ร่วมทดสอบ Peoplecine mobile Beta0.1
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 940
ข้อมูลความรุ้...เจมส์ บูลโล แลนซิ่ง.ผู้ให้กำเนิดลำโพงชื่อดังคับโลกยี่ห้อ JBL |
ไปเจอข้อมูลบทความให้ความรู้เป็นอาหารสมองเป็นอย่างดีเยี่ยม..ของคุณโก๋ เมืองชล หรือคุณเบญจรงค์ แห่งเวบZidoบอร์ดอันโด่งดัง.ซึ่งท่านนี้ถือเป็นผู้ที่ให้ข้อมูลองค์ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับเครื่องเสียงและโฮมเธรยเตอร์ที่ดีมากที่สุดคนหนึ่งในโลกอินเตอร์เนต..โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับบทเพลงจากแผ่นเสียงและซีดีเพลงในระดับ Audio phile ของบรรดาเซียนเครื่องเสียงหูทองทั้งหลาย...บทความนี้กล่าวถึงชีวประวัติบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกคือ บูลโล แลนซิ่ง"ผู้ให้กำเนิดลำโพงชื่อดังคับโลก JBL ที่หลายๆคนน่าจะจดจำและรู้จักกันเป็นอย่างดี..ผมขออนุญาตนำบทความของคุณ เบญจรงค์ ถ่ายทอดมาให้เป็นข้อมูลองค์ความรู้แก่เพื่อนๆสมาชิกพีเพิลซีนแห่งนี้..และขอขอบคุณคุณ เบญจรงค์ เจ้าของบทความมา..ณ.ที่นี้ด้วยครับ...
***คนที่สนใจเรื่องของเครื่องเสียง ไม่ว่าจะเป็นนักเล่นหรือไม่ก็ตาม
น่าจะคุ้นตากับโลโก้ของลำโพงยี่ห้อนี้มาบ้าง ในบ้านเรา"เบ๊เต็กฮวด"
(อยู่แถวเวิ้งนครเกษม) เป็นเอเย่นต์เจ้าแรกที่นำเข้ามาขายคู่กับแอมป์
"แม็คอินทอช"ตั้งแต่สี่สิบปีที่แล้ว "เจบีแอล"เป็นลำโพงที่ให้เสียงถูกหู
คนไทยมากที่สุดยี่ห้อนึง ใครได้ฟังแล้วมักจะชอบ ในยุคแอนาล็อก...
เจบีแอลเป็นลำโพงตัวเลือกอันดับหนึ่งของนักเลงเครื่องเสียงในบ้านเรา
เลยทีเดียว แม้กระทั่งทุกวันนี้ ยังมีคนตามหาซื้อรุ่นเก่า ๆในราคาที่แพง
กว่าเดิมสองถึงสามเท่าตัว ในญี่ปุ่น...มีสำนักฟื้นฟู(ชุบชีวิต)ลำโพงยี่ห้อ
นี้โดยเฉพาะ(Kenrick Sound)..
น่าจะคุ้นตากับโลโก้ของลำโพงยี่ห้อนี้มาบ้าง ในบ้านเรา"เบ๊เต็กฮวด"
(อยู่แถวเวิ้งนครเกษม) เป็นเอเย่นต์เจ้าแรกที่นำเข้ามาขายคู่กับแอมป์
"แม็คอินทอช"ตั้งแต่สี่สิบปีที่แล้ว "เจบีแอล"เป็นลำโพงที่ให้เสียงถูกหู
คนไทยมากที่สุดยี่ห้อนึง ใครได้ฟังแล้วมักจะชอบ ในยุคแอนาล็อก...
เจบีแอลเป็นลำโพงตัวเลือกอันดับหนึ่งของนักเลงเครื่องเสียงในบ้านเรา
เลยทีเดียว แม้กระทั่งทุกวันนี้ ยังมีคนตามหาซื้อรุ่นเก่า ๆในราคาที่แพง
กว่าเดิมสองถึงสามเท่าตัว ในญี่ปุ่น...มีสำนักฟื้นฟู(ชุบชีวิต)ลำโพงยี่ห้อ
นี้โดยเฉพาะ(Kenrick Sound)..
ย้อนหลังกลับไปเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2445 ทารกน้อยนาม
"เจมส์ มาร์ตินี่"(James Martini) ลืมตาดูโลกในครอบครัวชาวเหมือง
ที่อิลลินอยส์(Illinois) เจมส์เป็นลูกคนที่เก้าในจำนวนทั้งหมดสิบสี่คน
เนื่องจากบิดาเป็นวิศวกรเหมืองแร่ ทำให้ต้องย้ายที่อยู่ไปทำงานตาม
เหมืองต่าง ๆอยู่บ่อย ๆ บางครั้งก็ไม่สามารถหอบลูกเต้าซึ่งมีจำนวนมาก
ไปด้วยได้ทั้งหมด ในวัยเด็ก...เจมส์ถูกฝากเลี้ยงอยู่กับครอบครัว"บูลโล"
(Bullough)อยู่ระยะนึง เค๊าได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี เจมส์มีความ
ประทับใจกับครอบครัวนี้มาก ต่อมาเมื่อเค๊าเปลี่ยนชื่อสกุลใหม่ ก็ได้นำ
มาเป็นชื่อกลางของตัวเองด้วย
เจมส์ฉายแววความเป็นนักประดิษฐ์ตั้งแต่ยังเด็ก ขณะยังเรียนอยู่
ชั้นมัธยม เค๊าสร้างเครื่องส่งวิทยุจากเศษอะไหล่เก่า ๆ และมันสามารถ
ส่งสัญญาณไปรบกวนคลื่นของสถานีวิทยุทหารเรือแห่งรัฐอิลลินอยส์
จนทางการต้องออกมาสั่งให้ไปรายงานตัว เอ๊ย!ให้รื้อเครื่องส่งนั้นซะ
"เจมส์ มาร์ตินี่"(James Martini) ลืมตาดูโลกในครอบครัวชาวเหมือง
ที่อิลลินอยส์(Illinois) เจมส์เป็นลูกคนที่เก้าในจำนวนทั้งหมดสิบสี่คน
เนื่องจากบิดาเป็นวิศวกรเหมืองแร่ ทำให้ต้องย้ายที่อยู่ไปทำงานตาม
เหมืองต่าง ๆอยู่บ่อย ๆ บางครั้งก็ไม่สามารถหอบลูกเต้าซึ่งมีจำนวนมาก
ไปด้วยได้ทั้งหมด ในวัยเด็ก...เจมส์ถูกฝากเลี้ยงอยู่กับครอบครัว"บูลโล"
(Bullough)อยู่ระยะนึง เค๊าได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี เจมส์มีความ
ประทับใจกับครอบครัวนี้มาก ต่อมาเมื่อเค๊าเปลี่ยนชื่อสกุลใหม่ ก็ได้นำ
มาเป็นชื่อกลางของตัวเองด้วย
เจมส์ฉายแววความเป็นนักประดิษฐ์ตั้งแต่ยังเด็ก ขณะยังเรียนอยู่
ชั้นมัธยม เค๊าสร้างเครื่องส่งวิทยุจากเศษอะไหล่เก่า ๆ และมันสามารถ
ส่งสัญญาณไปรบกวนคลื่นของสถานีวิทยุทหารเรือแห่งรัฐอิลลินอยส์
จนทางการต้องออกมาสั่งให้ไปรายงานตัว เอ๊ย!ให้รื้อเครื่องส่งนั้นซะ
เมื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว เจมส์ตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อสร้างอนาคต
ให้กับตัวเอง โดยทำงานเป็นคนดูแลเครื่องส่งที่สถานีวิทยุแห่งนึงที่เมือง
ซอลท์เลค ซิตี้(Salt Lake City) ออกเวรแล้วก็ไปเป็นลูกจ้างรายชั่วโมง
ที่โรงงานผลิตลำโพง"บอลด์วิน"(Baldwin) และที่นี่เค๊าได้พบกับหุ้นส่วน
ธุรกิจคนสำคัญในอนาคต"เคน เด็คเกอร์"(Ken Decker) รวมทั้งว่าที่
ภรรเมีย"เกล็นญ่า ปีเตอร์ซั่น"(Glenna Peterson)ด้วย
ความเห็น |
[1]
 |  |
เจมส์กับเคนปรึกษากันเรื่องทำธุรกิจของตัวเอง ในที่สุดทั้งสองคน
ตัดสินใจเปิดบริษัทที่เมืองลอส แอนเจลิส(Los Angeles) ผลิตขดลวด
และกรวยลำโพง สำหรับขายเป็นอะไหล่ให้กับสถานีวิทยุต่าง ๆ ทั้งสอง
ตั้งชื่อบริษัทว่า"Lansing Manufacturing Company" โดยเจมส์ไปแจ้ง
ขอเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น"แลนซิ่ง"(Lansing) และนำชื่อ"บูลโล"
(Bullough)มาเป็นชื่อกลาง เพื่อความภูมิใจในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัท และ
ได้ว่าจ้างให้พี่ ๆน้อง ๆของตัวเองมาร่วมทำงานด้วย..
ในยุคนั้น ยังไม่มีระบบเสียงไฮ-ไฟสำหรับฟังในบ้าน กิจการที่ต้องใช้
เครื่องขยายเสียงและลำโพงนอกจากสถานีวิทยุแล้ว ก็คือโรงมหรสพ
ลำโพงในสมัยนั้นมักทำเป็นรูปปากแตร(Horn)ขนาดใหญ่ เพื่อให้ได้เสียง
ดังคลอบคลุมพื้นที่ แต่ก็ยังมีขีดจำกัดด้านการกระจายเสียงความถี่ด่ำกว่า
100 เฮิทซ์ลงมา, และสูงกว่า 5000 เฮิทซ์ขึ้นไป..
ในปีพ.ศ. 2480 "Lansing Manufacturing Company"สามารถพัฒนา
ลำโพงให้ตอบสนองความถี่ต่ำและสูงได้ดีขึ้น พร้อมทั้งลดขนาดที่ใหญ่โต
เทอะทะลงมาได้เป็นผลสำเร็จ เจมส์ตั้งชื่อมันว่า"ไอคอนนิค"(Iconic) ซึ่ง
เป็นนวัตกรรมต้นแบบของตู้ลำโพง 2 ทางที่เห็นกันทุกวันนี้..
ในช่วงเวลานั้น คู่แข่งที่ประกอบกิจการคล้าย ๆกันก็มีเพียง"เวสเทิร์น
อีเลคทริค"(Western Electric) ซึ่งแทบจะผูกขาดการติดตั้งระบบเสียงทั่ว
สหรัฐฯเลยทีเดียว กับ"แอลเทค เซอร์วิส คอร์ปฯ"(Altec Service Corp.)
ซึ่งเป็นกลุ่มลูกจ้างเก่าที่แยกตัวออกมาจากเวสเทิร์นฯ อาศัยที่คลุกคลีอยู่
ในธุรกิจนี้มานาน กลุ่มแอลเทคจึงรู้จักกับบุคคลระดับผู้บริหารในแวดวง
บันเทิงมาก ไม่นานก็ได้เซ็นสัญญาติดตั้งระบบเสียงให้กับโรงหนังในเครือ
"Motion Picture"ทั่วประเทศ
จุดหักเหครั้งสำคัญมาถึงในปีพ.ศ. 2482 เมื่อ"เคน เด็คเกอร์" หุ้นส่วน
คนสำคัญซึ่งดูแลด้านการบริหารและการเงินให้กับเจมส์ ประสบอุบัติเหตุ
เครื่องบินตกเสียชีวิต บริษัทฯเริ่มประสบปัญหาและขาดสภาพคล่อง อีก
เพียงสองปีต่อมา เจมส์ตัดสินใจประกาศขายบริษัทฯดีกว่าปล่อยให้มันเจ๊ง
กลุ่มแอลเทคซึ่งเคยด้อม ๆมอง ๆอยากควบรวมกิจการกับแลนซิ่ง ซึ่งมี
เทคโนโลยี่ที่ล้ำหน้ากว่ามานานแล้ว ก็ได้โอกาสตะครุบมาทันทีในราคา
ห้าหมื่นดอลล่าร์ พร้อมเซ็นต์สัญญาจ้างเจมส์ให้ทำงานด้วยอีกห้าปี และ
ขึ้นป้ายบริษัทใหม่เป็น"Altec Lansing Corporation"..(หมายเหตเสริมจาก..JTR.. บริษัท อัลเทค เลนซิ่ง.เป็นบริษัทอเมริกันเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงเชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบเสียงในโรงภาพยนตร์ของอเมริกาในยุคนั้นๆมีผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องเสียงพวกแอมป์ขยายเสียงและลำโพงสำหรับฟังในบ้านและงานอาชีพเป็นสินค้าทำชื่อให้บริษัทครับ.)...
เมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดลง เจมส์ก็วางแผนสร้างธุรกิจใหม่อีกครั้ง หลังจาก
หานายทุนได้แล้ว ก็ตั้งบริษัท"Lansing Sound Incorporated" ซึ่งต่อมา
ภายหลังทางแอลเทคได้ท้วงติงเรื่องการใช้ชื่อ"Lansing"ว่าซ้ำกัน อาจทำ
ให้ลูกค้าเข้าใจผิดได้ แรก ๆเจมส์ทำท่าจะไม่ยอมเพราะคิดว่า"Lansing"
เป็นนามสกุลของตัวเอง ทางแอลเทคเลยขู่จะฟ้อง สุดท้ายเจมส์ก็ยอม
เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น"James B. Lansing Sound" โดยใช้ออฟฟิศ
เดียวกันกับของนายทุนทำเป็นสำนักงานซะเลยเพื่อเซฟค่าใช้จ่าย....
หลังจากได้บริษัทใหม่แล้ว เจมส์ก็เดินหน้าผลิตลำโพงตามแนวทาง
ที่เค๊าเคยวาดฝันไว้ตั้งแต่ช่วงที่ทำงานอยู่กับแอลเทค วัสดุใหม่ ๆถูกนำมา
สู่ไลน์การผลิต บางอย่างก็มีต้นทุนสูง ถึงแม้จะได้ผลิตภัณฑ์ที่สเปคดีเยี่ยม
แต่ราคาก็สูงจนขายลำบาก ประกอบกับประเทศอยู่ในช่วงสงครามโลก
ครั้งที่สอง กำลังซื้อของประชาชนมีน้อย เจมส์เองก็ไม่ค่อยตระหนักกับ
ปัญหาเหล่านี้มากนัก อีกทั้งไม่สนใจที่จะนำผลิตภัณฑ์ออกแสดงตาม
เอ็กซิบิชั่นต่าง ๆด้วย เค๊าคิดอยู่อย่างเดียวว่าถ้าสินค้าคุณภาพดีจริง ๆ
มันจะขายได้ด้วยตัวของมันเอง เพียงสิ้นปีแรกของบริษัทใหม่ เจมส์มีหนี้
ค้างชำระนายทุนเกือบหนึ่งหมื่นดอลล่าร์ อาศัยชื่อเสียงที่เคยมีมาก่อน
เจมส์ต้องหานายทุนใหม่เพื่อมาซื้อหนี้เก่าหลายรอบ จนกระทั่งใกล้ถึง
สิ้นปีที่สาม เจมส์มียอดหนี้รวมกว่าสองหมื่นดอลล่าร์ อีกทั้งเจ้าหนี้ราย
ล่าสุดก็ไม่สนใจกิจการโรงงานผลิตลำโพงอีกแล้ว ต้องการให้เจมส์ชำระ
หนี้เพียงประการเดียว เจมส์เครียดมาก เค๊าไม่สามารถหานายทุนใหม่ได้
อีกภายในระยะเวลากระชั้นชิดขนาดนี้
วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2492 ขณะที่เจมส์กำลังขับรถกลับบ้าน เค๊าครุ่น
คิดเรื่องการขายบริษัทอีกครั้ง แต่เนื่องจาก"James B. Lansing Sound"
ประสบกับภาวะขาดทุนมาตลอดตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง คงหาคนมาซื้อไม่ได้ เจมส์
รู้สึกหมดหวังในชีวิต ภาพของความล้มเหลวในอดีตนับแต่"เคน เด็คเกอร์"
หุ้นส่วนคนสำคัญตายจากไป ตามมาหลอกหลอนจนไม่สามารถหาทางออก
ให้กับตัวเองได้ เมื่อกลับถึงบ้าน เค๊าขังตัวเองอยู่ในห้องนอน และตัดสินใจ
ฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ...ในขณะที่มีอายุเพียง 47 ปี
ภายหลังการเสียชีวิตของเจมส์ บริษัท"James B. Lansing Sound"ก็ตก
ไปอยู่ในมือของนายทุน(Bill Thomas) ซึ่งบริหารไปแบบเงียบ ๆ(ห้ามคุยกัน)
ในช่วงนี้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นของสะสมและมีราคาสูงคือ
ลำโพงรุ่น"Hartsfield"และ"Paragon" อีกหกปีต่อมาทางผู้บริหารของบริษัท
ได้เปลี่ยนโลโก้ของสินค้าใหม่เป็น"JBL" และใช้มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้เพื่อ
หลีกเลี่ยงปัญหาจากการใช้ชื่อ"Lansing"ซ้ำกับแอลเทค รวมทั้งเพิ่มไลน์ผลิต
ลำโพงระดับมืออาชีพ(Studio Monitor) โดยมีรุ่น 4320 เป็นหัวหอก....ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา..จนมีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลกจนถึงปัจจุบัน...
ต่อมาในปีพ.ศ. 2512 "บิล โธมัส"ได้ขายกิจการต่อให้กับ"Jervis Corp."
ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น"Harman International"ตามนามสกุลของผู้ก่อตั้ง
คือ"Dr.Sidney Harman" และบริหารต่อมาจนถึงทุกวันนี้..ซึ่งผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีชื่อที่เราต่างจะรู้จักกันเป็นอย่างดี.อาทิ แอมป์รีซีพเวอร์เซอร์ราวด์ยี่ห้อ ฮาร์แมนกอร์ดอน. Poewer AMPLIFIER ยี่ห้อ Crown ,ลำโพง AR , ผลิตภัณฑ์สินค้าเครื่องฉายภาพยนตร์สำหรับโรงภาพยนตร์ทั้งอนาลอคแ.ละดิจิตอลยี่ห้อ คริสตี้..เป็นต้น.ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์สินค้าในเครือบริษัทฮาร์แมนทั้งหมดจะนำเข้าจัดหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย.คือ บริษัท มหาจักรดีวิลอปเมนต์ครับ...
ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น"Harman International"ตามนามสกุลของผู้ก่อตั้ง
คือ"Dr.Sidney Harman" และบริหารต่อมาจนถึงทุกวันนี้..ซึ่งผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีชื่อที่เราต่างจะรู้จักกันเป็นอย่างดี.อาทิ แอมป์รีซีพเวอร์เซอร์ราวด์ยี่ห้อ ฮาร์แมนกอร์ดอน. Poewer AMPLIFIER ยี่ห้อ Crown ,ลำโพง AR , ผลิตภัณฑ์สินค้าเครื่องฉายภาพยนตร์สำหรับโรงภาพยนตร์ทั้งอนาลอคแ.ละดิจิตอลยี่ห้อ คริสตี้..เป็นต้น.ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์สินค้าในเครือบริษัทฮาร์แมนทั้งหมดจะนำเข้าจัดหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย.คือ บริษัท มหาจักรดีวิลอปเมนต์ครับ...
แอมป์รีซีพเวอร์เซอร์ราวด์ยี่ห้อ ฮาร์แมนกอร์ดอน. และลำโพง JBL ทุกวันนี้ผมยังใช้ 2 ยี่ห้อนี้ครับ
เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 3
ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 117961297 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Jerekioxgew , พีเพิลนิวส์ , นุกูล , จาทีเอ , อั้น , เอก , นนท์ , แสบ chumphon , วัตร , เอ๋ ,
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 3
กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก
ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 117961297 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Jerekioxgew , พีเพิลนิวส์ , นุกูล , จาทีเอ , อั้น , เอก , นนท์ , แสบ chumphon , วัตร , เอ๋ ,