ขออนุญาติตั้งกระทู้ครับ ... เพราะเห็นว่า หลายๆ ครั้งที่เจอคำถามและคำตอบที่น่าสนใจเกี่ยวกับหนังจีน แต่พอจะกลับไปอ่าน ดันหาไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปอยู่ในกระทู้ไหนบ้าง

ใครมีเรื่องอะไรคาใจ , อยากหาหนังในความทรงจำมาดู ก็ไม่รู้มันเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นอะไร , ไปเจอแผ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้มา แต่ชื่อเรื่องและหน้าปกมันแปลกๆ ไม่ชัวร์ว่าเรื่องอะไร , กลัวซื้อมาซ้ำ ฯลฯ อีกมากมายหลายคำถาม ... ลองมาช่วยกันหาคำตอบด้วยกันนะครับ

มีสมาชิกพูดถึงหนังเรื่อง ผีตีผี ไว้ที่กระทู้ไหน ก็ลืมไปซะแล้ว ว่าจะไปตอบก็หาไม่เจอ 55 ประเดิมเลยแล้วกัน (รู้สึกว่าท่าน sammo จะเป็นผู้ถามไว้)

ผีตีผี - Encounters Of The Spooky Kind (1980) ... หงจินเป่า , หลินเจิ้นอิง , อู๋หม่า , จงฟะ

อาจจะเรียกได้ว่า นี่คือต้นตำรับหนังแนวผีกัดเลยก็ไม่ผิด ... บ้านเราเอาเข้ามาฉายช้าไปนิดในปี 2526 (1983) โดย โกลเดนทาวน์ฟิล์ม

สำหรับ VCD+DVD ที่พบว่าทำออกมา

- Right Pictures ตั้งชื่อซะชวนงงว่า ผีกัดอย่ากัดตอบ ตอน ผีรอบจัดกัดหมู่ ซึ่งชื่อนี้ เป็นชื่อไทยตอนฉายโรงของภาคที่ 2 (Encounters Of The Spooky Kind 2) ที่เข้ามาฉายบ้านเราปี 2533

- United ก็ตั้งชื่อได้มึนงงพอกันว่า อำให้ดีผีชิดซ้าย ... มีทั้ง VCD , DVD แบบเก่า , DVD แบบรีมาสเตอร์ , DVD แบบรีมาสเตอร์ ที่จัดแพ็คคู่กับเรื่อง ไอ้หนุ่มหมูหิน และล่าสุด DVD แบบวานิลลา เสียงไทยอย่างเดียว

อีกซักนิด ... ปี 2530 หนังเรื่องนี้ถูกนำกลับมาฉายโรงอีกรอบโดยค่ายโคลีเซี่ยม เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ผีกัดหมูหิน ... เล่นเอางงกันไป

ขอบคุณครับ  หวังว่าคงคลายปัญหาอยากรู้ของอีกหลายคนเช่นกันครับ

สำหรับเรื่องซ้าย ค้างคาใจผมอยู่นานมาก แต่หลังจากได้ดูจากแผ่นจนจบ มั่นใจเลยว่าชื่อตอนฉายโรงคือ ถ้ารักน้องต้องไม่ปอด (The Occupant) เอาเข้ามาฉายโรงเมื่อปี 2530 โดยค่ายเพชรรามา (โกบราเดอร์)

เรื่องขวา - ดอกฟ้า ส่งมาจากใต้ดิน (Spiritual Love) นนทนันท์ฯ เอาเข้ามาฉายปี 2531 ... เรื่องนี้ EVS เคยทำแผ่นออกมาด้วย โดยได้สิทธิ์มาจากวีดีโอสแควร์ ตั้งชื่อว่า บุพเพสันนิวาสพิศดาร พากย์ไม่ดี สู้ United ไม่ได้ ที่พากย์โดยพันธมิตร

**รอชมทั้ง 2 เรื่องนี้ได้ในโปรแกรม PIF เร็วๆ นี้ครับ**

ตัวนี้ครับ ดอกฟ้าส่งมาจากใต้ดิน ของ EVS ... ดูที่ชื่อดาราครับ มั่วยกใหญ่ ... จูเป่าอี้ หลันเจี๋ยอิง มาเล่นตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ

ผีตีผี - Encounters Of The Spooky Kind (1980) 

แล้วอันนี้หละครับใช่อันเดียวกันไหม หรือว่าเป็นภาค 2 ของ  ผีตีผี - Encounters Of The Spooky Kind (1980)

http://www.youtube.com/watch?v=I2phGIroHp8

ผีตีผี - Encounters Of The Spooky Kind (1980) ภาค 1

ผีตีผี - Encounters Of The Spooky Kind II(1990) ภาค 2

ถูกต้องไหมครับพี่ 3 มิติ

ใช่ครับท่านศักดิ์

อ่ะ สรุปอีกทีครับสำหรับ Encounters Of The Spooky Kind

ภาค 1 - ผีตีผี ... แล้วมาฉายอีกทีชื่อ ผีกัดหมูหิน

ภาค 2 - ผีกัดอย่ากัดตอบ ตอนผีรอบจัดกัดหมู่ ... เร็วๆ นี้จะได้ดูฉบับเสียงโรง จากโครงการของหนุ่มติ๊กกันครับ

ซึ่งทั้ง 2 เรื่อง ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย ... แถมอีกนิด เกี่ยวกับชื่อจีนของเรื่องนี้ ภาค 1 แปลตรงตัวได้ว่า ผีสู้ผี ส่วนภาค 2 แปลว่า ผีกัดผี ... แสดงว่าภาค 1 ตั้งชื่อไทยได้ใกล้เคียงกับชื่อภาษาจีนเลยเชียว

สวัสดีครับท่านแสบ ขอบคุณครับผม

พี่เสือครับ อยากรู้ว่าค่ายหนังสหรามา , โกบราเดอร์ , CAF , สหยูเนี่ยน , โคลีเซี่ยม , ไฟว์สตาร์ , โกลเดนทาวน์ ยุคแรก เขาใช้ทีมใหนให้เสียงไทยครับ

ผมเคยอ่านจากหนังสือภาพยนตร์บันเทิงเมื่อหลายปีมาแล้วครับ (เกือบ 10 ปีแล้วมั้ง) เป็นคอลัมน์ตามกองถ่าย ที่ตอนนั้นมีละครช่อง 3 เรื่อง พยัคฆ์ร้าย 6 แผ่นดิน (มั้ง) ที่ไปถ่ายทำที่ฮ่องกง และมีผู้ประสานงานที่นั่น ที่คอยช่วยเหลือเรื่องต่างๆ และหนังสือก็สัมภาษณ์เค้าผู้นี้มาลงให้อ่านกันด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร เค้าคือ Ken Lo ผู้ช่วยของเฉินหลงนี่เอง ... เอาเท่าที่พอจะจำได้นะครับ

Ken Lo หรือ หลูหุ้ยกวง มีชื่อไทยว่า วิโรจน์ แซ่โล้ว ... เกิดที่ประเทศลาว แล้วอพยพมาอยู่ที่ จ.อุดรธานี ประเทศไทย และได้เริ่มใช้ชีวิตวัยรุ่นที่นี่ เริ่มเรียนมวยไทยจนเก่งกาจ

ช่วงวัยหนุ่ม เค้าได้ไปทำงานเป็นไกด์อยู่ที่ฮ่องกง ที่ต้องคอยพาคนไทยเที่ยว ... และเมื่อโชคชะตาพลิกผัน มีครั้งนึง เค้านึกสนุก ขึ้นไปโชว์ลีลามวยไทยให้ชาวฮ่องกงและลูกทัวร์ได้ดูกัน แล้วบังเอิญ มีผู้สร้างหนังฮ่องกงไปเห็นเค้าหน่วยก้านดี จึงชวนให้เล่นหนังซะเลย บทที่ได้ก็เป็นพวกนักมวย เป็นตำรวจ เป็นตัวประกอบไปก่อน ... (งานแรกได้ร่วมงานกับ หลี่ซิ่วเสียน , ฉีเคอะ และ รอนนี่ ยู)

ระหว่างนั้น เค้าก็ทำงานพิเศษตอนกลางคืนที่เธคแห่งนึงไปด้วย แล้วก็ให้บังเอิญอีกครั้ง ที่เฉินหลงไปเที่ยว แล้วไปเจอกับเค้าที่นั่น คงจะถูกชะตากันมั้ง เฉินหลงชวนให้เค้ามาเป็นบอดี้การ์ดให้ เค้าจึงรีบตอบรับทันที

ระหว่างที่เค้าเป็นบอดี้การ์ดให้เฉินหลงอยู่นั้น เฉินหลงคงจะเห็นอะไรซักอย่างในตัวเค้า อาจจะด้วยความที่เค้ามีลีลามวยไทยและวิชาการต่อสู้ที่ไม่เบาก็ได้ เฉินหลงจึงให้เค้าร่วมแสดงภาพยนตร์ เรื่องแรกที่เค้าได้ร่วมงานกับเฉินหลงคือ เอไกหว่า ภาค 2 ... ตามด้วยบทตำรวจดับเพลิงใน วิ่งสู้ฟัด ภาค 2 , บทลูกน้องโกจุ้นสงใน ฉีจี้ ... และอีกหลายเรื่องตามมา

งานสุดท้ายที่เค้าร่วมงานกับเฉินหลงคือ ใหญ่พลิกแผ่นดินฟัด และ ใหญ่แค้นเดือด ในปี 2552 และจากนั้นก็มีข่าวว่าเค้าแตกกับเฉินหลง จนถึงขั้นถูกเชิญออกจากบริษัท

ปัจจุบัน เค้าก็ยังรับงานแสดงอยู่ที่ฮ่องกง หนังเรื่องล่าสุดก็ได้ทำงานร่วมกับผู้กำกับชื่อดังอย่าง แดนนี่ + อ็อกไซด์ แปง , ตู้ฉีฟง

ประมาณนี้น่ะครับ

เรื่องเสียงพากย์ไทยในฟิล์มเมื่อสมัยก่อน ผมไม่ชัวร์เลยครับ เพราะเมื่อก่อนยังไม่มีชื่อทีม และนักพากย์ก็จะวนเวียนกันไป ... หลักๆ ก็จะมีคุณชูชาติ , คุณรังสรร , ป๋าอุดม , คุณสมพงศ์ ฯลฯ ... ซึ่งจะพากย์ทั้งหนังไทย หนังอินเดีย หนังจีน ... ต้องรอท่านที่รู้จริงมาช่วยหาคำตอบให้ซะแล้วครับ ... ระหว่างนี้ ขอเล่าเรื่องอดีตนิดนึง

ค่ายหนังจีนเมื่อก่อนมีเยอะมากครับ แรกเริ่มเดิมทีผมก็จำไม่ได้ แต่พอจะเรียบเรียงได้นิดหน่อยครับ

- ค่ายที่ซื้อหนังชอว์ฯ มาฉาย หลักๆ ก็จะมี ยูเนี่ยนโอเดียน ที่ฉายประจำที่โรงโอเดียน เยาวราช , ซียูเนี่ยนบราเดอร์ส ... ไม่มีพากย์ไทยในฟิล์ม จะพากย์กันสดๆ รอบแรกในโรงที่ฉาย และใช้เปิดเทปเอาในรอบต่อมา

- มงคลฟิล์ม (สหมงคลฟิล์ม) ของเสี่ยเจียง ที่เริ่มต้นธุรกิจจากการทำโรงหนังมาก่อน (มงคลราม่า นั่นเองครับ) และเริ่มสร้างหนังไทยด้วย ... ประมาณปี 2530 คุณชูชาติที่พากย์ให้ประจำ ได้ตั้งทีมอินทรีขึ้นมา

- คิงส์ ของโรงหนังคิงส์

- แพนสยามฟิล์ม ซื้อหนังจีนไม่เยอะ เน้นไปทางหนังรัก

- เกรทฟาร์อีสต์ฟิล์ม ซื้อหนังจีนทั่วไปมาฉาย

- กรุงเกษมฟิล์ม ของโรงหนังกรุงเกษม ... ซื้อทั้งหนังจีน , ฮ่องกง และไต้หวันทั่วไปมาฉาย และมาส้มหล่นจากหนังค่ายโกลเดนฮาร์เวสต์ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น กรุงเกษมเอนเตอร์เทนเมนต์ และมีการเปิด นนทนันท์ ให้มาเป็นผู้จัดจำหน่าย จนมาถึงยุคทอง เปลี่ยนชื่อเป็น นนทนันท์เอนเตอร์เทนเมนต์ ประมาณปี 2528 และทีมพากย์ที่ใช้ประจำก็คือ เสียงเอก

- โกบราเดอร์ ของพี่น้องตระกูลพูลวรลักษณ์ (ชื่อค่ายมาจากการทำงานร่วมกันของพี่น้องในครอบครัว 4 คน ซึ่งมีพี่ใหญ่ ท่านเจริญ เป็นผู้ก่อตั้ง โกก็คือนามสกุลเก่าของท่าน แซ่โกว) แรกเริ่มเดิมที ท่านเจริญและน้องๆ จะทำธุรกิจโรงหนัง โดยเริ่มโรงแรกที่ตลาดพลู ... ค่ายนี้มีเรื่องเล่ายาวเลยครับ ไว้มีใครถาม จะเล่าแบบละเอียดยิบ อิอิ ... หนึ่งในธุรกิจโรงหนังของค่ายนี้คือโรงเพชรราม่า ซึ่งต่อมา เปลี่ยนชื่อจากโกบราเดอร์มาเป็นค่ายเพชรราม่า ... หนังที่ซื้อมาฉาย ช่วงแรกๆ ก็ทั่วไป และมาแจ็คพอตเมื่อได้สิทธิ์หนังจากค่ายซีนีม่าซิตี้ มีหนังดังๆ มากมาย ... นักพากย์ก็วนเวียน แต่หลักๆ จะใช้ทีมเสียงเอก

- สหรามา จากธุรกิจโรงหนัง ก็มาซื้อหนังจีนทั่วไปมาฉายด้วย

- เอเพ็กซ์ภาพยนตร์ เจ้าของโรงหนังในเครือปิรามิด

- ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น เล่นหนังจีนกับเค้าด้วย โดยแรกๆ ก็ซื้อหนังจีนแผ่นดินใหญ่ หนังไต้หวัน หนังฮ่องกงนิดหน่อย จนมาถึงช่วงนึงที่หนังของชอว์ฯ หายไป แล้วกลับมาอีกที ก็ถูกค่ายนี้นำมาฉาย

- โกลเด้นทาวน์ฟิล์ม ... หลังจากช่ำชองกับการจัดฉายหนังและติดต่อกับเจ้าของหนังที่ ตปท. กับการเป็นผู้จัดการโรงหนังกรุงเกษม (เฮียอะไรนะ ลืมชื่อไปซะงั้น) ได้ออกมาตั้งบริษัทนี้เอง และซื้อหนังมาฉายเองบ้าง โดยเริ่มจากการซื้อหนังจากไต้หวันมาฉาย (หนังตระกูลเซียนพนันของ หวังกวงสง , หลิงหยุน) และได้โรงหนังแบบไม่จำกัดเครือมาฉายหนังให้ ทำให้ GF เติบโตอย่างรวดเร็ว ... บางครั้งก็ได้หนังเจ๋งๆ ของโกลเดนฮาร์เวสต์มาด้วย เช่น ท้าฟัน ที่มีดาราดัง ฉีเส้าเฉียน ประกบ หลิวสงเหยิน

ประมาณนี้ครับ ... ไม่ได้คำตอบเรื่องทีมพากย์เลยเนอะ 55 ผมขอรอคำตอบจากท่านที่รู้จริงด้วยคนนะครับ

โกบราเดอร์ ขอเวลาเรียบเรียงหน่อยนะครับ ... สำหรับ นนทนันท์ ขอยกที่เคยมั่วๆ เอาไว้จากเวป thaidvd มาลงนะครับ ตามนี้ ...

ก่อนมีผู้รู้จริงมาตอบ ผมจะลองเรียบเรียงจากความคิดส่วนตัวนะครับ

ต้องย้อนกลับไปสมัยยุคของหนังจีนรุ่งเรือง ซึ่งมีหลายบริษัทซื้อเข้ามาฉายในบ้านเรา เช่น ซียูเนี่ยนบราเดอร์ส..โกบราเดอร์ส..สหรามา..ยูเนี่ยนโอเดียน..แคปปิตอล..โกลเด้นทาวน์ฟิล์ม..สหมงคลฟิล์ม และกรุงเกษมฟิล์ม
ซึ่งถ้าเป็นหนังของชอว์ฯ มักจะถูกซื้อมาโดยซียูเนี่ยนฯ และยูเนี่ยนโอเดียน ... นอกจากนั้นก็เป็นค่ายอื่นๆ จากไต้หวันบ้าง จีนแผ่นดินใหญ่บ้าง

ในส่วนของกรุงเกษมฟิล์ม ก็ซื้อหนังจากหลายๆ เจ้า ทั้งไต้หวัน จีน ฮ่องกง (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็น กรุงเกษมเอนเตอร์เทนเมนต์ หลังจากซื้อหนังของโกลเด้นฮาร์เวสต์มาฉาย) ซึ่งหนังของโกลเด้นฯ ช่วงที่ดังตอนแรกๆ ก็คือ
หนังของบรู๊ซ ลี จนมาถึงหนังของเฉินหลงในช่วงแรก แต่ทางกรุงเกษมฯ ยังไม่ได้ซื้อ จะเป็นพวก สหรามา หรือ แคปปิตอล ซื้อมามากกว่า

จนมาถึงประมาณเรื่อง เฉินหลงมือปราบจมูกหิน , เอไกหว่า , ขาตั้งสู้ , 7 เพชฌฆาตสัญชาติฮ้อ ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาใช้กรุงเกษมเอนเตอร์เทนเมนต์แล้ว และในส่วนการจัดจำหน่ายใช้ว่า กรุงเกษม-นนทนันท์ จัดจำหน่าย

และจากนั้น กรุงเกษมเอนเตอร์เทนเมนต์ ได้เปลี่ยนชื่อมาใช้ว่า นนทนันท์เอนเตอร์เทนเม้นท์ ... หนังจีนเรื่องแรกที่ใช้หัวนนทนันท์ฯ คือเรื่อง คำสั่ง(ฆ่า)..จากกวางเจา (Long Arm Of The Law) และหนังของเฉินหลงเรื่องแรกที่ใช้หัวนนทนันท์ฯ คือเรื่อง กูกู๋ปืนเค็ม (The Protector) ช่วงนี้หนังจีนที่นนทนันท์ฯ ได้สิทธิ์แทบผูกขาดคือหนังจากโกลเด้นฮาร์เวสต์ บางทีก็มีค่ายอื่นๆ บ้างเช่น ซีนีม่าซิตี้ , มูฟวี่อิมแพ็ค

ในส่วนเสียงพากย์ไทยอันลือลั่นของค่ายนี้ ใช้บริการของทีมเสียงเอก ซึ่งมีชื่อเสียงมาจากการพากย์หนังจีนชุดทางทีวีช่อง 3 และวีดีโอของ CVD โดยมีตัวหลักๆ คือ ... คุณจักรกฤษณ์ , คุณรังสรรค์ , คุณอุดม , คุณศิริพร , คุณกรณิการ์ (ผู้ชายอีกท่านจำชื่อไม่ได้ครับ) บางเรื่องดึงคุณรอง เค้ามูลคดีมาพากย์ด้วย เช่น หนังของเฉินหลง , หงจินเป่า , หยวนเปียว

ถึงช่วงนี้ หนังของชอว์ฯ เริ่มเฟดไปแล้วครับ ... ด้วยตัวหนังที่สร้างได้สนุกของโกลเด้นฯ และการโปรโมทที่แปลกแหวกแนวของนนทนันท์ฯ ทำให้หนังของค่ายนี้ ประสบความสำเร็จทางรายได้ และสร้างความคึกคักให้หนังจีนในบ้านเราเยอะมากทีเดียว เช่น โปรแกรมตรุษจีนปี 2529 วิ่งสู้ฟัด ชนะคู่แข่งขาดลอย (โดยค่ายอื่นๆ มี มังกรน่ำปั้ก , โอ้โฮซือเจ๊ ... หนังฝรั่งมี ร็อคกี้ 4 และโซโลมอนเจ้าขุมทอง) , ช่วงปิดเทอมใหญ่ปี 2529 ผีกัดอย่ากัดตอบ สร้างกระแสหนังผีจีน ให้ทำตามกันมาอีกไม่รู้เท่าไหร่ ... ปีใหม่ 2530 ใหญ่สั่งมาเกิด ทำโรงหนังหลายโรงแทบแตก ... ปิดเทอมใหญ่ 2532 จับคนมาทำเชื้อโรค หนังที่ดูแล้วน่ากลัวมากถ้าสงครามนั้น ยังไม่จบ ...

จนถึงปี 2532 ... สหมงคลฟิล์ม คู่แข่งทางด้านหนังจีนของนนทนันท์ฯ ได้ถือสิทธิ์หนังของโกลเด้นฮาร์เวสต์ทั้งหมด ซึ่งทำให้หนังใหญ่ๆ อย่างหนังของเฉินหลง ต้องไปอยู่ทางสหมงคลฯ ไปโดยปริยาย หนังของโกลเด้นฯ เรื่องแรกที่ย้ายไปอยู่สหมงคลฯ คือเรื่อง ฉีจี้

ช่วงนี้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องทีมพากย์ของนนทนันท์ ซึ่งตัวหลักอย่างคุณจักรกฤษณ์ เป็นผู้นำทีมใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย คุณกรณิการ์ (จากทีมเดิม) , คุณเอกชัย , คุณอ๊อด บัญชา , คุณสุมาลี , คุณปิยะ ... บางเรื่องก็มีคุณรอง เค้ามูลคดีมาร่วมทีมด้วย

จากนั้น นนทนันท์ฯ ก็ยังเล่นหนังจีนอยู่ เพียงแต่ไม่ใช่หนังของโกลเด้นฯ แต่เป็นค่ายอื่นๆ ... และเริ่มซื้อหนังแนวอื่นๆ จากประเทศอื่นๆ มาฉาย เช่น ปิดเทอมใหญ่ปี 2533 เอาหนังการ์ตูนไซไฟเรื่องดังมาฉาย อากีร่า ไม่เหมือนคน ... หนังของฟิล์มเวิร์คชอป ของฉีเคอะ เรื่อง เดชคัมภีร์เทวดา ... หนังฮ่องกงพูดจีนกลางเรื่อง เทียนฟง คนตรง 3000 ปี ... ถึงไม่มีหนังของโกลเด้นฯ แต่นนทนันท์ฯ ก็ยังปั้นให้หนังดังได้ ดูได้จาก.. กลางปี 2533 ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ดังแบบไม่รู้เรื่อง เฮียหลิวสุดหล่อ เกิดแบบไม่เกรงใจใคร ... หนังของจอห์น วู หลายๆ เรื่อง ตั้งแต่ ตีแสกตะวัน , กอดคอกันไว้อย่าให้ใครเจาะกระโหลก , ทะลักจุดแตก ... กลางปี 2534 ได้หนังกวาดรางวัลของจางอี้โหมว เรื่อง จูโด้ เธอผิดหรือไม่ผิด และหนังสร้างกระแสตำนานเจ้าพ่อใน เป๋ห่าว เป็นเจ้าพ่อ ... หนังสารคดีเขย่าขวัญ แอบดูเป็นแอบดูตาย ฯลฯ

จนมาถึงช่วงการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ... กลางปี 2536 ทางนนทนันท์ฯ เริ่มมาเล่นหนังฝรั่ง โดยเริ่มจากหนังผีเรื่อง Hellraiser 3 : Hell On Earth หรือชื่อไทยว่า งาบแล้วไม่งุ่นง่าน ... แล้วก็หนังตลกจากยุโรป เดอะโบ้ย
(ถ้าข้อมูลไม่ถูก ต้องขอโทษด้วยครับ) ระหว่างนี้ก็ยังมีหนังจีนเป็นหลัก บางทีก็มีหนังกวาดรางวัลเข้ามาเช่น หลายแผ่นดินแม้สิ้นใจก็ไม่ลืม ของเฉินข่ายเก๋อ ... และมีหนังฝรั่งมาบ้างนิดหน่อย เช่น ผีลืมหลุม 3 คราวนี้ผีเนื้อนุ่ม

จนมาช่วงกลางปี 2537 นนทนันท์ฯ ได้ซื้อหนังของนิวไลน์ซีนีม่าเรื่องดัง ซึ่งเป็นหนังทำเงินถล่มบ็อกซ์ออฟฟิศที่อเมริกาเรื่อง เดอะแมสค์ หน้ากากเทวดา ทำให้นนทนันท์ฯ เริ่มหันมาซื้อหนังฝรั่งอย่างจริงจังมากขึ้น
เช่น กิลเบิร์ต หัวใจไม่มีวันจบ , ใครว่าเราแกล้งโง่-หือ ? , ยาหมอเทวดา ( เปลี่ยนคนเป็นอีกคน ) , มอร์ทัล คอมแบ็ท นักสู้เหนือมนุษย์ , เซเว่น 7 ข้อต้องฆ่า ฯลฯ

ทำให้หนังจีนจากนนทนันท์ฯ เริ่มลดน้อยลง และมีค่ายใหม่เกิดขึ้นมาเล่นหนังจีนแทนนนทนันท์ฯ หลายเจ้า เช่น ธนาเอนเตอร์เทนเมนท์ , แมนดารินฟิล์ม , แอสเพน ฯลฯ ... ส่วนสหมงคลฯ ก็ยังอยู่

หลังจากนั้น นนทนันท์ฯ ก็สนุกกับการเล่นหนังฝรั่ง นานๆ ถึงจะมีหนังจีนเข้ามาเช่น โปรแกรมปีใหม่ปี 2540 คืนนี้ขอมีเพียงเรา (Temptress Moon) หนังกวาดรางวัลของเฉินข่ายเก๋อ ที่มีเลสลี่ จางและกงลี่แสดงนำ

จนมาช่วงตรุษจีนปี 2544 นนทนันท์ฯ ได้หันไปซื้อหนังจากประเทศเกาหลีมาฉายเรื่อง ชิริ เด็ดหัวใจยอดทรชน และตามด้วย เดชคัมภีร์บีชุนมู ... ทำให้นนทนันท์ฯ เริ่มเป็นผู้สร้างกระแสให้หนังเกาหลีในบ้านเรา
และก่อนจะสิ้นปี 2544 กระแสหนังเกาหลีเริ่มฟีเวอร์อย่างเด่นชัด จากนางเอกสาวที่ตอนนี้มีชื่อภาษาไทยไปเรียบร้อยแล้วว่า ยัยตัวร้าย ... จวนจีฮุน ใน ลิขิตรักข้ามเวลา (Il Mare)
ปี 2545 หนังเกาหลีจากนนทนันท์ฯ ก็เข้ามาไม่ขาดสาย ไล่ไปตั้งแต่ ขอโทษครับ เมียผมเป็นยากูซ่า , วานีกับจูน่า สามหัวใจความหมายหนึ่งเดียว และเรื่องดังโคตรๆ อย่าง ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม

และจากนั้น ทั้งหนัง ทั้งซีรี่ย์ ทั้งแฟชั่น ทั้งอาหาร จากเกาหลี ก็เข้ามาถล่มเมืองไทยแบบบ้าคลั่งจนถึงปัจจุบัน ...

ก่อนนั้น นนทนันท์ฯ เคยเปิดบริษัทผลิตแผ่น VCD และ DVD ในชื่อ N10 ซึ่งเคยทำ DVD เรื่อง ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม และเรื่องนี้เองที่เคยทำให้บอร์ดในเวป Thaidvd เกือบจะล่มกันมาแล้ว 55

ปัจจุบัน ชื่อของนนทนันท์ฯ ปิดฉากลงไปแล้ว และได้ถูกซื้อโดยเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ และใช้ชื่อว่า M Pictures โดยเจ้าของเดิม คุณอานนท์ อัศวนันท์ น่าจะถือหุ้นอยู่ไม่ถึง 10% (เดาจ้า)

ขอบคุณที่ทนอ่านกันจนจบนะครับ ... บอกแล้วว่าเป็นความคิดของผม มั่วบ้าง อะไรบ้าง 55

พูดถึงนนทนันท์ ก็ต้องไม่ลืมสหมงคลฟิล์มครับ ... ขอยกมาจากที่เคยเขียนไว้ที่เวป thaidvd เช่นเคยครับ ตามนี้

พูดถึงสหมงคลฟิล์ม ผมจะนึกถึงชื่อของคุณสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ หรือเสี่ยเจียงขึ้นมาทันที เคยอ่านประวัติของเสี่ยมานาน ... ในช่วงวัยเด็กก็เริ่มทำการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ คือ ซื้อหนังสือการ์ตูนมาให้คนเช่า , เดินขายตั๋วผีหน้าโรงหนัง , ค้าขายอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่หน้าโรงหนัง จะเห็นว่าเสี่ยทำอะไรเกี่ยวกับหนังมาตั้งแต่เด็ก 55 จนพอช่วงวัยรุ่นได้เป็นผู้จัดการโรงหนัง และสามารถบริหารงานจนโรงหนังได้กำไรมากมาย ต่อมาก็เริ่มทำธุรกิจโรงหนังด้วยตัวเอง คือไปเช่าโรงหนังย่านตลาดพลู และเปิดโรงหนังเองที่สะพานควายคือ มงคลราม่า โดยจะฉายหนังฝรั่งเป็นหลัก ... จนปี 2513 ได้เปิดบริษัทขึ้นมา ชื่อว่า สหมงคลฟิล์ม

เริ่มซื้อหนังฝรั่งและหนังจีนเข้ามาฉาย จนทำให้บริษัทเริ่มมีกำไร จึงได้สร้างหนังไทยบ้าง ในยุคนั้นคงมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูงครับ ไม่ว่าจะเป็นหนังชาติไหน เห็นได้จากแต่ละสัปดาห์จะมีหนังเข้าฉายมากมาย บางสัปดาห์มีมาเป็น 10 เรื่อง แล้วก็มีหนังใหม่เข้ามาทุกสัปดาห์นะครับ ดูกันไม่ทันเลยทีเดียว ... เฉลี่ยต่อเดือนนี่ น่าจะมีหนังฉายไม่ต่ำกว่า 30 เรื่อง

บริษัทที่เป็นคู่แข่งหลักๆ ของสหมงคลฟิล์มช่วงนั้น บอกไม่ถูกเหมือนกันครับว่าคือใคร เพราะมีหลายเจ้าเหลือเกิน เช่น ถ้าหนังฝรั่งก็มี เอเพ็กซ์ ... หนังจีนก็มี ซียูเนี่ยนฯ กรุงเกษมฯ แคปปิตอล สหรามา โกบราเดอร์ส ฯลฯ
หนังไทยยิ่งเพียบ อัศวิน ไฟว์สตาร์ โคลีเซี่ยม พีดีโปรโมชั่น สันติสุชา เอเพ็กซ์ และอีกเป็นร้อยๆ บริษัท

จนกระทั่งช่วงประมาณปี 2526-27 หนังฝรั่งเริ่มมีการจัดจำหน่ายโดยเอาค่ายใหญ่ๆ มาไว้รวมกัน คือ เมเจอร์กรุ๊ป และนอกนั้นก็เป็นค่ายอิสระ เช่น เอเพ็กซ์ โอเอ สหมงคลฟิล์ม ... ในส่วนหนังจีน หนังของชอว์ฯ เริ่มเฟดลงไป และเกิดบริษัทใหม่ที่มาแรงอย่าง โกลเด้นฮาร์เวสต์ ที่ได้กรุงเกษมฯ ซื้อมาฉายเป็นหลัก ... ในส่วนหนังไทย ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงจากหนังบู๊ล้างผลาญเข้าสู่หนังวัยรุ่นวัยหวาน หลายๆ บริษัทเริ่มปิดตัวลงไป หลายบริษัทก็ยังต้องดิ้นรนหาซื้อหนังมาฉายกันต่อ รวมทั้งสหมงคลฟิล์มด้วย

สำหรับช่วงปี 2526-27 น่าจะเป็นช่วงปีที่เรียกว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เริ่มจาก หนังฝรั่ง มีหนังใหญ่ๆ และเกิดดาราใหญ่ๆ ขึ้นมากมาย เช่น ซิลเวสเตอร์กับแรมโบ้และร็อคกี้ , อาร์โนลด์กับโคแนนและคนเหล็ก , อีทีและอินเดียน่าโจนส์ ของสพีลเบิร์ก , เฉินหลงกับโกลเด้นฮาร์เวสต์ , ฟู่เซิงเสียชีวิต มีผลกระทบต่อหนังของชอว์ฯ , หนังวัยรุ่นสไตล์วันหวานยังหวานอยู่ของศุภักษร , กำเนิดเจสัน จากศุกร์ 13 , เบรคแด๊นซ์ ฯลฯ

สำหรับหนังจีน ค่ายอันดับ 1 ช่วงนั้นต้องยกให้ นนทนันท์ฯ (เปลี่ยนชื่อมาจากกรุงเกษมฯ ปี 2528) อันดับรองๆ ลงไปก็คือ สหมงคลฟิล์ม โกลเด้นทาวน์ฟิล์ม สหรามา ไฟว์สตาร์ (เล่นหนังจีนด้วย) สำหรับนนทนันท์ฯ มีหนังและดาราใหญ่ๆ อยู่เยอะ บวกกับการทำการตลาดที่แหวกแนว ทำให้ครองอันดับ 1 ด้านหนังจีนมาต่อเนื่อง และอีกอย่าง การตั้งชื่อเรื่องของหนังจากค่ายนี้ ที่เรียกว่าแหวกแนว ล้ำหน้า ไม่เหมือนใคร ทำให้ค่ายอื่นๆ ตั้งชื่อเลียนแบบกันเป็นแถว

2 ค่ายนี้ ถือว่าเป็นคู่กัดกันมานาน สหมงคลฯ ถึงไม่ได้หนังของเฉินหลง และโกลเด้นฮาร์เวสต์มาฉาย ก็ยังมีหนังของโจวเหวินฟะ หลิวเต๋อหัว ที่กำลังดังมาจากหนังตระกูลโหดทั้งหลาย และหนังจากบริษัทอื่นๆ เช่น ซีนีม่าซิตี้ โดยโปรแกรมปีใหม่ปี 2531 ได้หนังเรื่อง โหดเลวดี ภาค 2 มาฉาย ชนกับหนังของโจวเหวินฟะ เดือด 2 เดือด จากเพชรรามา และหนังของโจวเหวินฟะ ยกเครื่องเรื่องจุ๊ จากโกลเด้นทาวน์ฟิล์ม (ปีใหม่นี้ เฮียโจวเหมา 3 เรื่อง) ปีใหม่นี้อีกเหมือนกัน ทางด้านหนังฝรั่ง ป๋าอาร์โนลด์ ก็มีหนังมาฉายชนกันคือ Predator และ The Running Man ... ทางนนทนันท์ฯ สุดเจ๋ง ส่งผีกัดอย่ากัดตอบ ภาค 3 ฉายไปก่อนล่วงหน้าแล้ว 1 สัปดาห์ เมื่อ 25 ธค

ช่วงปี 2531 ได้ร่วมทุนกับฮ่องกง สร้างหนังเรื่อง เชือด เชือดนิ่มนิ่ม ภาค 3 ซึ่งได้มาถ่ายทำที่ประเทศไทยและมีนักแสดงจากไทยร่วมแสดงด้วย และยังได้สิทธิ์หนังฝรั่งจากค่ายคารอลโก ซึ่งมีหนังใหญ่ๆ อย่าง แรมโบ้ 3 และคนเหล็ก 2 ด้วย

จนมาถึงกลางปี 2532 สหมงคลฯ สามารถแย่งหนังของโกลเด้นฮาร์เวสต์มาจากนนทนันท์ฯ ได้สำเร็จ ทำให้มีหนังจีนป้อนโปรแกรมแบบไม่ขาดสาย โดยเปิดโปรแกรมด้วย ฉีจี้ ของเฉินหลง และโปรแกรมเล็กบ้าง ใหญ่บ้างตามมา เช่น บ้าทะลุศตวรรษ , คนตัดคน , ฤทธิ์บ้าสุดขอบฟ้า 2 , ทะลุฟ้าทั้งบ้าทั้งใหญ่ , หนังสุดฮาอย่าง คนตัดเซียน , คนตัดคน 2 , ใหญ่สั่งมาเกิด 2 ตอน อินทรีทะเลทราย และหนังอีกมากมายจากโจวเหวินฟะ , หลิวเต๋อหัว , โจวซิงฉือ , เฉินหลง ทำให้ถึงตอนนี้ ชื่อของสหมงคลฟิล์ม เป็นอันดับ 1 ทางด้านหนังจีนไปแล้ว ... ส่วนนนทนันท์ฯ เริ่มฉีกไปเล่นหนังฝรั่ง

หลังจากห่างหายไปจากหนังไทยมานาน สหมงคลฯ เล็งว่าจะเข้ามาสร้างหนังไทยอีกครั้ง เริ่มจาก น้ำเต้าหู้กับครูระเบียบ , ถนนนี้หัวใจข้าจอง

จากนั้น สหมงคลฯ เริ่มโครงการเปิดบริษัทลูก และแยกหนังแต่ละประเภทอย่างชัดเจน โดย หนังฝรั่งจะเป็น มงคลเมเจอร์ , หนังจีนหนังเกาหลีเป็น มงคลภาพยนตร์ , หนังไทยเป็น สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และทำธุรกิจเกี่ยวกับมัลติมีเดีย ชื่อ Mongkol Multimedia โดยเริ่มจากทำช่องเคเบิ้ลทีวีชื่อ มงคลแชนนอล และยังเปิดบริษัทจัดจำหน่ายแผ่น VCD และ DVD ในชื่อ Happy Home Entertainment ซึ่งคุณภาพ บางครั้งก็สวนทางกับชื่อบริษัท 55 ... ออกทุนทำบริษัทเกี่ยวกับเกม คอมพิวเตอร์ โดยมีคุณหนุ่ย ดูดิสก์ รับผิดชอบ , ทำธุรกิจโรงภาพยนตร์ในชื่อ UMG และ HOUSE ฯลฯ

เมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว เคยมีข่าวว่าสหมงคลฯ ขาดทุนอย่างหนัก ทำให้เกือบจะล้มละลาย และเสี่ยเจียงเอง ถึงขั้นเกือบจะฆ่าตัวตายมาแล้ว ... แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ค่ายใบโพธิ์ หรือสหมงคลฟิล์ม ถือว่าเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจทางด้านภาพยนตร์ในประเทศไทย อย่างที่ไม่มีใครกล้าค้านแน่ๆ

A Bite Of Love ... รู้สึกว่าเรื่องนี้จะไม่ได้ฉายโรงนะครับ (...หรือฉาย??)

VCD บ้านเราตั้งชื่อมั่วว่า แดร็กคิวล่ากับลูกเจี๊ยบ ซึ่งจริงๆ แล้วชื่อนี้เป็นชื่อของหนังฝรั่ง ... รอคำตอบด้วยคน