ร่วมทดสอบ Peoplecine mobile Beta0.1

บทความข้างล่างนี้  คัดลอกมาจาก...

"สกู๊ปบันเทิง"  ในหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก"   ฉบับประจำวันพุธที่ 3 มีนาคม 2553

หน้าบันเทิง (หน้า 17)

เรียกได้ว่าช่วงนี้   ตามโรงภาพยนตร์บ้านเรา  ภาพยนตร์แนว 3 มิติ กำลังอินเทรนด์

ก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เราจะเห็นภาพยนตร์ 3 มิติ ได้จากการ์ตูนแอนิเมชั่นจากหลาย ๆ ค่ายหนังของฮอลลีวู้ด

ที่ตอนนี้ล้วนแต่ร้อนฉ่า ! เริ่มมีภาพยนตร์ 3 มิติที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การ์ตูนแอนิเมชั่นอีกแล้ว

แล้วภาพยนตร์ 3 มิติ จะต้องฉายในโรงพิเศษ

บ้านเราจะมีโรงภาพยนตร์ 3 มิติกรุงศรีไอแมกซ์ ที่ตั้งอยู่ที่ชั้น 5  ศูนย์สรรพสินค้าสยามพารากอน

ทั้งนี้ หากเราดูหนัง 3 มิติด้วยตาเปล่า ก็จะเห็นเป็นภาพสองภาพที่ซ้อนกันอยู่ (ทำให้เวียนหัว ดูไม่รู้เรื่อง)

ดังนั้น จึงต้องมีอุปกรณ์เสริมคือ  แว่นตา 3 มิติ 

แว่นตาชนิดนี้มีหน้าที่ทำการแยกภาพเหล่านั้น เพื่อให้ตาซ้ายของผู้ชมเห็นเฉพาะภาพที่ฉายทาง "ด้านซ้าย"

และตาขวาเห็นเฉพาะภาพที่ฉายทาง "ด้านขวา"

ซึ่งทำให้สมองใช้ภาพทั้งสองสร้าง "ภาพ 3 มิติ"   ที่ดูเหมือนว่ากระโดดออกมาจากจอภาพสู่โรงภาพยนตร์

ทำให้คนที่ดูภาพยนตร์ 3 มิติ จะรู้สึกเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องด้วย 

ว่าแล้วมาดูกันหน่อยดีกว่า ว่าที่ผ่านมามีหนังเรื่องอะไรกันบ้าง

เริ่มกันที่ภาพยนตร์แอนิเมชั่นกันก่อน  ซึ่งก็มีหลายค่ายกันเหลือเกิน

เริ่มที่ค่ายดรีมเวิร์ก ที่เคยส่งการ์ตูนแอนิเมชั่นแนวแอ็กชั่นปนตลกล้อเลียนหนังสัตว์ประหลาดยุค 1950

อย่าง "Monsters vs. Aliens  มอนสเตอร์ปะทะเอเลี่ยน" 

ว่ากันว่าปีนี้น่าจะได้ชมการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่อง "How to Train Your Dragon  อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร"

และ  "Shrek Goes Fourth"  (แต่เจ้ายักษ์ตัวเขียวจะพิเศษหน่อยตรงที่จะมาในระบบ 4 มิติ)

ส่วนค่ายวอร์เนอร์บราเดอร์ส พิกเจอร์ส  ก็ตามมาติด ๆ กับ "ดิ แอนท์ บูลลี่" (The Ant Bully)

เรื่องราวของเด็กชายวัย 10 ขวบที่ชอบระบายความโกรธโดยฉีดน้ำเข้าไปในโพรงมดแดง

จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อวันหนึ่งเขาตัวเล็กเท่ามด

ส่วน แฮปปี้ ฟีท ทรีดี (HaPPy Feet)  เป็นเรื่องราวชีวิตของเพนกวิ้นตัวน้อย

ถัดมากับค่ายวอลท์ ดิสนีย์-พิกซาร์ ที่เคยส่ง "UP  ปู่ซ่าบ้าพลัง" มาครองใจเด็ก ๆ  

ว่ากันว่าทำรายได้เปิดตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์แอนิเมชั่น

ส่วน "G-FORCE  หน่วยจารพันธุ์พิทักษ์โลก"  ปฏิบัติการเดือดของซูเปอร์สปายสายลับพันธุ์จิ๋ว

ที่ทำให้หลาย ๆ คนฮากัน

ในขณะที่ค่าย 20th Century Fox ได้ส่งแอนิเมชั่นสุดยอดอย่าง

"ไอซ์ เอจ เจาะยุคน้ำแข็ง มหัศจรรย์ 3 จ๊ะเอ๋ไดโนเสาร์  Ice Age :  Dawn of the Dinosaurs"

ครั้งนี้กลับมาสร้างความครื้นเครงกันอีกครั้ง

ในขณะที่ Sony Pictures Animation  ก็มีเรื่อง "Open Season 3d   2   ...   คู่ซ่าส์ ป่าระเบิด 2)

แม้เรื่องนี้จะดูเงียบ ๆ ไปหน่อย  แต่เรื่อง  "มหัศจรรย์ลูกชิ้นตกทะลุมิติ  Cloudy with a Chance of Meatballs"

ที่กำลังเข้าโรงในขณะนี้ก็น่าจับตาไม่น้อย

ไม่ได้มีแค่การ์ตูนแอนิเมชั่นที่สามารถทำเป็น 3 มิติได้ 

เพราะตอนนี้สามารถหาภาพยนตร์ที่ใช้คนแสดงจริงในรูปแบบ 3  มิติมาดูได้เช่นกัน

ที่ผ่าน ๆ มาก็มีภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ "Superman Returns   ซูเปอร์แมน รีเทิร์นส ทรีดี"

หรือ  การผจญภัยใต้สมุทรสุดระทึกอย่าง "Deep Sea 3D"

การค้นพบเกาะสุดขอบฟ้าใน "Galapagos 3D"

เดินบุกตะลุยป่าแอฟริกาไปกับ "Wild Safari 3D"

แล้วไปผจญภัยในเมืองใหญ่ที่  "New York 3D"

นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์รถแข่งสุดเร้าใจเหมือนเราไปแข่งเองจริง  ๆ  ใน  "NASCAR 3D"

ยังไม่หมดเท่านั้น  ยังมีแนวสยองขวัญอย่างเรื่อง  Scar 3D  และ  My Bloody Valentine 3D

แถมยังมีแนวแฟนตาซีดูเพลิน ๆ

อย่าง "แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม  Harry Potter and the Half-Blood Prince"

ส่วนเรื่อง "อวตาร (AVATAR)"  ที่ทำเอาผู้ชมเหมือนกับได้เข้าไปอยู่ในโลกการผจญภัยไปพร้อม ๆ กับนักแสดง

และที่กำลังจะมาให้ชมกันเร็ว ๆ นี้  คือ  "Alice in Wonderland  อลิซในแดนมหัศจรรย์"

แหม...มีให้เลือกหลายแนว

แถบเอเชียก็ไม่น้อยหน้า  อย่างเรื่อง  "True Legend  ยาจกซู ตำนานหมัดเมา"

ภาพยนตร์จีนกำลังภายในเรื่องแรกที่ทำเป็นระบบ 3 มิติ ซึ่งกำลังอยู่ในโรงขณะนี้

ส่วนที่ญี่ปุ่นก็มีเรื่อง The Shock Labyrinth 

ส่วนหนังไทยแบบ 3 มิตินั้น  บ้านเราก็มีเหมือนกันอย่างเรื่อง "หอผี  Black Death"

ด้าน "นันทขว้าง สิรสุนทร"  นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดัง กล่าวถึงหนัง 3  มิติว่า

หลายคนสงสัยว่าหนัง 3 มิต (3D)  คืออะไร

คงอธิบายอย่างย่นย่อได้ว่า  มันคือภาพยนตร์ที่มีระบบการทำงานและถ่ายทำเพื่อให้คนดูรู้สึกถึงความสมจริง

ราวกับเข้าไปอยู่ในเรื่องเอง ด้วยการใส่แว่นตาชนิดหนึ่ง

ส่วนจะเน้น perspective หรือความตื้นลึกหนาบางของมุมกล้องอย่างไร ขึ้นอยู่กับแต่ละเรื่อง

นอกจากนี้ นักวิจารณ์คนดังยังบอกด้วยว่าหนัง 3 มิติมีมานานเป็นสิบ ๆ ปีแล้

แต่ที่ยังไม่ฮิตหรือไม่บูมเหมือนตอนนี้ เพราะหลายอย่างไม่เอื้อ

โดยมีแง่มุมสำคัญที่หลายคนลืมไปก็คือ ใคร ๆ ก็คิดว่าทุกเรื่องเป็น 3 มิติได้

ทั้งที่ความจริงแล้ว  หนัง 3 มิติเหมาะกับหนังบางตระกูล (genre)  หรือบางแนวทางเท่านั้น

(ต่อด้วย  "แนวทางที่เป็นคู่ชีวิตของ 3 มิติก็คือ.....")  จะเข้ามาโพสต์ให้ใหม่วันหลังค่ะ.

แนวที่เป็นคู่ชีวิตของ 3 มติก็คือ  แฟนตาซี  หรือหนังในกลุ่ม adventure 

เพราะเชื้อเชิญให้คนดูตื่นเต้นไปกับโลกพิศวง

ไม่มีประโยชน์ที่หนังอย่าง Gladiator  หรือ  Wall Street  กระทั่ง Sideway  จะต้องเป็น 3 มิติ

เพราะเนื้อหาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากความเป็น 3 มิติ

การที่หนัง 3 มิติบูมขึ้นมาจนหลายเรื่องประกาศตัวว่าเป็น 3D

(ราวกับพรรคการเมืองทุกพรรคต้องบอกกับประชาชนว่า เป็นประชานิยม)  นั้น  มองได้สองแง่มุม  :

"อย่างแรก  คือ มันคือการตลาดที่ขยายรายได้  และขยายฐานคนดูใหม่

ที่เบื่อของเล่นเดิม ๆ  เบื่อรูปแบบภาพยนตร์เก่า ๆ 

การสร้างกติกาหรือพิธีกรรม  อาทิ  แว่นตาหรือจุดที่นั่ง ก็คือสีสันอย่างหนึ่งที่คนดูส่วนหนึ่งอยากเล่น

อย่างที่สอง  ก็คือ มีการวิจัยกันว่า  หนังที่พาคนดูไปสู่โลกของหนังได้จริง ๆ คือ ความฝันของผู้ชม

ที่ไม่ต่างจากการได้ไปเดินบนดวงจันทร์

การได้  escape  หรือพาฝันตัวเองผ่านหนัง

เป็นการลงทุนง่าย ๆ  120.-บาท และไม่ต้องสอบใบประกาศไปอวกาศ

ผมไม่เชื่อเลย  ว่าหนัง 3 มิติจะมีอายุยืนนานในแง่ของความนิยม

มันเป็นเพียงปรากฏการณ์เชิงนวัตกรรม (innovation)  ที่ครั้งหนึ่งเราเคยตื่นเต้นกับหนังคนเหล็ก 2  ในปี 1991

หรือหนัง Toy Story  ในปี 1995

รวมไปถึงหนังเงียบ มาเป็นหนังเสียง

และภาพยนตร์ขาวดำมาเป็นสี  เท่านั้นเอง"

นันทขว้างกล่าวสรุป.