ปิดตำนานโรงหนังท้องถิ่นเมืองอุดรฯ หลังกลุ่มเนวาด้าม้วนเสื่อกลับอุบลฯ กลุ่ม "เมเจอร์" ยึดหัวหาดเปิดบริการ 3 มุมเมือง ด้านค่าย "เอสเอฟ" เล็งลุยเปิดสาขา 2 ใจกลางเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดอุดรธานีว่า ภาวะการแข่งขันของธุรกิจโรงหนังในจังหวัดอุดรธานีร้อนแรงอีกครั้ง หลังจากนักธุรกิจท้องถิ่น คือ กลุ่มเนวาด้าจากจังหวัดอุบลราชธานีถอนทัพกลับ และขายสิทธิ์อาคารเนวาด้าอุดรธานีให้กับกลุ่มห้างยูดีทาวน์ ปัจจุบันจึงเหลือแต่บิ๊กแบรนด์จากส่วนกลาง คือ กลุ่มเอสเอฟ และกลุ่มเมเจอร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ กลุ่มเมเจอร์ได้เปิดตัวโรงหนังเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ สาขาเทสโก้ โลตัส นาดี อุดรธานี เป็นแห่งที่ 3 ทำให้กลุ่มเมเจอร์มีโรงหนังในจังหวัดอุดรธานี 3 แห่ง รวม 15 โรง ประกอบด้วย 1.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัล อุดรธานี ยึดทำเลห้างดังใจกลางเมือง 2.อีจีวี บิ๊กซี อุดรธานี ยึดทำเลริมวงแหวนบนถนนอุดรฯ-สกลนคร ชิงลูกค้าสถาบันการศึกษารอบนอก เช่น วิทยาลัยสันตพล โรงเรียนค่ายประจักษ์ฯ และลูกค้าจากต่างอำเภอ เช่น อ.หนองหาน จ.อุดรธานี และ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ที่จะเข้าเมือง และ 3.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ โลตัส นาดี อุดรธานี ยึดทำเลถนนอุดรฯ-หนองบัวลำภู ชิงลูกค้าจากต่างอำเภอและต่างจังหวัด เช่น หนองบัวลำภู และเลย ที่จะเข้าเมืองอุดรธานี ส่วนค่าย "เอสเอฟ" ปัจจุบันมีโรงหนังในจังหวัดอุดรธานี 1 แห่งที่ตึกคอมแลนด์มาร์คอุดรธานี ใจกลางเมือง และในเร็ว ๆ นี้ ค่ายเอสเอฟเตรียมจะเปิดอีก 1 แห่งย่านใจกลางเมืองอุดรฯเช่นกัน ซึ่งทั้งสองค่ายต่างก็อัดโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เช่น นักเรียน นักศึกษา ซึ่งกลุ่มเมเจอร์จัดโปรโมชั่น Student Night มีราคาที่แตกต่างกันชัดเจน โดยเมเจอร์ เซ็นทรัล ราคา 80 บาท, อีจีวี บิ๊กซี ราคา 70 บาท และเมเจอร์ นาดี ราคา 60 บาท ขณะที่ค่ายเอสเอฟ จัดโปรฯ Student Super Tuesday ราคา 60 บาททุกที่นั่งทุกรอบ โดยใช้วันอังคารเหมือนกัน นอกจากนั้นก็จะมีวันและช่วงเวลาอื่น ๆ จัดโปรโมชั่นเพื่อดึงผู้ชม เช่น ช่วงหลังเวลา 1 ทุ่ม หรือทุกวันพุธมีราคาพิเศษ เป็นต้น นายหมวดตรีการุณ ตระกูลพุทธรักษา หรือรู้จักกันดีในชื่อ "เล็ก-ฟิล์มทอง" นายกสมาคมภาพยนตร์จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ทุนท้องถิ่นที่ให้บริการโรงหนังปัจจุบันเหลือน้อยจนแทบไม่เหลือ เนื่องจากมีการลงทุนสูง ถ้าเงินไม่หนาก็อยู่ยาก อีกทั้งภาพยนตร์ที่นำมาฉายต้องซื้อลิขสิทธิ์ในราคาที่สูงจากบริษัทผู้สร้างและผู้จัดจำหน่าย ถ้าสายป่านไม่ยาวก็อยู่รอดยาก สำหรับธุรกิจหนังกลางแปลง หรือหนังเร่ หรือหนังล้อมผ้า ปัจจุบันมีผู้ให้บริการน้อยลง เนื่องจากความนิยมของผู้ชมลดลง และมีต้นทุนสูงขึ้นจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ และค่าแรงที่แพงขึ้น ปัจจุบันค่าจ้างต้องไม่ต่ำกว่าคืนละ 5,000-10,000 บาท ขณะนี้ในภาคอีสานตอนบน 8 จังหวัด (อุดรธานี เลย หนองคาย หนองบัวลำภู บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) มีสมาชิกอยู่ประมาณ 200 หน่วยบริการ ซึ่งยังมีการล้อมผ้าเก็บค่าชม คนละ 30-40 บาท ที่จังหวัดเลย ปัจจุบันธุรกิจหนังกลางแปลงที่ยังอยู่ได้ ส่วนใหญ่จะพึ่งพาตลาดทำบุญและตลาดแก้บนเป็นหลัก เช่น งานแจกข้าว งานทำบุญให้ผู้เสียชีวิต, งานขึ้นบ้านใหม่, งานบวช, งานแก้บนต่าง ๆ ตามศาลเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ จากกรณีถูกหวย เช่น ที่ศาลหลักเมือง จ.ขอนแก่น บริเวณวงเวียนจะมีหนังฉายแก้บนเกือบทุกคืน บางคืน 3-4 จอ หรือที่คำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี จะมีการจ้างหนังไปฉายเพื่อบนบานให้สมหวัง หรือเพื่อแก้บนจากการเจ็บป่วย โชคลาภได้งานทำ และยังมีตลาดงานบุญประเพณี หรืองานประจำปีต่าง ๆ" "ผู้ให้บริการฉายหนังเร่ในจังหวัดอุดรธานีเหลือน้อยมากแล้ว บางราย 1 หน่วยบริการสามารถฉายหนังได้ 20 จอในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันฉายหนังได้ 1-2 จอ เช่น ศรีเทพ เลิกกิจการไปแล้วแต่มีลูกศิษย์อยู่ที่ อ.หนองแสง ใช้ชื่อศรีเทพฉายหนัง 1 จอ และแจ่มจันทร์ ซึ่งเป็นเจ้าของตำนานผีจ้างหนังที่คำชะโนด เหลือ 1 จอ แต่เดิม 2 หน่วยบริการฉายหนังได้ 20-30 จอ และในส่วนฟิล์มทองเหลือ 2 หน่วยบริการ และยังมีลูกน้องที่มาซื้อรถฉายหนังต่อไปเปิดให้บริการฉายหนังตามต่างอำเภออีกจำนวนหนึ่ง" นายเล็ก-ฟิล์มทองกล่าว ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ www.facebook.com/PrachachatOnline ทวิตเตอร์ @prachachat |
ความเห็น |