เรื่องเล่าสายหนังในอดีตที่น่าสนใจ
บอกเล่า โดยตำนานนักสู้ ผู้บุกเบิกโรงหนังโรงแรกของชาวตรัง
พอมาถึงเดือนตุลาคมทุกปีผู้เขียนทำบุญใหญ่ถึงคุณพ่อนายโกวิท จิตต์แจ้ง หรือนายเว้ง จิตต์แจ้ง ก่อนท่านจะจากไปในวัย 82 ปีเมื่อพ.ศ. 2536 ผู้เขียนคุยกับพ่อขณะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิธี ว่าจะขอบันทึกเรื่องราวของพ่อไว้ให้เป็นประวัติศาสตร์ ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาค้นคว้าต่อไปในฐานะผู้บริหารและเป็นเจ้าของโรงหนังมืออาชีพที่ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ขอให้ท่านเล่าให้ฟังทุกเรื่องให้หมด ในมนต์เสน่ห์ของฟิล์มภาพยนตร์ พ่อทำหนังด้วยความรู้ความสามารถด้วยจิตวิญญาณของคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ท่านเป็นนักเรียนเก่าปีนังจบการศึกษาเรื่องสีแสงเสียงรุ่น 1 มีอาจารย์ชาวอังกฤษสอนและอาจารย์ชาวจีนสอน จึงได้ความรู้มากมายมี ทั้งตำราทั้งอังกฤษจีนหลายเล่มเมื่อ
จบมาก็เปิดร้านขายวิทยุไฟฟ้าเครื่องเสียงชื่อ “ร้านไทยนำพานิช” เป็นร้านแรกของตรัง เท่านั้นไม่พอ ยังลงทุนเปิดโรงหนังโรงแรกชื่อ “ทับเที่ยงภาพยนตร์ “ ด้วยควบคู่ไปด้วย ในปี 2480
วันนี้นำเรื่องที่ท่านเล่าตอนเดินทางไปหาซื้อหนังที่กรุงเทพฯหรือขอเช่ามาฉายแบ่งกันกับเจ้าของบริษัทหนังย้อนกลับไปในยุคหลังสงครามเมืองไทยไม่มีหนังฉาย เจ้าของโรงหนังต้องใช้วิ่งหาหนัง ต้องดิ้นรนหา มาฉายให้ได้ ที่ทับเที่ยงภาพยนตร์ก็มีปัญหา สมัยนั้นคนดูมากทุกวันพ่อจึงต้องหาหนังมาฉายเมื่อ 60ปี ก่อนสภาพเป็นอย่างไรกับการชมภาพยนตร์ คือราคาแสนถูกมาก เพียง 3 หรือ 4 บาทเท่านั้นโรงหนังพัดลมแบบ สแตนอโลนคลาสสิกโรงหนังมีคุณค่ายิ่งกว่าการฉายหนัง ดูหนังแล้วได้ความรู้และยังทำให้เกิดปัญญาสมัยนั้น ยังไม่มีสื่ออื่นๆคนจึงนิยมพาลูกหลานไปดูหนังกันมากทุกวัน
คุณพ่อเล่าว่าภาพยนตร์ใหม่ของอเมริกันไม่มีมาฉายเลยในภาระสงคราม มีแต่หนังของเอเชีย เช่นหนัง ญี่ปุ่นจีน มีอินเดียบ้าง ซึ่งคนก็ไม่นิยมเท่าไร โชคดีที่พ่อซื้อหนังไว้ใน สต๊อกไว้หลายเรื่อง เช่นชาลี แชบปลิน อ้วนผอมจอมตลก หนังคาวบอยบิลลี่เดอะคิตจึงขุดเอามาใช้ได้เน้นโฆษณาประชาสัมพันธ์ใหม่ว่าหนังน่าสนใจหานักพากษ์ดีๆก็ได้ผลแฮะคนแห่มาดูแน่นตึงใยยุคข้าวยากหมากแพง
โชคดีที่พ่อมีเพื่อนที่ดีกันส่งหนังมาให้ฉายในระยะสามปีส่งฟิล์ม มาทางรถไปใส่ในลังไม้ฉำฉ่าปิดอย่างดีส่งมาถึงบ้านทุกสัปดาห์ เช่นเรื่องโตนงาช้างภาพยนตร์ไทย ปี 2485 อำนวยการสร้างโดย
ม.จ. ศุกรวรรณดิศ ดิศกุล โดยคุณแท้ ประกาศวุฒิสาร เป็นผู้ประสานงานให้ พร้อมทั้งเรื่องขุนช้างขุนแผน ต้นฉบับปี 2484 และเรื่องพระเจ้าช้างเผือก ฉบับของอ.ปรีดี พนมยงค์ ก็ได้มาฉายทุกเรื่อง ได้รับการต้อนรับจากประชาชนมากมาย
พ่อเล่าว่าติดต่อหนังเดินทางขึ้นรถไฟไปกรุงเทพฯไปที่ ที่โรงหนังเฉลิมกรุงซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทสหศินิมา เจ้านี้จัดจำหน่ายแต่หนังฝรั่งดีๆคุณภาพ พ่อไปพบกับคุณชุณห์ ปิณฑานนท์ ท่านเป็นประธานบริษัทนี้ ส่วนผู้จัดการบริษัท คือคุณประพาศ นิลอุบลมี
ผู้ช่วย คือคุณแท้ ประกาศวุฒิสารที่สนิท กับพ่อดี จึงได้หนังดีมาตลอดเวลาแต่ราคาค่อนข้างสูงแต่หนังคุณภาพ
และอีกบริษัทหนึ่งราคาลดลงหน่อย มีหนังมากมายเป็นร้อยมีหนังญี่ปุ่น ไทย จีน แขก ส่วนใหญ่เป็นหนังกลางเก่ากลางใหม่ทั้งหนังพูดในฟิล์มและหนังเงียบที่พ่อเล่าให้ฟังคือของ..เฮียเฮี้ยงบริษัทดัง ใช้ชื่อว่า เอเชียฟิลม์ เจ้าของผู้จัดการเป็นเพื่อนพ่อ พูดกวางตุ้งเหมือนกัน ท่านมีชื่อว่า คุณหิรัญ เงยไพบูรณ์ ใครๆเรียกว่า เฮียเฮี้ยง หนังกระป๋องแดงทั้งวงการหนังเพราะว่ากระดาษที่ปิดฝากระป๋องหนังทุกม้วนจะมีชื่อภาพยนตร์เขียนกำกับไว้ว่าเรื่องอะไร มีกี่ม้วนลำดับที่เท่าไร เป็นกระดาษแดงจึงเห็นชัด ใครๆจึงเรียกหนัง
กระป๋องแดง เฮียสนิทสนมกับพ่อ ไปกรุงเทพฯที่ไร เฮียเฮี้ยงต้องพาไปกินข้าวแถวเยาวราชประจำไม่เคยขาดเพราะ บ.จัดจำหน่ายหนัง เอเซียฟิล์มอยู่ถนนเจริญกรุง
และยังมีสายหนังจีนอยู่แถวห้าแยก เยาวราชอยู่ใกล้ๆโรงหนังดังโอเดียน บ.นี้จัดจำหน่ายหนังจีนเป็นหลักผู้จัดการเป็นคนสิงค์โป ให้หนังเรื่องแม่น้ำวิปโยคให้พ่อมาฉายที่ตรัง
ตอนไปครั้นนั้นประมาณ2496 พ่อให้ทีมงานถ่ายภาพโรงหนังโอเดียนไว้สองภาพกำลังฉายเรื่องเจ้าหนูท่องทะเลที่เห็นนี้เป็นภาพในอดีตที่หาชมยากมีให้ชมที่เว็บพีเพิลซีนที่เดียวเท่านั้นครับ
เรื่องราวโรงหนังจะมีมาเสนออีกในตอนต่อไปครับ วิวัย จิตต์แจ้งเขียนเรียบเรียงบท
![]() | ![]() |
![]() |
ความเห็น |