อุปกรณมีดังนี้ครับ

1.กล้องวีดีโอ HDD ไม่จำกัด พื้นที่

2.คอมที่มีโปแกรม ulead video studio 12 หรือ Nero vision 4

3.คอมพ์ที่มีโปรแกรม Nero Wave Editer เพื่อทำการบันทึกเสียงจากเครื่องฉาย

วิธีทำ

1.นำกล้องไปวางไว้ในตำแหน่งไกล้ๆ จอ เลนส์ฉายควรใช้เลนส์ 4.00 ในการซูม

2.สตาร์ทเครื่องฉายโดยไม่ต้องเปิดซาวด์ ใช้ภาพในการบันทึกอย่างเดียว

3.เสร็จแล้ว ให้นำกล้องมาต่อ พอร์ต USB ที่เครื่อง แล้วทำการ ก๊อบลงเครื่อง

4.กรอหนังใหม่ ให้เสียบสายซาวด์จะเครื่องฉายเข้ากับตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ เสียบที่รองสีชมพู (เฉพาะเครื่องฉายมีเสียงโมโนเท่านั้น) ควรมีแจ็คแบบนี้ ดังภาพสุดท้าย

5.เข้าโปรแกรม Wave Editer  กดปุ่ม REC ปุ่มสีแดง ตอนแรกจะขึ้นหน้าต่าง Simple Format Setting  กด ปุ่ม OK

ต่อไป จะขึ้นหน้างต่าง Recding Console เลือก Microphone กด OK

บันทึกเสียงเสร็จแล้วให้ save ไว้ในไดร์ฟตามใจชอบ

6.นำวีดีโอและเสียงที่ save ไว้นำมาลงในโปรแกรมUlead 12 เพื่อทำการตัดต่อ

7.จากนั้น ก็ไรต์ลงซีดีได้เลยครับ

ห้ามทำแบบนี้ในโรงหนังเด็ดขาด มิฉะนั้นคุณจะถูกปรับเป็นเงิน 5,000 บาท และดำเนินคดีตามกฏหทาย

ข้อความข้างบนให้ทำเฉพาะคนที่อยากเก็บหนังเก่าๆ ไว้ เพื่อความทรงจำเก่าๆ ภายในที่พักอาศัยเท่านั้น

ล่าสุดไปทำแบบนี้มาครับ (ภาพที่นำมาประกอบนี้เป็นต้นฉบับ ยังไม่ได้ปรับภาพเป็น 2.35: 1 ส่วนของจริงที่จะลง Youtube เร็ว ๆ นี้ ได้ปรับเป็น 2.35: 1 แล้ว แต่เสียงเป็นการซูมภายนอก ดังนั้นอาจมีเสียงพูดคุย เสียงโทรศัพท์ เล็ดลอดติดไปด้วย แต่ถ้าผ่านมิกเซอร์เสียงจะไพเราะขึ้นกว่านี้ครับ)

เริ่มกันที่หนังตัวอย่างของ ชอว์ บราเดอร์กันก่อน

ภาพที่ 2 จากเรื่อง กระบี่ไร้เทียมทาน ภาค 2 เสียงพากย์โดยคุณจักรกฤษณ์ หาญวิชัย ปี พ.ศ. 2527

ภาพที่ 3 จากเรื่อง ศึกชิงป้ายอภินิหาร ปี พ.ศ. 2526

ภาพที่ 4 จากเรื่อง อภินิหารเจ้าสุริยา ปี พ.ศ. 2526 เช่นกัน ว่ากันว่าเรื่องนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ฝรั่งเรื่อง "ซูเปอร์แมน"

ส่วน 4 ภาพสุดท้ายนี้ ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ภาพยนตร์ น่าจะทายถูกครับ

อย่างที่บอกกันนั่นแหละครับ เพราะการทำแบบนี้ถือว่า เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังไทยนั้นมีอายุลิขสิทธิ์ถึง 50 ปี โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่มีการโฆษณาครั้งแรก (ไม่รู้ว่าเริ่มนับตั้งแต่มีการประกาศว่าจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ หรือเริ่มนับตั้งแต่วันเข้าฉาย ต้องไปถามคนที่เป็นทนายครับ) ถ้าเจ้าของ ซึ่งหมายถึงผู้อำนวยการสร้างหรือผู้กำกับ เสียชีวิตก่อนที่อายุลิขสิทธิ์จะหมด ทายาทก็รับช่วงต่อไป แต่ถ้าพ้น 50 ปีแล้ว ภาพยนตร์ไทยจะตกเป็นของสาธารณะครับ

กรณีเป็นหนังต่างประเทศที่มีผู้นำเข้าในบ้านเรามาจัดจำหน่าย อย่างกรณี ตัวอย่างหนังของชอว์ บราเดอร์ น่าจะปล่อยผีได้แล้วกระมัง

หนังที่ควรเก็บด้วยวิธีการแบบนี้ ก็มี

1. ฟิล์มหนัง 8 มม. และ 16 มม. ที่เป็นหนังครอบครัว (HOME MOVIE) ถ่ายเอง ล้างเอง ฉายดูกันเอง และอีกประเภทหนึ่งก็คือหนังที่เป็นเรื่องครับ กลุ่มเหล่านี้เป็นฟิล์มธรรมดา

2. ฟิล์ม 35 มม.ที่เป็นฟิล์มธรรมดา เริ่มใกล้จะหมดอายุ (แนะนำว่าควรเป็นหนังต่างประเทศนะครับ หนังไทยก็แล้วแต่ความสำคัญละกัน เพราะบางเรื่องอาจจะหาไม่พบแล้วก็เป็นได้)

เครื่องฉายสำหรับฟิล์ม 35 มม. ที่เป็นฟิล์มธรรมดา และใกล้หมดอายุ ขอแนะนำอยู่ 2 ยี่ห้อก็คือ ชินเกียว (เหมาะสำหรับมือเก๋า แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับมือใหม่) และ 104X-2 ของจีนแดง โดยเฉพาะยี่ห้อหลังเป็นเครื่องที่ทะนุถนอมฟิล์มประเภทนี้ได้ดีครับ

ทำไมหนังแต่ละเรื่อง จึงเป็นสีเดียว อย่างนี้เขาเรียกว่า สีเฟส ใช่ไหมครับ 

ใช่ครับ คุณนัน

แต่ติดใจภาพหนังที่ แบรด พิตต์ แสดง ทำไมสีฟิล์มมันเฟดเร็วขนาดนั้น อ้อ ฟิล์มตัวอย่างเรื่อง ALIEN: RESURRECTION ก็เป็นแบบเดียวกัน ต่างจากตัวอย่างเรื่อง TITANIC ขนาดตัวหนังผ่านมากว่า 10 ปีแล้ว สียังสดอยู่เลย (แถมฝนตกอีกตะหาก)

ผมก็มีตัวอย่างอยู่ม้วนนึงครับ ยังสดทั้งม้วน

หนังตั้ง 10 ปีแล้ว ยังไม่มีฝนเลย ห่อพลาสติกไว้

เช่น

แตก 4 สโคป

ไททั่น เออี ศึกกู้จักรวาล สโคป

โคลนนิ่ง คนก๊อปปี้คน สโคป

CCJ สโคป

และอีกหลายเรื่องไม่ได้อยู๋ม้วนเดียวกัน

ฉายเล่นทั้งหมด

ขอแก้ไขเกี่ยวกับการบันทึกเสียงครับ

ให้ต่อสายซาวด์เข้าเครื่องคอมพ์แล้วบันทึกเสียงขณะซูมก็ได้

ขอตอบคุณทยา ด้วยข้อความนี้ครับ

ฟิล์มตัวอย่างที่ผมมีกว่าร้อยเรื่อง ส่วนใหญ่เก็บอนุรักษ์ทั้งหมดครับ นอกจากจะมีกรณีที่มีซ้ำกันเกินกว่า 2 ก็อบปี้ อาจจะแบ่งได้บ้าง ยกเว้น ตัวอย่างหนังที่ทำมาหลายแบบ หลายเวอร์ชั่น ตัวอย่างเช่น

1. ตำนานสมเด็จนเรศวรมหาราช มี 3 แบบ (แบบสั้น ตอนท้ายเข้าฉายเดือนธันวาคม 2549, แบบที่ 2 เข้าฉายวันที่ 18 มกราคม 2550, แบบที่ 3 เข้าฉายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งทุกเวอร์ชั่นเอาภาพจากภาค 1 และภาค 2 มารวมกัน; ผมมีเฉพาะ 2 แบบแรก)

2. บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2 มี 3 แบบ (แบบสั้น ขึ้นต้นด้วยฉากที่คุณเท่งเอาเท้าถีบหน้าคุณหม่ำ จบด้วยฉากคุณชิน โฟร์เอส, แบบที่ 2 ขึ้นต้นด้วยฉากที่คุณเท่งเอาเท้าถีบหน้าคุณหม่ำ จบด้วยฉากที่คุณหม่ำเห็นผู้หญิงชุดแดง, แบบที่ 3 ขึ้นต้นด้วยฉากวางระเบิด ต่อด้วยคุณหม่ำเต้นอะโกโก้ และ ฉากที่คุณเท่งเอาเท้าถีบหน้าคุณหม่ำ จบด้วยฉากที่ห้องแต่งตัวและมีเด็กแซว; ผมมีเฉพาะ 2 แบบหลัง)

3. ช็อคโกแลต มี 3 แบบ (แบบแรกติดมากับตัวหนังเรื่องยาว, แบบที่ 2 ที่ขึ้นต้นด้วยภาพผู้ป่วยออทิสติก, แบบที่ 3ที่ขึ้นต้นด้วยรูปคุณพงษ์พัฒน์ พร้อมกับคำพูด "เจ็บที่สุด คือการเป็นไอ้โง่"; ผมมีเฉพาะ 2 แบบหลัง)

4. อีติ๋มตายแน่ มี 2 แบบ แบบแรกเป็นฉากที่คุณโน้ส อุดมโดนทุเรียนฟาดจากแขกอาบัง (มีแค่ฉากนี้ฉากเดียว), และแบบที่ 2 ซึ่งมีนักแสดงญี่ปุ่น "อาซึกะ" ที่แสดงเป็น "อิเตมิ" ด้วย ซึ่งตัวอย่างเรื่องนี้ผมมีทั้ง 2 แบบ แถมยังมีฟิล์มตัวอย่างเชิงโฆษณาให้ปิดมือถือในโรงหนังด้วย ชุดนี้ผมก็มีเหมือนกัน

กรณีนี้ถือว่าเป็นตัวอย่างหนังที่ทำออกมาหลายแบบ แม้ชื่อเรื่องซ้ำกันก็ตาม แต่ถ้าเวอร์ชั่นนั้นซ้ำกัน 2 ก็อบปี้ (เพราะไม่ได้ดูตัวฟิล์ม) จึงจะแบ่งตามที่กล่าวมาครับ

สำหรับที่มาของฟิล์มตัวอย่างนี้ 80 % ซื้อที่ร้านประจำ บางทีก็แถมฟรี (ถ้าเข้ามาอ่านอยู่บ่อย ๆ ก็จะทราบครับ) อีก 20 % เจ้าของหนังกลางแปลงยกให้ (เพราะถึงอย่างไรก็ต้องทำลายอยู่แล้ว ไม่วันใดก็วันหนึ่ง)

ส่วนฟิล์มตัวอย่างที่มีข้อความ AGS ที่ขอบฟิล์มนั้น ผมเจออยู่หลายเรื่องเหมือนกันครับ ขอบคุณท่านโหน่งและท่านปวีณที่ชี้แนะครับ

ฟิล์ม ที่ถูกฉายบ่อยๆ มีส่วนทำให้ ฟิล์มเสียหรือป่าวคับ