหลมาเทมา เป็นกอบเป็นกำ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มากพอที่จะทำให้เค้า เริ่มมองหาอะไรทำที่ใหญ่โตขึ้น จะได้ทำเงินได้มากขึ้น

จบตอนที่ 3 อีกแระ อิอิ ... Intro มาซะนาน ตอนหน้าจะเริ่มเข้าเรื่องแล้วครับ




รออ่านต่อครับ..ขอบคุณครับ ....


ตอนที่ 4 ... โชคชะตา ฟ้าลิขิต

ในชีวิตที่ผ่านมาของเป็งเพียว ซึ่งทำงานอย่างหนักและเหน็ดเหนื่อยมาตลอด แต่ก็ยังมีสิ่งนึงที่ทำให้เค้าได้ผ่อนคลายและรู้สึกมีความสุข นั่นก็คือการได้ออกไปนั่งดูหนังกลางแปลงที่มาฉายบริเวณบ้าน ... ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กๆ หลังจากทำงานกลับมาบ้าน พอรู้ว่าคืนนี้จะมีหนังกลางแปลงมาฉาย เค้าจะขออนุญาติพ่อแม่เพื่อไปดูหนัง ... บางที หนังเลิกดึกขนาดไหน เค้าก็จะนั่งดูจนจบ กลับมานอนได้นิดหน่อย ก็ต้องตื่นไปทำงานต่อ ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้เค้าเหนื่อยเลย กลับมีความสุขซะอีก ที่ได้ดูหนัง

ถ้าถามว่าเค้าชอบที่จะทำอะไรและมีความสุขกับอะไร ... หนึ่ง คือการได้เปิดร้านกาแฟ และสอง คือการได้ดูหนัง

ระหว่างที่เค้าขายกาแฟ ก็จะมีลูกค้ามากมายแวะเวียนเข้ามา ... จนถึงวันที่เค้าคาดไม่ถึง ว่ามันจะทำให้ชีวิตเค้าต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย ... ลูกค้าคนนึงที่แวะเวียนมาประจำ ได้คุยกับเค้าเรื่องธุรกิจที่กำลังจะทำร่วมกับเพื่อนๆ และได้เอ่ยปากชักชวนให้เป็งเพียวเข้ามาร่วมหุ้นด้วยกัน ... นั่นก็คือ การทำโรงหนัง

อาจจะงงๆ ว่ามาชวนเค้าทำไม เค้าไม่ได้มีความรู้เรื่องธุรกิจนี้เลย แต่ด้วยความรักและความชอบอยู่แล้ว เค้าจึงรับปากไปทันที

โรงหนังเฉลิมเกียรติ ย่านฝั่งธน เป็นโรงหนังที่มีหุ้นส่วนทั้งหมด 5 คน รวมทั้งเป็งเพียว สามารถทำกำไรได้อย่างมากมายถึงหลักล้านเลยทีเดียว ... เมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว เงินขนาดนี้น่าจะไม่ใช่เงินน้อยๆ นะครับ เรียกว่าทำให้เค้าและครอบครัว มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากเดิมมาก

คนเยอะ ก็เรื่องเยอะ ... เวลาผ่านไปไม่นาน หุ้นส่วนเริ่มแตกคอกันเอง จนสุดท้ายก็ต้องสลายตัว ใส่คอนเวอร์สกันไป ... แล้วเค้าจะไปทำอะไรต่อ ก็ต้องรออ่านในตอนต่อไปนะครับ ... 555 ยิ่งเขียนยิ่งสนุกแฮะ




กำลังมันเลยฮ่ะพี่




   ปูเสื่อรอ...ตอนเริ่มเข้าวงการหนังล่ะกันครับ ท่านพี่ .... 5555 


สนุกครับ รออ่านต่ออยู่ครับ




สงสัย  หนังหมดม้วนครับ  กำลังรอเปลี่ยน รีลใหม่อยู่ครับ  เอ สงสัยหนังวิ่ง ฉายหลายโรง ฮ่าฮ่าฮ่า

แหะ แหะ ผู้ชม รอชมกันเพียบเลยครับ  รวมทั้งกระผมเอง ด้วยครับ  อิ อิ  ขอบอกว่า  อ่านแล้วมันส์จริง ๆ ครับ  (เป็นนักเขียนได้สบายเลย)




ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ และขออภัยที่ทำให้อารมณ์ขาดตอน ติดภาระกิจหลายอย่างครับ แถมเมื่อกี้เขียนไปซะยาว พอกดส่ง ระบบแฮงค์ไปซะงั้น 55 ต้องเขียนใหม่เลย

ตอนที่ 5 ใจสั่งมา

 

ขึ้นชื่อตอนแบบนี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคลิปฉาวของพี่เสก โลโซแต่อย่างใดครับ ... ถ้านี่เป็นหนังเรื่องนึง ผมรู้สึกว่าจะมีช่วงดราม่ามากเกินไปหน่อย พอถึงช่วงกลางเรื่องแบบนี้ ก็ต้องเบรกอารมณ์ด้วยเรื่องราวความโรแมนติกซักนิดครับ อิอิ

 

หลังจากหุ้นส่วนโรงหนังเฉลิมเกียรติกระจัดกระจายกันไป เป็งเพียวก็กลับมาทำร้านกาแฟเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่เดิม ย้ายมาอยู่ใกล้บ้านมากขึ้น คือบริเวณตลาดสดซอยสวนพลูนี่เอง ... เหตุผลที่มาอยู่ที่นี่ หลักๆ ก็คือ หนึ่ง มันใกล้บ้าน สอง ได้ทำเลดี อยู่หน้าโรงหนัง ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ได้ทำธุรกิจโรงหนังแล้ว แต่เหมือนจะยังติดใจอยู่ การได้มาอยู่ตรงนี้ก็แค่ขอให้ได้บรรยากาศของโรงหนังนั่นเอง ... ทั้งป้ายโฆษณาหนัง , เสียงโฆษกประกาศโฆษณาหนัง , รถแห่ , คนที่มารอดูหนัง ... แค่นี้ก็ทำให้เค้ามีความสุขแล้ว แถมวันไหนว่าง ก็เดินเข้าไปดูหนังได้ด้วย

 

วิกเตี้ย คือโรงหนังที่ตั้งอยู่บริเวณตลาดพลู ถือว่าเป็นแหล่งบันเทิงเดียวของคนที่นี่ และเมื่อใดที่มีหนังใหม่เข้าฉาย เค้าก็ต้องไม่พลาดที่จะเข้าไปดู

 

แล้วมันโรแมนติกตรงไหนฟะ ... หลังจากที่เปิดร้านกาแฟมาได้ซักพัก มีลูกค้าขาประจำคนนึง ที่คอยเฝ้ามองดูเป็งเพียว เห็นว่าเป็นคนขยันขันแข็ง ตั้งใจทำงานเก็บเงิน ไม่เที่ยวเตร่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ถือว่าเป็นผู้ชายที่ดีมาก น่าจะจับมาเป็นน้องเขยให้รู้แล้วรู้รอดซะเลย ... จึงได้ทาบทามให้เป็งเพียวได้ไปรู้จักกับน้องสาวของชายคนนั้น

 

เป็งเพียวในวัย 20 กว่าๆ ถือว่าเป็นหนุ่มเต็มตัว ย่อมปฏิเสธไม่ได้ในเรื่องของหัวใจ ที่มันเรียกร้องว่าจะต้องมีความรัก ... ทั้งสองได้รู้จักกัน และเรียนรู้กันและกัน จนกระทั่งถึงวันที่ทั้งสอง ตกลงใจว่าจะใช้ชีวิตร่วมกัน

 

ใช่ว่าเป็งเพียวจะไม่เคยมีความรัก ... รักครั้งแรกเกิดขึ้นช่วงที่เค้าอยู่เมืองจีน กับสาวจีนรุ่นพี่ที่คอยช่วยเหลือและสอนงานเค้า แต่นั่นก็แค่ความรักแบบเด็กๆ ที่ได้แต่แอบชอบ ... ครั้งที่ 2 ตอนที่เค้ากลับมาเมืองไทย เค้าแอบชอบลูกสาวของเถ้าแก่โรงสี ซึ่งทั้งสวยทั้งรวย ฐานะของเค้าและเธอแตกต่างกันลิบลับ เค้าจึงทำได้แค่เพียง ฝัน ฝันหวาน ... แต่ในครั้งนี้ เป็งเพียวมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งงาน ทั้งเงิน แล้วเค้าจะรออะไรอีกล่ะ

 

เสี่ยวเจ็ง คือเจ้าสาววัย 19 ปี ขณะที่เป็งเพียวอายุ 22 ปี ทั้งสองแต่งงานกันเมื่อปี 2490 และได้ช่วยกันดูแลร้านกาแฟ จนต่อมาได้กำเนิดบุตรหญิงชายรวมแล้วทั้งสิ้น 7 คน ... ลองดูชื่อลูกชายของเค้า 2 คนนี้นะครับ ที่ต่อมาจะสร้างประวัติศาสตร์ให้วงการโรงหนังในประเทศไทยชนิดที่ว่า พลิกโฉม กันเลยทีเดียว ... วิสูตร และ วิชัย พูลวรลักษณ์

 

หลังจากแต่งงาน เป็งเพียวเปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่เป็น เจริญ พูลวรลักษณ์ ... และแล้วเหตุการณ์ครั้งสำคัญก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ที่ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเค้าและครอบครัวไปอย่างสิ้นเชิง ... โรงหนังวิกเตี้ย สถานที่หาความบันเทิงของคนในย่านนั้น ได้เกิดไฟไหม้ มีความเสียหายยับเยิน ไม่สามารถที่จะฉายหนังต่อไปได้ มีแต่เศษซากที่เหมือนจะรอวันถูกทุบทิ้งเท่านั้น

 

แล้วเค้าจะทำอย่างไรต่อไป อีกนิดนึง ได้รู้กัน 555




รออีกสักนิดส์....นึง

 




ตอนที่ 6 ... มังกรผงาดฟ้า ท้ายุทธจักร

หลังจากวิกเตี้ยไฟไหม้ เจริญรู้สึกว่าชีวิตเหมือนจะขาดอะไรไปซักอย่าง ... ผู้คนแถวนั้นรวมทั้งตัวเค้า เวลาจะไปดูหนังกันที ก็ต้องไปไกลแสนไกล ... แถมลูกค้าที่มานั่งที่ร้านกาแฟหลายๆ คน ก็บ่นว่าเสียดายโรงหนังวิกเตี้ยให้เค้าได้ยินอยู่บ่อยๆ

เจริญกลับมานั่งคิดนอนคิดอยู่หลายคืน และเค้าก็ตัดสินใจที่จะชุบชีวิตโรงหนังแห่งนี้ซะเองเลย ... ว่าแล้ว เค้าก็รวบรวมเงินเก็บทั้งหมด แล้วไปติดต่อกับเจ้าของที่ดินตรงนั้น เพื่อขอซื้อมาทำโรงหนัง

แต่การที่จะได้เข้าพบกับเจ้าของที่ดินนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ... เค้าพยายามทุกทาง ทั้งไปรอดักพบ ผ่านไปหลายวัน ในที่สุดเค้าก็เจอกับเจ้าของที่ดิน พร้อมกับมีเงินสดติดตัวไปด้วยจำนวนมากถึง 6 ล้าน 5 แสนบาท (...โอว แม่เจ้า) ตั้งใจว่าเมื่อคุยกันรู้เรื่องก็จ่ายเงินกันไปเลย

เมื่อเจ้าของที่ดินเห็นเค้า ก็ถึงกับอึ้ง เพราะไม่น่าเชื่อว่า คนขายกาแฟที่ดูท่าทางธรรมดา แต่งตัวแบบชาวบ้านทั่วไป ที่จะมาขอซื้อที่จากเค้า จะมีเงินมากมายขนาดนี้ ... จนในที่สุดก็ยอมขายที่ดินผืนนั้นให้กับเจริญ

จากโรงหนังวิกเตี้ย ได้ถูกเนรมิตขึ้นมาใหม่ในชื่อ โรงหนังศรีตลาดพลู เมื่อปี 2504 ซึ่งมีเจริญเป็นเจ้าของคนเดียว ไม่จำเป็นต้องมีหุ้นส่วนมาให้วุ่นวายหัวใจอีกแล้ว ... ในขณะนั้น วิชัย ลูกชายคนเล็กของเค้าก็ได้กำเนิดขึ้น

เจริญ ได้พาน้องๆ ของเค้ามาช่วยกันทำงาน โดยตัวเค้าเองเหมือนเป็นไต้ก๋ง ดูแลทุกอย่าง โดยมีน้องๆ อย่าง จำเริญ มาบริหารงานโรงหนัง , เกษม ทำหน้าที่ติดต่อซื้อหนังมาฉาย และ จรัล ช่วยบริหารงานทั่วไป

โรงหนังศรีตลาดพลู ถือว่าเป็นโรงหนังที่ค่อนข้างล้ำสมัยในยุคนั้น ทั้งการออกแบบ ตบแต่ง รวมถึงโปรแกรมหนังที่มาฉาย ทำให้ถูกอกถูกใจคนแถวนั้นอย่างมาก กลายเป็นโรงหนังที่ไร้คู่แข่งในระแวกเดียวกันอย่างสิ้นเชิง

และแล้ว บริษัท โกบราเดอร์ส ก็ถือกำเนิดขึ้น ด้วยการเอาแซ่ของเค้ามาใช้ คือแซ่โกว และเป็นบริษัทที่เป็นการทำงานร่วมกันของพี่น้อง จึงเป็นโกบราเดอร์ส ... อีกความหมายคือ โก มาจากภาษาอังกฤษในคำว่า Co พอเป็น Co-Brothers ก็ยิ่งชัดเจนในเรื่อง เป็นการทำงานร่วมกันของพี่ๆ น้องๆ จ้า

ธุรกิจโรงหนัง เป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาล ดังนั้น เจริญจึงมองหาสถานที่แห่งใหม่ๆ ที่ดูแล้วว่ามีศักยภาพพอที่สร้างเงินให้กับตระกูล โดยยึดถือคติที่ว่า ... ที่ไหนมีปลา ก็ไปตกที่นั่น ... ลองดูชื่อโรงหนังเหล่านี้นะครับ น่าจะมีซักโรงสองโรงที่พวกเราเคยใช้บริการกันมั่งล่ะ

เมโทร , โคลีเซี่ยม , เพชรรามา , เซ็นจูรี่ , แมคเคนน่า , ฮอลิเดย์ , คลองเตยราม่า , แหลมทองราม่า , เจ้าพระยา , คลองจั่นราม่า , พัฒนาการราม่า , ลาดพร้าวราม่า , โชคชัย 4 ราม่า , กรุงเทพราม่า , ทวีผลราม่า , มหาชัยราม่า , เพชรเกษมราม่า , บางแคราม่า ฯลฯ

ในปี 2513 ถือว่ากลุ่มบริษัทโกบราเดอร์ส แน่นหนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการขยายฐานโรงหนังไปครอบคลุมทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ บรรดาลูกๆ ของทั้งตัวเค้าเองและของน้องๆ ต่างก็มาช่วยกันทำงานในส่วนต่างๆ ... ที่ดินตรงไหนน่าสนใจ เจริญจะไปขอซื้อและทำโรงหนังทันที ... และที่ไหน ที่ดินราคาขึ้นสูง มีคนมาขอซื้อต่อ เค้าก็จะขาย เพื่อได้กำไรอย่างทวีคูณด้วยเหมือนกัน

สิ่งที่น่าแปลกที่สุดคือ เจริญและน้องๆ ไม่เคยกู้เงินจากที่ไหนเพื่อมาทำธุรกิจเลย ทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินของพวกเค้าและบริษัทของพวกเค้าเอง

... เหมือนจะจบ แต่ยังไม่จบ ... อิอิ




อยากรู้ว่าหนังเด็ดๆของโกวบราเดอร์อะครับ มีเรื่องไรบูมๆบ้าง




หนังของโกบราเดอร์ส ช่วงแรกๆ ผมก็ไม่รู้ครับ ... เอาเท่าที่รู้นะ

ช่วงแรกจะเป็นแนวกำลังภายในซะเยอะ ... เดชไอ้ด้วนผจญฤทธิ์จักรพญายม (หวังหยู่) ... ไอ้ด้วนผจญไอ้ด้วน (หวังหยู่ , หลิวเจียเหลียง) ... กบฎเส้าหลิน (หวังเจียต้า) ... อวสานต์ 18 มนุษย์ทองคำ (หวังเจียต้า) ... ไอ้หนุ่มพันมือ ตอน 2 (เฉินหลง) ... ไอ้หนุ่มหมัดฮา (เฉินหลง) ... ศึกเลือดวังนรก (ตี้หลุง) ... ศึกสายเลือดเหยี่ยวทองคำ (ตี้หลุง) ... 1 พยัคฆ์วังอสูร (เดวิดเจียง) ... 14 พยัคฆ์วังพระกาฬ (ตี้หลุง) ... เฉินหลง ไอ้หมัดเล็บมังกร (ไอ้หนุ่มหมัดฮา 2) ... 8 เทพอสูรมังกรฟ้า (หวงเย่อหัว , ฉีเส้าเฉียน) ... กูจะสู้เพื่อดาบสัจธรรม (หนังชอว์ฯ หลังจากหายไปนาน)

พอมี Cinema City ถึงจะเริ่มมีหนังแนวสากล อย่างพวกหนังของหวังไป่หมิง ชุด ผีเพื่อนซี้ ... หนังของเจ้าหนู เสี่ยวปิงปิง ... หนังของ เมาะเจีย ชุด เฮงลูกเดียว , โกยเถอะกู๋หนูจะช่วย ... และมาพีคสุดๆ กับเรื่อง โหดเลวดี ภาค 1 ... เถื่อนตามดวง ... 3 แบบแสบคนละเล่ม ... จนมาถึงหนังต้นกำเนิดผีแบบโปเย จากโปเยโปโลเย 1 ... เดี่ยวตกมัน ... เดือด 2 เดือด ... ตุ้งติ้งตี๋ต๋า ... ฟ้าส่งฟะมาเกย




พิเศษแถมท้าย ตอนที่ 1

หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ถึงตอนนี้ ตระกูลพูลวรลักษณ์ ได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาอย่างหนาแน่น ถือว่าผงาดอยู่ในยุทธจักรในระดับแถวหน้าของเมืองไทย

ปี 2527 ทางตระกูลอัมพุช จากบริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป ได้เปิดตัวศูนย์การค้าเดอะมอลล์รามคำแหง และได้เชิญชวนให้เจริญ มาเช่าพื้นที่ที่ติดกับห้างเพื่อทำโรงหนัง แต่เจริญเห็นว่า การทำโรงหนังที่ขึ้นอยู่กับห้าง ไม่น่าจะถนัดนัก จึงได้บอกปัดไป ... แต่เรื่องราวตกไปถึง จำเริญ น้องชายคนที่ 2 ของเจริญ และเกิดความสนใจพื้นที่ตรงนั้น จึงขอแยกตัวออกจากพี่น้องโกบราเดอร์ส แล้วมาเช่าพื้นที่นั้น เปิดเป็นโรงหนังเอ็มจีเอ็ม 1 และ 2 โดยบริหารงานเอง ... ถือว่า จำเริญ ได้แยกตัวออกมาทำงานเองโดยสมบูรณ์ และ น้องชายอีก 2 คน เกษม และ จรัล ก็ขอแยกตัวออกไปทำธุรกิจอย่างอื่นเองบ้าง ... ตรงนี้อาจจะเรียกได้ว่า ปิดตำนานโกบราเดอร์ส ลงอย่างชัดเจน

ต่อไปผมขอแยกเป็นคนๆ นะครับ

เจริญ พี่ใหญ่ของตระกูลพูลวรลักษณ์ มีลูกชายหญิงรวม 7 คน โดยทุกคนก็ได้เคยผ่านการช่วยงานของบริษัทมาแล้วทั้งนั้น แต่ที่โดดเด่นมากที่สุดคือ วิสูตร และ วิชัย

วิสูตร พูลวรลักษณ์ คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ถือว่าช่วยงานพ่ออย่างใกล้ชิดที่สุด เป็นมาแล้วตั้งแต่เด็กเดินตั๋ว จนถึงครีเอทีฟของบริษัท ดูแลเรื่องการโฆษณามาแล้ว ... และด้วยความรักในหนังไทย วิสูตรได้ก่อตั้งบริษัท ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เมื่อปี 2528 และสร้างปรากฎการณ์ให้กับวงการหนังไทยมาแล้วจากเรื่องแรก ซึมน้อยหน่อยกะล่อนมากหน่อย , ปลื้ม , ดีแตก , ฉลุย ฯลฯ จนถึงปัจจุบันที่ร่วมทุนกับ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และ หับโห้หิ้น เปิดบริษัท GTH อันโด่งดัง

วิชัย พูลวรลักษณ์ น้องเล็กของวิสูตร หลักจากที่เรียนจบ ก็ได้คลุกคลีอยู่กับโรงหนังของพ่อ จนถึงเวลาที่จะต้องออกมาทำอะไรเองบ้าง ... ช่วงนั้น หนังของวิสูตร ทำออกมาหลายเรื่อง แต่ติดที่ไม่มีโรงให้ฉาย ทั้งๆ ที่โรงของพ่อก็มีมากมาย แต่เกือบทุกโรงติดสัญญาจากหนังค่ายอื่นๆ เช่น หนังฝรั่งของค่ายเมเจอร์กรุ๊ป เลยต้องเอาหนังที่เค้าสร้างไปฉายที่เครืออื่น เอเพ็กซ์บ้าง ไฟว์สตาร์บ้าง ... 2 พี่น้องจึงร่วมมือกันเปิดบริษัทเพื่อทำโรงหนังเอง จะได้เอาหนังของวิสูตรเข้าฉาย ในชื่อ เอนเตอร์เทน เธียเตอร์ เน็ทเวิร์ค ซึ่งจุดเด่นคือ เป็นโรงหนังที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้า ... โรงแรกที่เค้า 2 คนเริ่มทำคือที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ในปี 2529

เวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก ... ในปี 2536 สองพี่น้องคิดการณ์ใหญ่ ร่วมทุนกับผู้เชี่ยวชาญด้านโรงหนังจากต่างประเทศ 2 เจ้าคือ โกลเด้นฮาร์เวสต์ ของฮ่องกง กับ วิลเลจโรดโชว์ ของออสเตรเลีย ในการสร้างโรงหนังในระบบมัลติเพล็กซ์ คือสมบูรณ์แบบทั้งภาพและเสียง ในนาม EGV ... เปิดแห่งแรกที่ ฟิวเจอร์พาร์คบางแค และตามมาด้วย ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ , ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และ แฟชั่นไอแลนด์ รามอินทรา ... เหมือนยุทธการป่าล้อมเมือง คือเปิดทั้ง 4 มุมเมืองเลยทีเดียวเชียวแหละ




พิเศษแถมท้าย ตอนที่ 2

จำเริญ พูลวรลักษณ์ น้องชายของเจริญ มีลูกชายหญิงรวม 6 คน ... โดยมี 3 คน แยกไปทำห้างสรรพสินค้าเวลโก้ ... อีก 2 คน ไปทำห้างค้าส่งขนาดใหญ่ เซฟโก้ ... และคนสำคัญของครอบครัว วิชา พูลวรลักษณ์ หลังจากเรียนจบก็มาช่วยงานพี่ๆ ที่ห้างเวลโก้ และยังเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัท เวลแลนด์ ดีเวลลอปเมนท์ ที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ... ส่วนจำเริญผู้พ่อนั้น ก็ทำโรงหนังเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ซึ่งจะอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเหมือนกับโรง เอนเตอร์เทน ของหลานวิสูตรและวิชัย ในชื่อ เมเจอร์

จนถึงปี 2537 วิชา พูลวรลักษณ์ ได้รับโอกาสจากพ่อ โดยการให้พื้นที่ของห้างเวลโก้ปิ่นเกล้า ที่โดนไฟไหม้ไป เพื่อเนรมิตให้เป็นโรงหนังที่ครบวงจร ถือว่าเป็นมากกว่ามัลติเพล็กซ์ที่ฝั่งญาติผู้พี่ทำไว้กับ EGV ... ในนาม Major Cineplex เมืองโรงหนังแห่งแรกของประเทศไทย

ซึ่งปัจจุบัน Major Cineplex ได้รวบธุรกิจของ EGV เข้ามาไว้ด้วยกันแล้ว สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ... พร้อมกับยังเปิดบริษัทธุรกิจบันเทิงอีกมากมาย ซึ่งคงไม่ต้องบรรยาย รู้กันดีอยู่แล้วเนอะ ... พารากอนซีนีเพล็กซ์ , เอสพลานาด ... ล้วนเป็นการขยายอาณาจักรของ Major Cineplex อย่างแท้จริง

อ่อ ... ที่ผมสงสัยอย่างนึงคือ ทำไมต้องซื้อนนทนันท์ ... ผมสังเกตเล่นๆ นะครับว่า เมื่อก่อน โกบราเดอร์ส กับ นนทนันท์ (กรุงเกษมฯ) ถือว่าเป็นคู่แข่งคนสำคัญกันเลย ทั้งเรื่องโรงหนังและเรื่องตัวหนัง ... แต่ตอนนี้ เหมือนจะให้รู้ว่า และแล้ว โกบราเดอร์สก็เอาชนะกรุงเกษมได้ 555


+
+
+


พิเศษแถมท้าย ตอนที่ 3

เกษม พูลวรลักษณ์ น้องชายอีกคนของเจริญ ... หลังจากที่แยกตัวออกไปแล้ว ก็ไปทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ทั้งโครงการการ์เดนวิลเลจที่สุขุมวิท , สนามกอล์ฟเอกสปอร์ตเซ็นเตอร์ และธุรกิจอพาร์ตเมนท์อีกหลายที่ ... ปัจจุบันก็ได้กลับคืนวงการธุรกิจโรงหนังอีกครั้ง โดยให้ลูกชายของเค้า กำพล พูลวรลักษณ์ สร้างโรงหนังในลักษณะเดียวกับทั้ง EGV และ Major Cineplex ที่บริเวณเดิมของโรงหนังเซ็นจูรี่ อนุสาวรีย์ชัยฯ ในนาม Century The Movie Plaza นั่นเอง

จรัล พูลวรลักษณ์ น้องชายอีกคนของเจริญ ที่เคยลุยถึงไหนถึงกันมาแล้วเมื่อสมัยเป็นโกบราเดอร์ส ปัจจุบันทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจสนามกอล์ฟหลายที่

แน่นอนว่า ธุรกิจที่แต่ละครอบครัวทำอยู่นั้น สามารถทำรายได้ในระดับ พันล้าน หมื่นล้าน ... เรียกว่าตอนนี้ ชีวิตของนายเป็งเพียว สบายซะจนไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอะไรอีกต่อไปแล้ว

ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 87 ปี เป็งเพียวในวันนี้ เค้า ... ไม่สิ ต้องเรียกว่าท่าน ... ท่านเจริญ ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เป็น ดร.เจริญ พูลวรลักษณ์ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเรียนหนังสือเลย และท่านก็มีความสุขอยู่กับการทำบุญมากมาย ทั้งที่ประเทศไทยและที่บ้านเกิดของพ่อแม่ที่ประเทศจีน

และนั่นคือเรื่องราวของ นายเป็งเพียว แซ่โกว หรือ ดร.เจริญ พูลวรลักษณ์ ... ผู้นี้ นี่เองงงงงงงงงงงง

*** ขอขอบคุณ หนังสืออัตชีวประวัติของ ดร.เจริญ พูลวรลักษณ์ ที่เขียนโดย คุณถนอมศักดิ์ จิรายุสวัสดิ์ อย่างสูงครับ ... เรื่องราวโดยละเอียดจากหนังสือ ได้ถูกกระผมทำการย่อย และเรียบเรียงขึ้นใหม่ ให้เหลือเพียงเท่านี้ ... ผิดถูกอย่างไร ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ครับผม ***




เลือกหน้า [1] [2] [3] [4]
[5] [6] [7] [8] [9] [10]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 170

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 113104461 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Davidhkc , Davidsjc , Glenntiktub , Ambroseatut , MichaelaWah , Vikinax , Vilianavft , Pedronet , Vikitxm , 42ot ,