Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน
รูป
หนังไทยในอดีต ทุกยุค ทุกสมัยเจ้าของ อ่าน ตอบ ผู้ตอบหลังสุด
-คิดถึง "หนังไทย"1998146.. 13/12/2551 0:35
-โหมโรง69145.. 13/10/2551 2:57
-เฉิ่ม89876.. 12/10/2551 5:56
-15 ค่ำ เดือน 1181966.. 12/10/2551 5:52
-วัยระเริง110676.. 6/10/2551 2:11
-หามาให้ชมกัน...โปสเตอร์บ้านผีปอบตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาึคล่าสุด1010316.. 27/9/2551 1:53
-บ้านผีปอบ2008 ปอบหยิบของแท้มาแย้ว119039.. 27/9/2551 1:52
-ชุมแพ83315.. 25/9/2551 3:45
-อรหันต์ซัมเมอร์82287.. 21/9/2551 4:33
-บุญชู1467130.. 20/9/2551 16:26
-ร่วมไว้อาลัย"ยอดรั สลักใจ"พระเอกลูกทุ่งที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ1370813.. 20/9/2551 9:49
-พระเอกตลอดกาล "สมบัติ เมทะนี"1659111.. 20/9/2551 9:43
-ดรีมทีม74114.. 14/9/2551 1:23
-"ด้วยเกล้า"93408.. 8/9/2551 23:03
-ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่89747.. 5/9/2551 1:13
-ลูกอีสาน1373010.. 4/9/2551 19:56
เลือกหน้า
[<<] [32] [33] [34]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 535

(ID:1390) หามาให้ชมกัน...โปสเตอร์บ้านผีปอบตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาึคล่าสุด


ไม่ฝอยมากละ  เรามาดูโปสเตอร์หนังชุด บ้านผีปอป กันดีกว่า
ภาคแรก  มี ตรีรัก รักการดี รับบทนำ


ภาคสอง ปอปหยิบ เริ่มปรากฏตัวในภาคนี้





ความเห็น

[1]


(ID:13928)
ภาคสาม  เริ่มมีอุปกรณ์ไฮเทคมาช้วยการวิ่งหนีปอปหยิบ อาทิ ขี่จักรยานติดใบพัดบินหนีปอปหยิบ (บินได้ซักพักนึง แล้วจักรยานบินก็หล่นตามระเบียบ)


ภาคสี่   เปลี่ยนทีมนักแสดงวิ่งหนีปอปหยิบจากกลุ่มซูโม่ มาเป็นตลกทีมกลิ่นสี




(ID:13933)
ภาคที่ห้า  เป็นทีมสร้างเจ้าอื่นและทีมนักแสดงก็คนละชุดกัน เลยไม่เอามารวมอยู่ในหนังชุดนี้
ทีมสร้างต้นฉบับเลยกระโดดมาสร้่าง ภาึค6 มันซะเลย


ภาคที่ 7  งวดนี้ยกกองถ่ายทำไปถ่ายกันที่ิ เขาพระวิหาร และ ผาแต้ม จากทีุุุ่ภาคก่อนๆุถ่ายกันวนเวียนอยู่แุถว สุพรรณบุรี




(ID:13935)
ภาค 8   ทีมกลิ่นสียังอยู่กันครบ พร้อมกับ ความฮา


ภาค 9  ปอปหยิบพัฒนาการไล่กวดจากวิ่งกวดเ้ป็นบิดมอเตอร์ไซด์ไล่กวดแทน




(ID:13936)


ภาค 10   ภาคนี้มีฉากหนังกลางแปลง ที่จอหนังกลายมาเป็นอุปกรณ์ให้ปอปหยิบเหิรฟ้ามันซะเลย
 

ภาึคที่ 11  ยังวิ่งไล่หนีปอปหยิบอย่างเดิม ภาคนี้มี น้อย โพธิ์งาม กับ หม่ำ จ๊กมก มา้เล่นรับเชิญ มีการเพิ่มบทปอปยายทองคำ จากภาคแรกให้ฟื้นคืนขีพมาช่วยปอปหยิบวิ่งไล่เหล่าตลกกลิ่นสีด้วยอีกคนนึง






(ID:13937)
ภาคที่ 12 ทางผู้สร้างถือเคล็ดว่า บ้านผีปอป ไม่ใช่หนังโหล ก็เลยกระโดดมาสร้่างภาคที่ 13 ซะเลย


สำหรับภาคที่ 14 อันเป็นภาคล่าสุดหลังจากทิ้งห่างจากภาค 13 มาหลายปี มีกำหนดฉายในวันที่ 18 ก.ย.51 ที่ใกล้จะึุถึงนี้ ก็อย่าลืมหาโอกาสไปรับชมกันนะครับ





(ID:13938)

ต่อไปนี้คือบทสัมภาษณ์ คุณหน่อย หรือ ณัฐนี  สิทธิสมาน เจ้าของบท ปอปหยิบ อันลือลั่นครัย



คงไม่มีใครคาดคิดมาก่อนแม้แต่เจ้าตัวเองว่า บทบาท "อีหยิบ" ใน บ้านผีปอบจะกลายมาเป็นบทอมตะของหนังไทยไปแล้ว ซึ่งนอกจากจำนวนภาคของหนังที่เป็นสถิติ บุคลิกของปอบหยิบที่ทำให้เกิดการล้อเลียน และเลียนแบบอีกมากมาย มีหรือที่  "บ้านผีปอบ 2008″ จะไม่เรียก ณัฐนี สิทธิสมาน กลับมาอีกครั้ง เราจึงมาคุยกับเธอถึงเรื่องราวในอดีต และหนังบ้านผีปอบฉบับล่าสุด

ปัจจุบันนี้ยังรับงานแสดงอยู่ใช่มั้ยคะ
ใช่ค่ะ ยังเป็นนักแสดงอยู่ ใครมีบทอะไรมาให้เล่นก็เล่นได้ทั้งนั้น ถ้าใครติดต่อมาแล้วช่วงนั้นว่างอยู่ก็จะเล่นเลย

 

อย่างในบ้านผีปอบนี้ทำไมถึงไม่ได้เริ่มแสดงตั้งแต่ภาคแรกเลยคะ
จริงๆแล้วตอนที่คุณสายยนต์เค้าเริ่มทำภาคแรก เขาก็โทรมาติดต่อเลย แต่บังเอิญว่าตอนนั้นเราไม่มีคิว เราก็เลยไม่ได้มาเล่น  แต่แล้วก็ได้มาเล่นในภาคสอง  ที่เป็นปอบหยิบ  แต่ก็ยังมีคนบอกเลยว่า เราไม่เห็นจะน่ากลัวเลย แต่คุณสายยนต์เองเขาก็บอกว่า เขาอยากให้ผีของเค้าเป็นแบบน่ารัก ไม่น่ากลัว ตอนนั้นเหมือนกับว่าเขาบอกว่าให้เราทำท่าอะไรก็ได้ที่เป็นอาการเหมือนกำลัง จะกินคน  เราก็ลองทำท่านี้ดู (ยกมือขึ้นทำท่าประกอบ) เค้าว่าให้ทำอะไรเราเป็นนักแสดงเราก็ต้องทำให้ได้แบบนั้น

แล้วพอแสดงท่าประจำตัวนี้ออกไปมีผลตอบรับยังไงบ้างคะ
ตอนนั้นพอหนังเข้าเราก็ไปนั่งดูในโรงก็ได้เห็นว่าเขาใส่ซาวด์ใส่ อะไรลงไปทำให้เราดูน่ากลัวเพิ่มขึ้น แต่ส่วนท่าหยิบนี้ก็คงไม่มีอะไรพิเศษ เพราะเห็นว่าชื่อหยิบก็เลยทำมือแบบหยิบๆซะเลย  พอมารวมกับเสียงในเรื่องก็ออกมาดี น่าพอใจ

เห็นว่าบทในเรื่องต้องแสดงเป็นตัวปอบที่ทุกภาคจะแพ้ปอบเอื้องสายหมดเลย
คือบทมันก็ต้องมีทั้งผีโง่บ้างคนโง่บ้าง เท่านั้น แล้วแต่คนเขียนบทเค้าจะคิดอะไร

แต่เหมือนกลายเป็นว่าคุณหน่อยกลับกลายเป็นสัญลักษณ์ไปแล้ว ว่าถ้านึกถึงหนังบ้านผีปอบต้องนึกถึงหน้าคุณหน่อย  
อาจะเป็นไปได้ เพราะอย่างปอบภาคแรก เค้าไม่ใช่แบบพี่ คือของเค้าเป็นแบบปอบนางเอก  แต่อย่างพี่เป็นตัวประกอบด้วยมั้งคนดูเลยจำได้เร็วด้วย  แถมยังเอาตัวประกอบขึ้นเป็นภาพหลักในโปสเตอร์ทุกภาคอีก  มันก็เลยมีผลบ้างเวลาเราไปแสดงละครทีวี แบบรับเชิญก็มักจะได้บทที่คล้ายกับบทเดิมนี้ซะมากกว่า 

ความรู้สึกที่ได้กลับมารับบทนี้อีกครั้งหลังจากทิ้งช่วงไปหลายปี
ก็เหนื่อยดี แก่แล้วน่ะ (หัวเราะ)  ภาคนี้มีฉากวิ่งเยอะกว่าภาคที่ผ่านมาแต่โชคดีที่เขาไม่ได้เราวิ่งตลอดเรื่อง บางทีก็เอาไปตัดต่อเอาแทน คือถ้าเป็นอย่างในสมัยก่อนเนี่ย ต้องมีฉากที่ใช้สลิงด้วยนะ แต่ในภาคนี้ก็ไม่มีแล้วล่ะ

เห็นว่าอย่างในสมัยก่อนก็มีบางฉากที่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมพวกกระด้งเพื่อใช้บินด้วยใช่มั้ย
เกือบทุกตอนเลยที่ต้องใช้สลิงตลอด บางฉากไม่มีสลิง ยังเคยใช้กระเช้าไฟฟ้าของรถไฟฟ้าที่ใช้เวลามาซ่อมริมถนนก็มีนะ  คือถ้าเล่นไหวก็จะเล่นเองแต่ถ้าไม่ไหวจริงๆเราก็จะมีคนที่เค้าเล่นเป็นสแตน์ อินเราได้มาช่วยอีกคนอย่างในบางฉากเช่น ฉากต่อสู้บนรถไฟ ที่เราเองคงไม่สามารถจะเล่นเองได้ แต่ถ้าไม่ลำบากอะไรก็จะเล่นเองหมด อย่างในภาค 7 ที่ไปถ่ายกันที่ผาแต้ม ต้องมีฉากขี่รถสกู๊ตเตอร์ ด้วยถึงกับเป็นแผลเลยเหมือนกัน เพราะรถที่ขี่เนี่ยมันต้องเริ่มที่เกียร์สองน่ะ มันถึงจะไป (หัวเราะ) พอตอนถ่ายจริงเราถ่ายกันบนผาแต้มน่ะกดแตะเบรคมันก็ไม่หยุดเราก็เลย ต้องกระโดดออกจากรถเอง ได้แผลเป็นจนถึงทุกวันนี้เลย เป็นภาคที่เล่นแล้วเหนื่อยที่สุดจริงๆ เป็นภาคที่มีผีอยู่ตัวเดียวในเรื่องจริงๆ ประมาณว่าคนในตำบลมีทั้งหมด 20 คนแต่มีผีอยู่ตัวเดียวแล้วต้องตามหลอกคนทั้งตำบลน่ะ ลองคิดดูสิว่ามันจะน่าเหนื่อยขนาดไหน

พอได้กลับมาเล่นในภาคล่าสุดบ้านผีปอบ 2008 นี้ต้องแสดงร่วมกับนักแสดงและทีมงานใหม่หมดรู้สึกอย่างไรบ้างคะ
ก็ดีนะ ได้ร่วมงานกับคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจก็ดีค่ะ เด็กๆที่รับบทพระเอกนางเอกภาคนี้เค้าก็เป็นเด็กน่ารักดีตั้งใจท่องบทดีและมี ความอดทนด้วย







(ID:13939)
ส่วนอันนี้เป็นบทสัมภาษณ์ คุณบรรหาร ไทธนบูรณ์ ผู้กำกับของหนังเรื่องนี้ครับ





เริ่มถามก่อนเลยค่ะ ว่าก่อนที่จะมาทำงานกำกับหนังบ้านผีปอบภาคนี้ทำงานด้านไหนมาแล้วบ้าง
เมื่อก่อนผมเคยกำกับหนังเรื่องหนึ่งชื่อ "รู้แล้วน่าว่ารัก"ที่มีดารานำอย่าง อำพล ลำพูนกับคุณเพ็ญ พิสุทธิ์ และคุณเอ้ม สุรศักดิ์ วงศ์ไทย แล้วก็มีหนังเรื่อง "สบาย บรื๋ออออ" ที่มีคุณเพ็ญ พิสุทธิ์ แสดงคู่กับ คุณต้อม พลวัฒน์ มนูประเสริฐ 

 

แล้วหลังจากกำกับหนังเรื่องสุดท้ายจนถึงปัจจุบันคุณบรรหารหันไปทำงานด้านไหนต่อคะ
ก็มีช่วงหยุดไปเลยแหล่ะครับ ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ผมเลยหยุดแล้วหันไปวาดรูปแทน เพราะเมื่อสมัยก่อนนั้นผมก็เริ่มต้นมาจากการเป็นลูกมือของคุณเปี๊ยก โปสเตอร์ เคยได้วาดรูปใบปิด โปสเตอร์ต่างๆมาก่อน เลยมีความรู้ด้านนี้อยู่บ้าง พอเราไม่ได้ทำอาชีพหนังแล้วก็เลยกลับไปประกอบอาชีพวาดรูปตามเดิม แต่ช่วง หลังๆมาพวกใบปิดหนังก็ไม่ใช่การวาดรูปด้วยมือเหมือนอย่างสมัยก่อนแล้ว ใช้คอมพิวเตอร์แทน ผมก็เลยต้องเปลี่ยนไปรับงานวาดภาพพอร์ตเทรตแทน ส่วนมากก็จะวาดรูปคน อย่างเช่น รูปรัชกาลที่ 5 รูปในหลวง หรือรูปพระต่างๆแทน 

 

ระยะเวลานับจากเรื่องสุดท้ายที่ได้กำกับจนมาถึงเรื่องนี้ห่างกันกี่ปีคะ
โอ้โห นานมาก สัก 18 ปี ได้แล้วมั้ง (หัวเราะ) จริงๆแล้วเคยได้ทำหนังทั้งหมดจริงๆก็นับว่า 4 เรื่อง คือสองเรื่องที่เล่ามาตอนแรก แล้วก็ สบายบรื๋อออ ภาค 2 และอีกเรื่องชื่อเรื่อง ยุทธการเด็ดดอกฟ้า ที่เป็นแนวกุ๊กกิ๊กเด็กๆวัยรุ่น 

แรงบันดาลใจ ที่ทำให้กลับมาทำงานกำกับหนังอีกครั้งเพราะอะไรคะ
อืมมผมคิดว่าทุกคนที่เคยทำงานด้านหนังมาผมเชื่อว่า พอไม่ได้กำกับหนังแล้วก็คงจะต้องเคยรู้สึกคันไม้คันมืออยากจะกลับมาทำอีกสัก ครั้งกันบ้างล่ะ ขนาดอาจารย์เปี๊ยก โปสเตอร์เอง ถึงแกจะบอกว่าจะไม่ทำหนังแล้วจะวาดรูปอย่างเดียว แต่พวกเราทุกคนที่เคยทำหนังมาก็จะรู้ดีว่าจริงๆแล้วงานทำหนังมันเป็นงานที่ สนุก มันมีทั้งความลำบากทั้งปัญหาเยอะแยะให้เราแก้ไข แต่ว่า ถ้าเราเป็นคนที่มีใจรักที่จะทำงานด้านนี้จริงๆความลำบากนั้นจะทำให้เรา รู้สึกสนุกไปกับมันได้ ไม่เหมือนกับงานอื่นๆอย่างเช่นถ้าเราเป็นพนักงาน บริษัทเราก็ต้องทำงานตามที่นายสั่งไปวันๆ หรืออย่างเราวาดรูปเราก็ทำตามที่ลุกค้าให้ได้ ซึ่งมันทำให้เราไม่ค่อยเกิดความคิดสร้างสรรค์ ไม่ค่อยท้าทายมากเท่าไหร่ต่างจากงานกำกับหนังที่เรามีหน้าที่คุมคนทั้ง กอง เวลาที่เราทำหน้าที่ผู้กำกับนั้น ทั้งฝ่ายเสื้อผ้า ฝ่ายกอง ฝ่ายสถานที่ ฝ่ายอะไรก็ตามเวลาเค้าจะทำอะไรเค้าต้องมาเสนอเราก่อน ให้เราเป็นคนตัดสินใจ ให้เราเป็นคนควบคุมงานด้านต่างๆให้ผ่านไปได้ด้วยดี อย่างนี้ มันเป็นงานที่ท้าทายดี เมื่อก่อนตอนที่ผมเป็นผู้ช่วยผู้กำกับของคุณเปี๊ยกนั้น ผมกับคุณเปี๊ยกต้อง เป็นคนขับรถลุยไปหาสถานที่ถ่ายทำกันเอง หาวิธีทำให้สถานที่นั้นใช้ถ่ายหนัง ได้จริงๆ และสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าซึ่งอาจเกิดเรื่องที่เราไม่คาดคิดได้เสมอ 

จุดเริ่มต้นที่มากำกับหนังบ้านผีปอบอีกครั้ง
ตัวผมเองก็เคยดูบ้านผีปอบฝีมือคุณสายยนต์มาแล้วทุกภาค หนังเรื่อง นี้เป็นหนังที่ถ้าดูในโรงที่เป็นพวกโรงหนังชั้นหนึ่งทั่วๆไปมันจะไม่ขำ เลย คุณดูแล้วอาจรู้สึกเฉยๆเพราะไม่มีคนดู คนดูจะน้อยมาก แต่ถ้าคุณลองไปดู หนังเรื่องนี้ในโรงหนังชั้นสองสิ จะเห็นว่าเค้าฮากันกระทึบเท้าเลยล่ะ คือเป็นหนังที่ชาวบ้านชอบ ซึ่งพอเราได้ไปดูแบบชาวบ้านจริงๆก็ทำเอาสงสัยว่า เอ๊ะ อะไรกัน คนดูถึงกับต้องกระทึบเท้าเลยเหรอ คือเรียกว่าเป็นหนังที่ฮาแบตกเก้าอี้ได้เลย จัดว่าเป็นหนังที่มีมุขฮาในแบบ ที่แปลกใหม่ที่ไม่มีหนังเรื่องไหนเคยทำมาก่อน แล้วเป็นหนังผีที่เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ผีไม่ออกมาทำร้ายคน แต่จะเป็นหนัง ผีที่มีมุขแบบทอมแอนด์เจอรี่คือเป็นหนูกับแมววิ่งไล่จับกัน แต่ไม่ใช่หนัง รุนแรง ไม่มีฉากฆ่ากันเลย คือมีอย่างมากก็แค่ตีหัวแล้วสลบไป เสร็จแล้วมันก็วิ่งไล่กันต่ออีกอย่างนิ้ นี่คือสไตล์ของหนังบ้านผีปอบ ที่ทำให้คนดูรู้สึกว่าเออ เราเข้าไปดูแล้วได้ความขำขัน ไม่ใช่ว่าเข้าไปดูแล้วเจอว่ามันโหด ทำหน้ากลัวอะไรทำนองนั้น จะเน้นการขายแก๊กมากกว่า 

แสดงว่าในบ้านผีปอบเวอร์ชั่น 2008 นี้ก็ยังคงมีเค้าโครงที่คล้ายกับบ้านผีปอบเวอร์ชั่นเก่าๆอยู่
ใช่ครับ ผมนำเอาบ้านผีปอบในส่วนของภาคสามเอามาภายใต้ช๊อยส์ที่ว่า มีหน่วยแพทย์อาสา เนี่ยเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งคล้ายกับพลอตเดิมของภาคสาม แต่ผมเอามาขยายให้มันเป็นเรื่องมากขึ้น คือในกลุ่มแพทย์อาสาที่เข้ามาช่วยเหลือหมู่บ้านเปิดให้รักษาฟรีนั้น ก็มาเจอกับพ่อของนางเอกซึ่งเป็น หมอชาวบ้าน ที่รักษาชาวบ้านด้วยวิธีใช้คาถาอาคมพ่น หรือใช้พวกยาหม้อต้มอะไรพวกนี้ เลยกลายเป็นศึกระหว่างการแพทย์แผนปัจจุบันกับการแพทย์แบบโบราณเกิดขึ้น ฝ่ายชาวบ้านก็เริ่มจะคล้อยตามและหันไปนิยมใช้บริการของหมอแผนปัจจุบันมาก ขึ้นก็ทำให้รายได้ของพ่อนางเอกลดลง อันนี้คือโครงเรื่องในภาคนี้อ่ย่างคร่าวๆน่ะครับ 

แล้วในเรื่องนี้ใช้โครงเรื่องรวมไปถึงโลเกชั่นในการถ่ายทำบ้านผีปอบอันเดียวกับภาคที่แล้วหรือไม่คะ
คนละที่ครับ แต่ผมก็ยังนำเอามุขเก่าๆเดิมๆ ที่ดีที่สนุกของคุณสายยนต์นำกลับมาใช้ และรวมไปถึงการนำมุขตลกจากในทุกภาค ที่ผ่านมารวม 11 ภาค นำมาใช้ด้วย คือจริงๆแล้วถึงแม้ว่าหนังจะมีชื่อว่า 13 ภาค แต่ความจริงแล้วจะมีอยู่ประมาณ 11 ภาค ขาดไปที่ภาค 5 กับภาค 12 ที่ทางผู้สร้างเค้ามองว่าคำว่า 12 เนี่ยคือคำว่า 1 โหล เป็นคำความหมายไม่ดีไป 

ที่เลือกภาคสามมาทำต่อเพราะชอบบทในภาคนี้เป็นการส่วนตัวหรือเปล่า
ครับใช่ครับ ผมชอบโครงเรื่องของภาคนี้ ที่พูดถึงหน่วยแพทย์อาสาที่ เข้ามาในหมู่บ้าน จนต้องมีการปลุกผีปอบขึ้นมา เพราะดูมีที่มาที่ไปดี ดูเป็นโครงเรื่องที่ ชัดเจนกว่าภาคอื่นๆ ผมเลยเลือกภาคสามมาทำต่อครับ 

การกลับมาทำภาคนี้มีจุดเริ่มต้นอย่างไรบ้างคะ มีการติดต่อกับทีมงานที่เคยทำภาคที่แล้วมาก่อนหรือเปล่า
คือโดยส่วนตัวแล้วผมรู้จักกับเฮียเต็ก ที่เป็นผู้อำนวยการสร้างมาก่อนแล้ว ผมเองก็เคยเกริ่นเรื่องโครงการทบ้านผีปอบกับแกเองมาเป็นสิบปีแล้ว แล้วผมเอง ก็ตื้อกับคุณสายยนต์ผู้กำกับภาค 1 ถึง ภาค 7 มาเป็นสิบๆปีแล้วเหมือนกัน ตอนแรกๆคุณสายยนต์เองเขาก็ไม่ให้ผมหรอกนะ เขาเอาแต่บอกว่า โอ้ย อย่าไปทำอีกเลยคุณบรรหาร เดี๋ยวผมเขียนเรื่องใหม่ให้ดีกว่า แต่ผมเองก็บอก กับคุณสายยนต์ตรงๆว่า ผมน่ะรู้ว่าเขาเองไม่คิดจะเอากลับมาทำใหม่อยู่แล้ว แต่โดยส่วนตัวแล้วผมเองน่ะชอบ แล้วหนังเรื่องนี้มันก็หายไปจากจอร่วมยี่สิบ ปีแล้วน่ะ ผมก็บอกไปว่าผมอยากทำ พยายามตื้อเค้าทุกครั้ง จนผ่านไปสัก 5-6 ปี ที่เจอกันทีไรผมก็ตื้อแกทุกครั้ง จนเขาก็เลยเห็นความตั้งใจของเรา ที่ไม่ใช่แค่มาคุยกันเพียงสองสามครั้งแล้วหายไป ซึ่งตัวคุณสายยนต์เองสมัย ที่แกกำกับภาคที่แล้วๆนั้นด้วยงบประมาณอันจำกัด ประมาณแปดแสนบาทต่อเรื่องนั้น ก็ทำให้ต้องตัดอะไรหลายอย่างออกไป แต่ด้วยความที่มุขมันฮาจริงทำให้หนังดู น่าสนใจ ขึ้นมา พอมาถึงตอนถ้าเราจะทำใหม่เอะไรๆมันก็คงไม่เหมือนเมื่อก่อน ตอนแรกคุณสายยนต์ เองก็นึกว่าผมคงจะเอาบทไปหาทีมงานชุดใหม่ทำกันเอง แต่ตัวผมเองก็อยากจะทำงานร่วมกับทางทีมของเฮียที่เคยทำงานมาตั้งแต่ภาคที่ แล้วๆมากกว่า 

ในภาคนี้คุณสายยนต์ในฐานะผู้กำกับภาคที่ผ่านมาได้มีส่วนร่วมในการเขียนบทในภาคนี้ด้วยมั้ย
คือเวลาผมเขียนบทเสร็จก็จะเอามาให้คุณสายยนต์อ่าน เพื่อให้เขาอ่านแล้วติชมว่า ตรงไหนมันเป็นยังไง มุขนี้ขำมั้ยผ่านมั้ย หรือมันต้องต่อเติมด้วยอะไรบ้าง 

แล้วยังมีการนำตัวละครเก่าๆในภาคที่แล้วมาแสดงในภาคนี้บ้างไหม แล้วถ้าคนที่ไม่เคยได้ดูบ้านผีปอบมาก่อนจะดูภาคนี่รู้เรื่องมั้ยคะ
อ๋อ ดูรู้เรื่องนะครับ เพราะภาคนี้นั้นผมคิดพลอตขึ้นมาใหม่แต่ยังนำเอามุขตลกที่ ดีๆของภาคที่แล้วๆมา ใช้อยู่ ส่วนชื่อของตัวแสดงนั้นก็อาจมีการคิดชื่อขึ้นใหม่เพิ่มเติมเลย และใช้ทีมนักแสดงชุดใหม่หมด จะยังคงมีแต่เพียงคุณหน่อย ที่เป็นปอบหยิบคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงเป็นนักแสดงคนเดิมที่เล่นบทนี้มา ตั้งแต่ต้น โดยผมยังคงผูกโครงเรื่องต่อจากภาคที่สามนั่นคือ การที่หมอคล้ายในเรื่องนั้น ยังคงมีพลังในการปลุกปอบขึ้นมา เพื่อมาหลอกกลุ่มแพทย์อาสาที่มาในหมู่บ้านนี้ เพื่อให้หมอคล้ายจะได้ประกอบ อาชีพเก่าต่อไปได้อย่างสะดวกเหมือนในอดีต ซึ่งปอบหยิบในเรื่องนี้เราก็ยังคง ใช้ชื่อหยิบตามเดิม เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของบ้านผีปอบและเพื่อให้คนดูที่เคยดูภาคก่อนๆจำชื่อ นี้ได้ 

เวลาเขียนบทในหนัง ปกติคุณเขียนบทตลกๆในหนังให้หรือว่านักแสดงเขาคิดบทขึ้นมาเองคะ
ผมใช้การเขียนบทเอาครับ เขียนเป็นมุขๆเอาไว้เลย แล้วเวลาแสดงนักแสดงเขาอาจจะเล่นเพิ่มกันเองบ้างไป ตามเรื่องของเขา แต่เราจะเป็นคนวางไลน์มุขไว้ให้ก่อนแล้ว เพราะไม่งั้น มุขมันอาจจะแกว่งได้ ซึ่งอย่างในเรื่องนี้ผมก็เขียนบทให้มีมุขอยู่ประมาณ 50-60 มุขเห็นจะได้ ซึ่งมันมากกว่าหนังปกติที่เค้ามักจะมีมุขกันอย่างมากก็ 5-6 มุข แต่ของผมกลับพุ่งขึ้นไปเลย 50 มุขขึ้นไป ความสนุกความขำเนี่ยมันจะเริ่มขึ้นหลังจากการเกริ่นที่มาที่ไปของตัวละคร แล้วถึงเวลาเริ่มวิ่งหนีปอบเมื่อไหร่ก็เริ่มอัดมุขกันเมื่อนั้นเลย นอกจาก การนำเอามุขตลกของทั้งสิบสามภาคที่แล้วนำมาใช้ในภาคนี้แล้วผมก็ยังนำเอามุข จากหนังผีเรื่องดังอย่าง เจสัน หริอ เฟรดดี้ มาใช้ในเรื่องอีกด้วย 

การกลับมารับงานกำกับอีกครั้งในปัจจุบันมีความยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับในสมัยก่อน
ถ้าพูดถึงส่วนของเครื่องไม้เครื่องมืออะไรมันก็ดีขึ้นกว่าสมัยก่อน เยอะเลยครับ แต่เรื่องของความยากง่ายเนี่ยมันขึ้นอยู่กับทีมนักแสดง มากกว่า ว่านักแสดงจะเข้าใจมุขที่เราวางไว้ได้ดีแค่ไหน ซึ่งถ้าเขาไม่เข้าใจล่ะก็อันนั้นล่ะอันตราย แต่มุขที่ผมวางไว้ก็ไม่ใช่มุข ที่ยากอะไรนัก ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไรในการถ่ายทำ ภาคนี้ใช้งบรวมทั้งหมด ประมาณสิบล้าน และใช้สถานที่ถ่ายทำในจังหวัดสุพรรณบุรีถ่ายทั้งหมด โดยใช้หมู่บ้านเดียวที่มีองค์ประกอบต่างๆในบ้านผีปอบเรื่องก่อนๆครบในการ ถ่าย รวมแล้วสองเดือนกว่าๆ ไม่นับโครงเรื่องที่ผมเขียนบทเสร็จทิ้งไว้หลายปีแล้ว ใช้เวลาถ่ายนานกว่าภาค ที่แล้วในสมัยก่อนที่บางภาคใช้เวลาประมาณ 5 วัน หรือ 7 วันด้วยซ้ำไป

แล้วดาราหน้าใหม่ในเรื่องนี้มีใครบ้างคะ
เราใช้ทีมนักแสดงชุดใหม่หมดเลย นางเอกพระเอกก็เป็นดาราใหม่ ส่วนทีมตลกในเรื่องก็ใช้นักแสดงกลุ่มที่หน้าตาคล้ายกับโหน่งเท่งมารับบท เรียกเสียงฮาแทนชุดเก่า ที่เค้าก็แยกย้ายกันไปประกอบอาชีพด้านต่างๆกันหมดแล้ว ยังเหลือแต่คุณหน่อยที่ยังคงรับงานแสดงอยู่ และคนดูเองก็ติดกับคาแร๊กเตอร์ของคุณหน่อยอยู่แล้วด้วย อ้อ แล้วก็ยังมีคุณวิสิฐ ที่เคยรับบทกำนันในภาคที่แล้ว ก็ยังคงเป็นคนเดิมรับบทเดิมอยู่เหมือนกันครับ

การร่วมงานกับนักแสดงที่รับบทปอบหยิบอย่างคุณหน่อยเป็นอย่างไรบ้าง
ก็ดีครับ ภาคนี้แกก็ยังรับบทที่ต้องวิ่งเยอะมาก เรียกได้ว่าวิ่งมากกว่าภาคที่ผ่านมาอีกด้วย ต้องลองดูในหนังคุณจะเห็นว่าเขา วิ่งเยอะมากแค่ไหน นับว่าเยี่ยมมากสำหรับนักแสดงที่ตอนนี้อายุเขาก็ขึ้นเลข หกแล้วเนี่ย แต่เราก็ต้องมีเทคกันบ้างเพราะจะได้มีเวลาให้นักแสดงได้นั่งพัก กันสักชั่วโมง ไม่งั้นตายแน่ครับ (หัวเราะ) กลัวเขาเล่นไม่ไหว สงสารเขาด้วยครับ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักแสดงที่มีสปิริตดีมาก คอยบอกให้ถ่ายต่อๆก็ตาม

ในภาคนี้มีการใช้พวกสเปเชียลเอฟเฟคอะไรบ้างมั้ยคะ
อ๋อ ไม่มีเลยครับ คือเราจะเน้นด้านความสนุกมากกว่าใช้เทคนิดพิเศษมาช่วยในหนัง แต่ถ้าได้ทำต่ออีกสักภาคก็คิดๆไว้ว่าจะมีการใช้เอฟเฟคบ้างเหมือนกัน

การกลับมากำกับในภาคนี้รู้สึกกดดันมั้ยว่าหนังจะประสบความสำเร็จเหมือนในอดีตหรือเปล่า
ผมไม่เคยคิดกังวลในเรื่องนั้นเลยครับ ผมทำงานผมไม่กลัวเรื่องนี้ อยู่แล้ว เพราะถ้ากลัวก็คงไม่รับตั้งแต่แรก ผมแค่อยากให้คิดว่า สมัยนี้คนดู เมื่อยี่สิบปีก่อนก็อาจจะหายไปเยอะแล้ว แต่อยากให้เด็กรุ่นใหม่ที่ไม่เคย รู้จักหรือไม่เคยดูบ้านผีปอบมาก่อน อาจจะเคยได้ยินชื่อแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ผมเองก็คิดว่าหนังเรื่องนี้ก็ยังเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่คงความอมตะเอาไว้มาก น่าสนใจและน่าติดตาม

สุดท้ายนี้อยากให้ฝากอะไรกับคนที่สนใจจะมาชมหนังเรื่องนี้ทั้งคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ค่ะ
เอาเป็นว่า บ้านผีปอบเนี่ยเป็นหนังที่มีสไตล์ในตัวของมันอยู่แล้ว ถ้าคนที่อยากมาดูหนังเรื่องนี้เพราะอยากได้ความบันเทิง ได้ความสนุก เป็นการพักผ่อนเนี่ย ผมว่าโอเค มันได้รสชาติเต็มที่เลยเพราะ หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยมุขขำๆที่อัดมาไว้เป็นสิบๆมุขแน่นอน รับรองได้

ที่มาของข้อมูล     http://www.baanpheepob2008.com/



(ID:13952)

เรียกว่า เป็นแฟนพันธุ์แท้ปอบอย่างแท้จริง ต้นฉบับวิ่งลงโอ่งน้ำ




(ID:13976)




ผมว่าคุณพอเพียงเป็นแฟนพันธ์แท้ของไทยซีนมากว่าเพราะ โพสข้อความคิดเห็น ในเกือบทุกกระทู้..อิอิ..จนเฮียแอ๊ดแซวออกอากาศในพีเเพิ่ลราดิโอแล้วว่ามียอดโพสสูงสุดของเวปไทยซีนแล้วตอนนี้..แหะ.แหะ..อย่าซีเรียสนะครับผมแค่แซวเล่น เพราะเห็นว่าเข้ามาร่วมแจมในกระทู้นี้.เป็นการเพิ่มความคึกคักให้มากเลย..ดีกว่าให้ผมโพสอยู่คนเดียว..ถ้าทำให้คุณพอเพียงวิตกละก๊อ..ต้องขออภัยด้วยครับผม












(ID:14002)

ขอบคุณครับคุณจาทีเอ ที่ให้ความรู้ด้านหนังบ้านผีปอบ  ผมว่าหนังบ้านผีปอบก็เหมือนกับสะท้อนสังคมของเราออกมานะครับ โดยเฉพาะประเภทวิ่งลงโอ่งน้ำ ไม่ต่างอะไรกับสังคมแห่งการแตกตื่นด้านข่าวสาร โดยขาดการไตร่ตรอง เพียงแต่ว่า ดูหนังแล้วสบายใจกว่าเยอะครับ กับสังคมจริงๆ

และผมว่า หนังผีของไทย ก็เหมือนกับวัฏจักรเหมือนกัน บอกผ่านถึงเรื่องราวสังคมบ้านเมืองแต่ละสมัย

แต่เดิม หนังผีไทย จะน่ากลัวมาก ในยุคแม่นาคพระโขนง ฉบับปรียา-สมบัติ  ผีห้วขาดฉบับสรพงษ์ หรือตระกูลป่าช้าทั้งหลายของพอเจตน์ เช่น เจ็ดป่าช้า ป่าช้าแตก ฯลฯ สังคมเต็มไปด้วยเรื่องน่ากลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น เช่นภัยร้ายคอมมิวนิสต์

มาถึงยุคหนังผีกึ่งหนังอาร์ ประเภทนางพรายต่างๆ เช่นนางพรานคะนอง อิทธิน้ำมันพราย สังคมของเรา ก็เริ่มรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกมากขึ้น ผับ บาร์ อาบอบนวด ผุดขึ้นราวดอกเห็ด สังคมไทยเริ่มโหยหาสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์กับวัฒนธรรมอันดีงามของไทย

มาถึงยุคปอบ และหนังผีตลกทั้งหลาย นั้น สะท้อนให้เห็นว่า ไทยกำลังก้าวสู่โลกแห่งการแข่งขันทางธุรกิจ คนไทยส่วนใหญ่คือมนุษย์เงินเดือน เครียดเรื่องค่าครองชีพ และยังทำให้เกิดความเครียดในเรื่องต่างๆ หนังตลก จึงเป็นอีกทางออกในการผ่อนคลาย 

มาทุกวันนี้ มีหนังผีให้ดูทุกประเภท ทั้งตลกเช่นผีตาหวานอาจารย์ตาโบ๋ ซึ่งประเภทนี้อาจรวมเอาประเภทฉากหวือหวาหรือเรทอาร์เข้าไปด้วย หนังผีสยองขวัญอยางในอดีต เช่น สี่แพ่ง คนเห็นผี ก็กลับมาได้รับความนิยมมากเช่นกัน

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ สะทอ้นให้เห็นว่า ทุกวันนี้ คนเริ่มสับสนในบทบาทของตัวเอง  สับสนว่า สังคมไทยจะไปในทิศทางใด สับสนว่า ปริบททางการเมืองจะมีบทสรุปอย่างใด นักการเมืองสะกดคำว่าจริยธรรมไม่ถูก เป็นต้น

เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ พอดีว่างๆ ก็เลยนำเรื่องหนังผีมาเปรียบเทียบกับสังคมการเมืองไทยดู

และสุดท้าย ฝากผ่านขอบคุณพี่แอ๊ดอีกคนครับ ที่ให้เกียรติแซวผม

ขอบคุณมากครับ...




(ID:14150)

มีหมดเลยครับในรูปแบบวีซีดี (คนชอบบ้านผีปอบ) ประโยชน์ของหนังอีกอย่างก็คือทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆด้วยครับจากอดีตถึงปัจจุบัน บ้านผีปอบภาค9 จะเห็นถึงกรุงเทพในสมัยนั้นครับ ส่วนภาคที่ถ่ายทำที่สุพรรณทำให้นึกถึงตอนยังเด็กๆน่ะครับได้ไปดูตอนถ่ายทำด้วย




(ID:14199)

อย่าลืมนะครับ!!! 18 กันยา นี้ แฟนพันธุ์แท้บ้านผีปอบ ควรหาโอกาสไป ชมกัน เพระบ้านผีบอง 2008 หรือบ้านผีปอบ ภาคที่ 14 อันเป็นภาคล่าสุด หลังจากทิ้งห่างจากภาค 13 มาหลายปี

 




(ID:14489)

ลงจอแล้วครับ สำหรับบ้านผีปอบภาคล่าสุด เสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนี้ ใครเป็นแฟนปอบ ก็อย่าลืมไปดูกันนะครับ มีเรื่องย่อมาเรียกน้ำย่อยก่อนครับ

เรื่องเกิดขึ้น ณ. หมู่บ้านหลงยุคแห่งหนึ่ง หมอคล้าย(กลศ อัธเสรี) หมอผีประจำหมู่บ้าน ที่คอยขจัดปัดเป่า ความเจ็บไข้ให้กับชาวบ้าน โดยมี หยิบ(ณัฐนี สิทธิสมาน) ภรรยาและ ชบา(วนิดา โกลเดน) ลูกสาว คอยช่วยเหลืออย่างไม่เต็มใจ แต่ต้องทำเพื่อความอยู่รอด แต่แล้วหมอคล้ายก็ต้องพบกับอุปสรรคเมื่อกลุ่มแพทย์อาสา นำทีมโดย หมอตุ้ย(รวิช ไรวินท์), หมอชัย(จตุรวิทย์ กาละมิตร์), หมอขวัญ(ภาวิณี), หมอนุช(อัมพิกา เอกสมตัว) และหมอเอนก(อุดมสุข ลิ้นวงษ์ทอง) เข้ามารักษาชาวบ้าน โดยมี ผู้ใหญ่ชุ่ม(คมกฤช ยุตติยงค์) ฉ่ำ (แจ๊ค เชิญยิ้ม) ลูกชายจอมแสบกับ หนูจ๋า (ขนิษฐา เอี่ยมพ่วง) ลูกสาวสุดเปรี้ยว รวมทั้งยังมีตัวป่วนประจำหมู่บ้าน เจต(เท่งน้อย), จ้อ(โหน่งน้อย) และสั้น(โจอี้ หม่ำ) คอยส่งข่าวเรื่องหมออาสา ถึงความเก่งที่สามารถรักษาชาวบ้านให้หายได้โดยเร็ว

ชาวบ้านที่เคยเชื่อถือ และศรัทธาในหมอคล้าย ก็เริ่มลดลงเรื่อยๆจนหมอคล้ายไม่พอใจ โกรธแค้นจนต้องใช้ไสยศาสตร์เข้าช่วยโดยการปลุกปอบขึ้นมา ปอบหยิบถูกปลุกขึ้นมาพร้อมภารกิจฮา  แต่ปอบหยิบก็ยังต้องเจอคู่ปรับอย่าง จ่าลื่น(หมู บางรัก) จอมเจ้าชู้โดยมีแม่เฉลียว(แป๋ว บ้านโป่ง)ที่ทั้งคุมเข้มและปกป้องสามีจอมซ่าส์ แถมด้วยกองทัพขาอำอย่าง น้ากล้วย เชิญยิ้ม,เอ็ดดี้ ผีน่ารัก,ธิดาทิพย์ หัดไทย ฉายาปอบตัวจริงกินลูกเดียว และนักแสดงสมทบ ที่คุ้นเคยทั้งจอแก้วและจอเงินอีกล้นจอ




(ID:14615)

มีใครไปดูมาบ้างยังครับ ช่วยเล่าให้เพื่อนสมาชิกฟังหน่อยนะครับว่า โอเคไหม




(ID:15051)
"ผีปอบ" ไม่ขลังจริง "โซฮาน" ป่วนแชมป์สองสมัย
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 26 กันยายน 2551 14:24 น.

บ้านผีปอบ 2008

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
โซฮานฆ่าไม่ตาย

Cyborg She สูตรรักสไตล์ควักแจยอง

My Best Friend's Girl


ถึงแม้คู่ต่อสู้จะหลากหลาย แต่ไม่มีใครแน่จริงซักราย จนสุดท้าย "โซฮาน" ผลงานล่าสุดของ "อดัม แซนด์เลอร์" ยังคงครองแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศบ้านเราไปครองอีกสมัย
       
       ทิ้งห่างภาค 13 ไปกว่าสิบปีจนกลับมาหลอกหลอนกันในภาคที่ 14 สำหรับ บ้านผีปอบ 2008 ที่ได้ตำนาน ปอบหยิบ ณัฐนี สิทธิสมาน กลับมาสวมบทอันเป็นตำนานอีกครั้ง แต่ดูเหมือนการทิ้งห่างของภาคที่เนิ่นนานจะทำให้เหล่าสาวกตามมาไปครบ ทำเงินเปิดตัวไปได้ 4.9 ล้านบาท ในอันดับที่ 2 หรืออาจเป็นเพราะมุกลงโอ่งอาจจะใช้ไม่ได้กับปี 2008 แล้ว
       
       จากความแผ่วของหนังใหม่ทั้งหลายส่งให้ You Don't Mess with The Zohan อย่าแหย่โซฮาน ที่แม้จะทำรายได้ลดลงจากสัปดาห์เปิดตัวกว่าครึ่งแต่ก็ยังครองแชมป์ไว้ได้เป็นสัปดาห์ที่ 2 จากรายได้ล่าสุดที่ 6 ล้านบาท รับรวม 2 สัปดาห์ไปแล้ว 21.9 ล้านบาท ไม่เสียแรงยี่ห้อ อดัม แซนด์เลอร์
       
       หนังเอเชียเข้าใหม่สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ดูเหมือนจะเป็นตัวเต็งทวงแชมป์อีกรายอย่างหนังดาราญี่ปุ่น-ผู้กำกับเกาหลีอย่าง Cyborg She ยัยนี่ น่ารักจัง ที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นเต็มสูบ ได้ผู้กำกับในตำนานหนังรักแห่งเกาหลีใต้อย่าง ควักแจยอง จาก My Sassy Girl และ The Classic ที่หันมาทำหนังรักญี่ปุ่น แต่ดูเหมือนกระแสจะไปไม่ถึงเมื่อเปิดตัวได้ไป 2.7 ล้านบาท ในอันดับที่ 3
       
       ที่เปิดตัวในแบบจำกัดโรงทั้งๆ ที่หนังฟอร์มพอใช้ได้ ได้แก่ตัวแทนของฮอลลีวูดสัปดาห์นี้อย่าง My Best Friend's Girl แอ้ม ด่วนป่วนเพื่อนซี้ ที่นำแสดงโดยสาวคนดัง เคต ฮัดสัน แต่เนื่องจากความจำกัดด้านโรงฉาย จึงเก็บในการฉายไปเพียง 1 ล้านบาท เท่านั้น ขณะที่การเปิดในฮอลลีวูดนั้นก็ดูกระท่อนกระแท่นอยู่เมื่อทำเงินจากการฉาย 6 วันไปได้ 10 ล้านเหรียญ สำหรับหนังทุนสร้าง 20 ล้านเหรียญเรื่องนี้
       
       สัปดาห์หน้าเป็นการมาเยือนของหนังฟอร์มใหญ่ของฮอลลีวูดอย่าง Eagle Eye แผนสังหารพลิกนรก ที่จะฉายพร้อมอเมริกา โดยมีตัวสอดแทรกอย่างหนังสยอง Day of the Dead วันนรก กัดไม่เหลือซาก, หนังยุโรป The Fall และเอาใจขาโจ๋และคนรักเด็กใน Dive 3 หนุ่มตีลังกา โดดคว้ารัก
       
       10 อันดับบ็อกซ์ออฟฟิศไทยประจำสุดสัปดาห์ที่ 18 ก.ย. - 21 ก.ย. 2551
       
(รายได้โดยประมาณหน่วยเป็นล้านบาท, รายรับประจำสัปดาห์และรายรับรวมตามลำดับ)
       

       1. You Don't Mess with The Zohan 6 (21.9, 2 สัปดาห์)
       2. บ้านผีปอบ 2008 4.9 (4.9, เข้าใหม่)
       3. Cyborg She 2.7 (2.7, เข้าใหม่)
       4. Bangkok Dangerous 2.2 (23, 3 สัปดาห์)
       5. บุญชู ไอ-เลิฟ-สระ-อู 1.9 (41, 4 สัปดาห์)
       6. เทวดาตกมันส์ 1.6 (19.5, 3 สัปดาห์)
       7. My Best Friend's Girl 1 (1, เข้าใหม่)
       8. คนไฟลุก 0.9 (3.8, 2 สัปดาห์)
       9. Mamma Mia! 0.7 (9.1, 4 สัปดาห์)
       10. Made of Honor 0.4 (11.2, 4 สัปดาห์)
       
       ที่มา: รายได้จากการลงโรงฉายของหนังในกรุงเทพฯ, เขตปริมณฑล และเชียงใหม่ โดยนิตยสารเอนเตอร์เทน



เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 15

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 116957261 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Jerekioxgew , ProlBlask , RobertMIGH , Sallycgriet , BrianerpGep , AnthonykDraib , Kristenmswony , Edwinjophorie , Stanley , Robbsf ,