![]() | |
ความเห็น |
ใครที่สะสมม้วนวิดีโอเทป ฟอร์แมท “วีเอชเอส” เอาไว้มากๆ ควรระวังเครื่องเล่นวิดีโอเทปที่ใช้ให้ดี เพราะนับตั้งแต่สิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเป็นต้นไป จะไม่มีเครื่องเล่น-บันทึกวิดีโอ หรือที่เรียกกันว่าเครื่องวีซีอาร์ ในระบบวีเอชเอส ออกสู่ตลาดอีกต่อไปแล้ว เหตุผลก็เพราะ “ฟูไน อีเลคทริค” บริษัทจากประเทศญี่ปุ่นที่เป็น “ผู้ผลิตวีซีอาร์ วีเอชเอสรายสุดท้าย” ประกาศเลิกผลิตเครื่องเล่นนี้แล้วอย่างเป็นทางการ
ฟูไน ซึ่งผลิตเครื่องวีซีอาร์ ให้กับบริษัท ซันโย อิเลคทริค ให้เหตุผลเอาไว้ว่า เป็นเพราะยอดขายของเครื่องวีซีอาร์ลดลงจนไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายในการคงสายพานการผลิตไว้อีกต่อไป
ที่น่าสนใจก็คือ ฟูไนบอกว่า ตัวเลขยอดขายเครื่องวีซีอาร์เมื่อปีที่แล้วรวมทั้งปีอยู่ที่ 750,000 เครื่อง ถึงแม้ว่าจะลดลงจากสถิติยอดขายสูงสุดต่อปีของบริษัทที่ 15 ล้านเครื่องอยู่มากมาย แต่ก็ยังถือว่าน่าแปลกใจไม่น้อย ถ้าคำนึงถึงว่าในหลายประเทศไม่มีวี่แววของเครื่องเล่นชนิดนี้ในท้องตลาดอีกแล้ว
“วีซีอาร์ วีเอชเอส” นั้นเป็นผลงานคิดค้นของเจวีซี บริษัทญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน ออกวางขายครั้งแรกเมื่อปี 1977 (พ.ศ.2520) และกลายเป็นส่วนหนึ่งของตำนานการขับเคี่ยวระหว่างเครื่องเล่น-บันทึกวิดีโอ 2 ระบบในเวลานั้น เพราะก่อนหน้านั้นเพียง 2 ปี โซนี คอร์ป. ก็วางตลาดเครื่องวีซีอาร์ในระบบบเบตาแม็กซ์ ที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาเป็นเจ้าแรก
“เบตาแม็กซ์” ถือว่าตัวเองเป็น “เจ้าตลาด” ในเวลานั้น ไม่เพียงแค่วางขายก่อนเท่านั้นยังให้คุณภาพของภาพและสีสัน ที่สดใสชัดเจนกว่า “วีเอชเอส” มาทีหลังและยอมรับว่าคุณภาพต่ำกว่าอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเพราะราคาถูกกว่า และเป็นเทคโนโลยีที่ “เปิด” มากกว่า
เพียงแค่ 10 ปีก็ครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก กินขาดในส่วนของตลาดผู้บริโภคทั่วไป ผลักดันเบตาแม็กซ์ให้ไปอยู่แต่เฉพาะในส่วนของสตูดิโอ หรือกิจการที่ต้องการคุณภาพมากเป็นพิเศษเท่านั้น
ชะตากรรมของวีซีอาร์ วีเอชเอส โดดเด่นอยู่ได้ไม่นาน ก็ถูกกลืนกินไปทีละเล็กทีละน้อยเมื่อ “ดีวีดี เพลเยอร์” หรือเครื่องเล่นแผ่นดีวีดี ปรากฏออกมาในท้องตลาดในปี 1994 พอถึงปี 2001 ยอดขายปลีก “แผ่น” ดีวีดี ก็แซงหน้า “เทป” วีเอชเอส ได้เป็นครั้งแรก
เส้นทาง “ขาลง” ของวีซีอาร์ วีเอชเอส ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ราวกลางปี 2003 นั้นเป็นที่ชัดเจนในปี 2006 เมื่อค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ทั้งหลายในฮอลลีวู้ด เลิกผลิตม้วนเทปภาพยนตร์ในระบบวีเอชเอส หันไปหาแผ่นดีวีดีแทน
ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายจากฮอลลีวู้ดที่ออกมาในรูปของม้วนวิดีโอ คือภาพยนตร์เรื่อง “อะ ฮิสทรี ออฟ ไวโอเลนซ์” ผลงานของ “เดวิด โครเนนเบิร์ก” ผู้กำกับมีฝีมือรายหนึ่ง
บางคนเรียกปรากฏการณ์กลืนกินวีซีอาร์ของดีวีดี ว่าเป็นการเอาคืนครั้งใหญ่
เหตุผลก็คือ ต้นตอตัวการในการคิดค้นดีวีดีและดีวีดี เพลเยอร์ออกมาจนแพร่หลายนั้นไม่ใช่ใครอื่น “โซนี คอร์ป.” นั่นเอง
ชมเครื่องเล่นสมัยนั้น..ตัวบนเป็นวีดิโอเล่นภาพและเสียง....ตัวล่างเล่นเสียงอย่างเดียว...ยังเล่นและอัดได้ปกติ
![]() | |
2เครื่องนี้ใช้มาน่าจะ20ปีได้แล้วดูแลเป็นอย่างดีครับ
![]() | |
![]() | |