เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา สำหรับรายการใหม่ที่จะออกอากาศทาง "ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ" ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ กับ "หนังกลางแปลง" รายการสารคดีที่ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้กำกับภาพยนตร์ชั้นนำของเมืองไทย อาทิ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล,เปี๊ยก โปสเตอร์,ยุทธนา มุกดาสนิท,เชิด ทรงศรี นำเสนอในรูปแบบของซีรี่ส์ ที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ทั้งผลงาน ชีวประวัติ เป็นอาทิ ซึ่งในแต่ละตอนจะถูกถ่ายทอดเรื่องราวของผู้กำกับชั้นแนวหน้า โดย นักแสดง-ศิลปินที่มีชื่อเสียงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาช่วยสร้างสีสันให้กับรายการ

คอหนังไม่ควรพลาด รายการ "หนังกลางแปลง" รายการที่จะทำให้คนไทยเข้าใจหนังไทยมากกว่าที่เคยรู้จัก ออกอากาศทุกคืนวัน พุธ - ศุกร์ 23.00 - 23.45 ทาง ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ เริ่มเปิดวิกครั้งแรก 3 กันยายน นี้

ที่มาจาก 

รายการนี้ไทยบีพีเอส โปรโมทน่าดู โทรถามเพื่อนๆที่ทีวีไทย บอกว่า งานนี้พี่เทพชัย พี่เม็ค พี่เปี๊ยก คนกุมไทยบีพีเอส.ขณะนี้ บอกว่า น่าจะทำแรตติ้งได้ดีทีเดียว

^{ผมเคยดูเทปแรกที่ออกอากาศ  ดูเหมือนเข้าจะเอาชีวิตของคนสร้างหนัง หรือผู้กำกับ มาเผยแพร่มากกว่า   ดูแล้วไม่เห็นมีเรื่องหรือชีวิตของคนทำหนังกลางแปลงเลย  ได้แต่เอาชื่อหนังกลางแปลงมาใช้แทนคำว่า หนังไทย  แต่สุดท้ายก็ได้ความรู้เหมือนกัน   ถ้าจะให้ดีก็เพิ่มเรื่องที่เกี่ยวกับหนังกลางแปลงจริง ๆ ไปอีกนิดหน่อย น่าจะทำให้มีความสนใจมากขึ้น}

ขอโทษไว้ล่วงหน้าถ้าสมาชิกท่านใดที่จิตใจไม่แข็งพอโปรดอย่าอ่านต่อและข้อความข้างล่างเป็นความรู้สึกส่วนตัวกับรายการหนังกลางแปลงที่ออกอากาศทางไทยทีวี

++++++++++++++++++++++++++++

ผมคิดว่าคนแต่ละระดับ(ชนชั้น)มีความเข้าใจในความหมายของคำว่าหนังกลางแปลงที่แตกต่างกันออกไป

คนที่อยู่สูงมากๆ อาจรู้จักแต่นิยามของระบบที่เอื้อความสุขสูงสุดเช่นระบบ Home theater VDO,VCD หรือ DVD(แทบไม่เคยได้ยินคำว่าหนังกลางแปลงชอบความเป็นส่วนตัวมีกะตังค์พอที่จะซื้อหาครอบครอง(ความสุข)ได้)

คนที่อยู่ต่ำอีกหน่อยก็ดูแต่หนังโรงชั้น 1 ชั้น 2 (รู้จักคำว่าหนังกลางแปลงบ้าง(จอมันใหญ่คล้ายๆกัน)เพราะคนกลุ่มนี้พอมีตังค์และชอบดูหนังใหม่ๆจากโรงเย็นๆ)

คนที่อยู่ล่างสุด(พวกตังค์น้อยเวลาน้อยเช้าไปทำงานเย็นคำก็กินข้าวแล้วหลับนอนพักผ่อนเป็นวงรอบแบบนี้)ก็ดู TV บางครั้งนานๆที ก็จะได้ดูหนังจอใหญ่ๆ ที่มีคนมาฉายอยู่กลางลานสักที ดูกันทั้งหมู่บ้านได้มีโอกาสพบปะพูดคุยเกี้ยวพากันและที่นั่นก็มีแต่ความสุข ได้พบกับความแปลกใหม่ของเทคโนโลยี่สุดไฮเทคที่สามารถทำให้ผ้าขาวๆมีตัวคนตัวใหญ่ๆปรากฏขึ้นมาดำเนินเรื่องราวให้ความสนุกกับเราๆ และมันก็เป็นความทรงจำที่ผมคิดว่าหลายๆคนในที่นี้ได้ให้คำนิยามมันไว้ว่า"หนังกลางแปลง!!"

คงไม่แปลกหรอกครับที่รายการหนังกลางแปลงได้นำเสนอเรื่องราวที่ขัดกับความรู้สึกในความทรงจำของแต่ละคน เพราะนั่นเป็นการจัดทำจากคนอีกกลุ่มอีกระดับที่ใช้คำว่าหนังกลางแปลงมาเป็นจุดขาย

ไม่ว่าจะเป็นคนสร้างหนัง,หนังที่ได้รับรางวัลล้วนแล้วแทบจะไม่มีความหมายเลยสำหรับคำว่าหนังกลางแปลง ในความเป็นจริง(ของผม) หนังกลางแปลงเป็นเพียงแค่ธุรกิจสุดท้าย(หรือเป็นเพียงกากเดน)ที่เหลือมาจากความบันเทิงขั้นสูงสุดในขณะนั้น และมันก็ได้เลือนหายไปแล้ว(เริ่มยอมรับความจริง) แต่ตอนนี้พวกเรากำลังดำเนินตามความฝัน,จินตนาการในความทรงจำ โดยการแสวงหาไว้ครอบครองซึ่งระบบไฮเทคในยุกนั้นพร้อมกับกากฟิล์มหนังที่อยู่ในความทรงจำ

ถ้าเราจะทำได้(ตอนนี้)ก็คงเป็นเพียงจำลองบรรยากาศของหนังกลางแปลงเพื่อที่จะได้มีความสุขกับการรำลึกความทรงจำอีกซักครั้งและเราก็กำลังดำเนินการอยู่อีกไม่นาน(ปีหน้าหรือปีหน้าๆ) เราคงได้ทำกิจกรรมด้วยกัน

หวัดดีครับพี่ๆทุกท่าน

ทำไมเราไม่เอาจุดขายของเขามาเป็นจุดแข็งของเราบ้างละครับพวกพี่ๆให้เขาได้รู้ว่าคำว่าหนังกลางแปลง จริงๆแล้วความหมายของคำนิยามนี้หมายถึงสิ่งไหน หรือง่ายๆก็คือให้คนที่หลงทางสื่ออยู่ตอนนี้ ได้พบกับความหมายที่แท้จริงของคนที่ทำงานทางด้านนี้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบทบาทของสายหนังในยุคก่อน ที่ต้องสร้างหนังตามใจคนดู เพื่อนำมาป้อนตลาดก่อให้เกิดรายได้เป็นกอบเป็นกำ หรือการลงทุนสร้างหนังในรูปแบบต่างๆในสมัยก่อนๆที่แต่ละท่านๆในที่นี้ต่างคนต่างมีความรู้เพรียบพร้อมกันอยู่แล้ว จนทำให้ผมนึกถึงท่านธานินทร์ที่เคยคิดเรื่องโรงเรียนหนังกลางแปลง วารสารกลางแปลง ฯ ผมว่ามันคงเป็นแหล่งความรู้และเป็นเวทีที่เราอาจจะเรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่รวมเอาพลังของชาวกลางแปลงมาไว้ ณ ที่แห่งนี้ได้จริงๆ ให้สมกับความยิ่งใหญ่ของคำว่า " หนังกลางแปลง" ครับ

ปล. หากเราเริ่มทำให้เป็นรูปเป็นร่าง ภาพเก่าๆเราหาไม่ได้ในตอนนี้ เราก็สร้างภาพประกอบบทเรียนได้นะครับ ผมยินดีช่วยเหลือเต็มที่นะครับ