Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ร่วมทดสอบ Peoplecine mobile Beta0.1


รูป
ข่าวประชาสัมพันธ์ทั่วไปเจ้าของ ผู้ตอบหลังสุด
-ผุดมอเตอร์เวย์"บึงกาฬ"บูมอีสานเหนือจดใต้ ทล.รื้อแผนลงทุนใหม่ อุดรฯแจ็กพอตสร้างถนน3ชั้นแก้จราจรยังไม่มีคนตอบ
-ผู้คิดค้นระบบเสียง "ดอลบี้" เสียชีวิตด้วยวัย 80 ปี.. 18/9/2556 19:40
-แนะนำ เพิร์ล โมเดล..... 18/9/2556 17:08
-ตัวอย่าง MV ดาวประดับใจ.... 18/9/2556 0:32
-สุขสันต์วัเกิดท่านปวีณ ประธานกรรมการเวปพีเพิลซีน.. 17/9/2556 11:53
-ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวเจริญผล ภาพยนตร์ ที่สูญเสียคุณพ่อ.. 12/9/2556 21:01
-สัมภาษณ์ศิลปินหญิงลี ศรีจุมพล...จากค่ายแกรมมี่โกลด์.. 9/9/2556 3:43
-ขอแสดงควายินดีกับครูอาร์ต(อาร์ตโปรโมชั่น) ที่ได้ลูกสาวครับ.. 6/9/2556 16:14
-''จา-พนม''สุดยอด!ร่วมบู๊''Fast & Furious7''.. 4/9/2556 19:03
-“กันตนา” ควักพันล้านทำโรงหนังต่างจังหวัด ขายตั๋วละ 30 บาท.. 3/9/2556 23:50
-ชวนไปเที่ยว เทศกาลหนังขายยาครั้งที่ 2 .. 28/8/2556 12:21
-สุขสันต์วันเกิด พี่ woody.....คะ.. 27/8/2556 21:09
-“กันตนา” ทุ่มพันล้านผุดโรงหนังรากหญ้า เน้นหนังไทย 30 บาท.. 26/8/2556 18:52
-คุณวัฒน์ แห่ง ภาคิณ ภาพยนตร์ เชียงใหม่ ขออุปสมบท... 25/8/2556 14:02
-คืนนี้ไปให้กำลังใจน้องๆวง RUN AROUND.. 25/8/2556 4:15
-ถึงเพื่อนๆทุกท่านยังไม่มีคนตอบ
เลือกหน้า [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 347

''จา-พนม''สุดยอด!ร่วมบู๊''Fast & Furious7''


ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปสยามดาราครับ..


''จา'' พนม ยีรัมย์ พระเอกนักบู๊ เล่นจริงเจ็บจริง ชาวไทย เตรียมโกอินเตอร์อย่างสมบูรณ์ เมื่อมีรายข่าวว่าเจ้าตัวตกปากรับคำเป็นหนึ่งในทีมนักแสดงโคตรหนังแอ็กชั่นยอดฮิต ''Fast and Furious 7'' แล้ว 


''Fast and Furious'' เป็นแฟรนไชส์หนังแอ็กชั่นที่ประสบความสำเร็จล้นหลาม ภาคล่าสุด ''Fast & Furious 6'' ฟันรายได้กว่า 780 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก และเริ่มดำเนินการเพื่อถ่ายทำภาค 7 แล้ว ซึ่งก่อนนี้มีการยืนยันว่า เจสัน สเตแธม

พระเอกมาดดุ ขาบู๊ตัวยงของวงการจะรับบทเป็นวายร้ายในภาคใหม่ ร่วมกับทีมนักแสดงเดิมคือ วิน ดีเซล, พอล วอล์คเกอร์, มิเชล โรดริเกซ, จอร์ดาน่า บรูว์สเตอร์ และ ไทรีส กิ๊บสัน ขณะที่ ดเวย์น ''เดอะ ร็อค'' จอห์นสัน ก็ยืนยันพร้อมคัม

แบ็ก  
 

ล่าสุดมีการยืนยันมาว่า ''Fast & Furious 7'' แคสต์เอา จา พนม หรือ ''โทนี่ จา'' ยอดนักบู๊ของเอเชีย ที่ดังไปทั่วโลกจากผลงานประเดิมเรื่องแรก ''องค์บาก'' (Ong Bak) มาร่วมแสดงด้วย 
แต่เพราะว่า คริส มอร์แกน นักปั่นบทมือฉมัง กำลังเขียนสคริปต์อยู่ทำให้บทบาทและการมีส่วนร่วมของจาในหนังระดับบล็อกบัสเตอร์เรื่องนี้ ซึ่งจะเป็นการแสดงหนังภาษาอังกฤษเรื่องแรกของเจ้าตัวด้วยยังไม่มีความแน่ชัด  
 

เนื้อหาใจความเกี่ยวกับ จา พนม นั้น เว็บไซต์ ''hollywoodreporter.com'' ที่นำเสนอข่าวนี้ เอ่ยถึง จา พนม ว่าเป็นนักแสดงที่ไต่เต้ามาจากการเป็นสตั๊นต์ และเป็นควาญช้างมาก่อนในวัยเด็ก ด้วยความที่ชอบดูหนังแอ็กชั่น เลยตัดสินใจ

เดินตามรอยฮีโร่ของเขา ''แจ็กกี้ ชาน'' (เฉินหลง) และ เจ็ต ลี จนประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก ที่ทำออกมา 3 ภาค และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในความภูมิใจของประเทศไทย  
 

จา กล่าวถึงการได้ร่วมงานในหนังฟอร์มยักษ์ ผ่านอีเมลจากเมืองไทยว่า เขาเป็นแฟนตัวยงของ Fast and Furious และชมว่าเป็นหนังที่สนุก รวดเร็วฉับไว ทำให้ผู้ชมเกาะติดได้ตลอด ทั้งยังมีส่วนผสมที่ดีของฉากแอ็กชั่น และฉากตลก

ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบมาก ก่อนที่จาจะปากหวานบอกว่าเขาภูมิใจและดีใจมากที่ Fast and Furious จะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขากับสตูดิโอสหรัฐฯ  
 

จากนั้นพอถามว่าหากเขาดวลเดี่ยวๆ กับ วิน ดีเซล หรือ เดอะ ร็อค สองนักแสดงดังจะเอาชนะได้มั้ย จา ตอบแบบลิ้นการทูตว่า ''แค่ได้โอกาสร่วมงานกับ วิน ดีเซล และ เดอะ ร็อค ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชนะแล้ว'' 
 

เจมส์ วาน จาก ''The Conjuring'' หนังผีเขย่าขวัญ จะรับหน้าที่ผู้กำกับฯ แทน จัสติน ลิน โดยคาดว่าน่าจะเริ่มถ่ายทำกันได้ในเดือนกันยายน เพื่อเข้าฉายช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2014


ความเห็น

[1]


ล่าสุด เสี่ยเจียงให้สัมภาษณ์แบบมีงอน


นั่นนะซิ 5555


ชักจะวุ่นๆซะแล้ว...
ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปข่าวสดครับ

‘เสี่ยเจี่ยง’ เตือนหนัง “Fast and Furious 7” ถ้ามี ‘จา’พนม ฟ้องแน่!

 ยันต้องได้รับการยินยอมจาก สหมงคลฟิล์ม เสียก่อน - ตัดพ้อ "จา" ดังเกิน ติดต่อไม่ค่อยได้

 เมื่อเวลา 18.30 น วันที่ 3 ส.ค. ที่ห้องประชุมชั้น9 อาคารไอบีเอ็ม ย่านอารีย์ ‘เสี่ยเจี่ยง’สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธาน บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด พร้อมด้วย ‘ปรัชญา ปิ่นแก้ว’ ผู้กำกับหนังเรื่อง “ต้มยำกุ้ง 2” และ ‘พันนา ฤทธิไกร’ ผู้กำกับฯ คิวบู้หนังเรื่อง “ต้มยำกุ้ง 2” ได้เปิดแถลงข่าว การเตรียมยื่นโนติสให้กับบริษัทที่จะสร้างหนังเรื่อง “Fast and Furious 7” ว่าถ้าจะนำ ‘จา’พนม ยีรัม ไปเล่นต้องได้รับการยินยอมจากทาง บ.สมงคลฟิล์มฯ เสียก่อน เนื่องจากนักแสดงชื่อดังยังมีสัญญาอยู่กับบริษัท

 โดยในเรื่องนี้ ‘เสี่ยเจียง’ กล่าวว่า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตนจึงได้จัดแถลงข่าวขึ้น เพราะทราบข่าวมาว่า ‘จา’ จะไปเล่นหนังเรื่อง “Fast and Furious 7” ซึ่งในตอนนั้นทางตนก็ให้ไปเล่นทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ที่มีการคุยกับ ‘จา’ เขาขอแค่ว่า จะขอรับงานโฆษณาไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องหนังต่างประเทศเลย แต่เมื่อมีข่าวออกมาตนก็ไม่อยากจะอะไรมากก็เลยให้ไปเล่น 

 แต่ปรากฏว่าพอต่อมาอีก 2 วันหลังแถลงข่าว ทาง ‘จา-พนม’ ได้ให้ทนายยื่นโนติสมาว่า เขาหมดสัญญากับทางสหมงคลฟิล์มฯ แล้วทำให้ตนคิดว่า เขาน่าจะเข้าใจผิดเพราะสัญญากับทางเรายังมีอยู่ และเพิ่งจะต่อสัญญาไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยสัญญาใหม่จะเป็นเวลา 10 ปี วันนี้จึงอยากจะออกมาชี้แจงว่า กับการเล่นหนังต่างประเทศของ ‘จา’ จะต้องแจ้งบริษัทให้รับทราบเสียก่อน ซึ่งตอนนี้ทางบริษัทได้ให้ทนายยื่นโนติสให้กับทางบริษัทที่สร้างหนังเรื่อง “Fast and Furious 7” ทราบเรื่องว่า ‘จา’ มีสัญญาอยู่ ซึ่งถ้าหากว่าเอา ‘จา’ ไปเล่นโดยไม่ได้แจ้งก็จะดำเนินการฟ้องร้องต่อไป

 ‘เสี่ยเจียง’ กล่าวต่อไปว่า ตนไม่ได้มากลับลำ แต่เป็นการออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมาก็ยังไม่ได้คุยกับ ‘จา’ เลย คนอื่นๆ แม้แต่ ‘พันนา’ เองก็ยังติดต่อไม่ได้ เขาดังเกินไปที่เราจะคุยกันแล้ว 




ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปผู้จัดการครับ

       “เสี่ยเจียง” เสียใจ “จา” ไม่เห็นหัว ละเมิดสัญญาเล่นหนังฮอลลีวูด เรื่อง “Fast and Furious 7” โดยไม่ขออนุญาต เผยถูก จา ยื่นโนติสมาที่บริษัทว่าหมดสัญญากับสหมงคลฟิล์มแล้ว ทั้งที่จารู้เต็มอกว่าเพิ่งต่อสัญญาอีก 10 ปี ลั่นเตรียมโนติสกลับไปบริษัทต่างประเทศเหมือนกัน ตัดพ้อตอนไม่ดังต้องมากราบตน แต่ตอนนี้ตนต้องเป็นคนไปกราบจา ขู่เอาจริงถ้าไปเล่นโดยไม่ขอเจอฟ้องแน่ 
       
       ทำเอา “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” เดือดแตกจนออกมาเปิดแถลงข่าวไปรอบหนึ่งแล้ว เหตุไม่พอใจ “จา พนม ยีรัมย์” กรณีเจ้าตัวจะโกอินเตอร์เล่นหนังฮอลลีวูดเรื่อง Fast and Furious 7 แต่ไม่ยอมบอกกับทางต้นสังกัดสหมงคลฟิล์ม หรือแม้แต่ตัวเสี่ยเจียงเองก็ไม่ทราบเรื่องมาก่อน โดยเสี่ยเจียงบอกว่าให้ไปได้แต่ต้องมาคุยกันก่อน จนดูเหมือนปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายจบด้วยดี
       
       แต่ปรากฏว่าจู่ๆ วันนี้(3 ก.ย.) เสี่ยเจียงก็เปิดแถลงข่าวด่วนขึ้นอีกครั้งที่ บริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล โดยมี ปรัชญา ปิ่นแก้ว และ พันนา ฤทธิไกร ร่วมแถลงด้วย ทั้งนี้เสี่ยเจียงประกาศกร้าวว่าตนเปลี่ยนใจขอคืนคำ บอกถ้าจาจะไปต้องมาขออนุญาตก่อน เหตุเพราะไม่พอใจที่ถูกจายื่นโนติสมาที่บริษัทว่าไม่ได้มีสัญญากันแล้ว ทั้งที่ความจริงเพิ่งเซ็นเพิ่มไป 10 ปี
       
       เสี่ยเจียง: “เรื่องที่เกิดขึ้นคือเมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่ผมแถลงข่าวไป กลัวผู้สื่อข่าวเข้าใจผมผิด คืออาทิตย์ที่แล้วผมบอกว่าอนุญาตให้จาไปเล่นหนังที่ต่างประเทศ แต่เขาไม่ได้มาขอผม ผมให้ไปเอง แต่หลังจากผมแถลงข่าวไปวันที่ 26 อีกวันต่อมา เขาโนติสมาหาผม ว่าผมไม่มีสัญญากับเขาแล้ว เขาไม่ได้อยู่ภายใต้สัญญาผม เขาบอกว่าทั้งหมดไม่เกี่ยวกับผม ผมถึงแถลงข่าววันนี้เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าผมไม่ได้พูดจากลับไปกลับมา”
       
       “ผมยอมรับว่าผมเคยดีใจที่เขาได้ไปเล่นหนังต่างประเทศ แต่วันนี้ผมคงต้องทำตามสัญญาแล้ว คือถ้าคุณจะไปเล่นหนังต่างประเทศ คุณก็ต้องให้ต่างประเทศขอมาทางผมหน่อยให้ถูกต้องตามสัญญา ผมไม่ได้หวังว่าจะได้เปอร์เซ็นต์คุณเล่นหนังจากเมืองนอก แต่ถ้าคุณจะเล่นหนังต่างประเทศ คุณก็ให้เขาติดต่อมาให้ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นผมก็จะโนติสคุณแค่นั้นเอง”
       
       “ที่เขาต้องขออนุญาตก่อนเพราะทั้งในและต่างประเทศอยู่ในสัญญาเดียวกัน คือวันที่ 26 ผมพูดไปเพราะผมดีใจที่เขาจะไปเล่นหนังต่างประเทศ เราก็อยากให้เขาไปอย่างสบายใจ แต่ไม่ใช่ว่าเขามีสิทธิ์ แล้วเขาก็ไม่เคยมาขอ นอกจากโนติสมาว่าเราไม่มีสัญญา ทั้งที่สัญญาก็เพิ่งต่อ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาออกมาพูดได้ไง”
       
       พันนา: “จริงๆ จาเขารู้ว่าสัญญาถูกส่งไปแล้ว ประมาณวันที่ 15 กรกฎาฯ ซึ่งเขาก็รับรู้วันที่เข้ามาคุย ก็พาลูกพาแฟนมาด้วย เขาก็ยังพูดว่าถ้าอยากรับงานโฆษณาเอง เสี่ยจะว่าอะไรไหม ก็ให้โอกาสบอกว่ารับได้ ก็ตัดสินใจเอง”
       
       แปลว่า “จา” รับเล่นหนังฮอลลีวูดเป็นการละเมิดเสี่ย?
       เสี่ยเจียง: “ถูก แล้วเราก็จะโนติสกลับไปบริษัทต่างประเทศ”
       
       กร้าวถ้า “จา” อ้างว่าสัญญาที่เซ็นกับสหมงคลฯไม่เป็นธรรมก็ให้ไปฟ้องกันที่ศาล
       เสี่ย: “ก็เรื่องของเขา ถ้าเขาจะอ้างก็ต้องสู้กันที่ศาลว่าเป็นธรรมจริงไม่จริง (แล้วอะไรที่เป็นธรรม?) ผมไม่ขอพูดว่าข้างในเป็นยังไง รู้แต่ว่าบริษัททำถูกต้องตามสัญญาทุกประการ”
       
       เผยมีหลักฐานการเซ็นสัญญาครบทุกอย่าง
       “มีใบเซ็นรับก็มีทุกอย่าง แต่เราส่งไปสุรินทร์ แต่เซ็นที่สหฯ แต่ฝ่ายเอกสารส่งสัญญาไปที่สุรินทร์”
       
       บอกผลประโยชน์ให้ “จา” เยอะกว่าเดิมอย่างมหาศาล รับรองว่าในไทยไม่เคยมีใครได้มากขนาดนี้
       “มหาศาล ผมรับรองว่าประเทศไทยตั้งแต่มีนักแสดงมา ไม่เคยมีใครรับค่าตัวมากมายอย่างนี้ เพราะเมื่อตอนที่องค์บาท1 ต้มยำกุ้ง1 คือเราคุยกันแล้วว่า สิ่งที่ผู้กำกับทำจะได้ 25 เปอร์เซ็นต์ สมมุติว่าได้ 20 ล้าน ปรัชญาเอาไป 10 ล้าน 5 ล้านให้จา 5 ล้านให้พันนา ผมรับรองว่าเป็นธรรม ส่วนจะฟ้องเขาไหมเราก็ต้องว่าไปตามที่ทนายแนะนำ เพราะเดี๋ยวนี้ยกให้ทนาย”
       
       ต่อคำถามที่ว่าช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา “เสี่ยเจียง” เคยออกแถลงแทน “จา” แล้วบอกว่ารักเหมือนลูก ทุกวันนี้ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ไหม? บิ๊กบอสสหมงคลฯก็บอกว่า…
       “อย่าให้พูดดีกว่า มันโตแล้ว มันโตเกินไป ผมเคยบอกปรัชญาตอนเอามันมาเล่นหนังองค์บาทเรื่องแรก มันกราบผมยังกับพ่อ แต่ทุกวันนี้ผมต้องไปกราบมันยังกับพ่อ เพราะมันใหญ่แล้ว วันเวลามันเปลี่ยนไปเราต้องเข้าใจ (แสดงว่าเสียใจ?) เป็นธรรมดา ไม่ขอพูดดีกว่า ถามปรัชญาสิ หนังองค์บาททะเลาะกัน 6 เดือนกว่าจะสร้าง ปรัชญาบอกว่าทำหนังองค์บาทให้ทุน 50 ล้าน ทะเลาะกันตายห่า กว่าผมจะยอม เขาต้องเอาเงินจากน้องสาว 5 หมื่นมาทำบางอย่างให้ผมดู”
       
       ปัดไม่ตอบว่าทนายแนะนำยังไง อ้างไม่อยากยุ่งมาก
       “ไม่รู้จะพูดยังไง มันเรื่องของทนาย ผมไม่อยากเกี่ยวข้องมาก”
       
       บอก 23 ต.ค.นี้ จะมีงานเปิดตัวหนัง “ต้มยำกุ้ง” พระเอกนักบู๊ต้องมาเพราะมีระบุในสัญญา แต่อยู่ที่ว่าอีกฝ่ายจะมาไม่มาเท่านั้นเอง
       “ต้องมาเพราะมีในสัญญาหนัง แต่ละเรื่องยังมีอยู่ว่าเขาต้องโปรโมท ต้องมา สัญญาใหม่ก็มี อยู่ที่จะมาไม่มา”
       
       แล้วการที่ “จา” ไปเล่นหนัง Fast and Furious 7 คิดว่าจะเพิ่มมูลค่าให้ “ต้มยำกุ้ง” ไหม?
       “ผมว่าไม่เกี่ยว ต้องดูว่าหนังเป็นยังไง”
       
       ด้านผู้กำกับ “ปรัชญา” เผยว่าจริงๆ ทุกคนเห็นด้วยกับการที่ “จา” จะไปเล่นหนังฮอลลีวูด ไม่มีใครมีปัญหา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะจาผิดสัญญามากกว่า
       ปรัชญา : “มันก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่มันเป็นโอกาสที่ดี ที่เขาได้เล่นหนังที่ต่างประเทศ คือเราทุกคนเห็นด้วย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเรื่องของการผิดสัญญา ต้องเรียนให้ทราบว่า สัญญามันมีลักษณะร่วมกัน มีพันนา มีผม มีจา มีเสี่ย เพราะฉะนั้นเวลาเปลี่ยนแปลงก็จะส่งผลทั้งหมด ซึ่งทุกคนก็ทำถูกต้อง แต่เหมือนพอมีโนติสขึ้นมา เหมือนมีอะไรผิดไป ก็ต้องว่าไปตามผิด ก็ให้ทนายจัดการ”
       
       แสดงว่า “จา” รู้ทุกอย่างแต่กลับคำ?
       “ใช่ครับ”
       
       จะยื่นโนติสไปที่ “จา” หรือเอเจนซี่?
       เสี่ยเจียง : “อันนี้ผมไม่รู้ ให้ทนายจัดการเพราะเรายกให้ทนายจัดการ”
       
       พร้อมยั่นคำขาดว่าถ้าไม่มาขออนุญาตก็ไปเล่นต่างประเทศไม่ได้ ถ้าไปเจอฟ้องแน่
       “เขาเล่นไม่ได้ เขาต้องอนุญาตเราก่อน แค่ขออนุญาตก็ได้แล้ว แต่ไม่ขอ คุณถ่ายไม่ได้ ถ้าถ่ายเราจะฟ้อง”
       
       เป็นเพราะหักหัวคิวแพง?
       “ผมไม่เคยเอาตังค์เขาเลยสาบาน ไม่เคยหักหัวคิวหรือเอาเปอร์เซ็นต์จากใคร”
       
       กับปัญหาที่เกิดขึ้น หลายคนมองย้อนไปเมื่อครั้งที่ “ปรัชญา” เคยฉีกสัญญากับแกรมมี่ แล้วย้ายมาอยู่กับสหมงคลฟิล์ม ซึ่งกับเรื่องนี้ผู้กำกับคนดังได้แจกแจงให้ฟังว่า…
       ปรัชญา : “เริ่มต้นผมอยากทำหนัง แล้วชวนพันนามาด้วย ก็คุยกันปกติ เขาก็พยายามเสนอคนๆ นึง แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรแค่อยากทำหนังรถตุ๊กๆ วิ่งแอ็คชั่นสไตล์ไทย คราวนี้พันนาเจอกี่ครั้งก็จะพยายามพูดถึงจา เราก็บอกว่าสไตล์เราน่าจะสู้ไม่ได้เพราะเขานิยมสไตล์ฮ่องกง เราต้องมีเอกลักษณ์ของเราเอง ก็เลยปิ๊งไอเดียว่าต้องเป็นมวยไทย เขาก็เลยเอาจาไปฝึกมวยไทยให้ดู เราก็บอกว่าใช่แล้ว ก็เลยเขียนองค์บาทขึ้นมา แต่ว่าเราคุยกับแกรมมี่นานมากกว่าจะได้ทำ ก็ไม่ได้ทำสักที จนรู้สึกว่านานไปแล้ว ก็มองบางอย่างไม่ตรงกับเรา ก็เลยมาคุยกับเสี่ย ก็มองตรงกัน ก็เลยไปขอเจรจาเรื่องสัญญากับแกรมมี่ เราก็เสียค่าชดเชยบางอย่างให้กับแกรมมี่ไป แล้วก็มาทำงานที่นี่ เราก็รู้สึกว่าทำงานทุกอย่างต้องผ่านความเชื่อ เพราะเสี่ยมองเห็นแล้วกล้าลงทุน ซึ่งเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ลงทุนสูงที่สุด”
       
       ผู้สื่อข่าวสอบถามกับ “เสี่ยเจียง” ว่านอกจากคุยผ่านโนติสแล้วได้โทร.คุยกันหรือยัง? เจ้าตัวก็บอกว่า…
       เสี่ยเจียง: “ไม่เคยเจอ โทร.ทำไมในเมื่อเขาไม่อยากเจอเรา เขาโตแล้วเราก็นั่งดูเขา”
       
       ด้าน “พันนา” บอกว่าตนโทร.แล้ว แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย
       พันนา: “ก็โทร.หา แต่เขาไม่รับสายจนถึงทุกวันนี้”
       
       จะฝากอะไรถึงเขาผ่านสื่อไหม?
       เสี่ยเจียง: “ไม่เอา ไม่พูดดีกว่า”

       

       

       

       

       




คดีพลิกอีกตลบ ฝรั่งงง


       เปิดหนังสือยกเลิกสัญญาของ “จา พนม” อ้างยังไม่ได้รับหนังสือต่อสัญญากับสหมงคลฯ และขอไม่ต่อสัญญา ด้าน สหมงคลฯ สุดแสบส่งสัญญาไปให้ที่บ้านที่สุรินทร์ แทนที่จะส่งให้ที่พักปัจจุบันของจา "พี่สาว จาพนม" เผยเป็นคนเซ็นต์รับและหนังสือฉบับดังกล่าวมีเนื้อหาเป็นการแจ้งต่อสัญญาอัตโนมัติ 
       
       สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพทหาร ศึกครั้งนี้คงจะดูกันยาวๆ ซะแล้ว เมื่อวานนี้ “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” พึ่งจะควง “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” และ “พันนา ฤทธิไกร” เปิดแถลงข่าวซัด “จา พนม ยีรัมย์” ว่า ไม่เห็นหัวผิดสัญญาไปเล่นหนังฮอลีวูดส์ พร้อมทั้งยืนยันว่า จาได้เซ็นต์ต่อสัญญาเรียบร้อยแล้ว โดยได้มีการส่งสัญญาไปที่บ้านของจา พนมที่สุรินทร์และมีการเซ็นต์รับเรียบร้อยแล้ว แต่กลับไม่มีการโชว์หลักฐานสัญญาและลายเซ็นต์ของจา พนม ให้ผู้สื่อข่าวดู
       
       สอบถามไปยัง “หัทยา ยีรัมพ์” พี่สาวของจา พนม ยืนยันว่า ได้รับหนังสือต่อสัญญาจากสหมคลจริง และมีการเซ็นต์รับเอกสาร ในหนังสือไม่ได้มีการเซ็นสัญญาอะไรตอบกลับไป โดยหนังสือดังกล่าวมีเนื้อหาเหมือนเป็นการแจ้งให้ทราบเรื่องสัญญา และต่อสัญญาโดยอัตโนมัติ
       
       “เสี่ยเขาส่งมาอยู่ค่ะแต่ว่าเราติดต่อจายังไม่ได้ค่ะว่าจะแจ้งเขาแต่ติดต่อไม่ได้ เขาก็ไม่ติดต่อ ช่วงนั้นก็เป็นช่วงพ่อไม่สบายด้วยก็เลยมัวแต่คลุกคลีกับพ่อจนทำให้มันล่วงเลยไป แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจก็ฝากบอกทางญาติไปด้วยให้ช่วยติดต่อจาให้อีกแรงด้วย ถ้าติดต่อได้เมื่อไหร่ก็ให้ติดต่อเรื่องสัญญา”
       
       “เราเป็นคนเซ็นต์รับไปรษณีย์ว่าเราได้รับเอกสารแล้ว และก็เปิดอ่านพบว่าเป็นสัญญา เรื่องการต่อสัญญา ก็พยายมติดต่อน้องทุกวิถีทางก็ติดต่อไม่ได้ คิดว่าเดี๋ยวเขาก็คงรู้แหละมั๊งเพราะเขาเข้าหาเสี่ยอยู่บ่อยๆ เขาอยู่กับอาจารย์พันนาทำงานด้วยกัน เขามีสัญญาควบด้วยกันอยู่ด้วยก็คงจะคุยกันนั่นแหละ คิดว่าเขาคงรู้เรื่องเพราะเขาใกล้ชิดมากกว่าเราด้วยซ้ำไป เพราะเราติดต่อเขาไม่ได้มานานแล้ว”
       
       “ในจดหมายไม่มีอะไรให้เซ็นต์ตอบกลับไปซักอย่าง คุณพ่อก็ไม่ได้เซ็นต์อะไรกลับไป ในหนังสือก็จะมีบอกเรื่องวันหมดสัญญา เอกสารจะเขียนว่า(อ่านสัญญาทั้งหมดให้ฟัง) สัญญานักแสดงในสังกัดคือ นายจาพนม ยีรัมย์ นายกฤติยา ลาดพันนา ครูฝึก และนายปรัชญา ปิ่นแก้ว อ้างถึงสัญญาจ้างในการเป็นนักแสดงในสังกัดระหว่างสหมงคลฟิล์ม นักแสดง ครูฝึก และผู้ควบคุม ลงฉบับวันที่ 25 กรกฎาคม 2546 ในวงเล็บติดสัญญา ตามที่บริษัท นักแสดง ครูฝึก และผู้ควบคุม ได้ตกลงทำสัญญากันตามเงื่อนไขและข้อตกลงตามสัญญานั้น บัดนี้สัญญาดังกล่าวกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 และบริษัทมีความประสงค์ที่จะต่อสัญญาออกไป ดังนั้นอาศัยความตามข้อ 3 ในสัญญาบริษัท จึงขอใช้หนังสือฉบับนี้แจ้งความประสงค์การต่อสัญญาดังกล่าวออกไปอีก เป็นระยะเวลา 10 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2556 ถึง 24 กรกฎาคม 2566 โดยให้เงื่อนไขข้อตกลงและรายละเอียดอื่นๆ เป็นไปตามสัญญาจ้างเป็นนักแสดงในสังกัด ฉบับลงวันที่ 25 กรกฏาคม 2546 ทุกประการ จึงเรียนมาเพื่อทราบ” 
       
       “เป็นการเรียนมาให้รู้ว่าต่อสัญญาแล้วนะครบกำหนด ถ้าจะแย้งก็ไปแย้งแต่เราติดต่อจาเขาไม่ได้อย่างที่รู้กันเขาไม่เคยติดต่อกลับมาที่บ้าน เฮ้อ...ไม่อยากให้เกิดขึ้นแบบนี้เลย ถ้าเขาติดต่อมาก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย ในเมื่อเป็นแบบนี้เป็นห่วงมากกว่าถ้ามันเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ ยังไงอยากให้น้องกลับบ้านมามากกว่ามาคุยกัน ไม่อยากให้ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่เขาโกอินเตอร์ก็ดีใจกับเขาแต่การไปของเขาก็ไม่อยากให้มีเรื่องสัญญาหรือเรื่องราวเกิดขึ้นแบบนี้ค่ะ ถ้าจะไปอะไรยังไงก็ขออย่าให้มีเรื่องแบบนี้มันไม่สบายใจค่ะ”
       
       สรุปสัญญาที่ทำขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว วันที่ 25 กรกฎาคม 2546 และหมดสัญญาวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 นั้น เป็นการทำสัญญาขึ้นระหว่าง สหมงคลฯ กับ จาพนม ในฐานะนักแสดง พันนา ในฐานะครูฝึก และปรัชญา ปิ่นแก้ว ในฐานะผู้ควบคุม และทางสหมคงคลฟิล์ม ก็ได้ส่งหนังสือต่อสัญญามาให้ที่บ้านจังหวัดสุรินทร์ของจา พนม โดยมีพี่สาวของจา พนมเป็นคนเซ็นต์รับ
       
       ทางด้านจา พนม เอง แม้จะไม่ได้รับหนังสือสัญญาดังกล่าว แต่ก็ได้มีการยื่นหนังสือยกเลิกสัญญาลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 ไปยังบริษัทสหมงคลฯ , พันนา และ ปรัชญา โดยจดหมายที่บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ได้นำมาเปิดเผยนี้ เป็นจดหมายที่ส่งยกเลิกสัญญาไปยังพันนา ซึ่งก็ได้มีการส่งหมายดังกล่าวไปยังสหมงคลฯ และปรัชญาเช่นกัน โดยหนังสือทั้ง 3 ฉบับ มีเนื้อหาข้อความเหมือนกัน ดังต่อไปนี้
        
       “เนื่องจากข้าพเจ้ามิได้รับการแจ้งความประสงค์จะขอให้รับการต่อสัญญาจ้างจากทางบริษัท ภายใต้เงื่อนเขข้อ 3 ของสัญญาจ้าง ข้าพเจ้าจึงขอแจ้งมายังท่านทั้งหลายในฐานะเป็นคู่สัญญาเพื่อให้ทราบเป็นหลักฐานโดยทั่วกันว่า สัญญาจ้างได้สิ้นผลผูกพันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2556” 
       
       “โดยที่ขณะนี้ข้าพเจ้ายังมิได้ทำการตรวจสอบข้อมูลว่าบริษัทได้ดำเนินการใดๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างโดยถูกต้องครบถ้วนตลอดอายุสัญญาจ้างหรือไม่ ข้าพเจ้าจึงขอสงวนสิทธิ์ในการที่จะดำเนินการทางกฎหมายไว้หากปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามสัญญาของทางบริษัท” พร้อมกับลงชื่อและลายเซ็นของจา พนม 
       
       อย่างไรก็ตามในจดหมายต่อสัญญาที่สหมงคลฯ ส่งไปให้ที่สุรินทร์นั้น ได้มีการกล่าวอ้างถึงสัญญาตามข้อ 3 และจดหมายที่จาส่งไปยกเลิกสัญญาก็มีการกล่าวอ้างถึง สัญญาตามข้อ 3 เช่นกัน ซึ่งคาดว่าสัญญาข้อ 3 ที่สหมงคลฯ และจากล่าวอ้างนั้น น่าจะเป็นการแจ้งต่อสัญญาโดยอัตโนมัติ จึงได้มีการส่งแจ้งการต่อสัญญาไปยังบ้านที่จังหวัดสุรินทร์ของจา พนม แทนที่จะส่งมาที่บ้านภรรยาของจา พนม ซึ่งเป็นบ้านที่พักอาศัยปัจจุบัน เพราะถ้าส่งมายังที่พักปัจจจุบันของจา พนม ก็คงจะมีการแย้งกลับไป แต่เป็นที่น่างสังเกตว่า พอสหมงคลฯ ให้ทนายส่งโนติสให้จา พนม กลับส่งมายังบ้านภรรยาของจาพนม ไม่ส่งไปที่บ้านสุรินทร์
       
       เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร บันเทิงผู้จัดการออนไลน์จะรายงานให้ทราบลำดับต่อไป....

       

       

"หัทยา" พี่สาว "จา พนม"
       



สิ่งที่(อาจะ)เกิดขึ้น

1.จา&เจียง เปิดศึกถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล ฟ้องกันยืดเยื้อ
2.ฮอลลีวู้ดเค้าคงรอเราหรอก --" เลยไปหาดาวรุ่งพุ่งแรงคนอื่นมาเสียบแทน
3.กว่าจะฟ้องกันจบ Fast 7 คงออกฉายไปแล้วหลายปี 
4.1 ถ้าจาชนะ ก็เป็นอันว่า"สายไปแล้ว" กับโอกาสโกอินเตอร์
4.2ถ้าเสี่ยเจียงชนะ ก็คงมองหน้ากันไม่ติดอยู่ดี เผลอๆจะแกล้งดองจาไว้ในโหล ไม่ป้อนงานแสดงให้ ปล่อยให้เฉาตายไปเอง


สรุปว่า ไม่มีใครชนะ แพ้กันหมดทุกฝ่าย...



เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 7

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 117076132 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Landyxogew , Limothyvoiff , พีเพิลนิวส์ , เอก , นนท์ , แสบ chumphon , วัตร , เอ๋ , Tongkam , Tor ,