ช่วงระหว่างวันที่ 2 - 5 ธันวาคม แต่ละจังหวัดก็จะมีกิจกรรมหรืองานประจำปีในช่วงนี้ครับ ก่อนหน้านั้นก็มีรายการที่น่าสนใจหลายแห่งให้เลือก บางรายการก็น่าสนใจดีแต่งบมีจำกัด เลยต้องตัดทิ้งไป จนในที่สุดก็มีเข้ามา 2 แห่ง ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอกครับ เพราะเป็นเส้นทางที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว

เวลาออกเดินทางไปไหนมาไหนแบบตามลำพัง แบบระยะสั้นๆ เพียง 2 - 3 วัน ก็จะไปพร้อมกับเป้คู่ใจ ซึ่งมีสัมภาระอยู่ในนั้นเสร็จสรรพจากการวางแผนมาเป็นอย่างดี สถานที่แรกที่ได้แวะก่อนเลย คือ งานฤดูหนาว ที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จังหวัดลพบุรี ในคืนวันที่ 3 ธันวาคม และต่อจากนั้นเข้า กทม. ในวันที่ 4 ธันวาคม ต่อเลย เพราะตั้งใจจะไปดูหนัง "ฝนตกขึ้นฟ้า" และกิจกรรมที่หน้าสถานีหัวลำโพงเป็นรายการสุดท้ายก่อนเดินทางกลับครับ

ยานพาหนะหลักเวลาเดินทาง ก็ "รถไฟ" เป็นหลัก ยิ่งช่วงนี้ยังมี "รถไฟฟรีเพื่อประชาชน" ด้วยแล้ว ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากเลยครับ แต่ต้องวางแผนดีๆ และต้องรู้ด้วยว่าขบวนรถที่จะเดินทางไปนั้นมาถึงที่สถานีเมื่อใดด้วย ดังนั้นผมจึงมีตารางเวลารถไฟของทุกสายอยู่ในมือ ซึ่งจะสะดวกมาก สามารถวางแผนทำอย่างอื่นได้ในขณะที่ต้องรอรถเป็นเวลานานหลายชั่วโมง หรือเลือกขบวนรถที่จะเดินทางในระยะสั้นๆ แม้ว่าจะเป็นเส้นทางเดียวกันเพื่อเป็นการประหยัดครับ

เวลา 16.00 น. โดยประมาณหลังจากออกจากบ้านมาตั้งแต่บ่าย 2 ครึ่ง ก็ออกเดินทางไปยังงานฤดูหนาว ที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จังหวัดลพบุรี สถานที่จัดงานก็ไม่ไกลจากสถานีรถไฟลพบุรีมากนัก เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว และยังมีศาลพระกาฬ กับพระปรางค์สามยอดตั้งอยู่ใกล้ๆ กันด้วยครับ สำหรับงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 6 ธันวาคมของทุกปี โดยผู้เข้าชมจะต้องเสียบัตรผ่านประตู สำหรับผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ในงานก็มีมหรสพ และการออกร้านที่ตอนนี้เหมือนตลาดนัดใกล้บ้านเข้าไปทุกที

จริงๆ แล้วจุดประสงค์หลักของการมาที่งานนี้  คือการถ่ายภาพการแสดงดนตรีเป็นหลักครับ แต่เนื่องจากช่วงที่อยู่บนรถไฟก็เห็น "หนังกลางแปลง" ก่อน เลยตัดสินใจเข้าไปแวะชม ก่อนที่การแสดงดนตรีจะเริ่มขึ้นในเวลา 4 ทุ่มเศษ ซึ่งเวทีดนตรีที่ตั้งใจจะไปชมก็อยู่ใกล้ๆ กันนั่นแหละ แต่หนังกลางแปลงจะฉายก่อนครับ

สำหรับบริการหนังกลางแปลงที่ฉายในงานนี้เป็นของ "สิทธิชัย ชวลิต เทคนิคซาวด์" (บ้านหัวช้าง) ครับ ซึ่งปกติแล้วจะเป็นเน้นเรื่องการจัดจำหน่ายเครื่องเสียงกลางแจ้งเป็นหลัก ส่วนหนังกลางแปลงเป็นงานเสริมครับ

ตอนที่ผมไปถึงนั้น เครื่องฉายที่อยู่ขวามือกำลังฉายตัวอย่างเพื่อลองแสงอยู่ พอจบตัวอย่าง "ฅนไฟบิน" แล้วปรากฏว่าตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่ง คือ "เอ็กซ์เมน วูลฟ์เวอร์รีน" ต่อฟิล์มกลับทาง ภาพเลยออกมากลับหัว 555

ส่วนเครื่องซ้ายมือ มองจากภาพแล้วไม่น่าจะมีอะไร แต่ความจริงมันมีครับ นั่นคือ ภาพหัวกลับ แต่เส้นซาวด์อยู่ด้านขวา ผมเลยต้องกระซิบบอกคนฉายเส้นซาวด์กลับข้าง

พอคนฉายยกฟิล์มไปกรอ คิดว่าจะต้องกรอ 2 รอบ ที่ไหนได้ กรอแค่รอบเดียว แล้วเอามาลองฉายเลย ผลเป็นไง ทุกท่านต้องมีคำตอบในใจอยู่แล้ว

เห็นท่าไม่ดี ผมเลยขอเอามากรอเองเสียเลย แล้วก็เอาไปฉาย แต่เรื่องยังไม่จบครับ..

ระหว่างที่ฉายบนจอนั้น ภาพเอียงครับ เห็นปรับแต่งที่ประตูฟิล์มอยู่หลายรอบ ก็แก้ไม่ได้สักที ก็..อดไม่ได้อีกแหละ เลยบอกไปว่า ดูที่ขาตั้งหรือยัง..

พอลงไปปรับขยับขาตั้ง ภาพที่เอียงก็ได้ระดับตามปกติ

สำหรับระบบแสงยังเป็นแบบถ่าน จากเตาคิงส์ไลท์ + แสงถาวร หัวฉายโตกิว่า ที่ดูสภาพเหมือนใหม่นั้น เพราะใช้งานน้อยมากครับ

ส่วนระบบเสียง ปรีหนังใช้ "ประดิษฐ์เจริญ" ส่วนภาคขยายเป็นของ "มิวสิค ซาวด์"

ในการฉายก็เหมือนกับในโรง คือ 2 เครื่องสลับกัน รีลละเครื่อง และเนื่องจากตัวฟิล์มหนังเรื่องไม่มีหัว - ท้าย แล้ว เพราะฉะนั้นจะต้องมีบางตอนของหนังหายไปในช่วงระหว่างเปลี่ยนเครื่องอย่างน้อย 5 - 6 วินาที

คืนนั้นเสนอฉายเรื่อง "3 ทหารเสือ ดาบทะลุจอ", "เส้าหลิน สองใหญ่" และ "มาย เบสท์ บอดี้การ์ด" ครับ

เริ่มฉายตัวอย่าง (ภาพบนจอหนังอาจจะผิดสัดส่วนไป)

ระหว่างที่ชมเรื่อง "3 ทหารเสือ ดาบทะลุจอ" ไปได้สักหน่อย ก็ต้องไปบันทึกภาพการแสดงดนตรีต่อครับ กระทั่ง 5 ทุ่มกว่าๆ ก็เดินออกจากบริเวณงานเพื่อมานอนงีบเอาแรง (ในสถานี) เพื่อออกเดินทางเข้า กทม. ในตอนเช้ามืดครับ

วันที่ 4 ธันวาคม เวลา 05.15 น. ขบวนรถไฟก็ออกจากสถานีลพบุรี เพื่อเข้า กทม. จนกระทั่งถึงสถานีรถไฟรังสิต ก็ต้องถูกกักไว้เนื่องจากระหว่างสถานีรังสิต ถึงสถานีดอนเมือง จะต้องวิ่งเพียงรางเดียว เนื่องจากอีกรางหนึ่งถูกใช้เป็นที่วาง "บิ๊กแบ๊ค" และยังคงต้องรอจนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมผ่านพ้นจนเป็นปกติ จึงจะเอาออกไปได้ ดังนั้นขบวนรถที่จะผ่านจึงต้องถูกกักไว้ครับ ซึ่งทำให้เสียเวลาในการเดินทางครับ

ขณะผ่านตั้งแต่ตลาดหลังสถานีรถไฟรังสิต ถึงป้ายหยุดรถ "หลักหก"

(ระหว่างที่ผมยังอยู่บนรถไฟตอนจะแวะลพบุรีนั้น ก็ทราบข่าวจากพนักงานรักษารถว่า มีชาวบ้านจะประท้วงปิดทางรถไฟครับ ผลก็คือ รถไฟสายเหนือและอีสาน ที่ออกจาก กทม. ถูกกักนานทีเดียว)

ถนน "โลคัล โรด" บางช่วงก็มีน้ำท่วมขัง ในระดับไม่สูงมาก แต่ที่น่ากลัวคือ ตะไคร่น้ำที่เกาะถนนครับ

พอผ่านบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต สภาพก็อย่างที่เห็นครับ มองไปมองมา มีรถอยู่คันหนึ่งจมน้ำอยู่

ขบวนรถมาถึงสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ในเวลา 9 โมงกว่า สถานที่จัดงานก็อยู่ข้างๆ สถานีซึ่งเป็นลานจอดรถนั่นแหละครับ แต่เนื่องจากเป็นรายการสุดท้ายในตอนค่ำ จึงถือโอกาสนี้ไปดูหนัง "ฝนตกขึ้นฟ้า" ก่อน

เสร็จจากการดูหนังแล้ว ก็กลับมาที่หัวลำโพงครับ ก็ไปอยู่ที่ฝ่ายควบคุมเสียงก่อนที่จะหาของกินบริเวณงาน

เวลา 19.00 น. การแสดงดนตรีจากวง "สตาร์ วอร์ส" ก็เริ่มขึ้น และตามด้วยการแสดง "นาฏกรรมเงา" จากกลุ่มการแสดงคณะ "คิดบวกศิลป์" ที่เคยออกรายการ Thailand's Got Talents มาแล้ว

จากนั้นก็เป็นการแสดงจากศิลปินรับเชิญ ซึ่งผมก็อยู่จนถึงเวลา 3 ทุ่มกว่าๆ ก็กลับไปที่สถานีทั้งๆ ที่รู้แล้วว่า "ตกรถ" (ความจริงแล้วตั้งใจจะพักอยู่ในสถานีอีกคืน เพื่อรอถ่ายภาพรถจักรไอน้ำขบวนพิเศษที่นำเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา) แต่แล้วก็ตัดสินใจเดินทางกลับ เพราะคืนนั้นมีขบวนรถสายเหนือที่ปกติจะออกในเวลา 19.30 น. แต่ไม่สามารถออกเดินทางได้ จึงเลื่อนมาเป็นเวลา 22.30 น. แทน ซึ่งหลังจากที่ขบวนรถเข้าเทียบชานชลาแล้ว เวลา 22.45 น. ก็ออกจากสถานีหัวลำโพง และถึงสถานีชุมแสง ซึ่งเป็นสถานีปลายทางในเวลา 04.45 น. ก่อนที่จะกลับถึงบ้านเมื่อท้องฟ้าเปิดครับ

และนี่คือช่วงวันว่างของ "เว็บมาสเตอร์" ซึ่งจะยังคงมีแบบนี้อีกเป็นระยะๆ ในโอกาสต่อไปครับ

ผมมาวันที่ 3 เฉพาะที่ลพบุรี และวันที่ 4 ธันวาคมครับ แล้วก็กลับคืนวันที่ 4 เลย กะจะดูแค่ "กระแต & กระต่าย อาร์สยาม" แค่นั้นแหละ ส่วน "พี สะเดิด" ไม่ได้ตั้งใจจะดูอยู่แล้ว เพราะหวั่นๆ เรื่องตีกันเนี่ยแหละ

วันที่ 3 ก่อนหน้า ก็ทราบจากฝ่ายเวทีว่า มีตีกัน 2 - 3 ครั้งครับ ทั้งช่วงที่ "สาวมาด เมกะแดนซ์" และ "ปาน ธนพร" ขึ้นเวที แต่ที่น่ากลัวกว่าก็คือหลังงานเลิก มีคนเร่ร่อนที่นอนอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษม โดนพวกเร่ร่อนด้วยกันรุมทำร้าย และไปเสียที่โรงพยาบาล

ด้วยเหตุนี้ในคืนต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาคุมเข้ม แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการเล่นดนตรี รวมทั้งระบบเสียงด้วยแล้วสุดยอดครับ ส่วนผมต้องยืนถ่ายรูปคู่กับทีมถ่ายทอดสดผ่านโปรเจคเตอร์ เพราะพวกข้างหน้าเต้นกันมันหยด นี่ถ้าไม่มีการถ่ายทอด น่าสงสารคนที่นั่งดูครับ ส่วน "หลวงไก่" นั้นพอดีผมไปดูในงานฤดูหนาวที่ จ. ลพบุรีก่อน ก็เล่นสนุกเช่นกันครับ

ส่วนงานที่ทางการรถไฟฯ จัดขึ้น ไม่มีหนังกลางแปลงนะครับ (หรืออาจจะเคยมีมาก่อนหน้า แต่ไม่ทราบข้อมูลเหมือนกัน แฮะ..แฮะ..)  

  ใช่ครับอาจารย์ เครื่องเสียงดังสุดยอด จุกอกเลย ฟังแล้วเร้าใจ ดังไกลไปถึงยสเสโน่น พยายามดูว่าใช้พาวเวอร์ตัวไหน มองไม่เห็นครับ   ผมขับรถไปตามถนนข้างเวทีที่ติดคลอง กะจะหยุดดูสักหน่อย   เห็นสภาพตรงจุดนั้น  ไม่กล้าหยุดดูเลย  จิ๊กโก๋ทั้งนั้นเลย ทั้งหญิงทั้งชาย  เต้นกวนๆทั้งนั้น ตำรวจถือกระบองคุมเลย   มีสาวๆ ยกหาบด้วย สวยๆทั้งนั้นเลย..555  รู้จักมั๊ยอาจารย์   ว่าจะถ่ายรูปแล้ว ไม่เอาดีกว่า  เผื่อมันมีพวกมาคุม  เสียวโดน....

  ส่วนเรื่องหนังกลางแปลง ในคืนวันที่ 5 ธันวา  ถ้าเป็นเมื่อก่อน จะมีฉายแทบทั่้วทุกมุมของกรุงเทพฯ และอาจจะไปประจวบเหมาะกับเทศกาลฉายหนังศาลเจ้าด้วย  สมัยนั้นๆ ผมจะขี่มอเตอร์ไซด์เป็นกลุ่มๆ ร่อนไปทั่วกรุงเทพฯในคืนดังกล่าว  จะุดูตรงไหนละหนังกลางแปลง มีเพียบ  รวมทั้งลานพระบรมรูปทรงม้าด้วย  คืนวันที่ 5 ที่ผ่านมาผมก็ขับวนดูหลายๆที่ ไม่มีสักจอเลย.......