เอล ซิด วีรบุรุษสงครามครูเสด

ELCID Classic Movie 1961
นำโดย ชาร์ลตัน เฮสตัน โซเฟีย ลอร์เรน
วิวัย จิตต์แจ้งนำเสนอ ร่วมกับพีเพิลซีน

บทความเรื่อง เอลซิด สำเร็จลงได้ต้องขอขอบพระคุณบุคคลสองท่านที่มีความรู้ดีเรื่องประวัติศาสตร์ภาพยนตร์คลาสสิก ท่านแรก คุณนิธิวิทย์ ธานินทร์สุรวุฒิ ที่ส่งมอบดีวีดีเรื่อง เอลซิดที่บันทึกเสียงพากษ์ ชัยเจริญ-ศรีวรรณ มาให้ อีกท่านคือรองศาสตาจารย์เสนีย์ แดงวัง เขียนบทปิดท้ายให้

ภาพยนตร์ยิ่งใหญ่แนว Epic สร้างในระบบพานาวิชั่น ทอสเอโอ 70 มม Music by Miklos Rozsa. ทำรายได้สูงมาก ประวัติศาสตร์ยุโรปสเปนยุคกลางสงครามที่มีฉากรบยิ่งใหญ่ตระกาตา เป็นสงครามพวกอิสลามคือพวกแขกมัวร์ อยู่ในแขวนของสเปน กล่าวถึงวีระบุรุษนักรบชื่อ โรดริโก ดิวัซ เด วีว่าาร์ หรือฉายาว่า เอลซิดอ้ศวินชาวสเปนมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ สิบเอ็ดที่กล้าหาญ ซื่อสัตย์ และจงรักภักดีมีชื่อเสียงน่ายกย่องท่านเสียชีวิตเมื่อ 10 กรกฎาคม คศ 1099
ภาพยนตร์ เรื่อง El Cid มีมนต์เสน่ห์น่าติดตาม

ประวัติศาสตร์สมัยยุคที่สเปนแบ่งเป็นนแคว้นต่างๆ และมีสงครามกับ พวกแขกมัวร์ (Moors)

เนื้อเรื่อง เบน ยูซุบ ผู้นำเผ่าอิสลามในอาฟริกาเหนือ ได้มาประชุมกับแขกมัวร์ มีแผนจะยึดครองสเปนและยุโรปเริ่มจากการยุยงให้เกิดความแตกแยกในสเปน แล้วจึงจะใช้กองทัพเข้าจัดการ ฉากเปิด คือ Rodrigo Díaz de Vivar

กำลังเดินทางไปเข้าพิธีวิวาห์ ได้เข้าไปช่วยเหลือหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ถูกพวกมัวร์โจมตี และจับเชลยที่เป็นผู้นำแขกมัวร์ได้ 5 คน แต่ปล่อยตัวทั้งหมดแลกกับจะไม่รุกรานสเปนอีก แต่เคาน์การ์เซีย ออร์โดเนส ซึ่งนำกำลังทหารมารับตัวเชลยทั้ง 5 ไม่พอใจและให้โรดริโกไปเข้าเฝ้า กษัตริย์เฟอร์ดินันด์ แห่งคัสติล เพื่อไต่สวนข้อหาเป็นกบฎ

พระเอกปราบมัวร์ได้สำเร็จพระราชายังยกสาวสวยนางเอกให้เป็นรางวัล พ่อนางเอกต่อว่าพระเอกต่อหน้าพระราชาว่าเป็นกบฎ เพราะปล่อยตัวมัวร์ไปห้าคนพ่อนางเอกตบหน้าพระเอก เกิดการถกเถียง พระเอกขอร้องให้พ่อนางเอกขอโทษ จะได้จบ แต่พ่อนางเอกไม่ยอมขอโทษ พระเอกว่าเกิดเป็นชายไร้เกียรติ ทั้งคู่จึงดวลมีดดาบกัน

โรดริโขอให้ว่าที่พ่อตาขอโทษ แต่ไม่เป็นผลพ่อนางเอก เคาน์โกร์เมซพลาดท่าถูกพระเอกแทงตาย ก่อนตายพ่อนางเอก บอกล้างแค้นแทนพ่อด้วยสาบานซิ แต่พิธีสมรสยังจัดขึ้น

เมื่อกษัตริย์เฟอร์ดินันด์สวรรคต การแตกแยกระหว่างเจ้าชายซันโจรัชทายาท กับทางฝ่ายเจ้าชายอันฟองโซ ที่สมคบกันหวังแยกดินแดน กษัตริย์ซันโจเสด็จนำทัพไปล้อมเมืองหวังจะจับอันฟองโซไปลงโทษ จนถูกสังหารสิ้นพระชนม์ อันฟองโซขึ้นครองราชย์

การถูกเนรเทศได้ทำให้ชีเมนกลับมาเห็นใจโรดริโก แต่ทั้งสองมีความสุขด้วไม่นาน กษัตริย์อันฟองโซได้โปรดฯ ให้โรดริโกเข้าเฝ้าและบัญชาให้โรดริโกนำกองทัพไปสมทบกับพระองค์ในการรบกับเบน ยูซุบ ที่ซากาด แต่พระเอกไม่เห็นด้วย เอลซิด นำทัพไปล้อมเมืองวาเลนเซีย ส่วนอันฟองโซเสด็จไปรบกับเบน ยูซุบ จนพ่ายแพ้ พวกทั้งคริสเตียนและอิสลามต่างให้เอลซิดตั้งตัวเป็นกษัตริย์ แต่เอลซิดซึ่งยังภักดีต่อกษัตริย์สเปน ได้ปฏิเสธ

ฉากใหญ่กองทัพของ เอลซิด กำลังเข้าตีเมืองวาเลนเซีย

กองทัพของ เบน ยูซุบ ยกทัพไปรบ แต่ขณะที่กำลังรบกันดุเดือด กำลังเสริมทางเรือของ เบน ยูซุบ ได้ยกมาถึงพอดี และลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้าปักอกเอลซิด ได้รับบาดเจ็บ ต้องถอยหนี คราวนี้ต่างฝ่ายต่างเล่นสงครามจิตวิทยากัน ทางฝ่าย เบน ยูซุบ ได้ปล่อยข่าวว่า เอลซิด ตายแล้ว เอลซิดเองที่กำลังเจ็บหนักต้องฝืนสังขารออกมายืนประกาศว่าวันรุ่งขึ้นจะนำทัพออกรบอีกครั้ง จริงๆ รู้ตัวว่าไม่รอดแน่บอกแฟนว่า เธอจะต้องช่วยให้ฉันได้ออกรบวันพรุ่งนี้

วันรุ่งขึ้น พวกของเอลซิด ได้แม่ทัพยึดติดกับอานม้า ปล่อยม้านั้นออกมานำหน้ากองทัพออกทางประตูเมือง ทหารของเบนยูซุบตกใจนึกว่าเอลซิดยังมีชีวิตอยู่ ก็วิ่งหนีเตลิดไม่คิดต่อสู้

ตามเรื่องเอลซิดรับใช้พระเจ้าอัลฟอนที่หกจน พระองค์ไว้วางใจ จึงเกิดการอิจฉาเอลซิลจากพวกในวัง กล่าวหาว่าเอลซิดยักยอกเครื่องราชบรรณาการ พระองค์จึงสั่งเนรเทศเอลซิด ออกจากอาณาจักรคลาสตัล เลนอน แต่สุดท้ายต้องตามเอลซิด กลับมา ช่วยเนื่องจากถูกพวกแขกมัวร์บุกหนัก เอลซิด กลับไปช่วยรบชนะทุกครั้งในที่สุดก็เกิดเหตุร้ายแรง

เอลซิด พลาดท่าถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมาลูกน้องนำร่างเขาขึ้นไปกับม้าคู่ใจ เพื่อไม่ให้ทหารรู้ว่าเอลซิดตายเพราะจะเสียขวัญ จนต้องถอยทัพและรบแพ้แน่ๆ

" ท่านอาจารย์เสนีย์ แดงวัง ช่วยเขียนบทความตอนปิดท้ายให้ดังนี้ครับ "

ตั้งใจจะเขียนถึง เอลซิด ในมุมของเชิงกุลยุทธ์ ด้วยวิธีการสร้างแรงจงใจ
ฉากสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ เอลซิด ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ของผู้อำนวยการสร้าง และผู้กำกับการแสดง ที่ได้ถอดความในใจ ของผู้เขียนบทและแปลออกมา เป็นภาพยนต์อย่างลึกซึ้ง และก็ทำได้ดีมาก

ช่วงของการต่อสู้ ที่ฝ่ายของ เอลซิด กำลังจะเพลียพล้ำ และเอลซิด ก็บาดเจ็บสาหัส ใกล้จะตายก็ว่าได้ กำลังใจของทหารทั้งกองทัพ อยู่ในสภาพเสียขวัญสถานะการเลวร้าย พร้อมที่จะพบกับความพ่ายแพ้ทุกนาที

การประชุมครั้งสำคัญของบรรดาเหล่าผู้นำทัพซึ่งรวมทั้ง เอลซิด ก็เข้าประชุมด้วย ทั้งๆที่เอลซิด กำลังบาดเจ็บสาหัส อาการเป็นตายเท่ากัน

เสียงเรียกร้องของบรรดาเหล่าทหาร ต่างตะโกนถาม เอลซิด ขอให้ผู้นำ เอลซิด จงออกมาปรากฎตัวให้ได้เห็น เอลซิด บอกกับผู้นำเหล่าทัพ ด้วยประโยคที่ว่า พรุ่งนี้ก่อนย่ำรุ่ง ขอให้นำร่างของ เอลซิด ซึ่งนั่งบนหลังม้าคู่ใจ เอลซิด จะควบม้าออกไปนำหน้าทัพด้วยตนเอง

กำลังพลแม้จะมีน้อยกว่า เพียงแต่เห็น เอลซิด ควบม้านำทัพ กำลังใจของทหาร ต่างลุกฮือเข้าต่อสู้ จนฝ่ายศัตรูต้องล่าถอยไป ทั้งๆที่ฝ่ายศัตรู มีกำลังพลที่เหนือกว่ามาก กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เอลซิด เป็นผู้นำทัพที่ได้
สร้างแรงบรรดาลใจ ให้กับทหารทุกคนในกองทัพ

บทสรุปของภาพยนต์จบท่อนลงตรงที่ว่า เอลซิด ตายเมื่อไหร่มีใครรู้
ในภาพขอนักรบ ผู้สง่างาม และนำทัพอย่างทรนง จนได้รับชัยชนะ
และได้แรงบันดาลใจ ให้กับทหารทุกคนในกองทัพ ได้เป็นอย่างดี
เรื่องของ ElCID ยังจะต้องกล่าวขวัญ ไปอีกนานเท่านานขอขอคุณทุกท่าน