Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ประธานกรรมการ :ปวีณ เขื่อนแก้ว
เวบมาสเตอร์:อนุกูล วิมูลศักดิ์ 084-819-7374,095-308-6840


= ภายใน24ชั่วโมง , = ภายใน 3 วัน = ทั่วไป , = คลาส2 , = คลาส3 ,
รูป
ระบบโรง และเครื่องฉาย ดิจิทัล เจ้าของ อ่าน ตอบ ผู้ตอบหลังสุด
-FILM IS DEAD...LONG LIVE DIGITAL!!!2174877.. 21/9/2558 2:51
-โรงหนังจอ LED2520ยังไม่มีคนตอบ
-Christie CP2220 Lamp Exchange3310ยังไม่มีคนตอบ
-รีวิวโรงหนัง IMAX with Laser3301.. 26/12/2565 19:43
-3D Surround Atmos5050ยังไม่มีคนตอบ
-Promotional video for Ganga Cine House *4k dolby atmos6710ยังไม่มีคนตอบ
-Evolution of Cinema Surround Sound6530ยังไม่มีคนตอบ
-4DX Movie Theater Experience7542.. 22/12/2563 21:20
- Barco DP1500 DLP CINEMA7630ยังไม่มีคนตอบ
-Evolution of Cinema Surround Sound - Trailer8010ยังไม่มีคนตอบ
-sony vpl-gtz 3808241.. 13/8/2563 17:23
-Stewart Filmscreen present8520ยังไม่มีคนตอบ
- Panasonic 50,000-Lumen PTRQ50K 4K Native Laser Projector15934.. 5/6/2562 12:06
-Dolby Cinema at AMC 9780ยังไม่มีคนตอบ
-Barco DP1500 DLP CINEMA14211.. 9/11/2561 23:55
-BARCO OP2X-20C10471.. 16/10/2561 17:06
เลือกหน้า
[<<] [2] [3] [4] [5] [6]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 83

(ID:4559) FILM IS DEAD...LONG LIVE DIGITAL!!!


(แปลไทยเป็นไทยว่า...)


ฟิล์มตายแล้ว...ดิจิตอลจงเจริญ!!










แค่หัวข้อ ก็วงแตกแล้ว...



ความเห็น

[1] [2] [3] [4]


(ID:42470)

ที่มาและที่ไป...


เมื่อซักสิบปีที่แล้ว ตอน Star Wars:The Phantom Menace ออกฉายเป็นครั้งแรก ป๋าลูกัสโฆษณาซะใหญ่โต ว่าเป็นหนังฟอร์มใหญ่ที่ออกฉายด้วยระบบดิจิตอลเรื่องแรก




ซึ่งผลตอบรับในตอนนั้น ออกจะก้ำกึ่งพอสมควร ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะหนังน่าดูมากกก (ประชด) ซึ่งถึงผมจะแอบกังวลเล็กๆ ว่าซักวันหนึ่ง ระบบฉายดิจิตอลอาจจะเอาชนะฟิล์มได้
แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่า ยังอีกนานหรอกน่า เพราะเครื่องฉายดิจิตอลรุ่นแรกๆที่ออกมา นอกจากราคาจะแพงจับจิต ระดับสิบล้านขึ้น ในขณะที่คุณภาพยังห่างไกลจากเครื่องฉายฟิล์มเป็นยิ่งนัก Resolution ยังอยู่ราวๆ 1.3K เท่านั้น เรียกว่า ดีกว่าหน้าจอคอมพ์ที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้นิดเดียวเอง


เผลอแผล็บเดียว เมื่อซักห้าหกปีก่อน Major Cineplex ก็สั่งเครื่องฉายดิจิตอลเอามาลองตลาดบ้านเราจนได้ ซึ่งผมก็ยังมองโลกในแง่ดีว่า เฮ้ย เครื่องฉายมันยังแพงอยู่ คุณภาพก็ยังห่างไกลฟิล์มอยู่ ฯลฯ







(ID:42471)


สองสามปีก่อน เคยมีโอกาสดูหนังในโรงดิจิตอลครั้งหนึ่ง (เรื่องอะไร โรงอะไร ขอละไว้นะครับ)

พูดตรงๆ - ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรเป็นพิเศษ ราคาตั๋วแพงกว่าปรกติ แต่ภาพก็ไม่ได้สวยสดอะไรอย่างที่หวังนัก

"Look" ของภาพ ดูคล้ายๆกับเวลาดูหนังจากโปรเจคเตอร์ตามบ้านนี่แหละครับ เพียงแต่จอมันใหญ่กว่าก็เท่านั้นเอง

ตอนหนังจบ เดินไปออกประตูด้านหน้าจอ เลยได้สังเกตภาพบนจอดีๆ...อ้าว ภาพเป็นเม็ดๆ pixel เหมือนที่ฉายจากโปรเจคเตอร์บ้านๆด้วย ที่ไม่เห็นตอนแรกเพราะนั่งไกลจอ ก็เลยไม่เห็นเป็นเม็ดๆก็เท่านั้น




โดยรวมก็คือ ไม่ได้มีความประทับใจอะไรนัก กับระบบดิจิตอลในเพลานั้น




แล้วผมก็ไม่ได้ตามเรื่องนี้อีกเลย จนกระทั่ง...






(ID:42472)



เผลอแผล็บเดียว กลายเป็นว่าตอนนี้ กำลังจะถึงเวลาที่ระบบ Digital เข้ามาทดแทนระบบฟิล์มแล้ว เพราะว่า...





1.บ. คริสตี้ ประกาศยุติสายการผลิตเครื่องฉายฟิล์มแล้วครับ หันมาผลิตเครื่องฉายดิจิตอลเต็มตัว (Press Release อยู่ที่นี่ครับ http://www.christiedigital.com/en-us/news-room/press-releases/Pages/FilmProdEndEN.aspx ลงวันที่ 19/11/25552)


2.บ. Strong ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องฉายฟิล์มรายใหญ่"รายเดียว"ที่เหลืออยู่ในอเมริกา (เป็นผู้ผลิตทั้งยี่ห้อ simplex และ century ครับ) ไม่มีการผลิตเครื่องฉายฟิล์มรุ่นใหม่ๆออกมาในรอบสิบปีนี้เลย ที่มีขายอยู่ก็เป็นรุ่นเดิมๆที่มีมาเป็นสิบปีแล้วทั้งนั้น

3.ส่วนทางด้าน Home Theater ก็พัฒนาเอาๆๆ จากเมื่อสี่ซ้าห้าปีก่อน ทีวีพลาสมาซักเครื่อง ราคาเรือนแสน แต่ตอนนี้ LCD TV 32" ราคาลงมาเหลือหมื่นกว่าบาทเอง สวนทางกับคุณภาพที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนทำไปทำมา กลายเป็นว่า โฮมเธีียเตอร์เทพๆประมาณ Full HD 1080p บางชุด ให้คุณภาพระดับน้องๆโรงหนังจริงๆแล้วเด้อพี่น้อง

4.หรือดูกระทู้ที่ป๋าจุ๋ม เอาเครื่องโปรเจคเตอร์แบบบ้านๆ (แต่รุ่นล่าสุดนะ) ไปฉายขึ้นจอสิบเมตรได้หน้าตาเฉย...ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องฉายแบบโปร ราคาเป็นแสนเป็นล้านก็เอาอยู่ละ

5.อ้อ ตอนนี้โรงหนังส่วนใหญ่ใน USA ที่เปิดใหม่ เกือบทั้งหมด จะเป็น Digital แล้วนะครับ ประมาณว่าถ้ามี 10 จอ ก็จะเหลือที่ฉายฟิล์มได้ไว้ซัก 1-2 จอก็พอ ที่เหลือก็จะเป็นดิจิตอลไปละ

6.ที่ผ่านๆมา ในอเมริกา โรงหนังบางเครือ จะมีการเอาหนังดังๆ เมื่อ 2-3 ปีก่อน จัดโปรแกรมมาฉายในโรงใหม่ ซึ่งแปลว่าบ.หนัง ก็ต้องมีการสต็อกฟิล์มก็อปปี้ที่ใช้แล้วไว้จำนวนหนึ่งเพื่อการนี้ (ส่วนใหญ่ที่เหลือ คือเอาไปเผาทิ้ง T_T)
แต่เดี๋ยวนี้ หลายบริษัทหนัง ก็ทยอยเลิกสต็อกฟิล์มก็อปปี้แล้ว เหลือเก็บแค่ digital copy อย่างเดียว ปะเหมาะเคราะห์ร้าย หนังบางเรื่องที่เอามาฉายใหม่ บางทีท่านเล่นส่งแผ่น DVD มาให้ฉายเลยก็มี -______-"







(ID:42474)

สรุปเครื่อง 35 มม. ต่อไปก็จะเป็นเหมือน 16 มม ที่มีเครื่องกองเป็นกิโลแต่หาฟิลม์ฉายยากมากๆๆ 




(ID:42475)
ดังนั้น ผมขอฟันธงล่วงหน้าไว้เลยว่า อีก5-6ปีข้างหน้า...


-โรงหนังในอเมริกา น่าจะกลายเป็นระบบดิจิตอลเกือบทั้งหมด เหลือแต่โรงเก่าๆเป็นบางโรง หรือพวกโรงหนังอาร์ตเท่านั้นที่ยังฉายฟิล์มได้อยู่

-โรงหนังในบ้านเราก็ด้วย โรงอย่างเมเจอร์,SF นี่คงไม่พลาดอยู่แล้ว ส่วนเครือย่อยๆ อาจยังพอมีระบบฉายฟิล์มอยู่บ้าง

-ส่วนโรงต่างจังหวัด ถ้าสายหนังยังหาฟิล์มมาป้อนได้อยู่ ก็คงพอถูไถไปได้ แต่ถ้าวันใหนสายหนังไม่มีฟิล์มมาให้ฉาย โรงหนังตามจังหวัดไกลๆทั้งหลาย(ที่ตอนนี้ก็อยู่ยากอยู่แล้ว) อาจถึงกาลอวสานเอาได้


-แล้วหนังเร่ล่ะ...ผมนึกออกอยู่ 2-3 ทางเลือก
1.ก็ฉายฟิล์มไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีฟิล์มให้ฉาย ก็เป็นอันเลิกกิจการ จบ...
2.ถ้างบถึง ก็รอถอยเครื่องฉายดิจิตอลรุ่นแรกๆ ที่ปลดระวางมาจากโรง แต่ราคาคงไม่น่าดูชมนัก
3.หรือไม่ก็ถอยเครื่องฉายโฮมเธียเตอร์รุ่นสูงๆ เอามาฉาย แบบที่ป๋าจุ๋มลองทำดูนั่นแหละครับ ราคาก็ไม่หนีกับเครื่องฉายฟิล์มยกชุดอยู่แล้ว เพิ่มเครื่องเล่นดีวีดีหรือบลูเรย์อีกเครื่องก็จบละ


(มานึกดูอีกที ข้อ 3.นี่ ก็เป็นสิ่งที่หลายๆคนทำอยู่แล้วนี่หว่า --" คือเปลี่ยนแนว มาเป็นกิจการให้เช่าโปรเจคเตอร์ฉายในงานเลี้ยงต่างๆแทน)



(ID:42476)

อ๊ะ โดนปาดจนได้


แต่สำหรับมือสมัครเล่นทั้งหลาย นี่อาจเป็นโอกาสทองแล้วก็ได้

เพราะอีกไม่นาน ก็อาจจะมีหัวฉายโรงสภาพสวยๆ โดนโละออกมาเป็นภูเขาเลากา ให้นักเล่นกระเป๋าหนักเลือกช็อปกันแทบไม่หวาดไม่ไหวก็เป็นได้ครับ : )

ส่วนฟิล์มหนังก็ไม่ต้องห่วง จากปริมาณฟิล์มหนังที่ถูกผลิตขึ้นทั้งหมดในบ้านเราจนถึงปัจจุบันนี้ ผมเชื่อว่ามากพอที่จะให้เราเล่นไปอีกอย่างน้อยก็เป็นสิบๆปีละครับ อิอิอิ




(ID:42478)

ส่งท้าย...




ถึงตอนนี้ ขอประกาศไว้เลยครับว่า THOSE DAYS ARE NUMBERED


ไม่ว่ายังไง ระบบฉายด้วยฟิล์ม ก็จะต้องถึงกาลอวสานอย่างแน่นอนครับ จะวันใหนเท่านั้นเอง
และมั่นใจว่า คงไม่นานเกินรอด้วย
โดยที่พวกเราในที่นี้ จะได้ร่วมกันรู้เห็นเป็นพยานในเหตุการณ์นี้อย่างแน่นอน




(ID:42481)
ลืมปอลอ --"

ที่กล้าฟันธง เพราะได้เคยเห็นเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ ได้เกิดขึ้นมา 2 ครั้งแล้วครับ



-ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว แผ่นเสียง Long Play ครองตลาดนักเล่นเครื่องเสียง อยู่ดีๆก็มีซีดีโผล่ขึ้นมา แรกๆถูกปรามาสว่า ไม่ได้เรื่องบ้างละ เสียงไม่เอาอ่าวบ้างละ เดี๋ยวนี้ละครับ เป็นไงบ้าง...

-(อันนี้ใกล้ตัวหน่อย) สิบปีที่แล้ว กล้องดิจิตอลเริ่มตั้งไข่ ป๊ะป๋าผมก็มองๆดูเหมือนกัน แล้วก็ตัดสินใจว่า ยังไม่ลงทุึนอะไรกับระบบดิจิตอลในตอนนั้น ตัดสินใจทำรูปจากฟิล์มต่อไปเหมือนเดิม
เผลอแผล็บเดียว กล้องฟิล์มก็ถูกกวาดไปจนเกือบเกลี้ยงตลาด บริษัทอย่างโกดักที่เคยยิ่งใหญ่ในโลกกล้องฟิล์ม กลายเป็นบริษัทเล็กๆไปซะแล้ว T_T ทุกวันนี้ ถ้าไม่อาศัยว่ามีงานอัดรูปจากกล้องดิจิตอลอยู่บ้างนิดๆหน่อยๆละก็ วันๆก็นั่งตบยุงกันละครับ -___________-"



ไม่ไหวละ ดึกก็ดึก พรุ่งนี้ต้องลุยงานต่ออีก จบมันดื้อๆแบบนี้ละครับ อิอิอิ



(ID:42483)

ยังไงผมก็ชื่นชอบการฉายภาพยนตร์ด้วยฟิล์มอ่ะครับ ยิ่งฉายฟิล์มเก่าๆเป็นเส้นฝนตกยิ่งชอบใหญ่เลย ผมเกิดมาในยุคฟิล์มใจรักหนังก็เพราะฟิล์มนี่แล่ะครับ ฉายดิจิตอลกับโปรเจ็คเตอร์ก็ไม่ต่างกันมากหรอก




(ID:42488)

ที่คุณโหน่งโพสมาเป็นความจริงทั้งหมดครับ สมัยก่อนโรงหนังใหญ่ๆในบ้านเราสั่งเครื่องโปรเจ็คเตอร์มาฉายในโรงแบบดิจิตอลราคา 20 กว่าล้านบาทต่อ 1 เครื่องแต่ตอนหลังมานี้ราคาลดลงเหลือ 15 ล้านบาท แต่เมื่อเดือนที่แล้วผมได้มีโอกาศคุยกับคุณแสนระศักดิ์ของเราซึ่งท่านบอกว่าตอนนี้มีเครื่องฉายดิจิตอลรุ่นล่าสุดออกมาแล้วกำลังฉายไม่แตกต่างจากในโรงหนังเลยสามารถฉายได้อย่างสบายมากราคาณตอนนี้เหลือ 3 ล้านกว่าบาทแล้วครับท่าน เชื่อว่าในอนาคตจะลดลงมาเหลือหลักแสนอย่างแน่นอนครับ ดูอย่างทีวีพัสม่าที่ผมเคยดูเมื่อ 10 กว่าปีก่อนราคาตั้งเจ็ดแสนกว่าบาทตอนนี้เหลืออยู่ 2 - 3 หมื่นบาทเอง เชื่อว่าต่อไปถูกลงแน่นอนครับ




(ID:42489)

ส่วนแผ่นเสียงที่คุณโหน่งบอกว่าไม่นิยมแล้วและเปลี่ยนมาเป็นซีดีกันแล้วก็จริงครับแต่สำหรับตัวผมเองก็ยังเชอบที่จะเก็บสะสมแผ่นเสียง ตอนนี้ก็พอมีเหลือฟังอยู่ประมาณ 2000 กว่าแผ่น อาจเป็นเพราะว่าเคยผูกพันกับแผ่นเสียงมาตั้งแต่เด็กๆแล้วก็เลยเก็บสะสมมาตลอดจนถึงปัจจุบันนี้ล่ะครับ อ๋อเสห่น์ของแผ่นเสียงก็คือเวทีของเสียงที่มีความหวานละเมียดละมัยมากยิ่งถ้าได้แผ่นดีๆกับเครื่องเล่นพร้อมหัวเข็มดีๆรับรองคุณจะได้เวทีเสียงที่หวานละมุนมากครับ

ถ้าคืนใหนที่ผมเปิดแผ่นเสียงละก็รับรองคืนนั้นต้องนั่งฟังเพลงเก่าๆที่ชื่นชอบไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงในการนั่งฟังครับ




(ID:42492)
ก็คิดเอาไว้อยู่นะว่าจะต้องถูกดิจิตอลเข้ามา....อีกตัวย่างคือ VDO ที่เป็นเทปตลับ ดูหนัง ก็ถูกแผ่น่VCD และDVDเข้ามาแทน จนเดียวนี้ไม่มีให้เห็นแล้วนะกับเทปตลับVDO....แต่ผมเองยังเก็บเครื่องเล่นVDOเอาไว้นะ ยามที่มองดูเครื่องเล่นVDOที่เก็บเอาไว้ ก็ทำให้คิดถึงวันเก่าๆเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ในความทรงจำเก่าๆ...ก็ทำให้รู้สึกใจหาย........นะครับ



(ID:42497)
อีกร้อยปีข้างหน้าหากโลกไม่แตกไปเสียก่อน เครื่องฉายหนังและฟิล์มที่เรามีอยู่จะราคาแพงขึ้นเหมือนพระเก่าหรือป่าวครับ



(ID:42501)


       ความจริง คือ ความจริง  ตามที่ท่านรองโพสมาครับ  แต่กระผมเองก็ยังคลั่งไคล้ ระบบฟิล์มเหมือนเิดิม เพราะจริงๆแล้ว เป็นต้นแบบและจุดกำเนิดอันแท้จริงของภาพเคลื่อนไหว(ภาพยนตร์)  ที่วิวัฒนาการเรื่อยมา  จนมาถึงยุคไอที   ความเห็นส่วนตัวนะ  ถ้าความชอบ  ระบบฟิล์มจัดเป็นอันดับที่ 1   ระบบดิจิตอลจัดเป็นอันดับที่ 2 ครับ    เพราะการดูภาพจากระบบฟิล์ม กับ ดิจิตอล  มันแตกต่างกันมาก   ยกตัวอย่าง  การดูจากฟิล์ม สีจะเป็นธรรมชาติกว่า ยิ่งมีเส้นมีรอยบ้างนิดๆ  เห็นมันไหลๆ   แสงกระพริบถี่ๆในภาพที่เป็นจังหวะในการเคลื่อนไหว ที่เกิดจากใบพัดตัดแสง ก็ยิ่งได้ความรู้สึกถึงระบบภาพยนตร์ที่เป็นแมนนวลอันแท้จริงครับ.....    ไม่ค่อยชอบกึ่งสำเร็จรูปสักเท่าไหร่ ....

        ถึงตอนนี้กระผมยังไม่มีอุปกรณ์  หัวฉาย ฯลฯ  มีแต่ฟิล์มจำนวนหนึ่ง   ฉะนั้นก็จะยังเสาะหามาครอบครองอนุรักษ์ไว้ให้จงได้  และจะเก็บรักษาไว้ให้สมบูรณ์ใช้งานได้ตลอด  ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน    ตอนนี้ก็กำลังออมตังค์อยู่  ยังไงก็ต้องสอยมาเก็บไว้ให้ได้ครับ  คอนเฟิร์ม!!!!





(ID:42541)






วันนี้ผีเข้า เลยมาเฝ้าเว็บเป็นวันที่สอง อิอิอิ


ขอขยายความเรื่องตลาดกล้อง/ฟิล์มถ่ายภาพซักนิดละกันกั๊บ

ช่วงผมพอรู้ความ ก็คือซักยี่สิบกว่าปีก่อน ราวๆปี 2528-2533 เป็นช่วงที่ตลาดกล้องฟิล์มกำลังคึกคัก เพราะการถ่ายรูปนอกร้านเริ่มเป็นที่นิยม กล้อง+ฟิล์มราคาเริ่มลดลง&ใช้งานง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องถ่ายรูปเฉพาะในร้านอีกต่อไป ลูกค้าเพิ่มขึ้น แต่ร้านยังมีไม่มาก ช่วงนั้นป๊ะป๋าเปิดร้านได้ราวๆสิบกว่าปี สั่งสมชื่อเสียงได้พอสมควรแล้ว ลูกค้าเลยขึ้นน่าดู เรียกว่ารับทรัพย์กันแทบไม่หวาดไม่ไหวเหมือนกันครับ อิอิอิ


ต่อมา ช่วงซักปี 2533-2540 เป็นยุคบุกเบิกของเครื่องมินิแล็บพอดี จากเดิมที่ต้องส่งฟิล์มไปล้างถึงตัวจังหวัด รอกันเงก 2-3 วัน กลายเป็นว่ามีร้านห้องแถวเดียวก็รับล้างอัดรูปได้แล้ว ลูกค้ามารอแค่ 1-2 ชั่วโมงก็รับรูปได้ละ ทำให้มีร้านแล็ปสีผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ตัวหารเยอะขึ้น แต่ก็ทำให้ตลาดพลอยคึกคักตามด้วย แม้การแข่งขันจะสูง แต่ก็ยังพอทำเงินทำทองกันได้อยู่


ประมาณช่วงปี 42-43 แม้จะรอดพ้นวิกฤติต้มย้ำกุ้งปี 40 มาได้โดยไม่เจ็บตัวอะไรมาก แต่หลังจากเหนื่อยหน่ายกับการแข่งขันที่ดุเดือดเลือดพล่านในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และลูกๆ ก็คือผม กับพี่สาว&น้องชาย อยู่ในช่วงที่เรียนจบ และทยอยกันมีงานการทำแล้วพอดี ความบีบคั้น/แรงจูงใจในการลงทุนอะไรหนักๆอีกจึงไม่มี


ประกอบกับเมื่อเห็นว่ากล้องดิจิตอลกำลังเริ่มมา แม้ว่าตอนนั้นราคาจะยังแพงโลกแตกอยู่(ถูกสุดก็ตัวเป็นหมื่น)ภาพที่ได้ก็ยังไม่เอาใหน แต่แกก็คาดการณ์ไว้แล้วว่า ยังไงๆ กล้องดิจิตอล ก็จะต้องมาแทนที่กล้องฟิล์มได้ในที่สุดอยู่ดี 

ด้วยเหตุผลข้างต้น แกก็เลยตัดสินใจ ยุติการลงทุนใหญ่ๆหน้าร้านเพิ่มเติม ทำเอาแค่ที่มีก็พอ โดยหวังว่าตลาดกล้องฟิล์มน่าจะยังไปได้อีกซัก5-10ปี ถึงตอนนั้น อาจจะยังหลงเหลือลูกค้าอยู่ในจำนวนเล็กน้อย เป็นกลุ่มเฉพาะทางจริงๆ ซึ่งน่าจะทำให้พอเลี้ยงตัวได้อยู่ จะอัพเกรดเครื่องเดิม ให้ปรินท์รูปจากดิจิตอลได้ ต้องลงทุนอีกเป็นล้าน(ราคาตอนนั้นนะครับ ไม่รู้ตอนนี้เป็นไงแล้ว) คิดแล้วเหนื่อยเกิน เลยไม่เอาดีกว่า





...10 ปีผ่านไป สถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะใกล้เคียงกับที่แกเคยทำนายไว้ แต่ก็รวดเร็ว และรุนแรงกว่าที่คิดไว้ค่อนข้างมาก คือ 
1.ใช่ กล้องดิจิตอลรุ่นสูงๆระดับมืออาชีพก็ยังแพงอยู่ต่อไป แต่กล้องรุ่นถูกๆ ก็ราคาลงไปกองกับพื้นจริงๆ 2,***฿ ก็หาซื้อได้แล้ว หรือถ้ายังไม่ถูกพอ มือถือเครื่องละพันกว่าบาท ก็ถ่ายรูปได้เหมือนกัน จะเอาอะไรอีกล่ะ?
2.นั่นทำให้กล้องฟิล์มหมดไปเร็วกว่าที่คิด ประมาณปี 49-50 ก็แทบจะไม่เหลือหลอแล้ว ยกเว้นตลาดกล้องเก่าเพื่อการสะสมเท่านั้นเองที่ยังพอไปได้ แต่ก็อยู่ในวงแคบมากๆ
3.กลุ่มที่ยังเล่นกล้องฟิล์มอยู่ แม้จะพอมีบ้าง แต่ก็น้อยเกินกว่าที่จะ support กิจการที่ร้านได้(นึกถึงตจว.เล็กๆดูละกันครับ จะมีคนเล่นกล้องฟิล์มกันซักกี่คน?) กระทั่งกลุ่มสมัครเล่น100%ที่นานๆถ่ายรูปที และคาดหวังว่าจะยังใช้กล้องฟิล์มอยู่ ก็โดนเหตุผลตามข้อ 1.กวาดต้อนออกจากตลาดกล้องฟิล์มไปหมดเกลี้ยงด้วย
4.แม้แต่ตัวแทนจำหน่ายวัตถุดิบต่างๆ เช่น กระดาษอัดรูป น้ำยาล้างฟิล์ม ฯลฯ รายย่อยๆในระดับยี่ปั๊ว/ซาปั๊วในกรุงเทพ ย่านพลับพลาไชย ก็ทยอยเลิกกันไปเกือบเกลี้ยง กลายเป็นของหายากไปเสียหมด (แกเคยคิดจะรื้อฟื้นการทำรูปขาวดำอยู่แว้บๆ แต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดไปเพราะเหตุผลข้อนี้)
5.ที่สำคัญ บริษัทหลักๆที่ผลิตฟิล์ม/กระดาษป้อนตลาด ก็ถอดใจกันไปเกือบหมดแล้วครับ
-ฟูจิ หันไปเอาดีกับตลาดดิจิตอลเต็มตัว และดูจะไปได้สวยด้วย
-อั๊กฟ่า ถอนทัพออกจากตลาดฟิล์ม/กระดาษอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนจะไปมุ่งเน้นขายอุปกรณ์ทางการแทพย์ กับงานจำพวกกราฟฟิก&สิ่งพิมพ์ และเคมีภัณฑ์อีกนิดหน่อย
-โกดัก ซึ่งเคยเป็นผู้นำตลาดฟิล์มอันดับหนึ่งตลอดกาล ตอนนี้ก็กลายเป็นเพียง"คนเคยรวย"ไปแล้ว เพราะตกเทรนด์ดิจิตอล ถูกฟูจิทิ้งไม่เห็นฝุ่น แถมไปผิดทิศ มุ่งเน้นแต่ขายกล้องกับอุปกรณ์ระดับล่าง ซึ่งกำไรต่ำ และถูกตลาดมือถือติดกล้องเบียดจนแทบไม่เหลือ...
-ยี่้ห้ออื่นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้วครับ ล้มหายตายจากกันไปเกือบหมดแล้ว...






ปัจจุบัน ผมเห็นร้านที่ยังเปิดอยู่ได้ ส่วนใหญ่ก็ต้องปรับตัว ยอมลงทุนกับระบบดิจิตอล และมีกิจการข้างเคียงมาเสริม เช่น รับถ่ายรูป/วิดีโอนอกสถานที่ หรือถ้าถ่ายรูปในร้าน ก็ต้องปรับเป็นสตูดิโอถ่ายรูป อะไรทำนองนั้น บางร้านก็ขยายไปทางกิจการคอมพิวเตอร์ เช่น เปิดเป็นร้านเกมส์/ซ่อมคอมพิวเตอร์ควบกันไป ถึงจะอยู่รอดได้ 

ส่วนร้านที่ยังเป็นแบบเดิมๆ คือถ่ายรูปในร้าน/ล้างอัดฟิล์มอย่างเดียว ผมเห็นเหลือแต่แถวสี่กั๊ก/เสาชิงช้าสักสองสามร้านเท่านั้นเอง ซึ่งก็จะทำแบบดั้งเดิมสุดๆไปเลย นอกนั้นก็ล้มหายตายจากไปหมดสิ้น





เหตุการณ์แบบนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เคยเกิดขึ้นกับร้านแผ่นเสียง/ร้านเช่าวิดีโอ และอีกหลายธุรกิจมาแล้ว

ดังนั้น แม้ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย แต่ผมเชื่อว่า เหตุการณ์แบบเดียวกันเป๊ะ ก็กำลังจะเกิดขึ้นอีก(หรือจริงๆก็เกิดอยู่แล้ว?) กับธุรกิจหนังกลางแปลงด้วยเช่นกัน






(ID:42542)

ดังนั้น รับประกันเลยครับ ว่าไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม


อีกไม่เกิน 5-10 ปี โรงหนังแนวหน้าอย่างเมเจอร์ SF จะฉายเป็นระบบดิจิตอลหมด(หรือเกือบทั้งหมด)

ภายใน 10 ปี โรงหนังทั่วๆไปก็จะฉายด้วยระบบดิจิตอลด้วย

และถึงตอนนั้น โรงหนัง/หน่วยหนังใหนที่ไม่มีเงินทุนพอจะปรับตัวได้ละก็ เตรียมเลิกกิจการได้เลย เพราะตอนนั้น อาจจะไม่มีฟิืล์มให้ฉายแล้วก็ได้


แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงอย่างที่สุดจริงๆก็คือ ด้วยเทคโนโลยีที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอินเตอร์เนตที่เร็วขึ้นๆๆ เป็นไปได้ว่าต่อไปอีกไม่นานนี้ เราจะไ้ด้ดูหนังแผ่นชนโรง คุณภาพระดับ Full HD พร้อมๆกับที่หนังฉายโรงเลยทีเดียว
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงละก็ นี่อาจทำให้ธุรกิจโรงหนังทั้งระบบเรรวนซวนเซ หรือถึงขนาดล่มสลายกันทั้งระบบเลยก็ได้ (ก็คล้ายๆกับที่ธุรกิจเพลงกำลังโดนอยู่ตอนนี้แหละครับทั่น)


เฮ้อ ยิ่งนึกยิ่งฟุ้งซ่าน เอาว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดละครับทั่น

Que sera sera
Whatever will be,will be
The future's not ours to see
Que sera sera

What will be,will be
Que sera sera...




(ID:42566)

ต่อไปก็คงจะไม่มีหนัง 2 มิติแล้วครับ หนัง 3 มิติ 4 มิติจะเข้ามาแทนที่อีกไม่ช้า  ต่อไปฉายหนังกลางแปลงคงแจกแว่นตาดูหนังครับ 555




(ID:42567)

ขอมาเม้นต์ด้วยครับ

 

นั่งอ่าน นอนอ่านอยู่นานครับ เห็นภาพลางๆออกมาก่อนหน้าที่อาจารย์โหน่งกับพี่แอ๊ดได้มาพักใหญ่ๆแล่วครับ

ตั้งแต่ผมเริ่มเอาม้วน VDO เก็บใส่ลังไว้ใต้ถุนโกดัง แล้วเอาแผ่น VCD ขึ้นมาเรียงแทนยังไม่ทันไร DVD กล่องใหญ่ๆ ไม่มีที่เก็บก็หาเรื่องปวดหัวมาให้ผมอีกเป็นระลอกสอง

 

ทั้งกระนั้นกระแส Blue ray กล่องเล็กๆกระทัดรัดขอบสีน้ำเงินฟ้า ก็มาเย้ายวนตาให้ผมอีกเป็นระลอกสาม แต่ก็คงต้องถอยไปตั้งหลักก่อน กับราคาที่ยังเอื้อมไม่ถึงครับ

 

สุดท้าย Hi Def 1080p 1080i สนนราคากิ๊กละบาท ก็ออกมาระบาดในหมู่ผู้นิยมภาพเคลื่อนไหวให้สะเทือนวงการเป็น generation ล่าสุด ดูอย่างอวตาร 80 G 80 บาท  ใครๆก็อาจเอื้อมได้ครับ

ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเราถึงติดอันดับโลกกับเขาในเรื่องต่างๆเหล่านี้

แต่ถ้ากระแสเหล่านี้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นและถูกต้อง ผมก็ยินดีที่จะน้อมรับนะครับและก็คงปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ที่สังคมกำหนดขึ้นได้

ตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะเผยแพร่สื่อเหล่านี้สู่สาธารณะให้ถูกต้อง ให้ทำอะไรก็ยินดีครับ ให้จ่ายลิขสิทธิ์แบบไหนก็ยอมครับ ถ้ากระแสตอบรับเป็นไปในทิศทางที่บวกครับ

POP FILM  ก็พร้อมที่จะแตก line เป็น POP Digital อีกสาขาหนึ่งครับ

 

 




เลือกหน้า
[1] [2] [3] [4]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 70

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 116943448 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :BobbyHOm , LavillKer , Sallycgriet , CarolyncJuh , RobertMIGH , แสบ chumphon , LouieTub , rudgoodcomua , AdamLR , Mylesd ,