Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ร่วมทดสอบ Peoplecine mobile Beta0.1


รูป
หนังจีนในอดีต ทุกยุค ทุกสมัยเจ้าของ ผู้ตอบหลังสุด
- Fly Me To Polaris ขอเพียง 5 วัน ให้ฉันรู้หัวใจเธอ.. 29/4/2552 11:09
-หนังใหม่ของเฉินหลง ใหญ่แค้นเดือด.. 24/4/2552 23:42
-Rumble in the Bronx ใหญ่ฟัดโลก 1(เฉินหลง).. 10/4/2552 18:50
-กอดคอกันไว้ อย่าให้ใครเจาะกะโหลก.. 8/4/2552 21:48
-เพื่อเพื่อน เพื่อฝัน เพื่อวันเกียรติยศ.. 1/4/2552 14:41
-ไทยซีนซีนีม่า ภูมิใจเสนอ ภาพยนตร์กลางแปลง ปึงซีเง็กเผาเล่งเน่ยยี่ ให้เสียงภาษาไทย โดยพันธมิตร .. 30/3/2552 13:52
-อยากรู้น่ะครับ.. 30/3/2552 8:40
-Dragon in Jail - จำไว้ เมียข้าเจ็บไม่ได้ (1990, Kent Cheung) อีกหนิ่งหนังคุณภาพของหลิ๋วเต๋อหัว.. 27/3/2552 14:17
-ยังไม่ได้ตั้งชื่อ.. 27/3/2552 14:08
-ยังจำเธอและเขาเหล่านี้ได้หรือไม่ .. 23/3/2552 17:55
-รายชื่อหนังที่จะเข้าฉายปี 2552.. 16/3/2552 23:07
-ไม่ได้ฮาอย่างนี้มานานแล้ว.......โหดหน้าเหี่ยว.. 20/2/2552 20:45
-ดาวร้าย หนังฮ่องกง "หลงฟง" เสียชีวิต .. 29/1/2552 15:39
-ราชาหนังกังฟู.. 7/1/2552 18:29
-แอร์เวียตนาม นรกขุมสุดท้าย.. 7/1/2552 18:06
-ภาพยนตร์ในดวงใจ.. 7/1/2552 18:04
เลือกหน้า [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24] [25] [26] [27] [28] [29] [30] [31] [32] [33] [34] [35] [36] [37] [38] [39] [40] [41] [42] [43] [44] [45] [46] [47] [48] [49] [50] [51] [52] [53] [54] [55] [56] [57] [58] [59] [60] [61] [62] [63] [64] [65] [66] [67] [68] [69] [70]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 1118

ภาพยนตร์ในดวงใจ


คาวบอยที่ไม่สามารถลบไปจากดวงใจได้



ความเห็น

[1]



1 Shane 1953

Shane เป็นหนังเคาบอยโรแมนติกชั้นยอด ชื่อเรื่องเป็นชื่อเดียวกับพระเอก มือปืนสวมเสื้อหนังกวาง เดินทางร่อนเร่มายังหุบเขาแถบ Wyoming พลัดหลงเข้ามาอยู่กลางความขัดแย้งระหว่างชาวไร่ชาวนากับพวกปศุสัตว์ แม้ปืนของเขาจะสามารถแก้ปัญหาและขับไล่ความเลวร้ายออกจากหุบเขาแห่งนี้ได้ แต่ความรุนแรงที่ฝังอยู่ในสัญชาตญาณของเขา กลับหาที่ว่างในชุมชนที่เขาเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือไม่ได้

สุดท้าย Shane ก็จากเมืองนี้ไปอย่างบุรุษนิรนาม ไม่มีใครรู้จัก เหมือนกับตอนที่เขามา

Shane สร้างจากนิยายชื่อเดียวกันกับ Jack Schaefer เมื่อเจ้าของปศุสัตว์แบบเปิด Rufus Ryker ไม่พอใจที่ชาวไร่เข้ามาจับจองที่ดิน ทำให้พี้นที่เลี้ยงวัวลดน้อยลง Ryker ใช้ทุกวิถีทางขับไล่ชาวไร่ รวมถึงจ้างมือปืนเลือดเย็น Jack Wilson เพื่อจัดการขั้นเด็ดขาด สุดท้าย Shane ที่ต้องต่อสู้กับความขัดแย้งด้านจิตใจและศีลธรรมของตัวเอง ตัดสินใจออกไปแก้ปัญหาตามวิธีถนัด...

แม้จัดการกับ Wilson และ Ryker ได้แต่ Shane บาดเจ็บจากคมกระสุน ก่อนลาจากเมือง เขาสั่งเด็กน้อย Joey ที่คลั่งไคล้เขาดั่งวีรบุรุษให้หนีห่างปืนและความรุนแรง

หนังทิ้งปริศนาให้คนดูสงสัยใคร่รู้ Shane จะอยู่รอดปลอดภัยหรือไม่จากบาดแผลที่เขาได้รับ!?

เรื่องราวส่วนใหญ่ของหนังเล่าผ่านมุมมองของเด็กน้อย Joey หนังจึงดูสดใสคล้ายความฝัน ตัวละครเหนือจริงในทุกด้าน บวกกับดนตรีประกอบผลงานของ Victor Young ที่เรียงร้อยท่วงทำนองได้อย่างงดงาม ยิ่งทำให้มือปืนที่ชื่อ Shane กลายเป็นตัวแทนความดีงามถูกต้อง ดั่งวีรบุรุษที่ก้าวออกมาจากอุดมคติอันสูงส่ง ยิ่งได้พระเอกมาดสุขุมนุ่มลึก หนักแน่น สง่างามของ Alan Ladd มารับบท ก็ยิ่งทำให้ Shane กลายเป็นพระเอกอมตะในดวงใจของใครต่อใครจวบจนทุกวันนี้

เช่นเดียวกับตัวร้าย Jack Palance ที่มารับบทมือปืนรับจ้างใจโหด Jack Wilson ที่กลายเป็นตัวแทนของความเลวร้าย เป็นซาตานในชุดดำที่คอยหยิบยื่นความตายให้คนที่ขวางหน้า

ภายใต้พล็อตเรื่องที่ดูเรียบง่าย การต่อสู้ระหว่างความดีกับความเลว หนังยังแฝงความสลับซับซ้อน ชีวิตของมือปืนที่ตลอดชีวิตแปดเปื้อนด้วยความรุนแรง มือปืนอย่าง Shane ที่ชีวิตคลุกคลีกับกลิ่นเลือดและควันปืน ไม่อาจมีชีวิตสงบสุขเหมือนคนธรรมดาทั่วไป เนื่องจากไม่อาจลืมเรื่องราวในอดีตของชีวิต

ไม่เพียงเท่านั้น หนังยังแสดงถึงอารมณ์ความรักที่ถูกกดให้คุกรุ่นอยู่แต่ในหัวใจ ไม่มีทางได้รับการตอบสนอง สาเหตุหนึ่งที่ Shane อุทิศชีวิตให้ครอบครัวชาวไร่ Starrett เขาแอบรัก Marian ภรรยาของ Joe หัวหน้าครอบครัว Starlett มือปืนอย่าง Shane ตระหนักดีว่า นั่นเป็นแค่ความฝันที่ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะคนอย่างเขาเกิดมาเพื่อฆ่า เป็นแม่เหล็กดึงดูดความเดือดร้อนให้คนรอบข้าง

ฉากที่ Shane บอกลา Marian ฉากที่ทั้งคู่ก้าวเท้าถอยห่างจากกัน เพื่อกลับไปใช้ชีวิตตามแบบของตัวเอง กลายเป็นฉากแคลสสิกโรแมนติก เพราะนั่นคือความรักที่ไม่มีทางข้ามกำแพงที่ขวางหน้า สัมผัสมือครั้งสุดท้ายระหว่างเขากับเธอ คือการสัมผัสที่สร้างความสะเทือนใจอย่างมากของหนัง

Van Heflin และ Jean Arthur แสดงเป็นสามีภรรยาชาวไร่ตระกูล Starlett ได้อย่างหมดจดงดงาม ชีวิตแบบชาวบ้านของทั้งคู่ดูเรียบง่าย เป็นธรรมชาติ ฉากบ้านไร่ดูน่าตื่นตา ฉากแอ็กชั่นในร้านเหล้ารุนแรงแบบไม่ต้องเห็นเลือดหรือภาพสยอง

สัญลักษณ์ถูกนำมาใช้เพิ่มอารมณ์ให้กับหนัง ฟ้าแลบฟ้าร้องและเงามืดแทนลางร้ายทำนายเคราะห์กรรมของของชาวบ้านธรรมดาที่หาญสู้นักฆ่าอาชีพ ถูกนำมาใช้ในฉากดวลปืน

ฉากชกต่อยระหว่าง  Shane กับ Joe Starlett ถูกเพิ่มความรุนแรงด้วยภาพกรีดร้องตกใจของ Marian กับภาพม้าที่ตื่นตระหนกไม่อยู่นิ่ง ระหว่างการต่อสู้ ทั้งคู่ที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงอุตลุดกลิ้งตกหลุมที่ทั้งคู่เคยช่วยกันถอนรากถอนโคนตอไม้ใหญ่ช่วงต้นเรื่อง ที่นั่นเองที่ทำให้ Shane ฉุกคิด เขาควรจะช่วยให้ความฝันของครอบครัว Starlett กลายเป็นความจริง

ฉากดวลปืนระหว่าง Shane กับ Wilson ทำออกมาอย่างยิ่งใหญ่ตามแบบฉบับของหนังเคาบอย ฉากสั่งลาระหว่าง Shane กับหนูน้อย Joey ที่แสดงโดย Brandon De Wilde ดึงทุกอย่างของหนังมารวมกันได้อย่างลงตัว...

"กลับไปบอกแม่ว่า หุบเขาแห่งนี้ไม่ต้องการปืนอีกต่อไป" Shane พูดก่อนลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู

Shane ขี่ม้าออกจากเมือง โดยมีเสียงหนูน้อย Joey ตะโกนดังก้องหุบเขาตามหลัง "Shane! Come back!" ที่พรรณาความเจ็บปวดสงสัยในหัวใจของเด็กน้อย

เบื้องหลังความสำเร็จของหนัง มีเรื่องมากมายน่าสนใจ นักเขียนชื่อ A.B. Guthrie Jr. อาจหาญรับหน้าที่เขียนบทโดยไม่รู้ว่าบทหนังหน้าตาเป็นอย่างไร ผู้กำกับ George Stevens อยากได้ Montgomery Clift มาเล่นเป็น Shane, William Holden มารับบท Joe Starrett และ Katharine Hepburn แสดงเป็น Marian

แต่เมื่อดาราใหญ่ทั้งสามบอกปัด โปรเจ็กต์หนัง Shane ออกอาการขาขวิด ดีที่ผู้กำกับ Stevens ตบเท้าไปพบ Y. Frank Freeman หัวเรือใหญ่ของ Paramount นายทุน เพื่อถามว่าดาราในสังกัดคนไหนคิวว่างบ้าง หลังดูรายชื่อแค่ 3 นาที Stevens ก็ตัดสินใจเลือก Alan Ladd, Van Heflin และ Jean Arthur

นางเอก Jean Arthur ตอนรับเล่นก็อายุกว่า 50 ปีแล้ว สถานภาพของเธอนั้นก็เรียกกว่ากึ่งเกษียณจากวงการ แต่เพราะเห็นแก่ผู้กำกับ Stevens ซึ่งเป็นเพื่อนรัก ทำให้เธอรับเล่น และหลังจาก Shane นางเอก Arthre ก็เกษียณตัวเองจากวงการอย่างสง่างาม

ระหว่างการถ่ายทำก็เต็มไปด้วยปัญหา ตัว Jack Palance ไม่ชอบม้า กว่าจะถ่ายฉากขึ้นม้าได้ต้องถ่ายซ้ำไม่รู้กี่เทค แทนที่จะเปิดตัวมือปืน Wilson ขี่ม้าองอาจเข้าเมือง ผู้กำกับ Stevens ก็แก้ปัญหาด้วยการให้ Jack Palance เดินจูงม้าแทน

ฉากที่เห็น Shane ควงปืนคล่องแคล่ว แท้ที่จริงเป็นฝีมือของตัวแสดงแทน Rodd Redwing แต่หากฉากไหนต้องเห็นหน้า Alan Ladd จะใช้ปืนพิเศษที่ควงง่ายกว่าปืนปกติ หรือฉากที่ Ladd ซ้อมยิงปืนโชว์ให้เด็กน้อย Brandon de Wilde ดู กว่าผู้กำกับ Stevens จะพอใจก็ต้องถ่ายถึง 119 เทค

เพื่อความสมจริง ทุกอย่างที่อยู่ในฉากหนังต้องตรงตามยุคสมัย ตึกรามบ้านช่องต้องสร้างตามวิธีของคนสมัยนั้น เสื้อผ้าก็ต้องถูกต้องตามความเป็นจริง แม้แต่ฝูงวัวที่เข้าฉาก ผู้กำกับ Stevens ก็สั่งมาจากที่อื่น เพราะวัวในแถบที่ใช้เป็นโลเคชั่นดูสมบูรณ์อ้วนท้วนเกินเหตุ

ธรรมชาติยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการถ่ายทำ ในหนังอาจเห็นท้องฟ้าใสกระจ่าง แต่ในตอนถ่ายทำจริง ฝนตกฟ้ามืดเกือบตลอดเวลา และนี่คือคำอธิบายว่าทำไมถนนในเมืองจึงมีแต่โคลนตม

ความละเอียดพิถีพิถันแทบทุกเม็ดนี่เองที่ทำให้งบสร้างหนัง Shane บานปลาย จน Paramount ที่ตอนนั้นมองไม่เห็นทางคุ้มทุนคิดจะขายหนังให้สตูดิโออื่นไปจัดจำหน่าย แต่แล้วก็มีเหตุให้เปลี่ยนใจ เมื่อเห็นหนังเคาบอย High Noon ที่สร้างทีหลังแต่ออกฉายก่อนในปี 1952 ประสบความสำเร็จ หนัง Shane ที่เริ่มเปิดกล้องถ่ายทำตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนเดือนกรกฎาคม 1951 และถูกดองมาตลอดหลังปิดกล้องวันที่ 16 ตุลาคมปีเดียวกันเพราะ Paramount ไม่อยากลงทุนต่อ กลับได้ไฟเขียวทันใด ผู้กำกับ Stevens ต้องกลับมาตัดต่อหนังจนเสร็จสมบูรณ์พร้อมฉายในปี 1953

แต่ก็ใช่จะหมดเรื่องปวดหัว เพราะหนังจอกว้างระบบใหม่ CinemaScope กำลังสร้างความฮือฮาในขณะนั้น ทาง Paramount กลัวคนดูจะหาว่า Shane เป็นหนังเล็ก เพราะถ่ายทำด้วยระบบความกว้างจอมาตรฐานเดิม 1.37:1 Academy จึงออกคำสั่งให้โรงหนังจัดการ crop เครื่องฉาย เพื่อให้ภาพในหนังที่ปรากฏบนจอได้สัดส่วนจอกว้าง 1.66:1
แถมยังเพิ่มอรรถรสให้กับการชมด้วยการบันทึกเสียงระบบ stereo แยกเสียงซ้าย-ขวาเสร็จสรรพ

แล้วก็ถือว่าเป็นโชคของ Paramount หนัง Shane ทำเงินเฉพาะในสหรัฐประมาณ $20 ล้าน หักลบกลบหนี้เรียบร้อย Paramount ได้เงินใส่กระเป๋าประมาณ $9 ล้าน

Shane ยังเป็นหนังฮอลลีวู้ดเรื่องแรกๆที่สร้างเสียงปืนแบบใหม่ไม่ซ้ำซากกับเสียงเดิม ดารา-ผู้กำกับ Warren Beatty ก็ยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจตรงนี้ตอนทำหนัง Bonnie and Clyde กับยังเป็นหนังเรื่องแรกๆที่ใช้ลวดดึงนักแสดงให้กระเด็นถอยหลังในฉากถูกยิง

หนังคว้ารางวัลตุ๊กตาทองถ่ายภาพ (สี) ยอดเยี่ยมโดย Loyal Griggs กับยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงอีกหลายรางวัล ทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และทั้ง Jack Palance และ Brandon De Wilde ได้เข้าชิงรางวัลดาราประกอบชายยอดเยี่ยม

ประโยค "Shane. Shane. Come back!" ได้รับเลือกจากสถาบัน American Film Institute ให้ติดอันดับ 47 จาก 100 ประโยคอมตะ

และในฐานะหนังที่สะท้อนวัฒนธรรมอเมริกันเด่นชัด ต้นฉบับหนัง Shane ได้รับเลือกให้เข้าไปเก็บรักษาไว้ที่ National Film Registry ในห้องสมุดรัฐสภา United States Library of Congress

ความโดดเด่นของ Shane ทำให้กลายเป็นแรงบันดาลใจของนักสร้างหนังรุ่นต่อมา Shane ถูกนำไปสร้างหนังโทรทัศน์ปี 1966  David Carradine แสดงเป็น Shane, ผู้กำกับ Clint Eastwood ใช้แรงบันดาลใจจาก Shane สร้างหนังเคาบอย Pale Rider และในหนังเคาบอยมะกะโรนี Once Upon a Time in the West ของผู้กำกับ Sergio Leone ก็มีฉากเด็กทำท่ายิงนกขณะล่าสัตว์กับพ่อ คล้ายฉากที่ Joey เล่นสนุกแถวบ้าน แสร้งทำเป็นยิงเป็ดป่าก่อนพบกับ Shane

 









เสียดายครับที่ไม่เคยดูมาก่อน อ่านดูแล้ว ต้องรีบไปหาหนังเรื่องนี้มาดูสักหน่อย




เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 3

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 117957055 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Jerekioxgew , พีเพิลนิวส์ , นุกูล , จาทีเอ , อั้น , เอก , นนท์ , แสบ chumphon , วัตร , เอ๋ ,