รายงานข่าวจากสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว (สพท.) เปิดเผยว่า ช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมา มีภาพยนตร์ต่างชาติเข้ามาถ่ายทำในไทยถึง 374 เรื่อง สร้างรายได้เข้าประเทศ มูลค่า 1,611.49 ล้านบาท สูงกว่ารายได้ทั้งปี 50 ที่มีภาพยนตร์ต่างชาติเข้ามาถ่ายทำถึง 523 เรื่อง แต่สร้างรายได้ 1,072.62 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นภาพยนตร์สารคดี 140 เรื่อง, ภาพยนตร์โฆษณา 146 เรื่อง, ภาพยนตร์เรื่องยาว 19 เรื่อง, ภาพยนตร์โทรทัศน์ 30 เรื่อง และมิวสิกวิดีโอ 39 เรื่อง เมื่อแบ่งตามประเทศที่มาถ่ายทำ จะพบว่า เป็นประเทศญี่ปุ่นเข้ามาถ่ายทำมากที่สุด 90 เรื่อง รองลงมาคือ ประเทศอินเดีย 80 เรื่อง, ประเทศแถบยุโรป 74 เรื่อง, เกาหลี 21 เรื่อง, ฮ่องกง 20 เรื่อง, สหรัฐอเมริกา 19 เรื่อง, ออสเตรเลีย 9 เรื่อง, จีน 8 เรื่อง, ไต้หวัน 1 เรื่อง และประเทศอื่น ๆ 52 เรื่อง
 
น.ส.วรรณสิริ โมรากุล ผู้อำนวยการกองกิจการภาพยนตร์ สพท. กล่าวว่า ยอดถ่ายภาพยนตร์ 8 เดือน ดีกว่าเมื่อเทียบกับทั้งปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีภาพยนตร์เรื่องยาวเข้ามาถ่ายทำหลายเรื่อง เช่น ฟงอวิ๋น 2, สตอร์ม ไรเดอร์, สตรีท ไฟท์เตอร์ และเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีรายการเซอร์ไวเวอร์ ฉบับฟิลิปปินส์ และบิ๊ก บราเธอร์ มาถ่ายทำด้วย ซึ่งภาพยนตร์ และรายการเหล่านี้ยังถ่ายทำกันตามปกติ ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บ้านเมืองแต่อย่างใด แต่คนที่เตรียมมาสำรวจพื้นที่เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีช่วงนี้ ตัดสินใจเลื่อนการสำรวจออกไปก่อน เพราะยังไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์ในไทยจะเป็นอย่างไร และเป็นห่วงเรื่องการปิดสนามบิน 
 
น.ส.วรรณสิริ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองที่วุ่นวาย ส่งผลกระทบทางอ้อม ต่อการตัดสินใจมาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องยาวในไทย ปี 52 เพราะคณะที่จะมาถ่ายทำอาจวิตกบ้าง แต่ สพท. กำลังเร่งหาปัจจัยบวกจูงใจต่างชาติให้มาถ่ายทำอยู่ ล่าสุด สพท. และกรมสรรพากร อยู่ระหว่างจัดทำมาตรการแรงจูงใจทางภาษี เช่น งดเก็บอากรขาเข้ากับอุปกรณ์ที่นำเข้ามาใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติในไทย เป็นต้น คาดว่าใช้เวลา 1 ปี และเชื่อว่าเมื่อมีมาตรการ จะยิ่งดึงต่างชาติให้เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ ได้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้เข้าประเทศมากขึ้น
 
นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ผู้กำกับ รวมทั้งนักแสดงจากต่างประเทศ ยืนยันจะมาร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ (บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัล) ปี 2551 ซึ่งจะมีขึ้น 23-30 ก.ย.นี้เช่นเดิม ยังไม่มีใครยกเลิก.

ที่มา : เดลินิวส์

ตกใจครับ แต่ตกใจลักษณะดีใจที่ได้อ่านข่าวนี้ นึกไม่ถึงครับว่า ต่างชาติ จะให้ความสำคัญกับประเทศไทยขนาดนี้