Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน
รูป
หนังไทยในอดีต ทุกยุค ทุกสมัยเจ้าของ ผู้ตอบหลังสุด
-ขุนแผน ฟ้าฟื้น .. 21/9/2562 10:53
-“วัยอลวน “ ปี 2519.. 25/8/2562 23:24
-โรงแรมนรกยังไม่มีคนตอบ
-Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่ายังไม่มีคนตอบ
-องค์บาก 1 ONG BAK ปี 2546.. 28/4/2562 19:37
-10อันดับหนังรักไทยที่ดีที่สุดยังไม่มีคนตอบ
-“ดอกฟ้าในมือโจร”.. 10/4/2562 21:30
-สี้น 3 ต่อน.. 20/3/2562 0:31
-ชู้ ภาพยนตร์ไทย เปี๊ยก โปสเตอร์.. 13/3/2562 22:42
- “เสือเฒ่า” ภาพยนตร์ไทยคลาสสิก.. 11/2/2562 22:44
-Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน.. 31/1/2562 23:51
-อีก้อ ฉายปี 2527.. 6/1/2562 20:58
-เฉิ่ม (2005, dir: คงเดช จาตุรันต์รัศมี).. 26/12/2561 11:40
-เทพธิดาบาร์ 21.. 20/12/2561 18:55
-กาลครั้งหนึ่ง กับสัญญาหน้าฝน.. 20/12/2561 18:51
-มนต์รักอสูรปี 2521.. 7/12/2561 23:12
เลือกหน้า [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24] [25] [26] [27] [28] [29] [30] [31] [32] [33] [34]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 535

เฉิ่ม (2005, dir: คงเดช จาตุรันต์รัศมี)


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Chanchana Khan

เฉิ่ม (2005, dir: คงเดช จาตุรันต์รัศมี)

อาจจะเป็นหนังที่ชอบสุดของพี่เดชแล้วล่ะ ดูย้ำอีกทีเมื่อคืนก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ ประเด็นของมันร่วมสมัยและรู้สึกว่ามันจับภาพสำคัญของช่วงปี 47-48 ได้ในอารมณ์เดียวกับ "ทองพูน โคกโพธิ์" บันทึกภาพสังคมในปี 2520 คือมีทั้งความหวัง ความฝัน ความเหงา และความจริงอันโหดร้ายรอคนดูอยู่ท้ายเรื่อง

-สมบัติ ดีพร้อม เป็นคนขับแท๊กซี่ น่าจะมีพื้นเพมาจากต่างจังหวัด เขาเรียบร้อย ไม่ค่อยพูดจา ขี้อาย และชอบฟังเพลงเก่า+ละครวิทยุเป็นชีวิตจิตใจ ในขณะที่โลกรอบด้านเปลี่ยนไปมากแล้ว เค้ากลายเป็นคน "หนุ่มที่สุด" ในสโมสรลีลาศที่มีแต่คนอายุ 50+ ไปกัน เพลงเก่าที่เค้าฟัง ละครวิทยุที่เค้าชอบก็กลายเป็นของตกยุค แต่มันหล่อเลี้ยงให้เค้ายังมีชีวิตอยู่ได้ในเมืองกรุงที่แสนจะเย็นชาและวุ่นวายสับสน

-สมบัติ คนนี้ตรงข้าม สมบัติ เมทะนี พระเอกหนังไทยตลอดกาลทุกประการ ทุกครั้งที่สมบัติ ดีพร้อม นึกฝันถึงบทบาทตัวเองในหนังไทยเก่า เขาแทนตัวเองในบทบาทที่สมบัติ เมทะนี เคยเล่นเสมอ เป็นเจ้านาย เป็นตำรวจ เป็นเศรษฐีเพลย์บอย และคนสวน ผิดแต่ที่บทบาทสุดท้ายไม่ใช่หนึ่งในการปลอมตัวแบบที่หนังสมบัติใช้เพื่อลองใจนางเอก แต่เป็นสถานะของสมบัติ ดีพร้อม ที่สังคมและตัวเขามองเห็นเขาจริงๆ เป็นคนชั้นล่าง ต้อยต่ำ และไม่อาจเอื้อมมีชีวิตที่ดีพร้อมเหมือนนามสกุลเขาได้

-ชอบการตัดเข้าซีนหนังไทยเก่าบ่อยๆ พี่เดชออกแบบวิธีเล่น ใช้นักแสดงรุ่นใหญ่มาเล่นเพื่อล้อกับขนบของหนังยุคก่อนอีกที โดยเฉพาะ พอเจตน์ แก่นเพชร มารับบท "ท่านชาย" ในตอนแรกที่คนดูเห็นโลกจินตนาการของสมบัติ ดีพร้อม ที่แทนตัวเองเหมือนเป็นพจมานเวอร์ชั่นชายหนุ่ม ผู้มายังวังเจ้านายเพื่อทวงสมบัติอันเป็นมรดกของตัวเองคืน ทุกๆ ช่วงที่ตัดเข้าฉากจำลองหนังไทยเก่า มันคือช่วงเวลาที่สมบัติเตลิดไปในความฝันของตัวเอง ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ทั้งห่วงหา ภาพหนังสีซีด มีรอยฝน และขนาดภาพยืดไม่สมสัดส่วน แทนสภาพหนังไทยเก่าเหล่านี้ที่ฉายซ้ำๆ มานาน เป็นภาพที่คุ้นตาในหมู่คนดูหนังกลางแปลง กว่าหนังจะมาถึงคนดู มักมีสภาพยับเยินไม่น้อย เพราะหนังไทยถูกฉายบ่อยที่สุด คนดูมากที่สุด

-โลกของหนังไทยในจินตนาการของสมบัติ จึงอาจเป็นสิ่งที่เค้าฝันหวนถึงซ้ำๆ จนภาพของมันยืดย้วย สีซีด ผ่านการฉายซ้ำซ้อนมานานจนเขาอาจจำไม่ได้ว่าฝันถึงมันครั้งแรกตอนไหน

-หนังยังจับภาพกรุงเทพฯ ยามราตรี ในช่วงเวลาที่ถนนแทบร้าง มีแต่คนทำงานกลางคืนยังใช้ชีวิตอยู่ ดูเหมือนหนังมีถ่ายช่วงสิ้นปีกรุงเทพฯ เอาไว้ด้วย ทำให้บรรยากาศมันยิ่งประหลาด ในขณะที่ทุกคนเฉลิมฉลอง ไฟประดับประดาทั่วเมือง กลางคืนที่นี่ไม่เคยหลับ แต่ในโลกของสมบัติ เขาเป็นผู้ชายที่เหงาที่สุดในกรุงเทพฯ กลับเลือกหนีเข้าไปสู่โลกของละครวิทยุ เพลงเก่า และหนังไทยในความทรงจำ

-ชีวิตรักของสมบัติกับหมอนวดสาวชื่อ นวล ก็เหมือนละครวิทยุที่สมบัติชอบฟัง ทั้งอ่อนหวาน รันทด และพลิกผัน สิ่งที่น่าสนใจคือในโลกหนังไทยของสมบัติ การเข้ามาของนวล ทำให้ "บทบาท" ในโลกของเขาเปลี่ยนไป จากเลือดเนื้อเชื้อเจ้าผู้กลับมาทวงสมบัติในเรื่องแรกที่คนดูเห็น เป็นเศรษฐีหนุ่มที่กำลังดินเนอร์ใต้แสงเทียนกับนวล ทว่าเมื่อเรื่องผ่านไป บทบาทของสมบัติในหนังในความฝันของเขาก็ค่อยๆ ลดระดับความฉูดฉาดลง ต่ำต้อยลงเรื่อยๆ กลายเป็น ตำรวจที่หญิงสาวเข้าใจผิด และกลายเป็นคนใช้ที่ได้แต่แอบมองเธอจากไปพร้อมชายอื่น ซึ่งคู่ควรกว่า

-คนขับแท๊กซี่ ไม่เคยฝันถึงตัวเองในบทบาทแท๊กซี่ เพราะโลกในฝันเปิดโอกาสให้สมบัติเป็นอะไรก็ได้ตามที่เขาฟังจากละครวิทยุ แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น คนดูค่อยๆ เรียนรู้ว่าภายใต้บุคลิกนอบน้อม พูดน้อย และไม่ประสีประสา กลับซ่อนปูมหลังอันดำมืดเอาไว้ เขาไม่ใช่ "คนดี" อย่างที่คนดูหลงไหล เขาเคยเป็นทุกอย่างที่ตรงข้ามกับตัวตนที่รู้จัก ไม่ได้เป็นพระเอกอย่างชื่อสมบัติ และไม่ได้ดีพร้อมอย่างที่เราเข้าใจ

-โลกในฝัน และชีวิตจริงของสมบัติ จึงล้อกันไปมา ทับซ้อนทั้งจริงและฝัน เหมือนฉากหลังของกรุงเทพฯ (และประเทศไทย) ในหนังซึ่งอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ นโยบายต่างๆ ด้านเทคโนโลยี สังคม ถูกประกาศผ่านทีวีและวิทยุให้ได้ยิน เราเห็นห้างร้านที่เต็มไปด้วยร้านขายมือถือ อุปกรณ์อีเล็คโทรนิค โทรทัศน์ และโซนเล่นเกม ร้านขายแผ่นซีดีเพลงเก่าอยู่ในซอกหลืบที่มีแต่สมบัติเท่านั้นที่สนใจ เราจึงเข้าใจว่าสมบัติพยายามหยุดเวลาไว้กับตัวเอง ไม่ยอมก้าวตามโลก เลือกจมอยู่กับฝันดีกว่า

-นั่นอาจเพราะโลกความจริงสำหรับสมบัติไม่มีความแน่นอนอีกต่อไป เขาไม่รู้จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมยังไง แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้คือ เขาเคยพลาดมาก่อน การไม่เป็น "คนดี" นั้นทำให้เขาพลาดอย่างมหันต์และสูญเสียชีวิตเก่าไปแล้ว เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่พลาดอีก

-แต่สมบัติก็ไม่รู้เลยว่า โลกความจริงกับฝันที่เขาอยู่มันเลือนลาง แยกจากกันไม่ออก เขาชอบฟังเพลงสุนทรภรณ์ของครูเอื้อ แต่ในโลกความจริง เขากลับได้เจอชายแก่ที่หน้าตาละม้ายคล้ายครูเอื้อ ใจดี มีเมตตา และเอื้ออารีให้แก่สมบัติเสมอสมา ทว่าสุดท้ายกลับเป็นฝันร้ายสุดสยิวของเขา รวมทั้งการบุกไปสถานีวิทยุ เพื่อขอพบนักจัดรายการคนโปรดที่ไม่เคยตอบจดหมายของเขาเลยซักฉบับ เพื่อพบว่าแท้จริงที่เขาฟังอยู่ทุกวี่วัน เป็นแค่เทปที่เปิดวนไปเรื่อยๆ โลกความฝันของสมบัติพังทลายนับแต่นั้น ความจริงยิ่งร้ายบัดซบกว่า ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีก

- เฉิ่ม (2548) ละม้ายคล้าย ทองพูน โคกโพธิ์ (2520) อยู่ไม่น้อย เรื่องของแท๊กซี่ที่มีความฝัน ทองพูนมีฝันจะสร้างฐานะพอจนส่งให้ลูกได้เรียนสูงๆ ทองพูนยังมีความสัมพันธ์กับหมอนวดเหมือนที่สมบัติมี และถึงจุดหนึ่ง ทั้งคู่ก็ถูกชะตาเล่นงาน บอบช้ำปางตาย สมบัติและทองพูนเลือกจะเอาคืนสังคมด้วยความรุนแรงเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ท้ายสุด ชีวิตทองพูนดูจะมืดหม่นสิ้นหวังเหลือเกิน

-เพราะในปี 2520 ประเทศไทยคงหมดหวังจะหวนคืนสู่ความสุขดังเดิมแล้วจริงๆ เหตุการณ์ความรุนแรงในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เปลี่ยนทุกอย่างไป ทำลายโลกทัศน์แห่งความหวังและฝันสลาย คนที่อยู่รอดคือคนที่เลือกเอาเปรียบคน กดขี่ให้ไร้ค่า แล้วฆ่าทั้งเป็นอย่างเลือดเย็น เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไป ในฐานะคนดีที่เพิ่งปราบคนชั่วได้สำเร็จ มีแต่คนดูรู้ว่าทองพูนไม่ใช่คนชั่ว หากทำไมเขายังถูกจับ..

-ถ้า ทองพูน โคกโพธิ์ คือการดิ้นรนแสวงหาแสงสว่างท่ามกลางความมืดหม่นหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ที่สุดท้ายพบว่าไม่มีอนาคตเหลืออยู่อีกต่อไปสำหรับประเทศไทย

-เฉิ่ม ก็คงเป็นการยืนลังเลอยู่ปากอุโมงค์ที่มีแสงสว่างอยู่จริงๆ สมบัติไม่แน่ใจในทิศทางประเทศที่กำลังเดินไป รัฐบาลทักษิณกำลังเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งสมัยที่ 2 ก่อนได้รับชัยชนะ "แลนสไลด์" ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ...คนดูได้รู้จักสมบัติ ดีพร้อม ในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกันนั้น

-สมบัติอาจแทนความรู้สึกของใครหลายคน รอดูท่าทีของสังคมที่กำลังเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว ตั้งคำถามว่าเราเดินเร็วเกินไปหรือไม่ เราทิ้งอะไรไว้ในอดีตหรือเปล่า และเรากำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือเปล่า เราจะไม่ "ซ้ำรอย" ประวัติศาสตร์อันรุนแรงเหมือนที่สมบัติเคยทำ เหมือนที่ทองพูนเคยเจอ เหมือนที่เคยเกิด 6 ตุลาฯ 19 หรือเปล่า?

-สมบัติโชคดีกว่าทองพูนเล็กน้อย อย่างน้อยๆ เขาก็ได้ก้าวข้ามผ่านอดีตของตัวเอง ซ้ำบทสรุปสุดท้าย สมบัติอาจยังคงมีความหวังเหลืออยู่ เราแน่ใจว่าสมบัติในตอนท้ายสูญเสียการได้ยินไปบางส่วน เขาต้องใช้เครื่องช่วยฟัง นั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถ "ได้ยิน" อะไรได้เต็มร้อยเหมือนที่เขาเคยได้ยินมาชั่วชีวิต เขาต้องเลือกแล้วว่าจะฟังอะไร และสมบัติเลือกที่จะไม่ฟังเพลงเก่าอีกต่อไป ลาขาดละครวิทยุ เพราะเขาหวังจะก้าวให้ทันปัจจุบัน อยู่กับปัจจุบันที่เป็นจริงดีกว่า ลืมอดีตเสียเถิด

-สมบัติ ในปี 2548 อาจยังไม่มีคำตอบให้คนดูชัดนัก รู้แค่ว่า เขาเองก็ได้แต่หวังว่ามันจะดี อย่างน้อยๆ ก็ยังมีหวัง

-แต่คนดูในปี 2561 และกำลังจะก้าวเข้าสู่ 2562 คงได้คำตอบแล้ว ความกลัวของสมบัติเป็นจริง ผิดที่เราไม่ได้ก้าวเร็วเกินไป ตรงกันข้าม เราก้าวถอยหลัง ถอยไปไกลกว่าที่สมบัติจะเคยคิดจินตนาการไว้เสียอีก




+

ความเห็น

[1]


https://www.youtube.com/watch?v=q-T5DLDMpXE



เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 1

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 117964663 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Jerekioxgew , พีเพิลนิวส์ , นุกูล , จาทีเอ , อั้น , เอก , นนท์ , แสบ chumphon , วัตร , เอ๋ ,