(ID:13827)
จะเล่ายังงัยดีน๊ะ .. เออ เอางี้ล่ะกัน
เออ ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า CERN กำลังทำอะไรอยู่
CERN อยากจะรู้ว่า อะตอม ทำมาจากอะไร อะไรประกอบกันเป็นอะตอมขึ้นมา
มีปลากระป๋องอันนึง อยากรู้ว่ามีอะไรข้างใน เราหาอะไรมางัดๆ แกะเทของข้างในออกมา ก็รู้ว่ามีอะไรข้างใน
ใช้แรงไม่มากนัก
เล็กลงมาหน่อย ตลับยาหม่อง อยากรู้ว่ามีอะไรข้างใน หาอะไรมางัดก็ลำบากเพราะมันอันเล็ก เราก็ขว้างมันใส่
กำแพง ขว้างเบาไป ก็แค่บู้บี้ ถ้าขว้างแรงพอ มันก็แตก แล้วอะไรอยู่ข้างใน ก็กระเด็นออกมา แบบนี้ใช้แรงเยอะ
หน่อย
อยากรู้ว่าข้างในอะตอมมีอะไร วิธีนึงคือ หาเข็มที่เล็กกว่ามันมาลอง เสียบๆดู ก็รู้ว่าข้างในกลวงหรือเปล่า หรือว่ามี
อะไรอยู่ข้างใน
แต่ถ้าอยากแกะดูข้างใน ต้องทำให้มันแตก วิธีนึงที่เราคิดกันได้ ก็คือยิงมันให้ชนกันด้วยความเร็วสูง
ถ้าความเร็วสูงพอแล้วชนกันจังๆ มันก็จะแตก แต่ถ้าความเร็วไม่สูงพอ มันก็จะแค่แฉลบ
การเร่งอะตอมให้มีความเร็วสูงแล้วชนกันจนแตก มีกันหลายเครื่องแล้วครับ
แต่เราพบว่า อะตอมแตกออกมาเป็น อิเล็กตรอน , โปรตอน และนิวตรอน นั่นคือสิ่งที่เราทุกคนรู้
แต่เราไม่หยุดแค่นั้น ตอนนี้เราอยากรู้ว่า โปรตอนทำมาจากอะไร ก็วิธีเดิมๆครับ
เรงความเร็วโปรตอนให้สูงมากๆ แล้วปล่อยมันชนกันเอง เดี๋ยวมันก็แตก แล้วข้างในมีอะไรมันก็จะกระเด็นออกมา
ให้เห็นเอง ข้างในโปรตอนมีอะไรบ้าง นั่นคือสิ่งที่เรายังรู้ไม่หมดครับ
เราจะเร่งความเร็วของโปรตอนได้ยังงัย
ลองนึกถึงหลอดภาพทีวีครับ ตรงขั้วหลอดโลหะจะถูกทำให้ร้อนด้วยไฟฟ้า พอมันร้อน อิเล็กตรอนจะหลุดออกมา
จากตัวมัน
อิเล็กตรอนจะถูกดูดด้วยสนามแม่เหล็กแรงสูง พุ่งไปชนจอภาพด้วยความเร็วไม่สูงมากนัก อิเล็กตรอนไม่แตก แค่
เกิดเป็นภาพเป็นจุดขึ้นมาบนจอเท่านั้นเอง
เครื่องเร่งที่ CERN ก็หลักการเดียวกัน ใช้สนามแม่เหล็กล่อ ประจุให้วิ่งวนอยู่ในท่อ ยิ่งวนอยู่นานเท่าไหร่ มันก็ยิ่ง
วิ่งเร็วขึ้นมาเรื่อยๆ
เพื่อให้มันเร็วพอที่จะชนกันแตกได้ เขาจึงสร้างท่อนี้ให้ยาวถึง 27 กม. ครับ โดยใช้แม่เหล็กมากถึง 5000 กว่าตัว
และเพื่อลดความต้านทาน ท่อนี้ยังต้องแช่แข็งไว้ที่ความเย็นจัดอีกด้วย
ทำงี้แล้วได้อะไร
- อนุภาคชนกันจนแตกละเอียด แล้วของข้างในหลุดออกมา
- ชนกันแตกแล้ว พบว่าข้างในไม่มีอะไรเลย สร้างมาเสียเงินเปล่า
- เจออะไรใหม่ๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ( แบบนี้คุ้มค่าแรง)
- พลังงานตอนชนสูงมาก ใกล้เคียงกับพลังงานที่เกิดขึ้นตอนวินาทีที่ จักรวาลกำเนิด ( big bang)
- big bang สร้างทุกอย่าง อนุภาค , อะตอม และ หลุมดำ
ข้อเทจจริง
1 การชนกันของอนุภาค เกิดขึ้นเองในธรรมชาติตลอดเวลา แต่เกิดขึ้นที่ใหนก็ไม่รู้ เราตามไปดูไม่ได้
2 สิ่งที่เราทำคือ จำลองข้อ 1 ในห้องแลป
3 พลังงานในการชน อาจไม่มากไปกว่าข้อ 1 ดังนั้นหลุมดำ ถ้าจะเกิด ก็ไม่น่ากลัวมากนัก
4 ทุกอย่างมีขอบเขตคือ ความเร็วแสง ไม่มีอะไรวิ่งเร็วกว่าแสงครับผม
จบ เล่าไปมึนไป ครับผม
สนใจประเด็นใหนเพิ่มเติม ถามเป็นอย่างๆไปนะครับ อิๆๆ
(ID:13861)
หลุมดำคืออะไร ? อันนี้ตอบยากเหมือนกัน อธิบายง่ายๆด้วยทฤษฏีของไอสไตน์ล่ะกันนะครับ
ก่อนอื่นต้องรู้จักแรงที่ทำให้แอ๊ปเปิ้ลหล่นลงดิน นั่นคือแรงโน้มถ่วง
แรงโน้มถ่วงเป็นปัญหาโลกแตก ทุกวันนี้ยังไม่มีใครเข้าใจว่ามันทำงานยังงัย เกิดจากอะไร ถ้าคุณคิดว่าคุณรู้ นั่นแสดงว่าคุณยังไม่รู้ครับ
ทุกวันนี้เรามีทฤษฏีหยาบๆ ที่อธิบายมันได้เป็นส่วนๆเท่านั้นเอง
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้มัธยมสอนวิทยาศาสตร์กันแบบใหน เอาเป็นว่ามาดูประวัติศาสต์กันก่อนนะครับ
เมื่อ 300 กว่าปีที่แล้ว นิวตั้นค้นพบแรงโน้มถ่วง สมการที่เราเคยเรียนกัน F=mg
g=9.8 สมการนี้แม่นยำมาก การปล่อยดาวเทียม หรือแม้แต่ยานที่ไปลงดวงจันทร์ ก็ใช้สมากรนี้
แต่ที่สมการนี้มีปัญหาครับ มันบอกว่า แรงโน่มถ่วง (g) ทำอะไรได้บ้าง มีพฤติกรรมยังงัย
สิ่งที่มันบอกไม่ได้คือ แรงโน้มถ่วงเกิดจากอะไร
ต่อมาอีก 200 ปี ไอสไตน์พบว่าจริงๆแล้ว อวกาศเป็นแผ่นเหมือนผ้าแพร เรียกว่า กาล-อวกาศ(space-time) ขอไม่อธิบายนะครับเดี๋ยวยาว
ถ้าเอาของที่มีมวล(น้ำหนัก)มาวาง มันก็จะโค้ง
มวลมาก ก็โค้งมาก มวลน้อย ก็โค้งน้อย
อะไรที่เคลื่อนที่ผ่านมาในบริเวณหลุมโค้งๆนี้ ก็จะเปลี่ยนเส้นทาง เหมือนโดนดูดเข้าไป แรงนี้คือแรงโน้มถ่วงนั่นเอง
บริเวณที่ยุบลงไปของอวกาศ
OK ตอนนี้เข้าใจที่มาแล้ว ว่าแรงโน้มถ่วงเกิดจากอะไร ถ้ายังไม่เข้าใจ ให้กลับไปอ่านจนกว่าจะเข้าใจครับ อิๆๆ ทีนี้มาดูกันต่อ
ถ้าผมมีทองคำ 10 หนัก 10 โล เอามาตีโป่งให้เป็นลูกบอลขนาดเท่าแทงค์น้ำ เอามาวางในอวกาศ มันก็ยุบลงนิดหน่อย
อะไรวิ่งผ่านไป ก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากนัก
ต่อมาลูกบอลอันเดิมถูก ทุบจนมีขนาดเท่าลูกฟุตบอล แล้วเอามาวางไว้ที่เดิม คราวนี้space-time จะยุบลงมากกว่าเดิมนะครับ เพราะ
ลูกบอลเล็กลง แต่หนักเท่าเดิม
อะไรผ่านไปใกล้ๆ ก็อาจจะโดนดูดลงไป แต่ใช้แรงไม่มากก็หนีออกมาจากหลุมนี้ได้
ยังไม่พอใจครับ บีบลูกบอลลูกเดิมให้เท่ากับเหรียญบาท คราวนี้ space-time เกือบจะเป็นเหมือนน้ำวนแล้วครับ อะไรผ่านก็ขึ้นยาก
สุดท้าย ลองนึกภาพ โลกทั้งใบ ถูกบีบลงให้เล็กเท่าลูกปิงปอง คราวนี้มวลมันจะเยอะมาก ทำให้เกิดเป็นหลุมที่ดูดทุกอย่างลงไป แม้แต่
แสงก็ยังออกมาไม่ได้ครับ มันดูดอะไรเข้าไปมากเท่าได มันก็มีมวลมากขึ้นเท่านั้น บางทฤษฏีบอกว่า ถ้ามวลมันเยอะมากๆ อาจทำให้ space time ขาดเป็นรู ทะลุไปอีกมิตินึงได้ อิๆๆ ขอจบ
แค่นี้ก่อนดีกว่า เริ่มมึนแล้ว
ขนาดไม่สำคัญครับ สิ่งที่สำคัญคือมวล
ที่เล่ามาเป็นหลุมดับในระดับดวงดาวนะครับ พวกนี้เราส่องกล้องดูเจอหลายอันแล้ว อยู่ใกล้ๆเราก็มี
ส่วนหลุมดำในระดับอะตอม ขอละไว้ก่อนนะครับ รอให้ CERN ประกาศก่อนว่ามีอยู่จริงๆ ค่อยมาคุยกันต่อครับ
อีกอย่าง จะอธิบายหลุมดำอีกแบบ ต้องใช้ทฤษฏีเส้นเชือก ( string theory ) อ่ะครับ มองโลกแตกต่างจากไอสไตน์โดยสิ้นเชิง
ไม่รู้ว่าใครถูกใครผิดนะครับ สำหรับทฤษฏีเส้นเชือกขอไม่เล่านะครับ มึนมามากพอแล้ว และอีกอย่าง นี่นี่มันเวปหนังกลางแปลงครับอิๆๆ