Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ร่วมทดสอบ Peoplecine mobile Beta0.1


รูป
แหล่งความรู้ โฮมเธียเตอร์ โปรเจคเตอร์ และเครื่องฉายดิจิทัลในบ้านเจ้าของ ผู้ตอบหลังสุด
-benq ms517 กับจอ6เมตร จะไหวไหมครับ มือใหม่อยากลองครับ.. 25/10/2557 18:00
-ขอวิธีการปรับสึและภาพdell1610hdอย่างเข้าใจง่ายครับ.. 9/10/2557 15:09
-แผ่นรวมแสง หาซื้อได้ที่ไหนครับ.. 29/9/2557 2:09
-"แม็คอินทอช" ตำนานเกริกไกรแห่งวงการเครื่องเสียง.. 26/9/2557 6:47
-ONKYO TX-NR3030 และ TX-NR1030 รีซีฟเวอร์เซอร์ราวด์แอมป์ตัวล่าสุดที่มีตัวถอดรหัส Dolby Atmos!.. 22/9/2557 15:21
-DEll 4320 ในที่สุดความฝันก็เป็นจริง เด๊วของมา จะนำมาให้ชมครับ กว่าจะขอแม่บ้านได้แทบตายครับ ... ดีนะเธอรู้ว่าคนมันรักมันชอบ.. 22/9/2557 11:18
-ข้อมูลความรู้เรื่องตู้ลำโพงนั้นสำคัญไฉน.?ยังไม่มีคนตอบ
-ข้อมูลความรู้.ความเป็นมาและเป็นไปของเทปคาสเซท.. 18/9/2557 15:55
-น่าใช้รึเปล่าครับ BEN Q MW721.. 16/9/2557 13:16
-A-1 เครื่องเล่น Media Player รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Egreat ที่เตรียมจะออกมาเขย่าวงการในเร็วๆนี้... 15/9/2557 21:40
-อยากให้มีการพูดถึงการใช้โนตบุคในการฉายมั่งครับ.. 6/9/2557 12:17
-ข้อมูลความรุ้...เจมส์ บูลโล แลนซิ่ง.ผู้ให้กำเนิดลำโพงชื่อดังคับโลกยี่ห้อ JBL.. 6/9/2557 0:07
-มือใหม่ครับ ขอสอบถามหน่อย.. 28/8/2557 20:53
-ช่วยพิจารณาด้วยครับ .. 12/8/2557 16:19
-BenQ TW523P รุ่นนี้เป็นไงครับ.. 6/8/2557 20:41
-จอแบบจนๆๆแต่เจ๋ง.. 3/8/2557 17:06
เลือกหน้า [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24] [25] [26] [27] [28] [29] [30] [31] [32] [33] [34] [35] [36] [37] [38] [39] [40] [41] [42] [43] [44] [45] [46] [47] [48] [49] [50] [51] [52] [53] [54] [55] [56] [57] [58] [59]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 940

ข้อมูลความรู้.ความเป็นมาและเป็นไปของเทปคาสเซท


   เห็นว่าเฮียแอ๊ดแกยังละเมอเพ้อพกอยู่กับอดีตและยังรักและอาวรณ์พวกเครื่องเล่นอนาลอคยุคเก่าๆอย่างเครื่องเล่นแผ่นเสียงและเทปรีลอยู่เสมอๆ..จนวันนี้ไปพบข้อมูลความรู้จากสหายเก่าคุณเบญจรงค์ที่ผมไปพบแกครั้งแรกที่เวบกาโม่แมนและตามไปเจอแกอีกที่เวบซิโด้บอร์ด..ซึ่งถือว่าเฮียแกเป็นกูรูเกี่ยวกับเพลงจากแผ่นเสียงและแผ่นซีดีรวมทั้งระบบเสียงและโฮมเธียเตอร์ที่ให้ทั้งความรู้เป็นวิทยาทานแก่ทุกคนที่เข้ามาอ่านข้อเขียนจากบทความของคุณเบญจรงค์ ที่ว่างๆและผมเองว่าจะหาโอกาสเหมาะๆจะขอเชิญแกเข้ามาเป็นกูรูในเวบพีเพิลซีนนี้อีกสักท่านนึง....ไม่ฝอยมากละครับ..ขอเชิญเข้าไปอ่านบทความพร้อมภาพประกอบที่ได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินกับสำนวนการพิมพ์บทความจากคุณเบญจรงค์ที่น่าจะมีสาระดีๆให้แก่เพื่อนๆสมาชิกเวบพีเพิลซีนแห่งนี้...ผมเองในฐานะผู้ดูแลห้องโฮมเธียเตอร์ของเวบนี้ต้องขอขอบคุณคุณเบญจรงค์ผู้เขียนบทความดีๆและแน่นอนว่าหากมีสาระดีๆที่เป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆสมาชิกเวบพีเพิลซีนแห่งนี้..ผมจะเพียรเสาะหามาเป็นสาระความรู้เรื่อยๆครับ...(หมายเหตสำหรับข้อเขียนและสาระองค์ความรู้ต่างๆของ JTR เพื่อนๆที่ตามอ่านงานของผม..สามารถตามอ่านได้จากเวบพีเพิลซีนแห่งนี้ที่เดียวเท่านั้น.จะไม่มีการไปให้ข้อมูลในเฟสบุ๊คหรือที่เวบอื่นๆครับ)..






***แทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักเทปคาสเส็ท สื่อบันทึกเสียงที่ได้รับความ
นิยมมากที่สุดในโลก ก่อนจะถูกเบียดให้ตกเวทีไป ด้วยนวัตกรรม
ดิจิตอลมีเดียอย่างคอมแพ็คดิสค์(CD)ในปัจจุบัน
     ย้อนหลังกลับไปราวปีพ.ศ.2471 เส้นเทปบันทึกเสียงถูกคิดค้น
ขึ้นโดยวิศวกรชาวเยอรมัน"ฟริทซ์ ฟลายมาร์"(Fritz Pfleumer)
โดยเคลือบสารแม่เหล็กลงบนแถบฟิล์มพลาสติคบาง ๆ มีคุณสมบัติ
เก็บข้อมูลที่เป็นสัญญาณของความถี่ไฟฟ้าได้ อีกแปดปีต่อมา บริษัท
"AEG" ยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมไฟฟ้าของเยอรมัน ได้ผลิต
เครื่องบันทึกเสียงลงบนเทปออกจำหน่ายเป็นครั้งแรก เรียกว่า

"แม็กเนโตโฟน"(Magnetophon) ซึ่งเป็นต้นแบบของเครื่องเล่นเทป
แบบโอเพ่นรีล(Reel-To-Reel Tape Recorder)ในเวลาต่อมา




 จนถึงปีพ.ศ.2501 บริษัท RCA Victor ได้แนะนำเทปรุ่นใหม่ที่มี
ตลับปิดเส้นเทปแบบเดียวกับเทปคาสเส็ท แต่มีขนาดใหญ่พอ ๆกับ
หนังสือ เนื่องจากใช้เทปหน้ากว้างถึง 1/4 นิ้ว บันทึกเสียงสำเร็จรูป
มาจากโรงงาน เป็นระบบสเตอริโอซะด้วย เล่นได้นานหน้าละครึ่งชม.
ถัดมาอีกสี่ปี บริษัทฟิลิปส์(Philips)ก็เผยโฉมเทปที่พัฒนาใหม่ล่าสุด
ซึ่งก็คือเทปคาสเส็ทที่เราเห็นกันทั่วไปนั่นเอง ระยะแรก ๆฟิลิปส์ตั้ง
เป้าทำตลาดในอเมริกาเป็นหลัก แต่ถูกบริษัทโซนี่ของญี่ปุ่น ใช้ลูกเล่น
"บีบ"ให้ปล่อยลิขสิทธิ์การผลิต เพื่อทำตลาดในเอเซียมั่ง ซึ่งก็ประสบ
ความสำเร็จอย่างสูง ผู้ผลิตหลายเจ้าพากันร่ำรวยจากธุรกิจเทป
     ใหม่ ๆเทปคาสเส็ทจะเป็นเทปเปล่า เอาไว้บันทึกเสียงพูดเป็นหลัก
เนื่องจากเครื่องบันทึกและเล่นกลับ ยังมีข้อจำกัดด้านการตอบสนอง
ความถี่เสียง พึ่งจะมีการบันทึกเสียงเพลงสำเร็จรูปออกมาขายเมื่อราว
ปีพ.ศ.2509 ซึ่งก็ยังห่างไกลจากความเป็น"ไฮ-ไฟ"(High Fidelity)
เมื่อเทียบกับแผ่นเสียง จนอีกห้าปีให้หลัง"เฮนรี่ โคลส"(Henry Kloss)
วิศวกรไร้ปริญญาชาวอเมริกัน ได้ประดิษฐ์เครื่องเล่นเทปต้นแบบซึ่ง





บรรจุวงจรลดเสียงรบกวน"ดอลบี้ บี"(Dolby B) พร้อมทั้งบันทึกเสียง
เพลงลงบนเทปชนิดใหม่ที่เคลือบด้วยสาร"โครเมี่ยม ไดอ็อกไซด์"
(CrO2) ซึ่งให้คุณภาพเสียงดีใกล้เคียงแผ่นเสียงเลยทีเดียว นับเป็น
จุดเริ่มต้นของการพัฒนาเทปและเครื่องเล่นกันอย่างจริงจัง....




ความเห็น

[1]





ตลอดช่วงทศวรรษที่ 70 - 80 เทปคาสเส็ทครองตลาดเพลงอย่าง
กว้างขวาง เนื่องจากมีราคาถูก, เล่นง่าย, เก็บรักษาง่าย ผู้ผลิตเองก็มี
การปรับปรุงคุณภาพกันอยู่มิได้ขาด เทปชนิดที่แพร่หลายมากที่สุด คือ
"ไทป์ 1"(Type I) เคลือบด้วยอ็อกไซด์ของเหล็ก(Ferric Oxide) มีทั้ง
ชนิดสำหรับบันทึกเสียงพูดอย่างเดียว กับชนิด"Low-Noise"เคลือบผิว
สองชั้นสำหรับบันทึกเสียงดนตรี แต่ก็ยังมีขีดจำกัดด้านการถ่ายทอด
เสียงความถี่สูง(เสียงแหลมไม่ค่อยใส)....





 ส่วนเทปโครเมี่ยม(Type II) ซึ่งผลิตภายใต้ความร่วมมือของบริษัท
"ดูปองท์"(DuPont) และ BASF มีสัดส่วนการวางจำหน่ายในตลาดค่อน
ข้างน้อย เนื่องจากราคาสูง แต่สามารถถ่ายทอดเสียงทุกความถี่ได้อย่าง
ดีเยี่ยม ผมเคยฟังที่ตุลา(บ้านหม้อ) เค๊าบันทึกจากแผ่นไดเร็คท์คัทของ
"Sheffield Lab"ชุด"Drum Record" เล่นกับเทปเด็คของยามาฮ่า เสียง
หวดกลองสมจริงไม่แพ้ฟังจากแผ่นเลย ยอดเยี่ยมมากครับ...




 ในปีพ.ศ.2517 บริษัทTDK หนึ่งในผู้ผลิตเทปรายใหญ่ของญี่ปุ่น
ได้พัฒนาเทปรุ่นใหม่ซึ่งเคลือบผิวด้วยอ็อกไซด์ของเหล็กผสมโคบอลท์
(Avilyn) โดยคุยว่าสามารถบันทึกและถ่ายทอดเสียงได้ดีเท่ากับ หรือ
ดีกว่าแผ่นเสียงด้วยซ้ำ! เทปชนิดนี้น่าจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Type III
แบบกลาย ๆ ราคาจำหน่ายถูกกว่าเทปโครเมี่ยม และใช้รหัสทางการค้า
ว่า"Chrome Tape" ทำให้มีคนเข้าใจสับสนว่าเป็นเทปชนิดเดียวกัน
     อีกสองปีต่อมา ทางค่ายโซนี่, พานาโซนิค และเทียค(Teac) จับ
มือกันพัฒนาเทปรูปแบบใหม่ โดยนำแนวคิดของ RCA Tape Cartridge
กลับมาปัดฝุ่น ใช้เทปหน้ากว้าง 1/4 นิ้ว และเพิ่มความเร็วในการบันทึก
กลไกขับหมุนตลอดจนหัวเทปถอดแบบมาจากโอเพ่นรีลเทป ตัวเทปมี
ขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของคาสเส็ท(เรียกว่า"Elcaset") และต้องใช้..










เครื่องเล่นที่ผลิตขึ้นมาใหม่ซึ่งมีราคาแพง โปรเจ็คท์นี้ขาดทุนบักโกรก
ยอดขายมีแค่จิ๊บจ๊อย หลังจากทู่ซี๊วางตลาดอยู่สองปีก็ต้องเก็บของคืน
และพับโครงการไปในที่สุด.....





 3M แบรนด์ดังยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ก็เข้าร่วมพัฒนา
เทปกะเค๊าด้วยเหมือนกัน ในปีพ.ศ.2522 สร้างความตะลึง...ตึง...ตึง
ในวงการเครื่องเสียงด้วยเทปโลหะ(Metal Oxide) ถือเป็นการพัฒนา
เทปรุ่นสุดท้าย(Type IV)ในยุคแอนาล็อก ผมเคยเห็นเทปเปล่าวางขาย
ที่เซ็นทรัล(ชิดลม) ราคาม้วนละสามร้อยบาท(พ.ศ.2523 ถ้าจำไม่ผิด)
แต่ไม่เคยเห็นเทปเพลงสำเร็จรูปที่เป็นเทปโลหะเลย เสียงเป็นยังไงก็
ไม่เคยได้ยิน นอกจากแรงเชียร์ในวารสารเครื่องเสียงที่คอลัมนิสต์เขียน
ให้อ่านกันเท่านั้น...




มีผู้ผลิตเทปไม่กี่รายเท่านั้นที่ผลิตเครื่องเล่นเทปด้วย ถึงแม้เทปจะ
มีการพัฒนาออกมาหลายชนิด แต่เครื่องเล่นส่วนใหญ่จะใช้ได้ดีกับเทป
ธรรมดา(Type I)เป็นหลัก นอกจากเครื่องเล่นที่มีราคาสูง จึงจะพัฒนา
ให้รองรับเทปหลาย ๆชนิดได้ และที่ฮือฮามากที่สุดคงไม่พ้น"นากามิชิ"....




(Nakamichi) รุ่น 1000 ค่าตัวเฉียดแสน(บาท) ที่เซ็นทรัลยุคนั้นก็เอา
มาตั้งโชว์ขาย แต่ไม่ยักกะมีใครขอลองฟังเสียง คงเป็นเพราะป้ายราคา
มันบอกเป็นนัย ๆว่าให้"ดู"เพียงอย่างเดียวนะจ๊ะ...อิอิ
     ต้นทศวรรษที่ 90 ยอดขายเทปคาสเส็ทในอเมริกาเริ่มตกฮวบฮาบ
อันเนื่องมาจากการพัฒนาซีดีและเครื่องเล่นให้มีคุณภาพดีขึ้น อีกทั้ง
ราคาก็ขยับลดลงมาเรื่อย ๆ จนถึงยุค Y2K แผ่นซีดีเปล่ามีราคาถูกกว่า
เทป แถมเป็นมีเดียฟอร์แม็ทสำหรับ"Personal Computer"ที่กำลังเติบ
โตไปทั่วโลกอย่างไม่หยุดยั้ง
     ปัจจุบันถือว่าหมดยุคของเทปเพลงสำเร็จรูปไปแล้ว ส่วนเทปเปล่า
ยังคงมีการผลิต(ตามใบสั่งซื้อ)อยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก ผู้ผลิตบางราย
พยายามพัฒนาเทปเพื่อเข้าสู่ยุคดิจิตอลให้ได้ "Digital Audio Tape"
(DAT) และ"Digital Compact Cassette"(DCC) คือผลพวงที่ทำตลาด
ได้ไม่ดีนัก และไม่มีการผลิตออกมาขายกันอีกแล้ว...จนในท้ายที่สุดเทปคาสเซท
ก็กลายเป็นตำนานให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและเป็นเครื่องเล่นที่เป็นอดีตไปแล้วจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ สมดังคำว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์....










เข้ามาร่วมวงมั่ง

* ค่ายแกรมมี่เคยผลิตและวางจำหน่ายอัลบั้มเพลงในรูปแบบเทปโครเมียมด้วย ราคาที่เคยเห็นเมื่อปี พ.ศ. 2535 ตลับละ 120 บาท ส่วนค่ายนิธิทัศน์ และอาร์เอส ก็เคยผลิตและวางจำหน่ายอัลบั้มเพลงในรูปแบบเทปโลหะ ตลับละ 100 บาท กระทั่งปี พ.ศ. 2538 ก็ไม่เห็นแล้วครับ

ที่สำคัญไม่ได้ซื้อไว้เสียด้วย โดยส่วนตัวเชื่อว่าคุณภาพเสียงคงดีกว่าเทปธรรมดาแน่นอน

* ส่วนเทปเปล่า เคยบ้าถึงขนาดซื้อเทปโครเมี่ยมที่ร้านในตัวเมืองนครสวรรค์ ตอนเรียนปริญญาตรี เมื่อปี พ.ศ. 2540 ราคาตลับละ 150 บาทครับ แล้วไปอัดเพลงโปรดจากซีดีซะไกลถึงขอนแก่นเลย เพราะญาติมีชุดโฮม เธียเตอร์แบบแยกรายการ แล้วมีเทปเด็คยี่ห้อ Denon ด้วย  เพิ่งจะเจอตลับเทปที่ว่านี้เมื่อไม่นานนี้เอง

* เทปโลหะยี่ห้อ TDK ในภาพ ญาติ (ที่อยู่ขอนแก่น และมีชุดโฮม เธียเตอร์) เคยไปทำงานอยู่ที่ซาอุดิอาระเบีย แล้วช่วงนั้นเกิดสงครามอ่าวเปอร์เซีย ก็เลยต้องยุติและเดินทางกลับ ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็ไปซื้อเทปโลหะในภาพนี้ ทั้ง C60 และ C90 อย่างละตลับ สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ เลยยกให้ผม ก็เลยเอาไปอัดเพลงจากซีดี ยกเว้นเทปเปล่ายี่ห้อ Teac (อ่านว่า "เธียค") รุ่น Sound 52 เป็นเนื้อเทปธรรมดา  แต่ดีไซน์เป็นลักษณะเหมือนเทปรีล ดูแล้วชอบ แกเอามาอัดเพลงจากซีดี "ซินดี้ ลอว์เปอร์" กับ "มาดอนน่า" ชุด "ไลค์ อะ เวอร์จิ้น"

บทสรุป...ถ้าเน้นคุณภาพเสียง โครเมียมจะดีกว่าเทปธรรมดานิดนึง ถ้าใกล้เคียงกับซีดี ต้องเทปโลหะครับ



+


ในช่วงยุคท้ายๆของเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ท ทางบริษัท. เที๊ยค ของญี่ปุ่นได้ใส่วงจรการช่วยบันทึกเสียงลงในเส้นเทปคาสเซทแบบผงแม่เหล็กธรรมดาหรือใน type ที่เรารู้จักกันดีในชื่อของ type ferric crom ซึ่งเจ้าวงจรที่ว่านี่จะช่วยทำให้การบันทึกที่ได้เสียงสดใสไพเราะของความถี่ย่านเสียงแหลมใสที่เป็นข้อด้อยของการบันทึกเสียงลงในเทปคาสเซทโดยทั่วไปให้มีคุณภาพเสียงที่ใสขึ้นเวลานำไปเล่นกลับ(Play Back)เจ้าวงจรช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงตอนบันทึกมีชื่อย่อสั่นๆว่าวงจร "Dolby HX Pro "ครับ.




ในปัจจุบัน.เครื่องเล่นและบันทึกเทปคาสเซทยังไม่ตายนะครับ..ยังมีบริษัท TEAC ของญี่ปุ่นยังทำการผลิตอยู่โดยทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบของเครื่องเล่นเทปให้เข้ากันกับยุคสมัยให้มากขึ้น อาทิเครื่องเล่นเทปและบันทึกลงแผ่นซีดีของ TAEC  ในรุ่น TEAC AD-RW900  








ขอแจมนิดนึงล่ะกันนะครับ เท่าที่จำได้
เดิมทีเทปมันมีอยู่ก่อนพักนึงแล้ว แต่เสียงมันจะอู้อี้ๆ เพราะตอนนั้นการบันทึกเสียงทำโดยเอาเสียงมาบันทึกลงในเทปโดยตรง เรียกว่าระบบ ดีซีไบแอส
ซึ่งต่อมาเยอร์มันเอานำไปปรับปรุงต่อ โดยทำการเอาเสียงไปผสมสัญญาณอที่สร้างขึ้นมาก่อนแล้วค่อยบันทึกลงเสียเทป เรียกว่าระบบ เอซีไบแอส
ระบบเอซีไบแอส ให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่ามาก ครั้งแรกที่ระบบนี้ไปถึงอเมริกา ได้มีการทดลองเปิดออกอากาศทางวิทยุ
 ซึ่งก็ทำเอาคนแตกตื่นกันทั้งเมือง  พากันมารวมกันอยู่หน้าสถานีวิทยุ เพราะนึกว่าวงกำลังเล่นสดออกอากาศอยู่
 ระบบ เอซีไบแอส คือระบบที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้
 
 ส่วนกลไกการทำงานของเทป ที่เราใช้กันทุกวันนี้ตัวต้นแบบจริงๆถูกปรับปรุงโดยช่างทำนาฬิกา จากสวิสเซอร์แลนด์
 ตัวกลไกเทปอันนี้เองที่ทำให้สามารถสร้างหนังเสียงในฟิล์มได้  ก่อนหน้านี้กลไกควบคุมความเร็วเส้นเทปมีความแม่นยำต่ำ
 ทำให้ เทปเดินช้าๆ-เร็วๆ พอบันทึกไปสักพัก มันจะเพี้ยนมาก จนไม่สามารถนำไปเข้าจังหวะกับภาพได้
 จนต้องเอาเทปมาตัดเป็นท่อนๆ แล้วแยกเอาไปต่อใหม่เพื่อให้เสียงกับภาพตรงกัน ถ้าไม่ทำแบบนี้ ถ้าเสียงไม่แซงปาก ปากก็แซงเสียง :-)
 กลไปเทปแบบใหม่เที่ยงตรงมากจนสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย
 
 เรื่องการลดเสียงรบกวนบนเส้นเทปนอกจาก ดอลบี้แล้ว เมื่อก่อนยังมี ดีบีเอ๊ก (dbx) อีกระบบนะครับ
 ดีบีเอ๊กเจ๋งกว่าดอลบี้ในทุกทาง ยกเว้นอย่างเดียวคือ เทปดีบีเอ๊ก เอาไปเปิดเครื่องเล่นธรรมดาที่ไม่มีวงจรดีมีเอ๊ก เสียงมันจะอู้อีี้ๆ
 แตกต่างจากดอลบี้ ที่เวลาเอาไปเปิดเครื่องเล่นที่ไม่มีวงจรดอลบี้ เสียงจะแค่แหลมขึ้นกว่าปรกติ นิดหน่อย ( แหลมมากหน่อยถ้าเป็นระบบ ดอลบี้ซี)
 เทปดีบีเอ๊กก็เลยขายไม่ออก คงเหลือใช้กันแค่ในแลปอ่ะครับ
 
 เทปโครเมี่ยมอ๊อกไซด์นี่หนักกว่าเทปธรรมดาเยอะเลยนะครับ ลองจับดูจะรู้เลย



สมัยก่อนผมเล่นเทปมาทุกระบบเึยซื้อเครื่องเล่นเทปของเทียค รุ่น 6030S ซึ่งเป้นรุ่นใหญ่มาเล่นด้วย 2 เครื่อง ราคาเครื่องละ 28000 บาท และก็เล่นของยี่ห้อนากามิชิอีก 1 เครื่อง ปัจจุบันขายไปหมดแล้วเหลือแต่รุ่นรองลงมาอีก 2 เครื่องที่เก็บไว้ใช้งานจนถึงทุกวันนี้ครับและม้วนเทปตาสเซ็ตก็ยังคงเห็บรักษาเอาไว้น่าจะประมาณ 300 กว่าม้วนครับ มีทั้งระบบธรรมดาทั่วไปจนถึงม้วนเทปแพงแบบม้วนแม่เหล็กเมทัลนั่นล่ะครับนอกจากนี้ยังมีม้วนล้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ต้องใส่ถ่านนาฬิกาด้วย ทุกวันนี้ก็ยังเก็บไว้อยู่ครับ...พูดถึงเสน่ห์ของเทปคาสเซ็ตแล้วแล้วทำให้อดนึกถึงสมัยวัยรุ่นที่ต้องไปหาซื้อตามร้านแผงเทป...มีอยู่ช่วงนึงของชีวิตก็เคยสั่งม้วนเทปมาขายเหมือนกันครับ








     สุดท้าย...แจกเพลงตามธรรมเนียมครับ คราวนี้ฝอยเรื่องเทป ก็ขอริพ
เพลงจากเทปมาแจกเลยละกัน จะได้เข้ากับเนื้อหาที่โม้มา เสียงกีตาร์
และเมโลดี้อันไพเราะจากฝีมือของ"โยชิโอะ คิมูระ"อรหันต์กีตาร์จากแดน
อาทิตย์อุทัย ซึ่งผมเคยนำมาโพสท์หากินหลายกระทู้แล้ว เทปชุดนี้ทำใน
สิงคโปร์(เทปผี) หาซื้อได้ตามร้านขายแผ่นเสียง(นำเข้า)เก่า ๆ เสียง
จากเทปคาสเส็ทไม่ใสเหมือนแผ่นเสียงหรือซีดีนะครับ แต่หลายคนก็ชอบ
เพราะความ"อิ่ม"ของเสียงทุ้มและเสียงกลาง(ฟังนุ่มนวล) แต่พวกหูทอง
จะกล่าวหาว่ามัน"muddy"เลยแหละ บางแทร็คอาจมีเสียงบู้บี้จากเส้นเทป
ยับปะปนเข้ามาบ้าง ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ แต่เรื่องความไพเราะเนี่ย...
การันตีได้เลยจริง ๆ....



Yoshio Kimura : Favorite Guitar Melody
   
     
Side A
1. A Mother In The Night Spot
2. "Sake" After Dreaming
3. The Spring In The Northern Countryside
4. Mr. Yosaku
5. A Cool Draft
6. The Man's Pocket
7. Such A Night-Pub
Side B
1. Please Call Me By The First Pet Name"Hiromi"
2. To You
3. The Flower Of Kuchinashi
4. From The Northern Lonely Inn
5. A Winter Scenery At The Tsugaru Straits
6. A Beauty In Mink Coat
7. A Dead Pampas Grass In Showa Era
ท่านที่อยากได้เพลงบรรเลงกีตาร์ชุดนี้...ผมขอเช็คเรทติ้งนิดนึงครับ..กติกามีอยู่ว่าท่านต้องโพสข้อความ จะเป็นการขอบคุณ ที่ผมเอาเพลงบรรเลงเพราะๆชุดนี้มาแจกให้โหลดกันฟรีๆ.ถ้าท่านไม่โพสข้อความตอบท่านก็จะไม่เห็นลิ้งที่จะต้องDownloadครับ...

เชิญคลิ๊กลิ้งดาวโหลดเพลงที่ลิ้งข้างล่างครับ...


xxx ข้อมูลถูกซ่อน xxx





เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 8

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 117960931 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Jerekioxgew , พีเพิลนิวส์ , นุกูล , จาทีเอ , อั้น , เอก , นนท์ , แสบ chumphon , วัตร , เอ๋ ,