OK ครับ ยินดีที่ได้ร่วมเป็นสมาชิกและนำสิ่งดีดีมานำเสนอกัน ตอนแรกก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นพี่น้องกัน ขอบคุณ ท่า โอ มิ ด้วยนะคร๊าบ
ลืมถามไป! ท่านเหล่านี้ในรูป ก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในแจ่มจันทร์นี้ด้วยใช่ไหมครับ...
![]() | ![]() |
คนที่ใส่แว่นนั่งเขียนกระเป๋าหนังคือ คุณพ่อของดิฉันเองค่ะ ส่วนคนขวาคือพี่ดำที่เป็นมือฉายหนังตั้งแต่สมัยยุคแรกๆของแจ่มจันทร์ภาพยนตร์ค่ะ ซึ่งตอนหลังได้ลาออกแล้วไปทำร้านหนังของตัวเองค่ะ (แกยังเคยไปส่งดิฉันไปโรงเรียนสมัยอนุบาลเลยค่ะ 555)
ผมชื่อโอครับ เป็นเด็กอุดรโดยกำเนิด ตอนนี้มาทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นตำแหน่งนักวิชาการช่างศิลป์และเป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชา Graphic Design ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
ความทรงจำดีๆเกี่ยวกับแจ่มจันทร์ภาพยนตร์ของผมเกิดขึ้นในสมัยเด็ก ๆ ตอนที่ผมอยู่อุดรกับพ่อแม่ ผมเองชอบหนังกลางแปลงมาตั้งแต่เด็กเพราะบ้านอยู่แถวโรงเรียนบ้านหนองตุ เมื่อก่อนหนังกลางแปลงมาลงฉายที่วัดวิเวกบูรพาชัยแถวบ้านบ่อยมาก ติดตามผลงานมาทุกหน่วยทั้ง ศรีเทพ แจ่มจันทร์ สุภาพฟิล์ม ฯลฯ ตอนเด็กพอรู้ว่าวันไหนมีหนังจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ ไปรอดูรถหน่วยอยู่สนามวัดตั้งแต่บ่ายจนค่ำ ดูหนังเสร็จแล้วก็จะแอบตื่นแต่เช้าไปที่จุดที่เขาฉายหนังเก็บเอาเศษฟิล์มไปที่เขาทิ้งไว้ เศษแท่งถ่านที่เหลือแต่ปลายเล็กๆ ถือคติว่ามาก่อนได้ก่อน เพราะมีเด็กอีกหลายคนมาเดินสำรวจหาเศษฟิล์มเหมือนเราเช่นกัน และทำให้รู้สึกอยากสนใจและอยากรู้ว่าเครื่องฉายหนังมันเป็นยังไง มันถึงฉายออกมาได้
เมื่อประมาณปี 2527 เรียนอยู่ ป.1 พ่อกะแม่ผมเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนบ้านหนองตุ (ปัจจุบันเออรี่แล้วครับ) และคุณลุงสันติ (ลุงผมเอง) ท่านเป็นผ.อ. โรงเรียนบ้านหนองตุในสมัยนั้น ท่านจะจ้างเหมาหนังแจ่มจันทร์ มาล้อมผ้าหาเงินเข้าโรงเรียน ทุกวันที่ 24 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบสถาปนาของโรงเรียนบ้านหนองตุโดยมีการจัดหนังทุกปี ก่อนจะถึงวันงานประมาณสองอาทิตย์ของทุกปี พ่อกับลุงผมจะเป็นคนไปติดต่อจ้างหนังแจ่มจันทร์และพาผมไปด้วย เป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นมากของเด็กคนนึงที่มีโอกาสได้ไปจ้างหนังกะเขา ที่สำนักงานแจ่มจันทร์ ภาพยนตร์ อุดรธานี ที่สำนักงานเก่า ถ.อุดรดุษฏี จะจัดติดต่อกันทุกปีวัตถุประสงค์คือต้องการหาเงินเข้าโรงเรียนบ้านหนองตุและจัดทุนการศึกษาแจกนักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน ตอนนั้นตื่นเต้นมากๆ ผมชอบเชียร์ให้พ่อกะลุงจ้างหนัง สรพงษ์กับจารุณีเท่านั้น เพราะสมัยเด็กๆผมจะได้ดูหนังสรพงษ์แนวระเบิดภูเขาเผากระท่อมเยอะมากจนแทบว่าชอมมากเลยทีเดียว จะมีเจ้ผู้หญิงคอยนั่งรับงานกับเจ้าภาพที่หน้าร้านตลอด (ผมก็ไมรู้จักครับแต่ดิดว่าต้องเป็นเจ้าของแจ่มจันทร์แน่ๆ เพราะแต่งตัวดี ดูมีราศรีกว่าใครๆเลย พูดจากับเจ้าภาพก็เป็นกันเองดีมากๆ คาดว่าต้องเป็นเจ้าของแจ่มจันทร์ ภาพยนตร์แน่ๆ)บ้านแจ่มจันทร์ใหญ่โตดีครับ ด้านข้างมีโรงจอดโรงหนังด้วยครับ ถ้าที่จอดเต็ม ก็จะเห็นรถหนังจอดเรียงรายอีกมาก อยู่ตรงข้ามสำนักงานแจ่มจันทร์ และรถหนังแจ่มจันทร์ทุกคันจะมีป้ายโค้กใหญ่ๆติดรถหนังทุกคัน (แต่ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าเหลือกี่หน่วย แล้วหน่วยใหญ่รถHino FF จอ 20 เมตรที่เคยลงโชว์ในงานทุ่งก็ไม่รู้ว่ายังอยู่หรือเปล่า ชอบมากครับสวยงามดี)เคยดูหนังแจ่มจันและเคยเห็นไตเติงของแจ่มจันทร์ ภาพยนตร์ในฟิล์มหนัง และฉายบนจอหนังด้วยนะครับ เท่ห์จริงๆ
กลับถึงบ้านได้ใบปิดหนังมาแล้วก็จะขอพ่อเอาไปอวดเด็กแถวบ้านก่อน "แล้วก็บอกอย่างภาคภูมใจตามประสาเด็กๆเลยว่า "เฮ้ยวันนี้กูไปจ้างหนังมาแล้วนะเฟ๊ย ฮ่า ฮ่า" (ยืดได้เต็มอก) ก่อนถึงวันหนังฉายก็ท้ากับเพื่อนทำจอหนังเล็กๆแข่งกัน ตัดถุงพลาสติกเอาเมจิกมาทาขอบสีดำ เอาไม้ลุกชิ้นมาขึง เขียนคำว่าแจ่มจันทร์ไว้ที่ขอบจอด้วย อิอิ(บ้าดีมั้ยล่ะ) เพื่อนอีกคนมันก็ทำจอศรีเทพ กับฟิล์มทองมาลงแข่งด้วย (เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆที่เด็กในสมัยนั้นจะมีได้) เพราะสมัยนั้นไม่มีเกมส์ ไม่มีอินเตอร์เน็ท
เมื่อทำเสร็จแล้วก็เอามาขึงไว้ที่ดินว่างหลังบ้าน ตกกลางคืนก็นัดรวมพลเพื่อน ๆมาสุมหัวกัน ต่างคนต่างเอาเศษฟิล์มหนังที่เขาทิ้งไว้ตามงานที่ฉายต่างๆมาส่องเทียนเล่นกัน พากย์กันเองไปด้วยสนุกสนาน สักพักหม่อมแม่ออกมาตามกับไม้เรียว เท่านั้นแหละจอพับยับเยินแตกกระจายคนละทิศคนละทาง วันนี้เป็นผู้ใหญ่แล้วมาคิดดูอีกที ขำตัวเองอย่างแรง เฮ้อ ทำไปได้ แต่ก็ดีนะเรามีอดีตดีๆ สุมหัวรวมกันบ้าหนัง ดีกว่าสุมหัวรวมกันติดยาเสพย์ติด
ปัจจุบันเพื่อนที่เคยเล่นด้วยกันสมัยนั้นก็แยกย้ายไปคนละทิศคนละทาง บางคนก็ไปเป็นอัยการบ้าง เป็นตำรวจบ้าง เป็นคุณหมอบ้าง ได้ดิบได้ดีกันทั้งนั้น ถ้ามีโอกาสก็อยากชวนกันมารำลึกถึงความหลังเช่นกัน
แต่ครอบครัวผมก็อบอุ่นอย่างดีนะ เพราะทุกวันเสาร์เสด็จพ่อกะหม่อมแม่จะพาผมไปดูหนังที่โรงหนังในเมืองอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะอัมพรเดอะลุกซ์นี่แหละ โรงขาประจำของหม่อมแม่เลย เด็จแม่จะชอบหนังแนวชีวิตๆ เช่นปีกมาร พลอยทะเล ฆ่าด้วยเสน่หา หรือไม่ก็ เมียหมายเลข 1 (สรพงกับอภิรดี เล่นเลิฟซีนดุเดือดมาก ถามว่าเหมากะเด็กมั้ยเนี่ย หุหุ) ซึ่งหนังแนวนี้จะเข้าฉายที่อัมพรตลอด แต่ผมไม่ค่อยชอบหรอกเพราะมันเป็นหนัง น่าเบื่อสำหรับเด็กๆนะ ตอนนั้นไม่มีการจัดเรทด้วย แต่ก็ชอบอัมพรเพราะโรงใหญ่หรูหราดี โคมไฟระย้าหน้าโรงสวยมาก แต่เสด็จพ่อจะชอบดูที่เจริญรัตน์เพราะพ่อชอบหนังชอว์บราเดอร์ เเป็นสาเหตุให้ครอบครัวนี้ต้องร้าวฉานอยู่บ่อยๆเพราะไม่รู้ว่าจะสามัคคีไปดูหนังกันที่โรงไหนดี 555 (แต่ส่วนตัวผมกลับชอบโรงหนังเจ้าพระยาครับขาประจำผมเลย คลาสิคสุดๆ)
กลับมาที่เรื่องจ้างหนัง ช่วงปีแรกๆ พ่อกับลุงไปจ้าหนังที่แจ่มจันทร์ ภาพยนตร์ เอาเรื่อง "ครูจันทร์แรม" มาฉายหาเงินเข้าโรงเรียน โดยให้คณะครูทำบัตรการกุศล (บัตรแข็งขายให้ชาวบ้านทั่วไปล่วงหน้า)ปรากฏว่าได้เงินเข้าโรงเรียนมากมายจนประสบผลสำเร็จ และเป็นกำลังสำคัญให้ได้จัดหนังล้อมผ้าอีกหลายปีต่อมา ช่วงหลังๆก็จะเป็นหนังแนววัยรุ่นสมัยนั้นเช่น "นานาจิตตัง" ฉลุย หรือไม่ก็หนังจีนแนวผีกัด ซึ่งได้บรรยากาศมากๆเล่นเอาไม่กล้ากลับบ้านกลางคืนคนเดียวเลย ทั้งที่บ้านอยู่ใกล้โรงเรียนบ้านหนองตุ เพราะเมื่อก่อนบ้านหนองตุยังเป็นป่าเป็นดงอยู่เลย ทุกวันนี้กลายเป็นบ้านคนไปหมดแล้ว และก็เป็นหอพักนักเรียนเยอะไปหมด จนจะกลายเป็นชุมชนแออัดไปแล้ว เพราะไม่มีการจัดผังเมืองที่ดี
ผมกับพ่อและคุณลุงก็มีสัญญาใจกับแจ่มจันทร์มาเรื่องๆทกุปี จบปีนี้แล้วก็ตั้งหน้ารอคอยจนกว่าจะถึง 24 พฤษภาคมอีกปีหน้าจึงจะได้มาที่แจ่มจันทร์อีกที เป็นการรอคอยปีต่อปีที่ยาวนานมากของเด็กคนนึง จนถึงปี 2536 ผอ.สันติ ก็เกษียณ และก็ขาดแม่งานสำคัญ ในการจัดงาน หลังจากอีกปีนั้นก็มีจัดอีกครั้งโดยคราวนี้ปันใจไปจ้างฟิล์มทอง ภาพยนตร์มาฉาย ปรากฏว่าไม่ประสบผลสำเร็จ ก็เลยไม่ได้มีการจัดอีกเลย
แต่ผมก็มีโอกาสได้ไปแจ่มจันทร์ ภาพยนตร์อีกครั้งนึงแบบงงๆ อิอิ เพราะพี่สาวผมเป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกับพี่ผึ้งสมัยอยู่ราชินู ปีนั้นเค้าไปเลี้ยงสังสรรอะไรกันกันสักอย่างนี่แหละที่บ้านแจ่มจันทร์ ไปแบบงงๆเพราะงานนี้มีแต่ผู้หญิงเพื่อนๆเค้าทั้งนั้น สรุปแล้ววันนั้นตูไปทำไมหว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเล๊ย เอาเป็นว่าได้มาที่บ้านแจ่มจันทร์ก็ดีใจแล้ว
พอขึ้นม.ต้น ก็ยังชอบหนังกลางแปลงไม่เสื่อมคลาย แอบปีนหน้าต่างไปดูหนังตอนกลางคืน แต่ขากลับนี่สิโดนหม่อมแม่ตีด้วยไม้เรียวทุกทีเลย คิดแล้วยังขำตัวเองอยู่เลย อิอิ เมื่อก่อนแจ่มจันทร์ กับศรีเทพ จะขยันมาลงล้อมผ้ากันบ่อยมากที่สี่แยกรอบเมืองโรงเรียนสันตพล ซึ่งจะเป็นลานหน้าอู่ซ่อมรถ (ฝั่งตรงข้ามบิ๊ก C ในปัจจุบัน ) และคนดูเยอะมากๆ แทบเรียกได้ว่าเป็นแหล่งหม้อข้าวหม้อแกงของหน่วยหนังในยุคนั้นกันเลย ปัจจุบันกลายเป็นถนน 4 เลนกันหมดแล้ว และจะมีอีกที่ตรงซอยกำนันทางจะไปบ้านหนองใส ตรงแถวๆบ้านกำนันลม ผมเองก็แอบหนีบ้านไปดูบ่อยๆเหมือนกัน หุหุ (จำได้แจ่มจันทร์เคยไปล้อมผ้าเรื่องใหญ่ฟัดใหญ่ หนังของนนทนันท์ และก็มีหนังไทยเรื่อง ทอง 3 ยังจำได้นะคร้าบ)
พอขึ้นม.ปลายที่อุดรพิทย์ก็ห่างหนังกลางแปลงนักไปสักหน่อยเพราะต้องตั้งใจเรียนให้มาก แต่ผมจะมาสนิทกับศรีเทพ ภาพยนตร์มากขึ้นเพราะลูกชายของผู้การอ๊อด ชื่อโต (พงษ์เทพ สมประสงค์) เป็นเพื่อนเรียนม.ปลายรุ่นเดียวกัน และก็มักจะไปเล่นที่บ้านศรีเทพบ่อยๆ และก็เป็นช่วงที่ศรีเทพบูมมากๆ แต่ก็ยังเป็นห่วงแจ่มจันทร์เช่นกันเพราะตอนนั้นไม่ค่อยเห็นแจ่มจันทร์ซื้อหนังเลย แต่ก็ยังดีใจที่เห็นแจ่มจันทร์อยู่คู่เมืองอุดรมาจนถึงทุกวันนี้
ทั้งที่ศรีเทพ ภาพยนตร์นั้นกลับต้องปิดตำนานไปโดยปริยาย เหมือนพลุที่ถูกจุดขึ้นฟ้าพอถึงจุดที่สูงที่สุดก็ดังก้องฟ้า ไม่นานแสงก็ดับและร่วงลงสู่ดินเช่นเดิม มันเป็นสัจธรรมครับ
พอเรียนจบ ป.ตรี ปี 47 (ตอนนั้นยังไม่ทำหน่วยหนัง) สิ่งแรกที่คิดคือต้องการกลับมาบวชทดแทนพระคุณพ่อแม่ ตอนนั้นองค์บากกำลังดังอยากจ้ามาฉายงานบวชตัวเอง และได้ข่าวว่าเป็นหนังของแจ่มจันทร์ซะด้วย ผมไม่ลังเลครับเพราะเชื่อถือในชื่อของแจ่มจันทร์ในสมัยที่พ่อกับลุงเคยเป็นลุกค้าผมก็เลยลองติดต่อไปโทรถามดู ก็มีผู้ชายรับสายคาดว่าน่าจะเป็นเฮียธงชัยครับ ถามไปถามมาเฮียเค้าบอกว่ารับอยู่สองหมื่นห้า ผมก็เลยไม่ได้จ้างครับเพราะมีเงินเหลือจัดแนวงันของตัวเองอยู่หมื่นกว่าบาท (ก็ผิดหวังนิดหน่อยเพราะใจอยากให้มีหนังในงานบวชตัวเองสักครั้งในชีวิต)งานวันนั้นก็เลยไม่มีอะไรมางันครับมีแค่อีเล็คโทนกระป๋องกระแป๋งที่พ่อไปหามาให้ งานก็เลยกร่อยนิดๆ แต่ใจก็ยังอยากจางหนังอยู่ดี ก็เลยตัดใจและปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดโดยภาวนาให้ผลบุญในการบวชครั้งนี้ เป็นบารมีให้พ่อกะแม่หมดเลย
ตอนนี้ผมอยู่ที่ขอนแก่นแล้วครับ มาทำงานไปด้วยทำหน่วยหนังไปด้วย ชื่อเทพมงคล ภาพยนตร์ รถหนังคันสุดท้ายของศรีเทพ พ่ออ๊อดก็ให้ผมมาใช้ต่อนี่แหละครับ (ขอบคุณพ่ออ๊อดครับ เครดิตนิดๆ) และก็ขอบคุณแจ่มจันทร์ ภาพยนตร์มากมายที่ทำให้ผมผูกพันธ์กับหนังเรื่ยมา แม้ไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไรสำหรับแจ่มจันทร์ แต่ก็เป็นต้นแบบที่ดีที่ทำให้ผมได้ทำหนังในวันนี้ ขอบคุณ ครอบครัวแจ่มจันทร์ ภาพยนตร์ทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ก็ไม่รู้จะบอกความรู้สึกในใจที่ไม่เคยบอกใครเลย เพราะไม่รู้จะไปบอกตรงไหนกับใครดี บอกตรงนี้ละกัน ขอบคุณเฮียแอ๊ดและเว็บไทยซีนที่ทำให้ได้ย้อนอดีตถึงแจ่มจันทร์ครับ
จากใจโอ ขอนแก่น (เทพมงคล ภาพยนตร์)
ป.ล. ผมชอบ คำว่า แจ่มจันทร์ ภาพยนตร์ มากกว่านะครับ ไม่คุ้นกับคำว่าแจ่มจันทร์ฟิล์มสักเท่าไหร่ทั้งที่เป็นชื่อเดียวกัน ผมชอบ คำว่า แจ่มจันทร์ ภาพยนตร์ เพราะฟังดูแล้วรู้สึกดีมากมายอย่างบอกไม่ถูก
Ohhhhhhhhhhhhhhhhhh
ต้องขอบคุณคุณ โอ ขอนแก่นมากๆๆๆๆ ค่ะ ได้อ่านแล้วซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูก ที่มีคนรักหนังกลางแปลงได้อย่างลึกซึ้งขนาดนี้ไม่ว่าจะเป็น แจ่มจันทร์ภาพยนตร์ หรือ ศรีเทพ ก็มีหน้าที่เหมือนกันค่ะ คือให้ความสุขกับท่านผู้ชมที่อุตส่าห์เสียเงินเสียทองหอบเสื่อ หอบผ้ามาดูหนังกลางแปลง ดิฉันเป็นตัวแทนของบริการหนังแจ่มจันทร์คงต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนบริการหนังกลางแปลงแจ่มจันทร์ภาพยนตร์มาด้วยดีตลอด 30 กว่าปี
ขอตอบคำถามคุณโอ ขอนแก่นหน่อยนะคะ จริงๆแล้วดิฉันก็ชอบชื่อแจ่มจันทร์ภาพยนตร์มากกว่าแจ่มจันทร์ฟิล์ม 2001 เช่นกันค่ะ แต่ด้วยเหตุผลทางธุรกิจบางประการทำให้ต้องเปลี่ยนชื่อค่ะ ชื่อแจ่มจันทร์เป็นชื่อของคุณแม่ดิฉันเองค่ะ เป็นชื่อที่ให้พระอาจารย์หลวงปู่หลุยส์ จันทสาโร เลือกระหว่างชื่อคุณพ่อกับคุณแม่ ซึ่งท่านก็เลือกเป็นชื่อคุณแม่ในการทำธุรกิจ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับและให้การสนับสนุนอย่างดีจากผู้ที่ชื่นชอบการดูหนังจากสมัยก่อนจนถึงสมัยนี้
ดิฉันอ่านความเห็นของคุณโอ แล้วทำให้ต้องหลับตานึกภาพสมัยก่อนของที่บ้านเลยค่ะ มีความสุขมาก ดิฉันเองได้ไปขายตั๋วหน้าวิกฉายหนังของที่บ้านตั้งแต่เด็ก จนโต ย่อมมีความผูกพันกับการฉายหนังกลางแปลงเป็นอย่างดีได้เห็นวิวัฒนาการและวงจรชีวิตของบริการหนังกลางแปลงที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามยุค ตามสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิค ภาพของผู้คนแต่ละอำเภอ แต่ละบ้าน แต่ละท้องที่ ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามแต่ที่คุณพ่อดิฉันไปวางบุคฉาย ทำให้ดิฉันอดทึ่งไม่ได้ว่า คนสมัยก่อนนี้ รอคอยเหลือเกินที่จะมีหนังมาฉายให้ดูถึงบ้านของเค้า
ดิฉันดีใจนะคะที่คุณโอ เป็นอาจารย์สอนอยุ่ที่ ม.ขอนแก่น คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เพราะว่าหลานสาวดิฉันเพิ่งจะเข้าเรียนปี 1 คณะนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเมื่อเดือนที่แล้วนี้เองค่า อาจจะมีโอกาสได้เรียนกับท่านอาจารย์โอ ขอนแก่นที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังกลางแปลง ไม่ทราบว่าคุณโอ ชื่อจริงชื่ออะไรค่ะ มีโอกาสไปที่มหาลัยเพื่อไปเยี่ยมหลาน อาจจะแวะไปทักทายกันค่ะ หวังว่าคงไม่ว่ากันนะคะ หลานดิฉันชื่อ แก้ม แพรสกาว แสงสว่างค่ะ มีโอกาสรบกวนสั่งสอนให้ด้วยนะคะ (ฝากหลานซะเลย อิอิ)
สุดท้ายนี้ ดิฉันอยากทราบความเห็นของสมาชิกคนอื่นๆว่า มีความทรงจำดีๆ หรือไม่ดีก็ได้ค่ะ เกี่ยวกับ แจ่มจันทร์ภาพยนตร์บ้างหรือเปล่าค่ะ ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
ได้ยินชื่อเสียง แจ่มจันทร์ภาพยนตร์ มามากเหมือนกันครับ โดยเฉพาะเกี่ยวกับผีจ้างหนัง ที่คำชโนด แต่ก็ไม่เคยได้ดูหนัง แจ่มจันทร์ภาพยนตร์ สักที ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ได้เป็นคนในพื้นที่เลยไม่มีโอกาสได้ชมหน่วยหนังในตำนานและยังคงดำเนินกิจการมาจนปัจจุบันนี้
ถ้ามีโอกาสก็อยากให้คุณพี่นำรูปหน่วยฉายของ แจ่มจันทร์ภาพยนตร์ มาให้ได้ชมกันนะครับ จะได้จดจำไว้เป็นแบบอย่างในการพัฒนาหน่วยหนังกลางแปลงต่อไป...ขอบคุณครับ
ได้ค่ะ เด๋วถ้ามีโอกาสจะนำหน่วยหนังที่บ้านมาให้ชมนะคะ