Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ประธานกรรมการ :ปวีณ เขื่อนแก้ว
เวบมาสเตอร์:อนุกูล วิมูลศักดิ์ 084-819-7374,095-308-6840


= ภายใน24ชั่วโมง , = ภายใน 3 วัน = ทั่วไป , = คลาส2 , = คลาส3 ,
รูป
ตามไปดูหนังกลางแปลงเจ้าของ อ่าน ตอบ ผู้ตอบหลังสุด
-หนังขายยา2006100754.. 5/10/2551 2:00
-ทำอย่างใด หนังกลางแปลง จึงจะกลับมาดังเหมือนในอดีต2618442.. 4/10/2551 4:18
-หนังไทย 24 ชั่วโมง125349.. 30/9/2551 5:25
-สมถวิล ภาพยนต์87783.. 30/9/2551 5:20
-ยังไม่ได้ตั้งชื่อ73131.. 27/9/2551 2:14
-ขอเชิญชมหนังกลางแปลง โดยคมสันต์ บุรีรัมย์ ณ โคราช108037.. 27/9/2551 2:09
-ผมรักหนังครับ1866426.. 26/9/2551 3:23
-ดู "หนัง" แล้ว ได้อะไร91648.. 25/9/2551 2:10
-แผ่นเสียงเพลงคนเร่หนัง85189.. 23/9/2551 20:07
-หนังสุพรรณครับพี่น้อง86205.. 16/9/2551 21:04
-ฉายศาลเจ้า สันป่าตองเชียงใหม่84195.. 16/9/2551 1:45
-อีกชุด วัดกระทุ่ม ท่ามะกา77224.. 11/9/2551 22:04
-ชาญชัย ศรีหมึก106551.. 7/9/2551 0:34
-ใครอยากดู นันทวัน ภาพยนตร์ ที่ ขอนแก่น บ้าง ยกมือขึ้น224007.. 7/9/2551 0:33
-งานวันแม่ที่สุพรรณ84471.. 7/9/2551 0:26
-หนังขายยา หมอเสาร์100717.. 5/9/2551 0:12
เลือกหน้า
[<<] [192] [193] [194] [195] [196]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 3122

(ID:288) หนังขายยา2006


หนังขายยา2006
โดย Focus Team เมื่อ 27 ก.พ. 2549 10:39 น. ( ip )
บทความ | วาไรตี้ (บทความ)

template : forum.view.php

หลังตะวันลับไปไม่นาน ฟ้าตะวันตกสีส้ม นับแต่ปลายยอดยางปลิดใบขึ้นไป ไม่สิ้นสุด เห็นนกบินผ่านตัดหน้ารีบกลับรัง ลมพัดวู่ๆ ยามนี้เองที่เสียงเพลง "ยามเมียไม่มี ทำไมไม่มา...." ของพรศักดิ์ ส่องแสง ดังลอยลมผ่านเครื่องขยายเสียง มาจากหน้าวัด
อีกค่ำคืนหนึ่ง

..จู่ๆ ก็มีหนังกางแปลงมาปักหลักฉายอยู่ ในหมู่บ้านของเรา ข่าวว่า จะฉายกันมาราธอนถึง 15 คืน นี่เข้าคืนที่ 6 หรือ 7 ไม่แน่ใจ แต่ไม่เห็นใครจะตื่นเต้นกันสักเท่าไร

คนที่รู้ข่าวเรื่องนี้ก่อนใครกับเป็นคนเฒ่าคนแก่ เพราะหนังกางแปลงคณะนี้ มาขายยาแก้เข็ด แก้เมื่อย ปวดหลัง ปวดเอว เป็นยาสมุนไพรชนิดเดียว ขนานเดียว ขนาดเท่าขวดเหล้าขาว ติดฉลาก มีคนไปขอซื้อตั้งแต่ปักจอหนังวันแรก ราคาขวดละ 100 บาท ใครซื้อ 5 ขวดแถม ไปกินฟรี อีกขวด สรรพคุณสำคัญที่เขาประกาศคือจะอยู่ 15 วันให้ลองใช้ยา หายไม่หายรู้กัน ไม่หายหน้าไปไหน และยาสมุนไพรกินเข้าไป มากเท่าไรก็
เกิดไม่อันตราย

ปรากฏว่าคนเข็ดเอวในหมู่บ้านเรามากเกินคณานับ พอพูดกันไปปากต่อปาก ยาขายเกลี้ยงภายในพริบตา จนต้องสั่งยามาเพิ่ม ( มีการเตือนจากผู้รู้ว่ายาสมุนไพรที่เติมสารพวกสเตียรอยด์ลงไป จะทำให้อาการเจ็บไข้หายได้ ในระยะสั้นๆ และมีผลข้างเคียงมหาศาล แต่ไม่มีใครฟัง ,โรคเข็ดเอวนี่ทรมานใครก็รู้)

ใต้จอหนังมีข้อความว่ายาสมุนไพรประจำบ้าน และเบอร์โทรศัพท์มือถือ ข้างรถหกล้อกลางของหนังกางแปลง มีข้อความระบุว่า มาจากบ้านไผ่ ซึ่งก็น่าจะเป็นทางขอนแก่นโน่น และคงมากันเป็นคาราวาน เพราะหมู่บ้านถัดไปหลายหมู่บ้าน ก็มีหนังกางแปลงยี่ห้อเดียวกันมาฉาย

แค่รถหนังกางแปลงขายยา ที่เห็นก็เปลี่ยนไปจากอดีตมาก สมัยก่อนรถขายยาจะคล้ายรถตู้ แต่ขนาดใหญ่หน่อย ปิดมิดชิด มีแต่ช่องตั้งกล้องฉายหนัง ข้างรถมีชื่อ ยี่ห้อ และรูปภาพโฆษณาสินค้า หนังกางแปลงที่คนรู้จักแถวชานเมืองหาดใหญ่บ้านผม อย่างเช่น บริษัท อังกฤษตรางู ,บริษัท โอเค ฟาร์มาซี จำกัด, บริษัท เจริญสุขเภสัช ฯลฯ
มีบางคณะที่ปักหลักฉายหนัง 15 วัน ซึ่งจะมีน้อยมาก

ผมจำได้ว่า บริษัท ที่มาแนะนำและขายยาสีฟันวิเศษนิยม ฉายหนัง(จีน) ไม่จบเรื่อง
หลังจากหยุดพักขายของ แล้วขายแทบไม่ได้เอาเลย เรื่องนี้สร้างความโกรธแค้นให้กับชาวบ้านมากถึงขนาดคาดโทษไว้ ว่าอย่าโผล่เข้ามาในหมู่บ้านอีก แต่ยาสีฟันชนิดนี้ภายหลังก็ค่อยได้รับความนิยมมากขึ้น จนเขาลืมเรื่องราวครั้งนั้นเสียแล้ว

บางคณะ มาขายยาปลอม เป็นยาแคปซูลที่เม็ดใหญ่แผงยาว เหมือนลูกกระสุนปืนกล คนรู้ทั้งรู้ ก็ซื้อจนได้ แม้จะไม่ได้ ซื้อมากิน แต่ซื้อเพราะความสงสาร หรือไม่ก็ช่วยกันซื้อ เพราะคนขายบอกว่าขายหมดเท่านั้นเท่านี้แล้วจึงจะปล่อยหนังม้วนต่อไป ... ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าโฆษกหนังกางแปลงขายยา เป็นนักพูดโน้มน้าวใจคน แบบหาตัวจับยาก ชนิดที่คนสบายดี ต้องเป็นโรคอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อไปซื้อยาของเขาจนได้ "ชิ้ว......ชู่........." เสียงเป่า ไมโครโฟนอย่างได้อารมณ์ จนเด็กสะดุ้ง เพื่อเรียกความสนใจ ตอนที่ยกยาขึ้นมาโชว์ ว่าแล้วก็ร่ายสรรพคุณ อย่างมีจังหวะ ลีลา

เพลงยาใจคนจน ของไมค์ ภิรมย์พร ดังแว่วมาแทนเพลงพรศักดิ์ ในยามพลบ หลังเดินเล่นรอบสนามฟุตบอลของโรงเรียนมัธยม ผมมักนั่งเรื่อยเปื่อยอยู่ใต้ต้นหูกวางแถวนั้น บางทีเจอเพื่อนฝูง ก็หาเรื่องสนทนา วันนั้นไม่มีใครผ่านก็นั่งฟังเพลง พาจิตใจล่องลอย กับความคิดส่วนตัว

ตอนเด็กผมกับเพื่อน ๆในหมู่บ้าน เรามีความสุขมากในบ่ายที่ได้ยินเสียงรถหนังขายยา ประกาศว่าในค่ำคืนนี้ จะมีหนังมาฉาย ซึ่งส่วนมากจะใช้ลานหน้าวัด บริเวณเดียวกับที่กำลังปักจออยู่ในวันนี้ ,ความจริง เด็กตื่นเต้น ตั้งแต่เห็นรถหนังขายยา วิ่งผ่านเข้ามาในหมู่บ้านแล้ว ที่นี้ก็จะลุ้นว่าจะฉายหรือไม่ฉาย รถจะวิ่งผ่าน ไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อขออนุญาต ผู้ใหญ่บ้านสมัยนั้นก็จะบอก ให้ไปขอเจ้าอาวาสอีกครั้งหนึ่ง ส่วนมาก ไม่มีอะไรข้องขัด

ด้วยความที่เราเอาแต่ใจจดจ่อ กันแต่เรื่องหนังกางแปลง บางที่รถบรรทุกโอ่งราชบุรี วิ่งผ่านเข้ามาประกาศ ขายโอ่ง แต่หูเราได้ยินเป็นประกาศหนังจากโอ่งตรามังกร จึงเป็นภาพยนตร์จีนเรื่อง มังกรผยองยุทธจักรไปเสียนี่ เงียบเหงาของหมู่บ้านบางวัน แค่ได้ยินเสียงหมาเห่าแล้วรุมกัดกัน ก็นึกว่าเป็นเสียงประกาศฉายหนังก็มีบ่อย บางครั้งไม่มีเสียงอะไร แต่มีคนกุเรื่องว่าได้ยินเสียงประกาศหนังกางแปลง ก็ทำให้คนอื่นเชื่อได้ เสน่ห์หนังกางแปลงกับเด็กยุคนั้นมีมากมายเสียจริง

ภาพของเด็ก ที่วิ่งไล่ตาม รถหนังฉาย เพื่อหาทำเลปักจอหนังยังติดอยู่ในความรู้สึกของผม พอรถจอดเด็กจะไปมุงดูกัน อย่างเทิดทูน เหมือนกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ หนีกลับไปเสียอย่างนั้นแหละ คนรถฉายหนังขนท่อนเหล็ก อันประกอบด้วย โครงจอหนัง เหล็กหมุดสำหรับโยงยึดจอ พร้อมกับจอหนังที่ม้วนเป็นก้อนอยู่ ลงมาจากรถแล้วหาอาสาสมัคร ช่วยยก ช่วยขน แม้กระทั่งตอกหมุดเหล็ก เด็กช่วยกันอย่างสุดชีวิต เด็กผอมกะหร่องอย่างผมมักเข้าไปหยิบจับช่วยเหลือไม่ทันเพราะต้องแย่งกัน

ก่อนหน้าค่ำ คนฉายหนังจะเอาฟิล์มมากรอกลับด้าน รอการฉายในค่ำคืนนั้น ฟิล์มหนังเก่า เปื่อยขาดยุ่ย จะถูกโยนทิ้ง เด็กจะวิ่งแย่งเก็บเหมือนของล้ำค่า เพื่อเก็บมาอวดกัน ผมก็ไม่เคยมีสมบัติแบบนี้กับเขาอีกเหมือนกัน เพราะแย่งไม่ทันเพื่อน

ภายในไม่กี่ชั่วโมง หลังการประกาศฉายหนัง ตกค่ำชาวบ้านหลายคนแปลงร่างเป็นพ่อค้าแม่ค้า กันเต็มพรืดไปหมด แทบไม่น่าเชื่อ เขาเตรียมสินค้ากันอย่างรวดเร็วเหลือเกิน หลังจากตัดสินใจ คนขายขนมจาก ใช้เวลาในการหาใบมะพร้าว ก้านมะพร้าว ขูดมะพร้าวอ่อน เตรียมแป้ง น้ำตาล เตาพร้อมถ่านสำหรับปิ้ง กระดาษห่อ และเงินทอน เอาไว้พร้อม คนขายถั่วคั่ว เอาถั่วที่ตากแดดเก็บเอาไว้ คั่วลงในทราย บรรจุปี๊บ หาถ้วยตวงเล็ก ๆ แล้ว หากระดาษสำหรับทำกระทงแบ่งถั่วขาย ภายใต้แสงตะเกียง บางคนคิดการณ์ใหญ่ถึงขายโจ๊ก หรือก๋วยเตี๋ยว ซึ่งมักเป็นพ่อค้าแม่ค้ามืออาชีพ

พอมืดสนิท คนจะแห่กันมาทั้งหมู่บ้าน ชนิดที่โจรลักวัวตาลุกวาวทุกครั้ง เพราะปลอดคน รอตั้งแต่จอหนังยังว่างเปล่า เฝ้าติดตามอากัปกิริยาของคนฉายหนังว่าเขาจะเริ่มฉายหนังตัวอย่างเมื่อไร ฉายหนังตัวอย่างเสร็จ เขาก็เริ่มขายยา สลับกับฉายหนังทีละม้วน ระหว่างขายยา พ่อค้าแม่ค้าก็ได้ขายของไปด้วย กว่าหนังจะจบก็เกือบเที่ยงคืน ส่วนมากฉายเรื่องเดียว มีทั้งหนังไทย จีน ฝรั่ง อินเดีย หนังต่างประเทศ โฆษกขายยาทำหน้าที่พากย์ไปด้วย

โอกาสที่คนชนบทจะได้ดูหนังสมัยก่อนคงมีช่องทางนี้ ทางเดียว ผมยังจำหนังดีๆ หลายเรื่อง จากจอหนังกางแปลง และบางเรื่องฉายซ้ำ จนคนทวนชื่อเรื่องอย่างเหนื่อยหน่ายตั้งแต่ได้ยินประกาศตอนเย็น แต่ก็มาดูกับเขาจนได้ ในคืนที่หนังกางแปลงมาฉายใครนอนอยู่บ้านจะถือว่าเป็นเรื่องทุกข์ทรมานมาก

หลังคืนที่มีหนังกางแปลง ในวันรุ่งขึ้น ในลานฉายหนังจะเต็มไปด้วยขยะนานาชนิด
นักเรียนชั้นประถมมักถูกครูสั่งให้ระดมช่วยกันเก็บ และบางครั้งเด็กก็จะพบของมีค่าด้วย
อย่างเงิน 1 บาท หรือ ลูกอมใครทำตกไว้ แต่ยังกินได้ เพราะยังไม่ได้แกะ (มีเหมือนกันที่ใครเขาอมแล้วถุยทิ้ง แต่คนนำมาอมต่ออ้างว่ายังไม่ได้แกะ)

ทุ่มเศษ ...
ผมลุกจากใต้ต้นหูกวาง เดินผ่านโรงเรียนประถม มาที่ลานหน้าวัด ที่ฉายหนัง จอหนังสีขาวยังว่างเปล่า ไม่มีผู้คนปูเสื่อรอดูหนังแม้สักคนเดียว แต่ที่ข้างรถซึ่งมียาวางอยู่บนโต๊ะแบบพับนั้น มีคนเดินเข้ามาซื้อยา และหิ้วไหล่เอียงกลับไปเข้าใจว่าซื้อไปหลายขวด ไม่มีใครสนใจจอหนังนัก เวลาอย่างนี้ ชาวบ้านติดละครทางช่อง 7 มากกว่าจะปลีกตัวมาดูหนังได้ มีรถเข็นมาจอดขายไส้กรอกอีสานอยู่เจ้าเดียว และยังไม่มีลูกค้า แถวหน้าวัดมีร้านส้มตำอยู่ร้านหนึ่ง พอมีหนังมาฉายเขาก็ปิดช้าลง

ผมแทบจะลืมหนังกางแปลงไปแล้ว พอมาเจอก็คิดว่าไม่เหมือนเดิม
หนังฉายราว ทุ่มครึ่ง ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง ถึงเวลาก็ลงจอกันเลย
คนซื้อยารู้ว่าจะเดินเข้าซื้อช่วงไหนก็ได้ วิธีทางการตลาดได้เปลี่ยนไปแล้ว หนั
งเป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้น คืนนั้นฉายหนังไทยเรื่องดงพญาไฟ ผมดูจาก vcd
มาแล้ว

ครบ 15 วัน หนังก็ถอนจอและอำลาจากไป ข่าวว่าคนในหมู่บ้าน กลับมาเข็ดเอวกั
นเหมือนเดิมอย่างถ้วนหน้า




ความเห็น

[1]


(ID:2450)
มาจาก www.songkhlatoday.com



(ID:2451)
"....คืนนี้อย่าลืม อย่าพลาดนะครับ แม่นาคพระโขนง หนังย้อนยุค นำแสดงโดยสุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ ปรียา รุ่งเรือง พากย์สด อย่าลืม อย่าพลาดหาโอกาสมาชมกันให้ได้นะครับ"

สุ้มเสียงดังจากข้างรถขายยาป่าวประกาศเชิญชวนผู้คนที่ผ่านไปมา ลำแสงจากเครื่องฉายหนังพุ่งตรงไปที่ผืนผ้าขนาดใหญ่สีขาว สายไหมหลากหลายสีบรรจุในถุงล่อตาล่อใจลูกเล็กเด็กแดง พ่อค้า-แม่ค้าเร่ขายถั่วแก่ผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา

หน้าผืนผ้าสำหรับฉายหนัง คนหนุ่มคนสาวใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ที่หาได้ปูนั่งหน้าจอจับจองพื้นที่เหมาะเจาะ ภาพวันคืนเก่าๆ โหมโรงก่อนเริ่มต้นฉายหนังกลางแปลง หนังเร่ หรือหนังขายยา ซึ่งนับวันจะหาชมได้ยากยิ่ง

ตามรอยรถเร่ขายยา

หากกล่าวถึงหนังกลางแปลง ชวนให้นึกไปถึงรถขายยา ซึ่งอยู่เคียงคู่กันมาตลอด รถขายยาแรกๆเป็นรถจี๊ปก่อนจะพัฒนาเป็นรถหนังขายยาแบบปัจจุบัน กอปรกับกลยุทธ์การตลาดเปลี่ยนจากการขายยาคู่หนังกลางแปลงเป็นการโชว์คอนเสิร์ตคู่ขายยา นับวันจึงหาดูหนังกลางแปลงได้ยาก นอกจากตามงานวัด ซึ่งมีไม่บ่อยนัก

"สมัยก่อนใช้รถจี๊ปพวงมาลัยซ้าย มีเครื่องทำไฟติดหลังรถ หลังจากนั้นจากเครื่องทำไฟเป็นไดฯปั่น จ่ายกระแสไฟเพื่อฉายหนัง จากรถจี๊ปเปลี่ยนเป็นรถฮีโน่ จากหนัง 16 มม.แผ่นฟิล์มขนาดเล็ก แต่หนา เปลี่ยนมาเป็นหนัง 35 มม. ฟิล์มแผ่นใหญ่ เดินเร็ว ขาดเร็ว หนังเรื่องหนึ่งมี 2 ม้วน บางครั้งมีติดรถไปม้วนเดียว" ประสพ บรรลุผล หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษบริษัทโอสถสภาจำกัด ที่ตามรถขายยามากว่าสิบปี เล่าให้ฟัง

"หนังกลางแปลงคู่กับการขายยามีหลายบริษัท อาทิ ถ้วยทอง เยาวราช ห้าแพะ หลายบริษัททำต่อไปไม่ได้ล้มไปก็มี หนังขายยาสมัยก่อนขายดีมาก เป็นอันดับหนึ่งของมหรสพ เวลาไปฉายตามหมู่บ้านในชนบท ชาวบ้านจากหมู่บ้านอื่นละแวกใกล้เคียงมาดู ช่วงหลังเริ่มมีคอนเสิร์ต"

"เสน่ห์ของหนังกลางแปลงในอดีตเป็นการดึงดูดให้คนออกไปหาความสุข ความสำราญ ออกไปดูหนังพูดคุยกัน หนุ่มสาวออกไปเกี้ยวพาราสีกัน"

ฟิล์มหนังหมุนไปข้างหน้า ขณะที่ประสพนึกย้อนถอยหลังกรอฟิล์มในความทรงจำให้ฟังต่อไปว่า "ออกเร่หนังตามต่างจังหวัดกินเวลานานเกือบ 6 เดือน กว่าจะได้กลับบ้านใช้เวลาถึงครึ่งปี การติดต่อกลับบริษัทว่าจะส่งสินค้าไปลงจุดไหน ทำได้ต่อเมื่อหาโทรศัพท์ตามเมืองใหญ่ๆได้ ไม่ใช่ว่ามีโทรศัพท์มือถือแบบสมัยนี้"

การเดินทางสมัยก่อนลำบาก "ถ้ารถเข้าไม่ถึง ใช้เรือเข้าไป การเคลื่อนย้ายไปแต่ละหมู่บ้าน 5 กิโลฯ 3 กิโลฯก็ตั้งเครื่องฉายได้แล้ว เนื่องจากทางลำบากคนมาไม่ถึง ขยับไปทีละ 5 กิโลฯ 10 กิโลฯ อยู่ได้นานเป็นเดือน"

ส่วนใหญ่ฉายหนังตามต่างจังหวัด "ตามต่างจังหวัดมีการกระจายสินค้าดีกว่าในกรุงเทพฯ เพราะสมัยก่อนสินค้ายังไปไม่ถึงตามแต่ละหมู่บ้าน เจาะได้ จุดไหนที่ยังเข้าไม่ถึงจะเข้าไปไม่กี่ปีที่ผ่านมายังนำรถโฟร์วีลขึ้นไปเจาะตามหมู่บ้านชาวเขา เผ่าแม้ว ลีซอ ไปกิน-นอนอยู่ที่นั่น นี้ กินอยู่ เตรียมเครื่องครัวใส่ท้ายรถ มีเตาแก๊ส กระทะไฟฟ้า หากไม่มีไปถึงที่ไหน ไปตามวัดขออาศัยใช้เตา ของกินซื้อตามหมู่บ้านราคาถูก ผักก็เก็บเอาตามรั้ว ไม่มีขายเหมือนทุกวันนี้มีแต่ขอกัน"

นอกจากตระเวนขายยาไปกับหนังกลางแปลงแทบทุกจังหวัด ยังมีโอกาสได้เข้าไปฉายในต่างแดน แถบพม่า "เป็นพนักงานโอสถสภาคนเดียวที่เข้าไปพม่า 6 ปี สมัยยุคพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณเป็นนายกรัฐมนตรี ช่วงนั้นจะดำเนินนโยบาย 4 เหลี่ยมเศรษฐกิจ ทางบริษัทหาคนเข้าไป ต้องเตรียมตัวดูว่าคนที่นั่นชอบอะไร ทั้งสายพระและสายทหาร ปรับตัวหัดพูด อย่างเวลาไปเสนอขายสินค้า ก็ต้องเปลี่ยนคำพูด"

"เมื่อเข้าไปติดตั้งเครื่องฉาย เปิดเพลงประกาศให้ทราบว่าวันนี้มีภาพยนตร์มาฉายของโอสถสภา เรามีเวชภัณฑ์ยามาเยอะแยะ มีภาพยนตร์เรื่องนั้นเรื่องนี้ ดูสนุกสนานมาก แนะนำไปตั้งแต่หัวค่ำ แล้วก็เปิดเพลงคลอไปกับสารคดีที่ทางกระทรวงสาธารณสุขจัดมาให้ สมัยก่อนเรื่องของสุขอนามัยยังไม่เป็นที่แพร่หลาย"

ยิ่งดึก คนยิ่งเยอะ "สมัยก่อนฉายดึกไม่เป็นไร เพราะไม่มีตัวแปรความบันเทิงอื่นมาแทรก 2 ทุ่มตรงจะฉายก็เปิดเพลงไปเรื่อย สักพักพูดคั่นโฆษณา พอถึงจังหวะจะฉายตัวอย่างบางตอนของหนังหลายๆเรื่องนำมาผสมกันฉายเรียกน้ำย่อยกระตุ้นความสนใจของคนดู พอคาดคะเนเห็นแล้วว่าจำนวนคนมามุงดูเยอะขึ้นจึงฉาย ช่วงหนังม้วนที่ 2 หรือ 3 หรือช่วงหนังกำลังสนุก หยุดฉาย กล่าวขออภัยขอขายยาก่อน แล้วจึงจะได้รับชมภาพยนตร์ต่อ จิ๊กโก๋ตามหมู่บ้านไม่พอใจโห่ร้อง ขว้างก้อนหินใส่รถ หนังขาด หาเรื่องเราก็มี" ประสพกล่าว

ขณะที่แดง ไบเล่ย์กำลังดึงจินตนาการของหนุ่มสาวหลายๆคนให้โลดโผนโจนทะยานไปกับฉากบู๊แอ็กชั่นที่กำลังตะลุมบอนกันอยู่นั้น ฉับพลันภาพที่สายตาทุกคู่กำลังจ้องมองก็วูบหายไป พร้อมกับเสียงอื้ออึงเพราะความขัดใจอย่างแรง เสียงบ่นดังเข้ามาแทนที่ ต่างจากหนุ่ย ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งวัย 30 ปีควงคู่แฟนสาวเปรยขึ้นมาพร้อมใบหน้าแย้มยิ้ม ตอนเด็กๆไปดูหนังกับน้า ต้องรีบมาก่อนหนังฉายแล้วหาเสื่อไปปูนั่งหน้าจอ

"ความรู้สึกเก่าๆกลับมา แต่ก่อนดูหนังกลางแปลงดูไปดูมา ฟิล์มหนังชอบขาด คนก็จะโห่ตะโกน เสียอารมณ์มากเลยนะ เราก็อยากดูว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร เชื่อว่าตอนที่หนังหยุดฉาย เป็นฉากไคลแมกซ์ พีกมากๆ แล้วก็ดับวูบไปเลย คนก็ฮือฮา ประมาณว่าบ่น จากนั้นก็จะมีเสียงสวรรค์ อันไม่พึงปรารถนาของเจ้าของหนัง ประกาศขายยา อวดอ้างสรรพคุณ ชักแม่น้ำทั้ง 5 คนดูก็รู้ถ้าซื้อยาก็จะได้ดูต่อ แบบน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า"

"ส่วนใหญ่จะเป็นยาครอบจักรวาล แบบว่าเก็บรักษาเอาไว้ได้นาน เช่น ยาหม่อง หรือยาแก้ปวดอะไรทำนองนั้น บางทีก็เป็นยาสามัญประจำบ้านแต่เอามาอวดอ้างสรรพคุณให้ดูน่าเชื่อถือราคาไม่แพง 5 บาท 10 บาท ขายยาได้จำนวนเงินตามที่ต้องการแล้ว ก็จะฉายหนังต่อ"

นักพากย์ในยุคหนังไร้เสียง

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หนังไทยนิยมสร้างในระบบ 35 มม. เสียงในฟิล์ม หลังสงครามโลกกลับมาสร้างในระบบ 16 มม. ฟิล์มเล็กลงกว่าเดิม เสียงในฟิล์มที่เคยมีก็ไม่มี ต้องใช้นักพากย์ มาพากย์แทนพระเอก-นางเอกและตัวละครทั้งหลาย ถือเป็นยุคทองของหนัง 16 มม. ได้รับความนิยมจากผู้ชมสูงมาก เมื่อเวลาผ่านไปหนังไทยระบบ 16 มม. จึงเลิกสร้าง และกลับมาสร้างหนังระบบ 35 มม. แต่เสียงก็ยังอยู่นอกฟิล์ม

ลุงบุญชอบ สุทธิศักดิ์ ชายวัย 60 ปี เจ้าของเสียงเชิญชวนคนให้มาดูหนัง พร้อมกันนั้นทำหน้าที่พากย์สด ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังกลางแปลง ลุงบุญชอบเริ่มต้นเป็นนักพากย์ด้วยแรงบันดาลใจจากการเป็นเด็กในกองรถเร่ฉายหนัง ความที่เห็นการพากย์หนังทุกวี่วัน จึงเกิดเป็นความชอบ อาศัยครูพักลักจำ จนได้เป็นนักพากย์ทั้งหนังขายยา หนังกลางแปลง และหนังวิกหนังโรง กว่า 36 ปีที่คลุกคลีสิ่งเหล่านี้ จนกลายเป็นความผูกพัน

"แรงบันดาลใจจากความชอบส่วนตัว ชอบดูหนังมาตั้งแต่เด็ก ไปอยู่บริษัทหนัง การคมนาคมในสมัยก่อนทุรกันดารไปตามคันนา ตามป่า บุกบั่นลำบากมาก แบกจอ เครื่องฉาย แบกหนัง เข้าไปเร่ที่ไหนก็ติดตามไปด้วย หนักเข้าดูเค้าพากย์ ซึมซับการพากย์หนังจากรุ่นพี่ สนใจอยากทำ พอให้ทำการพากย์ทำเป็น"

ลุงบุญชอบเล่าอดีตที่ผ่านมาให้ฟังต่อไปว่าหนังยุคแรกเป็นหนังเงียบต้องใช้เสียงเพลง เสียงคนพากย์ จึงจะทำให้หนังมีชีวิตชีวา หนังที่นำไปฉายแต่ละครั้ง เพียงเรื่องเดียวสามารถเดินสายได้หลายเดือน

"รถขายยา ส่วนมากนำหนังมาเรื่องเดียว เดินสายเรื่องนี้ตลอด จนจำได้ไม่ต้องดูบท ฉายจบม้วนหนึ่งก็หยุด โฆษณาขายยา พอขายได้ก็ฉายต่อ จบอีกม้วนก็หยุดโฆษณาขายยา แต่หนังกลางแปลงฉายตามงานบวช งานโกนจุก ผู้จัดจะมาหาไปจัดให้คนดูฟรี หนังวิกล้อมรั้วสังกะสีเก็บเงิน หนังโรงประจำจังหวัดฉายหลายรอบ"

เวลาพากย์หนัง ลุงบุญชอบแทบจะไม่ได้ก้มดูบท แถมยังออกลีลาท่าทาง ประกอบน้ำเสียง "ใหม่ๆยาก แต่พอรู้เทคนิค ตาต้องเพ่งมองดูปากนักแสดง พากย์ให้ตรงกับปาก เป็นไปโดยธรรมชาติวิญญาณ ถึงบทโศกเศร้าตามไปโดยไม่รู้สึกตัว มือไม้ยกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว บางครั้งไปพากย์คนดูมองก็จะบอกว่ามองผมทำไมผมไม่หล่อหรอก ดูหนังดีกว่า แต่วิญญาณนักแสดงในหนังเข้าสิงต้องไปตามบทบาท"

ลุงบุญชอบเผยกลเม็ดเด็ดพรายในการพากย์หนังว่าต้องมีใจรักในเบื้องต้น ไม่เกรงกลัวอุปสรรค ที่สำคัญมีหัวใจ 4 ประการ ปากไว ใจกล้าหน้าด้าน ปฏิภาณดี เสียงดัง

"ก่อนพากย์แต่ละเรื่อง อ่านบทก่อน ซ้อมกับหนัง พอมีความชำนาญในเรื่องของหนังแล้ว การสอดแทรกมุก ไหวพริบปฏิภาณจะเกิดเองโดยธรรมชาติที่เรียกว่าพรสวรรค์ พากย์ไปพากย์มาผุดขึ้นมาเอง"

สำหรับนักพากย์ต้องทำได้ทุกเสียง "เทคนิคไม่มีอะไรมาก รุ่นพี่บอกสอน อาศัยครูพักลักจำ มีแค่ประสบการณ์ การเข้าถึงวิญญาณตัวละครในหนัง การทำเสียง ต้องฝึกหัดทำเสียงก่อน ทำเสียงให้ได้เสียงผู้หญิง เสียงเด็ก เสียงคนแก่ พอทำได้สามารถพากย์ได้"

เสียงเปลี่ยนไปตามคีย์ เสียงคนแก่ต่ำ เสียงหนุ่มหน่อย เสียงพระเอกให้เสียงปานกลาง เสียงตลกให้เสียงสูง เสียงนางเอกต้องบีบเสียง พากย์เสียงผู้หญิงเหมือนคีย์เพลง ตั้งแต่ต่ำสุด สูง และสูงสุด ต้องหัดดัดเสียงทุกวัน จึงจะใกล้เคียง

"ส่วนมากพากย์ได้ทุกแนว คนดูยึดติดอยู่กับดารา ดาราเป็นใหญ่ โดยเฉพาะมิตร ชัยบัญชา เพชรา เชาวราษฎร์ เป็นดาราคู่พระคู่นิยม ถ้า 2 คนนี่ไป เราแห่รถไป กล่าวเชิญชวน วันนี้อย่าลืมอย่าพลาด พอเพชรา คนจะตามรถร้องโห่หิ้ว สำหรับผมชอบทุกเรื่องที่ทำ เพราะทำด้วยวิญญาณ ตั้งใจทำ พยายามเข้าถึงหนัง"

ปัจจุบันการพากย์สด หายไปพร้อมกับหนังขายยา หนังกลางแปลง เช่นเดียวกับลุงบุญชอบ นานๆครั้งจึงจะมีโอกาสกลับมาพากย์สดสาธิตในโอกาสพิเศษ ที่ผ่านมาลุงบุญชอบได้ไปสาธิตวิธีการพากย์สดในงานเทศกาลหนังกลางแปลงครั้งที่ 12 จัดโดยชมรมอนุรักษ์ศิลปะโบราณคดีและพื้นบ้าน คณะโบราณคดีภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆรุ่นใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสหนังกลางแปลง

"เดี๋ยวนี้จะหาชมหนังไทยเก่าย้อนยุคได้ที่หอภาพยนตร์แห่งชาติ ศาลายา เวลามีงานหนังกลางแปลง หนังเงียบจ้างผมไปพากย์ ผูกพันเข้าสายเลือด ถ้าอยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำจะคิดถึงมัน"

"พากย์สดถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ควรเก็บไว้ สมัยก่อนไม่มีทีวี มีหนังกลางแปลง-ขายยาที่จะให้ความบันเทิงได้ พอไปพากย์ให้ชาวบ้านดีใจ อยากให้มาฉายหนัง ถือเป็นลูกเป็นหลาน บอกให้กลับมาฉายให้ดูใหม่ เพราะอยู่ด้วยความเปลี่ยวเหงาเศร้าใจ ไม่มีอะไรเลย เป็นเสน่ห์ของหนังกลางแปลง วันนี้หนังกลางแปลงกำลังจะสูญหาย หมดไปทุกปี อยากให้คนรุ่นหลังจรรโลงไว้ อย่าให้เหลือแต่เพียงตำนาน ได้แต่ภาวนาอย่างนั้น"

- - - - - -- - - - - - - - - - - - - - - - ----- - -- -- --
ข่าวและภาพบางส่วน จาก : ผู้จัดการรายวัน 21 กุมภาพันธ์ 2548
ที่มา ; http://www.manager.co.th/Daily/






(ID:2452)
ครบเครื่องเรื่องหนังกลางแปลงจริงๆครับ อ่านแล้วนึกภาพตาม ความรู้สึกเก่าๆ ย้อนกลับมาอย่างแจ่มชัด โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นเด็กกรุงเทพมาโดยกำเนิด บ้านอยู่ใกล้วัด แม้จะไม่มีโอกาสสัมผัสกับหนังขายยาอย่างจริงจัง(ในชีวิตเคยดูหนังขายยาประมาณ 2 ครั้ง ที่วัดระฆัง กับงาน 5 ธันวามหาราช) เคยดูแต่หนังกลางแปลง ฉายเนื่องในงานศพ งานบวช งานสงกรานต์ งานลอยกระทง แต่ก็คิดว่าบรรยากาศน่าจะใกล้เคียงกัน



(ID:15475)

อ่านแล้ว ภาพเหตุการณ์ในอดีต ผุดขึ้นตามตัวอักษรครับ เหมือนกับว่า เหตุการณ์เพิ่งผ่านไปเมื่อวันวาน "หนังกลางแปลง" ของเรา




เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 4

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 116981542 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Jerayendut , RobertMIGH , Akimoxagew , Maciedetpailt , Xavierlam , Sandrafem , Carrra , นนท์ , Bryantoxymn , Jerekioxgew ,