Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ
[1]
ไขข้อข้องใจระหว่าง DLP กับ LCD
ผู้คนส่วนใหญ่มักจะถามกันอยู่เสมอว่า ระหว่างระบบ DLP กับ LCD
ระบบใดดีกว่ากัน ?
ทั้งสองระบบนี้ต่างก็มีข้อดีที่สามารถข่มอีกฝ่ายหนึ่งและก็มีข้อด้อยที่ถูก
โจมตีจากอีกฝ่ายด้วย เรื่องจริงก็คือไม่มีระบบใดที่สมบูรณ์โดยไม่มีที่ติ
ดังนั้นจึงต้องศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียของทั้งสองระบบแล้วจึงตัดสินใจว่า
ระบบใดดีที่สุด
ซึ่งคำตอบของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับว่าบุคคลคนนั้นจะสามารถยอม
รับข้อดีและข้อเสียของระบบใดได้มากกว่ากัน
เทคโนโลยีที่แตกต่าง
LCD (Liquid Crystal Display) โปรเจคเตอร์ระบบนี้ถูกบรรจุด้วยแผ่นกระจก lcd
สามแผ่นซึ่งแต่ละแผ่นจะมีสี แดง เขียว น้ำเงิน ในขณะที่แสงผ่านแผ่น lcd
แต่ละ pixel ของแผ่น lcd
จะทำหน้าที่ในการอนุญาตให้แสงผ่านหรือปิดกั้นไม่ให้แสงผ่าน pixel เล็กๆ
เหล่านี้ก็เป็นเหมือนมู่ลี่นั่นเอง
การทำงานลักษณะนี้ทำให้เกิดเป็นภาพขึ้นมา
DLP (Digital Light Processing) เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Texas
Instruments ซึ่งมีการทำงานที่แตกต่างไปจาก lcd แทนที่จะใช้แผ่นกระจก lcd
ระบบ dlp ใช้ chip ที่ทำจากกระจกเล็กๆ จำนวนมากในการสะท้อนแสง
กระจกแต่ละแผ่นเปรียบเสมือน pixel หนึ่ง pixel
แสงจากหลอดภาพของโปรเจคเตอร์จะถูกส่งไปที่ผิวหน้าของ chip dlp กระจกเล็กๆ
จะเปลี่ยนทิศทางไปมาเพื่อส่องแสงไปที่เลนส์และส่งแสงที่ไม่ต้องการไปที่ตัว
ดูดซับแสง ใน dlp โปรเจคเตอร์ระดับสูงได้มีการใช้ chip dlp ถึงสาม chip
สำหรับสี แดง เขียว น้ำเงิน
อย่างไรก็ดีโปรเจคเตอร์ที่มีราคาไม่สูงส่วนใหญ่มีเพียง chip เดียว
ในการกำหนดสีจะใช้วงล้อที่ประกอบขึ้นจากสีแดง เขียว น้ำเงิน
และบางทีอาจใช้สีขาว สีเขียวแก่และสีเหลืองด้วย
วงล้อสีนี้จะหมุนอยู่ระหว่างหลอดภาพกับ dlp chip เพื่อสร้างเป็นสีต่างๆ
ส่งไปที่ chip กระจกเล็กๆ บน chip
จะคอยสะท้อนแสงสีต่างไปที่เลนส์ทำไห้เกิดเป็นภาพขึ้นมา
เปรียบเทียบการทำงาน
ทั้งสองเทคโนโลยีได้ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมา
ความแตกต่างของระบบทั้งสองลดน้อยลงมาก แต่สิ่งที่ยังพูดถึงกันบ่อยๆ ก็คือ
ข้อแรก LCD นั้นให้ภาพที่สวยงามมีสีสันที่เป็นธรรมชาติมากกว่า DLP
ที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจาก dlp chip เดียวถูกสร้างมาสำหรับตลาด
Presentation สีขาวถูกเพิ่มเข้าไปในวงล้อสีทำให้ภาพสว่างขึ้นก็จริง
แต่ก็ทำให้สีผิดเพี้ยนไปด้วย ภาพที่ได้จาก DLP
จึงไม่ค่อยอิ่มและสั่นซึ่งจะไม่ค่อยมีผลในการแสดงข้อมูล
แต่เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นพิเศษถ้าจะใช้โปรเจคเตอร์สำหรับสัญญาณภาพที่
มีลายละเอียดมากและเพื่อชดเชยข้อบกพร่องในเรื่องสีที่ไม่เป็นธรรมชาติและ
เพื่อปรับปรุงการแสดงสีให้ถูกต้องโปรเจคเตอร์ที่ถูกผลิตมาสำหรับ home
theater และระบบวีดีโอคุณภาพสูงจะใช้วงล้อสีที่มีหกสี (six-segment)
ซึ่งประกอบด้วยสีแดง เขียว น้ำเงิน สองชุดโดยได้ตัดสีขาวออกไป
บางวงล้ออาจมีถึงเจ็ดหรือแปดสี
ด้วยวงล้อสีนี้ช่วยเพิ่มความถูกต้องให้กับการแสดงสี
ข้อสอง ความแตกต่างอีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ความคมชัดในการแสดงข้อมูล LCD
สามารถให้ภาพได้คมชัดกว่า DLP ในทุกๆ resolution
สังเกตได้จากการฉายภาพที่มีลายละเอียดของข้อมูลที่เป็นลายเส้น
อย่างไรก็ดีไม่มีความแตกต่างที่มองเห็นได้ชัดในการแสดงภาพวีดีโอ
ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่า DLP จะแสดงภาพที่เป็นข้อมูลและลายเส้นไม่ได้เรื่อง
DLP สามารถแสดงผลออกมาได้ชัดดีทีเดียวเพียงแต่เมื่อนำ DLP และ LCD ที่มี
resolution เท่ากันมาวางฉายคู่กัน จากการเปรียบเทียบแล้วดูเหมือนว่า LCD
จะให้ความคมชัดมากกว่า
ข้อสาม LCD นั้นมีประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างที่ดี LCD
สามารถผลิตแสงที่มีค่า ANSI lumens ได้มากกว่า DLP
ด้วยหลอดภาพที่กำลังไฟฟ้า (watt lamp) เท่าๆ กัน
มีโปรเจคเตอร์จำนวนมากที่ถูกผลิตออกมาด้วยค่า 3000 – 6000 lumens
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโปรเจคเตอร์ในระบบ LCD ดังนั้น LCD
จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเมื่อต้องการความสว่างมากๆ
LCD Projector มีข้อด้อยอยู่สามข้อซึ่งจะเกี่ยวกับการแสดงภาพมากกว่าในเรื่องการแสดงข้อมูล
ข้อแรกก็คือสามารถมองเห็นความไม่ต่อเนื่องของ pixel ได้ง่ายบนจอภาพ
ข้อสองภาพที่ปรากฏบนจอภาพจะมีลักษณะเป็นตารางซึ่งเป็นผลมาจากมีช่องว่าง
ระหว่าง pixel มาก ข้อที่สามมีค่า contrast ต่ำ ที่ผ่านมา LCD
โปรเจคเตอร์ไม่เป็นที่พอใจนักในหมู่ผู้ที่ชอบชมภาพยนตร์เนื่องมาจากเหตุผล
เหล่านี้ อย่างไรก็ตามใน LCD โปรเจคเตอร์รุ่นใหม่ๆ
จะพบว่าปัญหาเหล่านี้ได้ถูกลดน้อยลง ช่องว่างระหว่าง pixel
ถูกทำให้ลดลงและเพิ่มจำนวน pixel ให้มากขึ้น
เมื่อฉายภาพด้วยระยะที่เหมาะสมข้อเสียต่างๆ เหล่านี้จะไม่ปรากฏให้เห็นเลย
DLP เทคโนโลยีนั้นสร้าง pixel ด้วยกระจกเงาเล็กๆ จึงให้ภาพที่นุ่มนวลและมี
pixel ที่ชิดกันมากกว่า LCD ดังนั้นไม่ว่าจะด้วย resolution ใด DLP
จะเหนือกว่า LCD ในเรื่องการแสดง pixel
ว่าด้วยเรื่อง contrast ระบบ LCD นั้นยังล้าหลังและเป็นรอง DLP
ในเรื่องนี้แต่ทั้งสองเทคโนโลยีก็ยังมีการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อก่อน LCD โปรเจคเตอร์นั้นมีค่า contrast ที่ 400:1 ซึ่งต่ำกว่า DLP
อยู่เกือบเท่าตัว ปัจจุบันนี้ทั้งสองเทคโนโลยีได้เพิ่มค่า contrast
จนสูงขึ้นมาก DLP โปรเจคเตอร์ส่วนมากมีค่า contrast อย่างต่ำอยู่ที่ 2000
:1 และสำหรับรุ่นพิเศษสำหรับ home theater มีค่า contrast ถึง 5000:1
ส่วนทาง LCD ก็ได้เพิ่มค่า contrast ให้มากขึ้นเช่นเดียวกัน LCD
โปรเจคเตอร์มีค่า contrast ที่ 1000:1 ขึ้นไป บางรุ่นมีค่า contrast สูงถึง
6000:1 ทีเดียว
เรื่องของน้ำหนัก ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับความสะดวกในการเคลื่อนย้ายนั่นเอง
เนื่องจาก DLP ใช้ระบบการทำงานด้วย chip ที่มีขนาดเล็กไม่เหมือนกับ LCD
ที่ต้องใช้แผ่นกระจก lcd ถึงสามแผ่น DLP โปรเจคเตอร์จึงมีน้ำหนักที่เบากว่า
แต่ก็ไม่แน่เสมอไปทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีในการผลิตของแต่ละผู้
ผลิตโปรเจคเตอร์ด้วยเช่นกัน
DLP กับปัญหา Rainbow effect
เมื่อมีการพูดถึงข้อด้อยของ DLP
ที่เกิดมาจากการใช้วงล้อสีในการสร้างภาพเป็นไปได้ว่าการทำงานลักษณะนี้ทำให้
เกิด “ rainbow effect ”
เนื่องจากขณะที่วงล้อสีถูกทำให้หมุนเพื่อทำให้เกิดภาพอย่างต่อเนื่องอย่าง
รวดเร็วนั้น ตาของเรามีความไวพอที่จะจับความเปลี่ยนแปลงได้ทัน
ทำให้เราเห็นแสงลักษณะเหมือนสีรุ้งสะท้อนออกมาจากภาพ
แต่ก็มีบางคนเท่านั้นที่จะเห็นความผิดปรกตินี้ได้ ส่วน LCD
โปรเจคเตอร์นั้นมีวิธีการสร้างภาพด้วยสีที่แน่นอนโดยการสร้างสีจากสีแดง
เขียว น้ำเงิน ไปออกเป็นภาพในช่วงเวลาเดียวกับผู้ที่ชมภาพจาก LCD
โปรเจคเตอร์จึงไม่เห็นความผิดปรกตินี้เลย
Texas Instruments ได้ทำการวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า
แต่เดิมในยุคแรกของการผลิตนั้น DLP
โปรเจคเตอร์ถูกผลิตขึ้นโดยมีการใช้วงล้อสีซึ่งหมุนด้วยความเร็ว 60
รอบต่อวินาที (60 Hz) ซึ่งจะเท่ากับ 3600 รอบต่อนาทีโดยเรียกว่า 1x
ในระหว่างได้มีการออกวางจำหน่าย DLP
โปรเจคเตอร์ในช่วงแรกนี้ก็ได้มีผู้พบเห็นความผิดปรกตินี้บ้างแล้ว
ต่อมาในยุคที่สอง วงล้อสีได้ถูกพัฒนาความเร็วขึ้นเป็น 2x ซึ่งจะเท่ากับ 120
Hz คือวงล้อสีจะหมุน 7200 รอบต่อนาที
การเพิ่มความเร็วขึ้นเป็นสองเท่านี้ทำให้คนส่วนใหญ่เห็นความผิดปรกติของภาพ
น้อยลง
ปัจจุบันนี้ home theater DLP
โปรเจคเตอร์ถูกผลิตขึ้นโดยมีวงล้อสีที่มีถึงหกสี (six-segment) ซึ่งมีสีแดง
เขียว น้ำเงิน สองชุด วงล้อสีนี้หมุน 120 Hz ซึ่งเท่ากับ 7200 รอบต่อนาที
และเนื่องจากสีที่เพิ่มเป็นสองชุดในหนึ่งรอบนี้เองจึงถูกเรียกว่ามีความเร็ว
เท่ากับ 4x ทั้งๆ ที่ความเร็วรอบยังเท่าเดิม
เหตุผลใหญ่ที่ต้องใช้วงล้อที่มีหกสีและความเร็วรอบที่ 4x ก็เพื่อแก้ปัญหา
“rainbow effect” นั่นเอง
LCD โปรเจคเตอร์แสดงภาพที่ซีดและจางลงเรื่อยๆ
เมื่อใช้งานไปสักระยะเวลาหนึ่งโดยเฉพาะกับแผ่น LCD สีน้ำเงิน
ซึ่งก็มีผลในการจัด balance ของสีทำให้ภาพมีสีผิดเพี้ยนไปและค่า contrast
ก็ตกลงด้วย แต่ก็ไม่ต้องตกใจกลัวจนไม่กล้าใช้ LCD
เนื่องจากการจะเกิดกรณีเช่นนี้ได้คงต้องใช้เวลานานพอสมควรซึ่งอาจจะต้องใช้
เวลาเป็นปีๆ ทีเดียว
ทั้ง DLP และ LCD
ต่างก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอเพื่อความพึง
พอใจของผู้บริโภค
ผู้ผลิตโปรเจคเตอร์ต่างก็ได้ทำการแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองให้ดีขึ้นและปรับ
สิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ดีสำหรับสถานที่ที่ใหญ่มากต้องการโปรเจคเตอร์ที่มีความสว่างมาก
LCD โปรเจคเตอร์ยังเป็นผู้นำในด้านนี้อยู่ ในการใช้งานกับ home theater DLP
โปรเจคเตอร์ยังนำหน้าอยู่เสมอในเรื่องสี contrast
และคุณภาพของภาพซึ่งทำให้ผู้ที่ใช้ระบบ home theater ชื่นชอบอยู่เสมอ
แต่ทุกวันนี้ช่องว่างระหว่างการเป็นผู้นำและผู้ตามของทั้งสองเทคโนโลยีนั้น
ลดน้อยลงทุกที ทั้ง DLP และ LCD
ต่างก็มีความสามารถให้ภาพที่มีคุณภาพระดับสูงสำหรับ home theater
ได้อย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว
DLP หรือ LCD
เทคโนโลยีแบบใดจะดีกว่ากันนั้นคงจะต้องขึ้นอยู่กับบุคคลแต่ละคนซึ่งจะเป็น
ผู้เลือกว่าเทคโนโลยีแบบใดจะดีที่สุดสำหรับบุคคลนั้น
ที่มาของข้อมูล. : http://www.bcoms.net/tipcomputer/detail.asp?id=854
ขอบคุณครับ
เลือกหน้า [1] จำนวนหัวข้อทั้งหมด 3
ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 116990700
ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Akimoxagew , Landyxogew , RobertMIGH , Landexpzgew , Charlesfroms , Gregorydruct , LavillKer , BrianerpGep , Kristenmswony , AnthonykDraib ,