Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ
ไม่ช้าก็เร็ว มันก็จะเหวี่ยงกลับไปอีกทาง ด้วยความแรงไม่น้อยกว่าขาไปเลยทีเดียว
ปอลอ อ่านข่าวเมืองนอกแว้บๆเมื่อหลายวันก่อน ว่าผู้สร้าง/ผู้กำกับในตำนาน ทั้งป๋าจอร์จ ลูคัส กับป๋าสตีเฟ่น สปีลเบิร์ก ก็ออกมาเตือนๆแล้วว่า อุตสาหกรรมหนังฮอลลีวู้ด อาจเกิดอาการ"ยุบตัว"อย่างแรงในอนาคตอันใกล้ เนื่องมาจากค่าตั๋วแพงมหาโหด+สื่อบันเทิงอื่นๆ(หนังออนไลน์)ที่เข้ามาเป็นคู่แข่ง
นี่ขนาดว่าค่าเมื่อเทียบกับค่าครองชีพแล้ว ค่าตั๋วบ้านเค้ายังไม่"แพงโคด"แบบบ้านเรานะครับ
(ID:156558)
หากทางค่ายหนัง ตอบกลับมแบบนี้ ก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวเองตาย ในอนาคต เช่นกัน เพราะ คนดูหนังอยู่กับบ้าน ง่ายขึ้น ช่องทางการดูหนังมากขึ้น และง่ายมากเพียงคลิกมือเดียว เท่านั้น และยิ่งมีการเปลี่ยนจากระบบฟิล์ม เป็นดิจิตอล โอกาสก๊อปปี้ของหนังเถื่อน ย่อมจะสะดวกกว่าและชัดกว่า คนก็หาหนัง HD มาดูได้ฟรี ๆ หรือเสียค่าใช้จ่ายถูก ๆ ดูได้ทั้งครอบครัว
ในอนาคต โอกาสที่คนจะออกจากบ้านไปดูหนัง บนห้างก็จะไม่ค่อยบ่อยนักเพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก ยักษ์ใหญ่ ก็ยักษ์ใหญ่เถอะ อาจจะไม่รอดก็ได้
(ID:156640)
ถ้าหนังก๊อบปี้ง่ายขึ้น ค่าตั๋วโรงหนังราคาแพง อยู่ที่บ้านหาหนังhdมาดูได้ฟรีๆ ผู้สร้างมีโอกาสจะหวนกลับมาถ่ายทำระบบฟิลม์เหมือนเดิมหรือเปล่า เนื่องจากถ่ายทำเสร็จแล้วมันจะมีหลายขั้นตอนกว่าจะออกมาฉายให้ดูกัน ถ้าเป็นดิจิตอลหลุดออกมาก็จบกันเลย โรงภาพยนตร์คงต้องยุบตัวเองอีกแน่ๆเลย ลงทุนตั้งเยอะ ความคิดเห็นสว่นตัวครับ ใจรักฟิลม์
(ID:156643)
(ความเห็นส่วนตัว) ผู้สร้างหนังที่จะหันกลับมาทำฟิล์มอีกคงจะสุดโต่งน่าดูครับแต่ก็คงยากนักหนาที่จะกลับไปเป็นเช่นนั้นอีกสู้ทำหนังทุนน้อยได้กำไรเยอะไม่ดีกว่าหรือ/แต่ผมคิดว่าในอนาคตหนังที่ทำออกมาใหม่ๆหนังเด่นหนังดังต่างๆอาจไม่มีคนเข้าเข้าไปดูในโรงเลยก็เป็นได้หนังดังๆใช่ว่าจะทำเงินเพราะการดูหนังมันง่ายง่ายเสียยิ่งกว่าทำข้าวไข่เจียวกินซักจาน อีกน่ะ กระผมว่า-----น่าจะเป็นประการละชะนี้---แล
(ID:156660)
ส่วนตัวเหมือนกันครับ ถ้าผมเป็นผู้สร้างผมคงต้องรีบขายสิทธิแข่งกับช่องทางอื่นๆหลังออกจากโรงครับซึ่งอาจจะไม่มีgapสำหรับหนังกลางแปลงมากเหมือนเดิมก็เป็นไปได้ครับ..วันที่สี่เจอกันครับ..อิอิ
(ID:156734)
เข้าใจว่า จุดมุ่งหมาย หนังดิจิตอล คือ 3D แต่ผลกับ พบว่า 3D ไม่ได้ทำให้ลูกค้า เพิ่มขึ้น
และ รายได้กระจุกตัวกัยหนัง ฟอร์ม ยักษ์ ไม่กี่เรื่อง ส่วนเรื่องอื่น เงียบสนิท
และพูดถึง ธุรกิจ ขาดทุน ไม่ทำ ทำต้องไม่ขาดทุน เราจึงเห็น ว่าโรงหนัง ในเครือต่างๆ ต้องเพิ่มโรงฉายเพื่อกระจายและเข้าถึงคนดู ผมเอง 6 เดือนแล้ว ไม่ได้เข้าดูหนังโรงเลยครับ แม้แต่พี่มาก ยังไม่ได้ดูเลย
ดูที่บ้าน เป็นหลักเลย ครับ ตอนนี้มีหลายคนบอก ให้ไปดู World War Z (2013) มหาวิบัติสงคราม Z
(ID:156738)
เนวาด้าสกลนครผมจำได้ว่าเข้าไปชมครั้งล่าสุดเมื่อ3ปีก่อน(จริงๆ)ที่เข้าเพราะยังไม่เคยเข้าดูโรงเนวาด้าเลยครับแต่ถ้าเป็นทุกวันนี้แม้หนังฟอร์มยักษ์เท่าไหร่ผมคงไม่เข้าชมหรอกน่ะเพราะอย่างที่บอกว่าอยากดูหนังเรื่องอะไรก็ดูได้ง่ายจริงๆแค่อยู่บ้านกดเพียงไม่กี่ปุ่มเสียค่าไฟไม่เท่าไหร่ดูได้จนตาแช่ะหรือถ้าอยากได้บรรยากาศหน่อยก็หาหนังฟิล์มเก่าๆออกมาฉายดู(ท่านที่มีเครื่องอยู่ก่อนหน้า) รึ"ไม่ก็ออกไปดูตามงานวัดสนุกดีแท้ ผมว่านี่แหละครับ ความสูขโดยแท้จริงและไม่แพง
(ID:156752)
กลยุทธทางการตลาดทางผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย ข้อตกลงนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ครับ แต่เป็นเรื่องเก่า ตั้งแต่ปรับเปลี่ยนระบบ ซาวด์ฟิล์มเพื่อหยุดยั้งแต่ไม่ได้ผล ยอมลงทุนครั้งใหญ่ เปลี่ยนเป็นระบบ digital หารู้ใหมว่า ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย รู้ว่าเสี่ยงก็ยังทำ ลงทุนเยอะ รายได้น้อย ผู้ประกอบการหลายรายตัดสินใจเลิก แล้วคุณท่านทั้งหลายคิดว่า ไง ครับ
(ID:156762)
เออข้าวโพดคั่วที่ใหนมันก็มาจากอเมริกาเหมือนกันหมดไม่ใช่หรอครับ
ข้าวโพดที่ปลูกกันมีอยู่แค่ 6 พันธุ์และมีแค่พันธุ์เดียวที่ป๊อปได้ และผมก็ไม่เคยได้ยินว่าจังหวัดใหนปลูกข้าวโพดชนิดนี้
ดังนั้นป๊อปคอร์ดงานวัด หรือโรงหนังก็น่าจะนำเข้าหมดนะครับ
ความจริงคือ อเมริกาส่งออกข้าวโพดเยอะที่สุดในโลก และผลิตได้ถูกจนประเทศเพื่อนบ้านต้องเปลี่ยนไปปลูกอย่างอื่นเพราะสู้ราคาไม่ได้
มาถึงบ้านเราโลนึงไม่ถึง40บาท หลังจากคั่วเป็นป๊อปคอร์นแล้วจะมีขนาดเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 40 เท่า ถ้าเป็นข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมจะป๊อปได้โตกว่านี้อีก
แม้แต่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เราก็ยังนำเข้าจากอเมริกาเลยครับ สคบ. เลือกระดาษ ไปดีกว่า แว๊บบบบบบบบบ .....
(ID:156768)
เออมานั่งนึกดูก็ใช่อย่างที่ ดร.ปวีณ โพสเอาไว้..คนไทยชอบของแพงและหรูหราต้องทำใจครับ
(ID:157100)
จริงครับ นิสัยของคนไทย และโดยเฉพาะ เด็กไทย ยุคใหม่ ที่ว่า ชอบของแพง นำมา โชว์ กันครับ บางครั้งของที่โชว์ว่าแพง คุณสมบัติ ไม่ค่อยจะมีดีสักเท่าไร เพราะสินค้าที่ซื้อว่าแพง ได้บวกค่า โฆษณา และค่านิยม เข้าไปแล้ว จึงทำให้สินค้านั้นราคาแพงครับ ส่
ราคาสินค้าที่ขาย = ต้นทุน + กำไร + ค่าโฆษณา + และค่าความนิยม
ส่วนมากเด็กรุ่นใหม่ จะมีนิสัยค่อนข้างจะใช้เงินเก่ง และเกินตัวครับ ทั้ง ๆ ที่ฐานะทางบ้าน ไม่ค่อยดี และตัวเองยังหาเงินไม่ได้ แต่ใช้เงิน ซื้อของฟุ่มเฟือยเกินตัว และแข่งขันกันมาก ๆ ในหมู่นักเรียน นักศึกษายุคนี้ครับ
ดังที่ในหนังจีน เรื่องหนึ่ง ที่เคยกล่าวว่า "อดข้าวไม่ว่า แต่เสื้อผ้า ต้องเจ๋ง"
(ID:157159)
อุปมา คล้ายกับ ดื่มน้ำอัดลมจาก ซัก กระป๋อง ดื่มเสร็จก็ บีบกระป๋องทิ้ง คิดว่าน้ำอัดลมหมด ก็หมดค่าแล้ว
กระป๋องมันจะไปสู้อะไรได้ บีบถึงจุดๆ หนึ่ง กระป๋อง ก็บาดมือ ได้แผล กันไป
ก็เหมือนตอนนี้ กระป๋องเริ่มบาดมือแล้ว รักษาดีก็แผลหาย ไม่สนใจดูแลก็เป็นอักเสบเป็นหนอง ถ้าปล่อยให้แผลสกปรกติดเชื้อก็ยุ่งหนักเลย
อันนี้ก็ความคิดเห็นส่วนตัว
โรงหนัง ระบบฟิล์ม บัตร 100-140 แล่้วแต่ฟอร์มหนัง คิดว่ามีเหตุผล รับได้
โรงหนัง ระบบดิจิตอล 3D 200-250 แล่้วแต่ฟอร์มหนัง คิดว่ามีเหตุผล รับได้
สองระบบนี้ สนับสนุนครับ เชียร์ด้วย เพราะ ในบ้านไม่สามารถทำให้สมบูรณ์แบบได้เท่าโรงใหญ่
ที่ละเมิดออกมาก็ไม่สมบูรณ์ ไม่ต้องกังวล และเป็น เป็นความแตกต่างที่ชัด
แต่โรงหนัง ระบบ ดิจิตอล 2D นั้น ส่วนตัวคิดว่าดู DVD ที่บ้านดีกว่า ข้าวโพดคั่ว ตลาดนัด 10 บาท เอง มันฝรั่ง ขนมขบเคี้ยว 7/11 ก็ 20 บาท
ก็ว่ากันไป กับสังคม ของการ พูดคุย ถึงแม้จะเปลี่ยนอะไรไม่ได้ อย่างน้อยก็ได้แลกเปลี่ยนมุมมองกันครับ
(ID:157206)
เห็นด้วยกับคุนวัตครับ เค้ามักจะอ้างว่าต้นทุนการผลิตสูง
(ID:157245)
นึกอะไรออกอย่าง
ที่ USA เมื่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ประมาณปี 2470 อะไรแถวๆนั้น เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างสาหัสกันทั้งประเทศ
คนรุ่นหลัง มาวิเคราะห์กันว่า น่าจะเป็นเพราะอุตสาหกรรมที่เติบโตกันเหลือเกิน ทำให้เกิดการแข่งขันกันหนัก
แต่ละโรงงาน ไม่รู้จะลดต้นทุนตรงใหน ก็เลยมา"บีบ" เอากับคนงานของตัวนี่แหละ
(ลดค่าจ้าง เพิ่มชั่วโมงงาน ตัดสวัสดิการ ฯลฯ อะไรเทือกๆนั้น)
โดยลืมไปว่า สุดท้าย คนงาน/กรรมกรทั้งหลายนั่นแหละ ก็คือ"ผู้บริโภค"ในตลาดของสินค้าที่ตัวเองปั๊มขายอยู่
พอบีบมากๆ ชนชั้นรากหญ้าทนไม่ไหว ก็ล้มแผละลงไป
พอข้างล่างล้ม ชนชั้นกลาง (ร้านค้า) ก็เจ๊ง เพราะชนชั้นรากหญ้า ที่เป็นลูกค้าทั้งหลาย หมดกำลังซื้อแล้ว
พอชนชั้นกลางเจ๊ง คนรวยทั้งหลาย (เจ้าของกิจการ) ก็เลยพลอยเจ๊งไปด้วย
สรุปว่า พังกันทั้งระบบ จากความโลภมากของเจ้าของกิจการเองนั่นแหละ
ผมว่าทฤษฎีนี้ ก็อาจจะพอเอามาประยุกต์ใช้กับสถานการณ์นี้ได้เหมือนกันนะครับ
เลือกหน้า [1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 17
ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 118467615
ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Jamessak , Jerekioxgew , OrlandoneMon , Landexpzgew , Veronaoek , LavillKer , GirtySmike , Steveenedy , MatthewQuess , Serziof ,