Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ร่วมทดสอบ Peoplecine mobile Beta0.1


รูป
แหล่งความรู้ โฮมเธียเตอร์ โปรเจคเตอร์ และเครื่องฉายดิจิทัลในบ้านเจ้าของ ผู้ตอบหลังสุด
-โปรเจ็คเตอร์ที่ใช้ระดับงานอาชีพ ของพานาโซนิค และโซนี่.. 24/12/2551 19:41
-วันนี้มาแวะชมโรงภาพยนตร์เมเจอร์น้อย.. 24/12/2551 19:36
-โซนี่เปิดตัวเครื่องฉายภาพยนตร์ดิจิตอลรุ่นใหม.. 24/12/2551 19:33
-ขอโชว์ Projector Acer x1160 Home Entertainment บรรยากาศแบบบ้าน บ้าน ครับ.. 24/12/2551 19:24
-++ ขอโชว์มั่งครับ เอาแบบจะจะ !! ใจไม่ถึงอย่าดูครับ !!++.. 24/12/2551 19:19
-ทดสอบโปรเจ็คเตอร์ชาร์ปอีกที.. 30/10/2551 11:30
-มินิเธียร์เตอร์ของผม.. 21/9/2551 5:18
-ช่วยแนะนำหน่อยครับ.. 13/9/2551 14:12
-ลองจอใหม่ครับ.. 29/8/2551 0:23
-PANASONICS LCD PROJECTOR.. 23/8/2551 21:00
-epson ปะทะ benq.. 18/8/2551 21:06
-สงสัยมานานแล้ว.. 5/6/2551 18:06
-เมื่อผมเอาโปรเจ็คเตอร์ไปฉายหนังกลางแปลง หนที่800ยังไม่มีคนตอบ
-ลองฉายโปรเจ็คเตอร์.. 26/2/2551 20:15
-โฮมเธียร์เตอร์ ราคา 190 ล้านบาทขาดตัว.. 22/2/2551 17:40
-งาน "BANGKOK HIGH - END AUDIO VIDEO SHOW 2007"ยังไม่มีคนตอบ
เลือกหน้า [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24] [25] [26] [27] [28] [29] [30] [31] [32] [33] [34] [35] [36] [37] [38] [39] [40] [41] [42] [43] [44] [45] [46] [47] [48] [49] [50] [51] [52] [53] [54] [55] [56] [57] [58] [59]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 940

ช่วยแนะนำหน่อยครับ


ตอนนี้กำลังดูจอ LCD ซัมซุง 40 นิ้ว ราคา ประมาณ 90,000.- มาไว้เพื่อดูหนัง ดีวีดี  แต่พอเห็นพวกพี่ๆใช้ projector ฉายหนังกันก็เกิดความลังเล ช่วยให้คำแนะนำหน่อยครับ ว่าระหว่าง lcd กับ projector อย่างไหนน่าจะดีกว่ากัน

ความเห็น

[1] [2]


ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราพอใจที่จะทำไหมนะครับ ต้นทุนต่ำกว่าครึ่งก็น่าลอง




ถ้าจะดูข่าวสารโทรทัศน์หรือหนังทั่วไปและเปิดไฟดูได้ก็ต้องเลือก lcd ครับ

แต่ถ้าต้องการเน้นดูหนังจริงๆและที่บ้านมีพื้นที่เหลือเฟื้อก็ให้ซื้อโปรเจ็คเตอร์ไปเลยครับยังไงก็มันส์กว่าอยู่แล้วแต่ว่าระยะนั่งดูกับจอต้องห่างกันด้วยนะครับไม่งั้นจะเห็นภาพเป็นเม็ดๆแล้วเวียนหัวครับ






  เพื่อการดูหนังนะครับ
  ถ้าห้องมีแสดงสว่างมาก ฟันธงว่าต้อง LCD
  ดูในห้องมืด  จอเล็ก  ดูจอพลาสมา ไว้เป็นตัวเลือกด้วยก็ดีครับ
  สำหรับเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ เพื่อการดูหนัง

                           ต้องรอเจ้าพ่อไฮเดฟ เจทีอาร์ มาตอบครับ อิๆๆ








     ว่าแล้วไงต้องโดนมานโยนจนได้..ขี้เกียจบ่นว๊อย..มาเข้าเรื่องกันดีกว่า

  เริ่มอย่างแรก..LCD TV ?ที่ตอนนี้แทบจะทุกยี่ห้อในเมืองไทยต่างเฮโลกันมาตั้งโรงงานประกอบในไทยกันเกือบหมดทั้งจีน ญี่ปุ่นและเกาหลี แถมตั้งราคาบวกกำไรกันซะจนเวอร์ เพื่อขายเทคโนโลยีและโฆษณากระตุ้นยั่วกิเลสคนซื้อ แต่เนื่องจากตั้งราคาสูงมากจนทำให้คนที่จะซื้อคิดหนัก ทำให้หลายๆยี่ห้อที่ผลิตกันออกมาขาย ตาเหลือกเพราะสต๊อคเหลือบานเบอะ ต้องหนีตายหนีดอกเบี้ย โดยการลดราคาลงมา(อาจขายผ่านทางเซลบ้างในราคาพิเศษ หรือบวกของแถมยั่วลูกค้าตามแต่ละ บริษัทคิดแผนทางการตลาดออกมา) แต่ถึงลดราคายังไงก็ยังถือว่าแพงรากเลือดอยู่ดี เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจเมืองไทยที่รุมเร้าไปด้วยปัญหาตอนนี้  ประกอบกับความเจ้าเล่ห์ของเซลหรือ ตัวแทนที่ขาย LCD TV ส่วนใหญ่มักจะบอกข้อมูลลูกค้าไม่หมด เซลบางคนบางทีก็บอกข้อมูลมั่วไปเลยก็มี แถมตัวที่นำมาลด 100% เป็นของตกรุ่น(เพราะมีรุ่นใหม่ออกมาแทนที่แล้ว) บางเจ้าเล่นเอา LCD TV ที่มีปัญหา dead pixel ออกมาขายถูกๆคนซื้อก็ไม่รู้ คนขายก็ไม่ได้บอก งานนี้คนซื้อก็รับกรรมไป
          ปัญหาของคนซื้อคือ โดยเฉพาะคนซื้อคนไทยที่ประเพณีนิยมมักไม่ชอบอ่านหรือหาข้อมูล หรือซื้อมาแล้วเป็นสิบปีก็ยังไม่รู้เลยว่าเครื่องที่ซื้อมามีฟังชั่นหรือลูกเล่นอะไรบ้าง เพราะขี้เกียจอ่าน Manual User หรือคู่มือการใช้ ชอบฟังคนขายพรรณาแล้วก็เชื่อไปหมด (ไม่มีคนขายที่ไหนในโลกนี้ที่บอกว่าสินค้าตัวเอง ห่วยหรอกครับ)เำกรงใจคนขายไม่กล้าถามมากอย่างนี้ก็มี ชักบ่นเข้าป่าอีกแล้วซิมาเข้าเรื่องกันดีกว่า
           อย่างแรก คุณ KAE ต้องถามตัวเองก่อนว่าเงินเก้าหมื่นที่จะลงทุนไปซื้อหามาดูเนี่ย คุณจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง ใช้งานมันคุ้มค่าขนาดไหน คิดในแง่เศรษฐศาสตร์แล้วคุ้ม มากกว่าที่จะไปซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ หรือนานๆใช้ อย่างเช่นเครื่องออกกำลังกายราคาสี่ซ้าห้าหมื่นบาทที่ประกาศขายกันในทีวีหรือตามห้าง ผมเห็นเพื่อนๆหลายๆคนซื้อมาเพื่อดับกิเลสความอยาก พอซื้อมาแล้วตอนนี้กลายเป็นที่ตากผ้าบ้าง ถูกเก็บไว้เฉยๆไม่ได้ใช้จนพอจะลองเอามาใช้ก็ปรากฏว่าเสีย อย่างนี้ก็มี หรือ มีบางคนแถวๆสันป่าตองบ้ามอเตอร์ไซด์ฮาเล่ย์มากๆอุตส่าห์ไปซื้อหามา(เก็บ)ตั้งสี่ห้าคัน ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆคันละเป็นแสนขึ้น แล้วไม่ได้ใช้งานให้เกิดความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปจนบัดนี้ สงสัยคงเตรียมจะตั้งพิพิธภัณฑ์มั้ง 55  คงพอจะเข้าใจความหมายที่ผมบอกนะครับว่า หากจะซื้ออะไรมาของที่ซื้อมาเราต้องใช้ได้อย่างคุ้มค่าและมีความสุขเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไป อันนี้คือแนวคิดขั้นแรกที่อยากจะให้ทุกคนมีและอยากจะให้นำไปใช้
           อย่างที่สอง วัคถุประสงค์ของการที่จะซื้อหามาใช้ ถ้าจะไว้ดูทีวีบ้างดูหนังบ้าง เล่นเกมส์บ้าง อวดแขกบ้านแขกเรือนบ้าง เป็นบางคราว แนะนำให้ซื้อ TV จะดีกว่า แต่ถ้าต้องการจะดูหนังอย่างเดียว หรือมีห้องสำหรับดูหนังโดยเฉพาะเพื่อให้ได้อารมณ์แบบโรงภาพยนตร์ อันนี้ผมแนะนำให้ซื้อโปรเจ็คเตอร์จะดีที่สุด
            กรณีจะซื้อ TVข้อดีคือ ไม่ต้องพิถีพิถันมากในการใช้งาน เอาไปตั้งดูตรงไหนก็ได้ทั้งห้องที่สว่างและมืด แค่เสียบปลั๊กและอุปกรณ์ต่อพ่วง อาทิเช่น เครื่องเล่นดีวีดีก็ดูได้แล้ว เป็นต้น
แต่ทีวีที่มีขายในท้องตลาดตอนนี้มี 3 ประเภท คือ แบบทีวีจอแก้วเทคโนโลยี crt ยุคดึกดำบรรพ์
แบบ lcd tv ที่โฆษณากันให้เปรอะไปหมด แบบ Plasma TV ที่หลายๆบริษัทบอกศาลาถอดใจเลิกผลิตไปหลายเจ้าแล้ว(เนื่องจากต้นทุนสูงและขายไม่ออก) จะยังมีเหลืออยู่ก็มีแต่ พานาโซนิค รวมถึง LG (ย่อมาจาก Lucky Goldstar)บริษัทเกาหลีที่ไปร่วมทุนกับฟิลิปส์ตั้งบริษัทรับผลิตจอพลาสม่ารายใหญ่อยู่ในเกาหลี และ ไพโอเนียร์ที่รากเลือดจากยอดขายทีวีพลาสม่าที่สาละวันเตี้ยลง จนฐานะบริษัทเริ่มไม่สู้ดีก่อนถูกบริษัทชาร์ปจากญี่ปุ่นด้วยกันเทคโอเวอร์กิจการไปเรียบร้อย  แล้วจะซื้อประเภทไหนดีมันเยอะแยะไปหมด คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับงบประมาณในกระเป๋าของคุณ
            ทีวีแบบจอแก้ว crt ราคาไม่สูงมากนัก จอขนาด 29 นิ้วเดี๋ยวนี้ราคาวิ่งอยู่ที่ 6000 - 8000 บาท 21นื้วราคาอยู่ในช่วง 2000 - 3900 บาท สำหรับ 14 นิ้วน่าจะหาซื้อยากเนื่องจากไม่มีเจ้าไหนผลิตออกมาแล้ว
             LCD TV ทีกำลังอินเทนด์ในตลาดบ้านเราก่อนซื้อ เท่าที่เห็นมีจอขนาดตั้งแต่ 19 นิ้ว (วัดทะแยง)ไปจนถึง 300 นิ้ว(จอ 300 นิ้ว อันนี้ผมไปเจอที่ญี่ปุ่น)จะเอาขนาดเท่าไหร่อันนี้แล้วแต่ใจชอบและงบประมาณที่คุณมี ให้ดูสเป๊คหลักๆก่อนตัดสินใจซื้อ ดังนี้
             ให้ดูค่าแสดงรายละเอียด Resolution ของจำนวนพิกเซลของ lcd tv เครื่องนั้นๆว่ามีค่าเท่าไหร่ อาทิ ค่า 1280 x 768 หรือ 1280 x 1080 เอาเป็นว่าจุดสังเกตให้ดูตัวเลขอันหลังเป็นหลักก็แล้วกันง่ายดี ตัวนี้ค่ายิ่งมากยิ่งดีิ ขอบอกสั้นๆแค่นี้ เพราะไม่งั้นต้องอธิบายกันยาวเหยียด เป็นค่าแสดงผลของจุดภาพในแนวตั้งและแนวนอนครับ ลำดับต่อมาให้ดูค่าอัตราความแตกต่างระหว่างภาพที่มืดและภาพที่สว่าง (Contrast)บางบริษัทให้คำจำกัดความว่านี่คิอค่าความคมชัดของภาพที่แสดงออกมาบนจอทีวี ให้มีมิติชัดลึกมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น อัตรา contrast  5000 : 1  หรือ  10000 : 1  เป็นต้น อธิบายสั้นๆจุดสังเกตค่ายิ่งมากยิ่งดีครับ
              อย่าลืมสอบถามคนขายถึงการบริการหลังการขายด้วยนะครับว่า ถ้าซื้อไปแล้วเจอปัญหา dead pixel ไม่ว่าจะกี่จุดก็ตามคุณจะสามารถเคลมเครื่องใหม่ได้ไหม หรือบางทีบางยี่ห้อคนขายก็จะบอกเลยว่ารับประกันการเกิด dead pixel ไม่เกิน 3 จุด 5 จุด เป็นต้นสอบถามกันให้ดี ดีกว่าจะมานั่งทนทุกข์ทรมานกับเครื่องทีวีที่เป็นปัญหาให้เราปวดใจหลังซื้อมาแล้ว เพราะเกือบ 100% ของทุกยี่ห้อที่เปิดโชว์ขายตามห้างร้านขายเครื่องไฟฟ้า ส่วนใหญ่มักจะต่อผ่านสัญญาณ
High Definition หรือ สัญญาณความคมชัดสูงกันแทบทั้งนั้น ส่วนใหญ่เมื่อซื้อกลับมาเปิดดูฟรีทีวีข่อง 3 ช่อง 5 ข่อง 7 ช่อง 9 มักจะเจอปัญหาว่าภาพเป็นเม็ดๆเหมือนทีวีไม่ชัด อันนี้คนขายไม่ได้หลอกแต่ไม่ได้บอกข้อมูลให้หมดมากกว่า เนื่องจากการส่งสัญญาณภาพออกอากาศของไทยเราส่งออกอากาศเป็น ระบบ Pal Typeแค่ G 625 เส้น ในขณะที่ตัว lcd tv ส่วนใหญ่มีประสิทธิผลการรองรับสัญญาณภาพมากกว่าขึ้นไป จึงทำให้ภาพที่ปรากฏบนจอเป็นเม็ดๆแต่ถ้าเปิดรับสัญาณจากแหล่งกำเนิดภาพอาทิ จากเครื่องเล่น ดีวีดี หรือ เครื่องเล่น บลูเรย์ดิส ที่ให้ผลระดับการแสดงผลของภาพทะลุ 1080 ไปแล้ว ภาพที่ปรากฏจะมีมิติความคมชัดมากยิ่งขึ้น
สำหรับ lcd ทีวียี่ห้อที่พอจะแนะนำได้ที่ภาพออกมาดูดีเป็นธรรมชาติ มีสีไม่ฉูดฉาดมากนัก(ขึ้นอยู่กับรุ่นและสเป็คเครื่อง)มี ฟิลิปส์ และชาร์ป นอกนั้นผมยังไม่ประทับใจ( อันนี้เป็นเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าเชื่อผมคุณต้องไปพิสูจน์ดูด้วยตัวคุณเองครับ)อ้อ.!..อย่าลืมดูจุดต่อสัญญาณเข้าและออกด้วยว่า ที่บ้านของคุณมีรองรับกับอุปกรณ์ต่อพ่วงที่มีอยู่เดิมหรือไม่ เพราะผมเคยเจอว่ามีเพื่อนท่านนึงโทรมาขอคำแนะนำจากผมไปปรากฏว่าพอซื้อเครื่องมาปรากฏว่าจุดต่อที่มากับเครื่องไม่สามารถต่อกับเครื่องเล่นที่มีอยู่เดิมได้ต้องขายทิ้งออกไป เพราะตอนนี้จุดต่อสัญญาณมีหลากหลายมาก อาทิ COMPOSITE , S-VIDEO , COMPONENT , VGAหรือที่รู้จักกันในนามของจุดต่อ D-Sub 15 pin , SCART , DVI , HDMI ที่ตอนนี้ออกมาถึงที่เวอร์ชั่น 3a แล้ว และสุดท้ายคือจุดต่อน้องใหม่ของวงการโฮมเธียเตอร์ ที่ีเพิ่งคลอดออกมาให้คนใช้ปวดหัวเล่นเมื่อเดือน มกราคม 2551 นี่เอง นั่นคือจุดต่อ DP หรือที่ย่อมาจากคำว่า Display Port โดย VESA หรือย่อมาจากสมาคม Video Electronics Association อันประกอบไปด้วยสมาชิกที่เป็นผู้ผลิตขั้นนำจองโลก อาทิ อินเทล AMD , DELL computerและ ซัมซุง เป็นต้น คุณสามารถหาอ่านข้อมูลของจุดต่อมาตรฐานใหม่ได้ที่  http://www.displayport.org ครับ
         ส่วนพลาสม่าทีวี ซึ่งให้ผลของภาพที่เข้าท่ากว่า LCD เพราะเวลาเปิดดูพวกฟรีทีวีแล้วภาพไม่ออกมาเป็นเม็ดๆเหมือนพวก lcd แต่มีข้อเสียที่แก้ไม่ตก คือ ราคาที่ค่อนข้างสูงมาก ระดับไพโอเนียร์รุ่นใหญ่ๆที่ให้ภาพออกมาดีมากเห็นราคาแล้วหนาวครับ
         ทีนี้มาพูดถึงโปรเจ็คเตอร์กัน ถ้าคุณต้องการชมภาพยนตร์แบบได้อารมณ์โรงหนัง มีห้องสำหรับชมที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เพราะต้องมีม่านกันแสงสว่างเพื่อให้ห้องมืดขณะชม
(ความจริงเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีใหม่ที่มีบางบริษัทผลิตจอรับภาพจากโปรเจ็คเตอร์ ทำออกมาขายซึ่งสามารถฉายสู้กับแสงสว่างได้สบายมาก ซึ่งพอถามราคาจากเซลแล้วอยู่ที่ราคาสองแสนกว่าบาทขึ้นไป ก็เลยเลิกคิดจะสนใจอีกเลย)มีระบบเสียงที่รองรับระบบโฮมเธียเตอร์ทั้ง Dolby Digital , DTS แล้วละก็โอเคเลย แต่ปัญหาที่คนซื้อโปรเจ็คเตอร์ไม่รู้มีอีกเยอะครับ อาทิ ซื้อมาแล้วมันไม่ได้จบที่เครื่องโปรเจ็คเตอร์ คุณจะต้องหาซื้อจอมาด้วย บางคนเอาประหยัดเล่นเอาผนังปูนทาสีขาวทำเป็นจอแทน ซึ่งถ้าคุณพอใจกับมันก็ไม่เป็นปัญหา แต่ส่วนใหญ่ซักพักนึงพอไปเห็นเขาฉายบนจอที่ดีกว่าภาพมีมิติชัดลึกกว่า อย่างจอของยี่ห้อ สจ๊วตจากอเมริกาที่มีราคาค่าตัวตั้งแต่ หกหมื่นบาทไทย(ของหิ้ว)ไปจนถึงสองแสนบาทไทย(ของห้าง) หรือย่อมเยาว์ลงมาอย่าง ยี่ห้อ OS SCREEN จากญี่ปุ่นที่มีค่าตัวหมื่นกว่าบาทไทย(ของหิ้ว)ไปจนถึงสามถึงสี่หมื่นบาทไทย(ของห้าง)ไม่รวมถึงจอจากจีนที่บริษัทในไทยสั่งมาขายและตั้งยี่ห้อกันเองนะครับ ร้อยทั้งร้อยผมเห็นรีบวิ่งไปหาซื้อมาเปลี่ยนกันทั้งนั้น อีกตัวนึงที่โปรเจ็คเตอร์ควร(ต้อง)มีคือ ระบบป้องกันไฟตกไฟเกิน ไฟกระชากไฟดับ (ลองไปหาซื้อยี่ห้อ ลีโอนิค เมดอินไทยแลนด์มาลองใข้ดูครับ)  สำหรับเครื่องโปรเจ็คเตอร์ยังมีแยกย่อยออกเป็นประเภทนำเสนองาน (Presentation)
สำหรับโฮมเธียเตอร์ และงานอาชีพ(Professuonal)ที่เห็นตามงานคอนเสิร์ตต่างๆน่านแหละ
ส่วนใหญ่สำหรับคนที่ไม่รู้หรือรู้ มักจะไปหาซื้อแบบ presentation มาใช้กันเพราะราคาไม่แพง (หมื่นกว่าบาทขึ้นไป)ราคาหลอดภาพไม่โหดมากนัก(เป็นบางรุ่นบางยี่ห้อ แต่ส่วนใหญ่ขายเครื่องถูกเพราะตกรุ่นแล้ว แต่ไปหากำไรโดยฟันราคาที่หลอดฉายแทน)ซึ่งโปรเจ็คเตอร์แบบนี้ถ้าจะเอามาดูหนัง ในห้องโฮมที่คุณอุตส่าห์จ้างช่างมาทำและตกแต่งหมดเป็นแสน แต่ใช้โปรเจ็คเตอร์แบบนำเสนอเป็นตัวฉายหลัก ขอแนะนำว่าอย่าไปซื้อเลย ให้ไปซื้อโปรเจ็คเตอร์แบบที่เขาผลิตมาเพื่อใช้กับโฮมเธียเตอร์จะเวิร์คกว่า ที่ผมบอกอย่างนี้มีเหตผลครับ อย่างแรกก็คือกรณีที่คุณต้องการดูหนังเป็นหลัก แต่หนังแต่ละเรื่องส่วนใหญ่ Transfer มาจากฟิล์มภาพยนตร์ทั้งนั้นซึ่งถ่ายมาที่สัดส่วนต่างๆกัน ทั้งสโคปสัดส่วน 2:35 หรือ 1:85 ฯลฯยกเว้นภาพที่มาจากกล้องถ่ายทางทีวีที่เป็นสัดส่วนสี่เหลี่ยมจัตุรัส 4:3  พอมาฉายขึ้นจอโปรเจ็คเตอร์ภาพจากหนังที่เป็นสโคป
ก็จะถูกกำหนดให้อยู่ในกรอบภาพจากแผงกำเนิดภาพที่ติดตั้งมาในเครื่องแล้ว ถ้าเป็นโปรเจ็คเตอร์แบบนำเสนอซึ่ง 100%ทุกเครื่องทุกยี่ห้อจะเป็นแผงกำเนิดภาพแบบสัดส่วนทีวี 4:3
สี่เหลี่ยมจัตุรัส เวลาฉายหนังจากดีวีดีที่มีภาพเป็นสัดส่วน 16:9 widescreen ก็จะเกิดแถบสีดำด้านบนและด้านล่างให้รำคาญสายตาเล่น หรือบางทีก็ใช้วิธีบีบอัดภาพให้ออกทีวีจอภาพ 4:3 ได้
แต่ภาพที่ปรากฏบนจอตัวคนจะดูผิดสัดส่วน ภาพตัวคนหรือวัตถุจะดูยืดๆเป็นเปรตยังไงพิกล ยกเว้นแต่ว่า เครื่องโปรเจ็คเตอร์หรือทีวีผู้ผลิตจะใส่วงจรปรับสัดส่วนภาพที่ถูกต้องชดเชยมาให้แต่ก็ต้องแลกมาด้วยรายละเอียดภาพที่ลดลงไม่ครบถ้วนครับ ซึ่งเวลาคุณไปถามคนขายโปรเจ็คเตอร์ว่ารองรับระบบภาพ 16:9 widscreen ได้หรือไม่ คนขายเกือบทุกคนจะบอกว่าได้ ต้องถามว่าสัดส่วนกรอบภาพของเครื่องโปรเจ็คเตอร์ที่จะซิ้อนั้นมีสัดส่วนเท่าไหร่ ดูไม่ยากหรอกครับสังเกตดูเวลาฉายออกมาภาพจะฟ้องออกมาเองว่า สัดส่วนกรอบภาพเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งเครื่องเล่นโปรเจ็คเตอร์แบบโฮมเธียเตอร์จะเป็นอย่างหลัง คือ สัดส่วนกรอบภาพเป็น 16:9 widescreen ครับ นี่เป็นเหตผลที่ผมพยายามบอกหลายๆท่านที่ไม่รู้และอวดรู้ให้เข้าใจ
สำหรับคำถามที่ว่าถ้าเกิดอยากจะยกไปฉายกลางแปลงดูเล่นทำได้มั๊ย ตอบว่าทำได้ครับและได้ผลดีมาก ถ้าฉายตอนกลางคืนที่มืดสนิท ยิ่งฉายจอใหญ่ซัก 10 เมตรขึ้นไปยิ่งแย่ลง เพราะกำลังส่องสว่าง ของโปรเจ็คเตอร์แบบโฮมเธียเตอร์เขาออกแบบมาให้อยู่ที่ ไม่เกิน 1200 lumen ท้งนี้ก็เพื่อไม่ให้เกิดอาการสายตาล้าจากการชมภาพยนตร์ที่ต้องเพ่งดูเป็นเวลานานๆครับ ต่างจากแบบนำเสนอที่ออกแบบให้มีกำลังส่องสว่างมากๆระดับ 2000 lumen ขึ้นไป เพราะต้องสู้กับแสงไฟในห้องประขุมที่นำเสนองานเขาก็เลยออกแบบมาเช่นนี้แล  โปรเจ็คเตอร์แบบนำเสนอเป็นที่นิยมเพราะราคาไม่สูงมาก ร้านหมูกระทะ ผับ บาร์เหล้า นิยมซื้อไปใช้ และส่วนมากใช้ไม่นานก็พังเพราะเล่นเอาไปเปิดกลางแจ้ง ทั้งฝุ่นทั้งควันบุหรี่ ไอน้ำมันจากหมูกระทะ (ที่โปรเจ็คเตอร์อ่อนไหวต่อเรื่องพวกนี้มากที่สุด)เข้าเครื่อง ถึงขนาดซ่อมไม่หายต้องทิ้งหันไปซื้อใหม่แทน
นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงระบบ lcd และ dlp รวมทั้งระบบ lcd ที่แตกแขนงกลายพันธ์ออกไปเป็น sxcd ของโซนี่ และ D-lia ของเจวีซี อีกนะเนี่ย ซึ่งต้องอธิบายกันอีกยาว ซึ่งผมขอยุติแค่นี้เพราะขี้เกียจพิมพ์ เนื่องจากนั่งพิมพ์มาตั้งแต่ตีสอง จนจะเจ็ดโมงเช้าของวันใหม่แย้ว ม่ายหวายแล้ว
เอาเป็นว่าโทรมาหาผมดีกว่า ถ้าอยากได้ข้อมูลโดยละเอียด เบอร์โทรก็จิ้มดูเอาที่ชื่อ user ของผมน่านแหละ ขอตัวไปนอนก่อนละกัน หวังว่าคงได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย และสุดท้ายอย่าเชื่อในสิ่งที่ผมบอกทั้งหมด ถ้าคุณยังไม่ได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าตรวจสอบว่าเป็นจริงตามที่ผมฝอยมาหรือไม่



โปรเจคเตอร์ชาร์ปรุ่นนี้หาซื้อได้ที่ไหนครับ ราคาประมาณเท่าไหร่  อายุของหลอดภาพอยู่ได้นานแค่ไหนแล้วถ้าเปลี่ยนหรือหมดอายุหาซื้อได้ที่ไหนราคาแพงไหมครับ  ดูแล้วเห็นภาพและสีแจ่มดีแล้วมันจะแจ่มไปอย่างนี้ตลอดหรือเปล่าครับ รบกวนพี่ๆช่วยแนะนำหน่อยนะครับ





ตอนนี้มีรุ่นใหม่มาแทนแล้วครับหาซื้อได้ตามห้างทั่วไปครับที่ผมต้องใช้ตัวนี้เพราะหลอดภาพอายุ 2000-3000 ชั่วโมงครับและเหมาะที่จะเอาไปรับงานนอกได้ด้วยเพราะความสว่าง 2000 ลูเมนท์ ส่วนที่พี่จาทีเอแนะนำให้ใช้แบบโฮมเธียร์เตอร์จริงๆนั้นเหมาะสำหรับฉายในห้องฉายหนังอย่างเดียวครับเพราะถ้านำไปฉายข้างนอกแสงมันจะน้อยไปครับและราคาค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกันผมก็เลยไม่ใช้เพราะนำออกไปงานนอกไม่ได้ครับ นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับว่าถ้าผมเล่นเครื่องพวกนี้แล้วเอามาทำเงินคืนทุนบ้างก็ยังดี (บางครั้งผมก็ให้เช่าเอาไปออกงานข้างนอกด้วยครับเพื่อลดต้นทุน) ส่วนจอพลาสม่าผมใช้ขนาด 50 นิ้วครับเพราะตั้งไว้ในห้องนอนผมไม่มีแสงสว่างกวนมากครับ  และถ้าเป็นผมโดยความคิดเห็นส่วนตัวนะครับผมจะซื้อที่ของกำลังจะตกรุ่นครับเพราะราคาจะลดลงมาเยอะครับและข้อสำคัญคุณภาพก็ดีภาพคมชัดใช้ได้ถึงสเปคจะไม่สูงเท่ากับรุ่นใหม่ๆแต่สำหรับผมแล้วดูดีวีดีเป็นหลักกับดูทีวีซึ่งบ้านเราส่งสัญญานเป็นอัตราส่วน 4 ต่อ 3 ซึ่งไม่จำเป็นคิดมากเลยและส่วนใหญ่แผ่นดีวีดีคอนเสิรต์ที่ผมชอบดูก็มีอัตราส่วน 4 ต่อ 3 เหมือนกันครับ ส่วนท่านที่มีตังค์เยอะก็สามารถไปซื้อรุ่นที่มีสเปคสูงๆมาเล่นได้แต่ก็ควรจะดูกับบูลเรย์ดิสค์อย่างเดียวเท่านั้นครับเพราะจะได้ดูภาพที่มีคุณภาพสูงสุดแรคาก็โหดเหมือนกันครับ  จากประสบการที่ผมเคยทำงานขายเครื่องเสียงและโปรเจ็คเตอร์รวมไปถึงกับการไปอบรมที่บริษัทในสมัยก่อนมาก็หลายครั้งต่อหลายครั้ง มันทำให้ผมรู้ว่าเทคโนโลยีมามาเร็วมากและก็ผ่านไปเร็วมากเช่นกัน ข้อสำคัญราคาก็ตกเร็วมากเหมือนกับคอมพิวเตอร์เลยครับเพราะฉะนั้นเราอย่าไปบ้าสเปคเลยครับ (ยกเว้นราคาพวกเครื่องเสียงไฮเอ๊นอย่างแมคอินทอสหรือมาร์คลีวินสันที่เซียนเครื่องเสียงเล่นราคาจะไม่ค่อยถูกลงมีแต่จะแพงขึ้นเพราะส่วนใหญ่ทำด้วยมือครับ)  สรุปผมแนะนำให้ใช้ของระดับกลางในราคาที่เหมาะสมกับกระเป๋าของเราจะดีกว่าครับเพราะหลังจากที่คุณซื้อมาใช้สัก 1 ปีราคาก็จะตกอย่างน่าใจหาย

ยกตัวอย่างโปรเจ็คเตอร์ของผมยี่ห้อชาร์ป ตอนซื้อใหม่ๆราคา 37000 บาท จอก็ไม่มีแถมเลยหลังจากนั้นอีก 6 เดือนต่อมาราคาลดเหลือ 26000 บาทแถมจอให้ด้วยครับ สาเหตุที่ต้องรีบลดราคาเพราะมีรุ่นใหม่ออกมาแล้วทั้งที่ยี่ห้อเดียวกันเพียงแต่เปลี่ยนชื่อรุ่นและดีไซร์หน้าตาให้ทันสมัยขึ้นแต่เชื่อไม๊ครับสเป็คทุกอย่างเหมือนรุ่นเก่าของผมเป๊ะเลยครับ ที่ผมรู้เพราะร้านที่ผมไปซื้อโปรเจ็คเตอร์ตัวนี้มาได้สั่งรุ่นใหม่มาแทนตัวของผมแล้วและผมได้ไปทดลองเล่นแล้วอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ไม่มีอะไรต่างกันเลยครับไม่ว่าจะเป็นสีสรรหรือความคมชัดของภาพก็ตาม

สรุปแล้วถ้าเป็นผมจะใจเย็นในการซื้อรุ่นใหม่ๆมาเล่นเพราะหลังจากนั้นก็จะมีรุ่นใหม่ๆมาแทนรุ่นนั้นเสมอๆครับ แถวบ้านผมช่วงโอลิมปิคที่ผ่านมาซื้อ lcd จำนวน 1 เครื่องแถมอีก 1 เครื่องครับ

และอีกอย่างเทคโนโลยีแบบบูลเรย์ดิสค์ก็ยังมีราคาแพงมากคือประมาณ 700 บาทต่อเรื่องในขณะที่ดีวีดีราคาเหลือไม่ถึงร้อยบาทและคุณภาพผมเคยทดลองดูแล้วคุณภาพแตกต่างกันไม่ถึง 100 เปอร์เซนต์ครับ ซึ่งไม่เหมือนกับม้วนวีดีโอเทปกับแผ่นดีวีดีที่มีความคมชัดและเสียงที่ต่างกันถึง 100 เปอร์เซนต์เต็มครับ ถ้าไม่เชื่อคุณลองไปหาม้วนเทประบบ vhs รุ่นเก่าๆมาเปิดเทียบดูได้เลยครับ  แต่สำหรับบูลเรย์ดิสค์กับแผ่นดีวีดีถึงจะมีความแตกต่างกันแต่ก็ไม่ถึงกับหน้ามือเป็นหลังมือครับ อันนี้ยืนยันได้เพราะผมไปคลุกคลีเล่นระบบบูลเรย์ดิสค์มาเป็นวันๆแล้วเพราะบังเอิญว่าผมค่อนข้างจะสนิทกับเจ้าของร้านขายเครื่องเสียงที่อุดร และบางวันอากาศก็ร้อนเพราะฉะนั้นผมก็จะเข้าไปตากแอร์และเล่นเครื่องเสียงที่โชว์ในร้านนี้แทบจะทุกชิ้นครับ ไปแต่ล่ะครั้งก็จะใช้เวลาประมาณ 2 - 3 ชั่วโมงครับ พูดง่ายๆก็คือทดลองเล่นจนหนำใจแล้วค่อยกลับบ้านครับและบางทีก็จะถือแผ่นหนังที่เราชื่นชอบไปทดสอบด้วยครับเพื่อเทียบกันทั้งระบบเสียงและภาพว่ามันต่างกันอย่างไร  ก็คิดดูพลาสม่าของ lg ที่ผมซื้อมาขนาด 50 นิ้วราคา 55000 บาท (ราคากำลังจะตกรุ่น) ตอนนี้ก็มีขนาด 50 นิ้วเช่นเดียวกันและเป็นรุ่นใหม่กว่าผมแต่ก็กำลังจะตกรุ่นตอนนี้ราคาก็ลดลงมาเท่ากับของผมเลยครับ   สรุปถ้าอยากจะซื้ออะไรก็ขอให้สำรวจเงินในกระเป๋าของเราให้ดีที่สุดครับเพราะสมัยนี้เงินสดๆ 90000 บาทไม่ได้หาได้ง่ายนัก  อยากแบบใหนชอบแบบใหนก็อย่าลืมคำว่าเเหมาะสมและพอเพียงก็แล้วกันครับ 




ขอบพระคุณพวกพี่ๆมากนะครับ...ที่ช่วยให้คำแนะนำ

จะรบกวนพี่ๆอีกสักอย่าง ช่วยแนะนำโปรเจคเตอร์สำหรับฉายหนังในบ้านหน่อยสิครับ

เอาที่ราคากลางๆ แสง สี คมชัด ดูแลรักษาง่าย ไม่มีปัญหาจุกจิก อะไหล่ไม่แพง

 

 




 

BenQ ตระกูล ST ก็น่าสนใจนะครับ ฉายภาพระยะสั้นครับ ผมเองกำลังเล็งๆอยู่ครับ (เล็งนานจนเมื่อยแล้ว อิอิ)




 

เพิ่มเติมครับ เอารูปมาฝากจาก www.projector.co.th ครับผม ลองเข้าไปชมเล่นๆก่อนได้ครับ

ราคาตัวนี้ที่ 26500 บาทไทยครับ

 




 

อยู่หน้าแรกครับ หาไม่ยาก ส่วนรายละเอียดผมแนะนำว่าลองเข้าไปดูใน web จะดีกว่าครับ

แต่ว่าคงเป็นอย่างที่ท่านจาร์ บอกน่ะครับว่าเครื่องบางรุ่นไม่แพงแต่เราต้องดูด้วยว่าราคาหลอดเท่าไหร่

ล่าสุดที่ผมเพิ่งเปลี่ยนหลอดไปยี่ห้อนึง ซื้อเครื่องใหม่ได้เลยครับ ส่วนถ้าสนใจทีวี LCD ผมเคยเห็น

LG 42 นิ้ว ตกรุ่นของใหม่ขายกันอยู่ที่ 29900 ครับ ดูราคาเฉยๆนะครับไม่ได้เข้าไปดูรายละเอียดครับ

รู้สึกว่าจะเป็นร้าน Future AV ที่เซียร์รังสิตครับ





 


สำหรับตระกูลที่ผมแนะนำนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับผม ยังไม่ได้โทรไปปรึกษาท่านจาร์


ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเสียงจริง เพราะว่ายังไม่ได้ตัดสินใจซื้อครับ ต้องขออนุมัติงบจากกระทรวงกลาโหมก่อนครับ อิอิ


แต่ว่าที่ผมสนใจเพราะผมมองง่ายๆว่า การฉายระยะสั้นแล้วได้ภาพขนาดใหญ่จะช่วยในเรื่องของแสงได้ครับ


ความเข้มของแสงน่าจะ OK กว่ารุ่นปกติ เนื่องจากเท่าที่ผมเคยลองเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่นๆจะพบคุณสมบัตินี้


กับเครื่องราคาสูงๆเกือบทั้งนั้น เพราะผมคงมีโอกาสนำไปใช้กับจอขนาดใหญ่ครับ ผมเลยมองเรื่องนี้เป็นหลัก


เนื่องจากถ้าเป็นระยะปกติอาจจะต้องเพิ่มความสว่างให้มากขึ้นถ้าต้องนำมาใช้กับจอที่มีขนาดใหญ่ครับ


ราคาก็จะเพิ่มตามมา รวมทั้งราคาหลอดที่สูงตามกันด้วยครับ


 


ไม่รู้ว่ามุขนี้มันจะได้ผลหรือเปล่านะครับ ถ้าท่านจาร์แวะมาอีกรอบช่วยแนะนำลูกศิษย์ POPFILM

ด้วยครับผม




แถมครับ.....

 

อันนี้เหมาะสำหรับการฉายบนจอ 10 เมตรมากครับ เผื่อท่านใดสนใจเอาไปฉาย Digital ก่อนฉายฟิล์มครับ

รายละเอียดครับ

Mfr No
Dimensions H/W/D:99x229x312
Resolution 1024x768(XGA)
Brightness 15000
Projection Lens No Standard Lens
Zoom Ratio Power Zoom and Focus
Projector Technology LCD
Panel Display 1.8" TFT p-Si LCD panel with MLA
Aspect Ratio 4:3
Throw Distance(m) Depending on lens
Display size (Inch) Depending on lens
Keystone Correction
Contrast Ratio 2000
I/O PC Terminal
DVI-D
D-Sub 15 Pin
5BNC
USB

Video Terminal
Component Video
Composite Video
S-Video
Optional Interface Board

Light Source (Lamp) 350Wx4
Lamp Life(STD/ECO)
Color System
Display Compatibility
Speakers
Audible Noise
Power source
Power Consumption
Digital I/O DVI-D
Special Features Lens Shift,Option Lens
Clearance
Launch July 2007
Other
Warranty ตัวเครื่อง 2 ปี หลอดภาพ 1ปีหรือ 1000 ชม.
Weight 36.5kg
Wireless / Network Support
Product Link

 

 

ส่วนราคารบกวนท่านลองเข้าไปหากันเองใน www.projector.co.th นะครับ  อิ อิ




 

 

ตอบเลยดีกว่าครับ เผื่อว่าใครจะสนใจครับ 90,000 บาท ครับผม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กับอีก 1,800,000 บาทครับ รวมกัน 1,890,000 บาท ครับ แหะ แหะ ไปก่อนนะครับ ก่อนจะโดนด่า ราตรีสวัสดิ์ครับ




5555 ว่าแล้วเชียว


ขอบคุณ POP FILM มากครับที่ให้ข้อมูล

แล้วหลอดภาพ BENQ รุ่นที่ให้มา นี้พอจะทราบราคาไหมครับ แพงไหม

พื้นที่ห้องผมมีขนาด 4 x 4 เมตร นะครับ จะใช้ได้ไหม




 

 

สวัดสีครับพี่แอ๊ด และคุณ KAE

 

  ผมว่าพี่แอ๊ดน่าจะเอาไว้สักเครื่องนะครับ ลงงาน Outdoor สบายๆเลยครับ แหะ แหะ

 

ส่วนหลอด BenQ รุ่น ST นี่ผมยังไม่ทราบราคานะครับ แต่ถ้าเป็นรุ่นเดียวกันแต่ไม่มี ST จะอยู่ที่ 8900 บาทครับ

ขนาดห้อง 4*4 ผมว่าแสงระดับ 2000 ขึ้นนี่สบายๆเลยครับ บางครั้งเปิดไฟ Downlight ไว้ซักดวงก็ยังเห็นภาพครับ

 




ให้ภาพ 16 : 9 ได้หรือเปล่าครับ


 

 

ตอบคุณ KAE  ผมว่าตอนนี้ให้ภาพ 16.:9 ได้เกือบทุกรุ่นแหละครับ แต่จะมีขอบดำบนล่างเหลือครับ ดังนั้นมันก็คือการแสดงผลเท่ากันกับแบบ 4:3 แบบ แต่ไม่เต็มจอนั่นแหละครับ เพราะถ้าจะเอาสัดส่วนแบบ 16:9 ที่ใกล้เคียงจริงๆคงต้องหาซื้อ Projector แบบ Wide Screen 1280 * 800 มาใช้ครับ (ตัวนี้ 800*600 นะครับ)




เลือกหน้า
[1] [2]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 21

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 116989891 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Akimoxagew , Landyxogew , RobertMIGH , Landexpzgew , Charlesfroms , Gregorydruct , LavillKer , BrianerpGep , Kristenmswony , AnthonykDraib ,