Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ประธานกรรมการ :ปวีณ เขื่อนแก้ว
เวบมาสเตอร์:อนุกูล วิมูลศักดิ์ 084-819-7374,095-308-6840


= ภายใน24ชั่วโมง , = ภายใน 3 วัน = ทั่วไป , = คลาส2 , = คลาส3 ,
รูป
พูดคุย-แลกเปลี่ยนเรื่อง ฟิล์มภาพยนตร์เจ้าของ อ่าน ตอบ ผู้ตอบหลังสุด
-อยากทราบวิธีรักษาฟิล์มที่ถูกต้องครับ556310.. 15/5/2560 17:39
-ฟิล์มภาพยนตร์เพลงสรรเสริญพระบารมีในอดีต 552649.. 15/5/2560 15:21
-++ จะรู้ได้ไงว่าหิล์มหนังเรื่องไหนเป็นฟิล์มธรรมดา หนังเรื่องไหนเป็นฟิล์มทอง แบบไหนคุณภาพดีสีไม่ตก แบบไหนคุณภาพแย่เป็นดาวแดง982228.. 11/4/2558 8:14
-ที่มาของฟิล์มภาพยนตร์ "โป๊ยเซียน" น้อยคนนักที่จะรู้1487924.. 15/7/2557 19:32
-วิธีทำความสะอาดฟิล์มหนัง1066223.. 13/7/2555 3:49
-Classic Optical Sound Recording5070ยังไม่มีคนตอบ
-น้ำยาทำความสะอาดฟิล์มภาพยนตร์6145.. 25/9/2562 17:19
-30 Year Old IMAX Film Projector6580ยังไม่มีคนตอบ
-Australian 70mm Film Festiva7470ยังไม่มีคนตอบ
-หาที่รับจ้างพิมพ์ฟิล์มภาพยนตร์8821.. 12/6/2561 8:21
-มีใครซ่อมรูหนามเตยฟิล์มกรอบแตก ขาดหาย หรือวิธีแนะนำด้วยครับ14598.. 20/9/2560 8:27
-Nitrate Film Fire - NO SOUND - 19739460ยังไม่มีคนตอบ
-ผลงานที่ผ่านมา เริ่มจากศูนย์ เพื่อสะสม จนถึงวันนี้ 544630.. 15/5/2560 15:24
-16mm & 35mm Film in the Cutting Room.10210ยังไม่มีคนตอบ
-IMAX Melbourne 2015 - Film, the end of an era...10470ยังไม่มีคนตอบ
-35 mm Film SPLICER11971.. 2/8/2559 14:30
เลือกหน้า
[<<] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 166

(ID:4028) ที่มาของฟิล์มภาพยนตร์ "โป๊ยเซียน" น้อยคนนักที่จะรู้


มองดูปฏิทินแล้ว เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลตรุษจีน ขณะเดียวกันที่ตัวเมืองนครสวรรค์ ก็เริ่มงานตรุษจีนปากน้ำโพแล้ว ปีนี้ผมคงไม่ได้ไปดูหนังเหมือนเมื่อปีที่ผ่าน ๆ มาแล้ว เพราะช่วงนี้งานเยอะครับ เด็กนักเรียนก็ใกล้จะสอบปลายภาคแล้วด้วย

วันนี้ผมเลยนำบทความที่ยังไม่เป็นทางการ ซึ่งผมได้จัดพิมพ์ไว้นานแล้วครับ นำมาฝากให้สมาชิกเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในงานตรุษจีน

เรื่องที่ว่านี้ก็คือ หนัง "โป๊ยเซียน" ครับ


ความเห็น

[1] [2]


(ID:36885)

หากคุณได้ไปดูหนังกลางแปลง ตามงานประเพณีที่เกี่ยวข้องกับชาวไทยเชื้อสายจีน เช่น งานตรุษจีน งานศาลเจ้า หรืองานแก้บน ไม่ว่าคราใดก็ตาม จะต้องมีการฉายภาพยนตร์ขนาดสั้นซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ เซียนทั้งแปด หรือที่เรียกกันในบรรดาหนังกลางแปลงว่า "หนังโป๊ยเซียน" ซึ่งชื่อของหนังเรื่องนี้อาจจะไปพ้องกับชื่อของไม้ประดับซึ่งเป็นไม้มงคลที่ปลูกกันตามบ้านเรือนทั่วไป แต่ด้วยชื่อ "โป๊ยเซียน" จึงยังมีความเกี่ยวข้องกันอยู่บ้าง

ตำนานโป๊ยเซียน

ตามความเชื่อในลัทธิเต๋าของจีน เป็นเทพเจ้าที่ชาวจีนนับถือมาช้านาน นับเป็นหนึ่งในบรรดาเซียนนับร้อย ๆ องค์ของจีน แต่เทพทั้งแปดนี้ นับว่าเป็นที่รู้จักกันดีและได้รับการนับถืออย่างกว้างขวางมาก เพราะฉะนั้นทั้งชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนยังนิยมนับถือบูชาโป๊ยเซียนอย่างสม่ำเสมอ นอกจากเทพเจ้าทั้งสามในกลุ่ม "ฮก ลก ซิ่ว"

ในศาลเจ้าตามหมู่บ้านของชาวจีน จะมีแท่นบูชาที่ปูด้วยผ้า ซึ่งมีภาพวาดที่เป็นเซียนทั้งแปดอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม บ้างก็เป็นภาพเซียนนั่งเรือไปยังงานเลี้ยงของพระนางซีอ๋อง ซึ่งเป็นงานเลี้ยงของทวยเทพและเซียนต่าง ๆ บางครั้งก็วาดเซียนทั้งแปด รวมกับภาพ 18 อรหันต์ในทางพุทธศาสนานิกายมหายานอีกด้วย

สมาชิกในกลุ่มของโป๊ยเซียน ประกอบไปด้วยเซียนทั้ง 8 องค์ ซึ่งแต่ละองค์มีประวัติที่มาและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แตกต่างกันไป ดังนี้

1. ทิก๋วยลี้ เดิมแซ่ หลี่ ชื่อ เหียน เกิดในยุคชุนชิว เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ สติปัญญาเฉลียวฉลาด หน้าตาดี ไม่ชอบทำมาหากิน หรือมีครอบครัวเหมือนชาวบ้านปกติ กลับมุ่งบำเพ็ญตบะถือศีลกินเจอีกทั้งยังเห็นว่า อำนาจวาสนา ลาภยศสรรเสริญ สมบัติพัสถาน ล้วนเป็นภาพมายา ดุจเมฆหมอกลอยกลางอากาศ ไม่นานก็จางหายไป เมื่อ หลี่เหียนพิจารณาเห็นสัจธรรมเช่นนี้ จึงตัดสินใจสละทางโลก อำลาญาติมิตรไปบำเพ็ญพรตอยู่ในถ้ำ จนสามารถถอดกายทิพย์และจิตวิญญาณออกจากร่าง

วันหนึ่งมีนัดต้องไปเข้าเฝ้า ลีเลากุน ผู้เป็นอาจารย์ที่เขาหัวซัน จึงฝากลูกศิษย์ให้ดูแลร่าง จะไปแต่กายทิพย์ ส่วนร่างทิ้งไว้ที่นี่ ถ้าเกิน 7 วัน ตนยังไม่กลับมา ให้เผาร่างได้เลย เมื่อท่านถอดจิตไปแล้ว ปรากฏว่า มารดาผู้เป็นศิษย์ป่วยหนัก คนทางบ้านมาส่งข่าวให้รีบเดินทางกลับ ศิษย์ไม่อาจทนอยู่เฝ้าร่างได้ จึงนำร่างไปเผาในวันที่ 6 เมื่อท่านกลับมาในวันที่ 7 ไม่พบลูกศิษย์ ไม่เห็นร่างของตน ก็เข้าใจแต่ไม่เคืองไม่แยแสกระไร ก็เลยไปเข้าร่างขอทานขาพิการที่เพิ่งเสียชีวิต ร่างใหม่ของท่านจึงขาพิการข้างหนึ่ง ดังในรูปทุกวันนี้ เวลาเดินใช้ไม้เท้าเหล็กค้ำ คนจึงเรียกกันว่า "ทิก๋วยลี้"

2. ฮั่นจงหลี เดิมแซ่ จงหลี ชื่อ ฉวน มีชีวิตในสมัยฮั่น เลยเรียกกันว่า ฮั่นจงหลี เป็นบุตรของแม่ทัพ จงหลีจาง วันที่เกิด มีแสงสว่างจ้าไปทั้งจวนแม่ทัพ ผู้คนตกใจคิดว่าไฟไหม้วิ่งไปยังจวนจะดับไฟ พอไปถึงไม่เห็นมีอะไร มีแต่ฮูหยิน ภรรยาแม่ทัพคลอดบุตรเป็นชาย มีลักษณะดีผิดแผกเด็กทั่วไป เมื่อโตขึ้นได้ไต่เต้าเป็นแม่ทัพ คราวหนึ่ง นำทัพไปปราบกบฏคนฮวน เกิดพ่ายศึกยับเยิน ตัวเขาหนีรอดคนเดียวเข้าไปในหุบเขา ได้พบกับนักพรตชรา ว่ากันว่า คือ ทิก๋วยลี้ ได้รับถ่ายทอดบำเพ็ญธรรมต่อมาได้บำเพ็ญเพียรจนสำเร็จเป็นเซียน

3. ลื่อต้งปิง หรือ ลื่อโจ้ว เกิดวันที่ 14 เดือนสี่ ในยุคสมัยราชวงศ์ถัง เป็นคนเฉลียวฉลาดแต่เด็ก เคยไปสอบจิ้นซื่อสองครั้ง แต่สอบตก จนกระทั่งอายุ 64 ปี ได้ท่องเที่ยวพเนจรไปทั่ว ระหว่างพักที่โรงเตี๊ยมในเมืองหันเอ้อ ได้พบกับอาจารย์ ฮั่นจงหลี ทั้งสองได้สนทนาในเรื่องธรรมะจนถูกอัธยาศัย ลื่อต้งปิงถอนใจว่า ชีวิตช่างอาภัพ สอบจิ้นซื่อไม่ได้สักครั้ง ฮั่นจงหลีได้เอาหมอนในย่ามยื่นให้ พร้อมกล่าว เจ้าจงหนุนหมอนใบนี้ ทำให้ทุกอย่างสมหวัง จึงหนุนหมอนหลับไม่รู้ตัว ขณะนั้นเจ้าของโรงเตี๊ยมกำลังนึ่งข้าวเกาเหลียงอยู่ ลื่อต้งปิงได้ฝันเห็นอนาคตว่า ชั่วครู่เดียวชีวิตขึ้น ๆ ลง ๆ เปลี่ยนแปลงมากมาย ตั้งแต่สอบได้จิ้นซื่อ เป็นนายอำเภอเมืองลั่วหยังได้เลื่อนตำแหน่งหลายครั้ง กระทั่งเป็นแม่ทัพรบชนะข้าศึก มีอำนาจวาสนา มั่งมีศรีสุข 50 ปี เป็นอัครมหาเสนาบดี 10 ปี ต่อมาถูกปลดออกจากตำแหน่ง ชีวิตตกระกำลำบาก ตื่นขึ้น ฮั่นจงหลีกล่าวว่า เกาเหลียงยังไม่สุก ฝันจบชั่วชีวิต ลื่อต้งปิงแปลกใจ อาจารย์รู้ความฝัน ฮั่นจงหลีว่า ชีวิตคนก็เป็นเช่นนี้แหละ ลื่อต้งปิงจึงปลงตก และละกิเลส โดยขอปวารณาเป็นศิษย์ ฮั่นจงหลีได้นำลื่อต้งปิงไปบำเพ็ญเพียรที่เขานกกระเรียนและถ่ายทอดเคล็ดลับจนสำเร็จเป็นเซียน

4. เหอเซียนกู เดิมชื่อ ฮ่อค้วง เป็นนางฟ้าหนึ่งเดียวในคณะแปดเซียน เกิดในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นชาวเมืองกวงโจว เป็นคนใจบุญและฉลาด วันหนึ่งได้พบกับเซียน ลื่อต้งปิง เซียนเห็นแล้วได้ส่งผลท้อให้ เมื่อกินผลท้อนั้นแล้วก็ไม่รู้สึกหิวอีก ทั้งยังสามารถทำนายทายทักโชคชะตาของคนอื่น กระทั่งคืนวันหนึ่ง เทพยดาได้มาเข้าฝัน บอกให้เธอกินแป้งฮุนบ้อ ทำให้ตัวเบาและไม่ตายเมื่อเธอตื่นขึ้น ลองทำตามในฝัน หลังจากกินแป้งฮุนบ้อแล้ว ปรากฏว่าตัวเบาเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วกว่าปกติ หลังจากนั้น มักขึ้นเขาลงเขาอยู่เสมอ ขากลับยังนำผลไม้ต่าง ๆ มาฝากมารดาเป็นประจำ

ต่อมา ข่าวลอยไปถึงในวัง พระนางบูเช็กเทียน ได้ส่งคนไปเชิญมาเข้าเฝ้า ระหว่างทาง ปรากฏว่า หายตัวไป คณะเชิญค้นหาเท่าใดก็ไม่พบ ปรากฏภายหลังว่า มีคนเห็นนางขี่เมฆลอยอยู่บนฟ้า จึงรู้ว่าได้สำเร็จเป็นเซียนไปแล้ว

5. จางกั๋วเหล่า เกิดในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นนักพรตจำศีลภาวนาที่ จงเถียวซัน เวลาเดินทางไปไหนมาไหนมักจะขี่ลาเผือกกลับหัว โดยหันหน้าไปทางหางลา เป็นปริศนาธรรม ลานี้เป็นลาวิเศษ เมื่อไม่ใช้ก็เก็บพับใส่ในกระเป๋าดั่งกระดาษ เวลาจะขี่ก็เอาน้ำพ่น กลายเป็นลาดังเดิม อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า ในสมัยดึกดำบรรพ์มีพญาค้างคาวเผือกตัวหนึ่ง ได้จำศีลบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำจนสำเร็จเป็นเซียน ได้กลายร่างเป็นชายชราผิวพรรณผ่องใสแข็งแรงคือ จางกั๋วเหล่า นั่นเอง

6. หลันไฉ่เหอ เกิดในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น ชอบใส่เสื้อผ้าขาด ใส่รองเท้าข้างเดียว ถือกรับไม้ยาวฟุตเศษ เที่ยวเดินร้องเพลงขอทานเรื่อยไป เพลงที่ร้องมีเนื้อเพลงเป็นคติเตือนใจคน เมื่อได้เงินก็เอามาร้อยเป็นพวงแล้ววิ่งลากไปตามถนน เชือกขาดเงินหลุดหล่นหายไปก็ไม่สนใจ มีเงินเหลือกินก็นำไปแจกจ่ายแก่คนยากจน หน้าร้อนใส่เสื้อหนา หน้าหนาวหิมะตกกลับใส่เสื้อตัวเดียวนอนบนหิมะ ต่อมา ทิก๋วยลี้ และ ฮั่นจงหลี ได้มาชวนไปบำเพ็ญเพียร จนสำเร็จเป็นเซียน

7. หันเซียงจือ เกิดในสมัยราชวงศ์ถัง เมื่อวันที่ 10 เดือนสิบ ประมาณปี พ.ศ. 1320 ในวัยเด็กอยู่กับ หันยู่ ผู้เป็นอา ซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เนื่องจากกำพร้าพ่อและแม่ นิสัยของหันเซียงจือเป็นคนที่รักสันโดษ ชอบปลีกวิเวก กระทั่งวันหนึ่ง ท่าน ลื่อโจ้ว ได้มาโปรดจนบำเพ็ญสำเร็จเป็นเซียน อีกทั้งยังกตัญญูให้ หันยู่ ละทิ้งตำแหน่งขุนนางมาบำเพ็ญธรรม ใช้เวลาถึง 9 ปี จึงโปรดสำเร็จ จนมีสมญานามว่า ชิงฟู

8. เชาก๊กกู๋ เดิมชื่อ เชาจิ่งซิว เป็นน้องชายของพระราชินี เชาฮองเฮา แห่งราชวงศ์ซ่ง เชาก๊กกู๋เป็นคนเที่ยงตรง มีเมตตา รักสงบ ไม่ชอบโก้หรู เนื่องจากละอายที่ เชายี น้องชายถืออำนาจพี่สาว เที่ยวก่อกรรมทำชั่ว จนถูกท่านเปาตัดสินประหารชีวิต จึงตัดสินใจขึ้นเขาบำเพ็ญเพียร ต่อมาเขาได้พบกับ ฮั่นจงหลี และ ลื่อต้งปิง ลื่อต้งปิงถามว่า ได้ข่าวว่าท่านบำเพ็ญธรรม ธรรมที่ท่านบำเพ็ญนั้นอยู่ที่ใด เชาก๊กกู๋ ชี้นิ้วขึ้นฟ้า ลื่อต้งปิง ถามอีกว่า ฟ้าอยู่ที่ใด เชาก๊กกู๋ ก็ชี้ที่หัวใจ ฮั่นจงหลีหัวเราะแล้วพูดอีกว่า ใจก็คือฟ้า ฟ้าก็คือใจ บัดนี้ท่านค้นพบตัวเองแล้ว จากนั้นเซียนทั้งสองจึงถ่ายทอด มรรควิธีแก่ เชาก๊กกู๋ จนบำเพ็ญสำเร็จเป็นเซียนในที่สุด




(ID:36886)
ภาพยนตร์ "โป๊ยเซียน" นั้น เป็นภาพยนตร์ขนาดสั้น โดยได้ถ่ายทำบันทึกการแสดงอุปรากรจีน (งิ้ว) โดยมีเนื้อหาเพื่อเป็นการอัญเชิญและเคารพเทพยดาฟ้าดินทีละองค์จนครบทั้งแปด ความยาวของภาพยนตร์ดังกล่าวจะมีความยาวประมาณ 10 นาที

การจัดฉายภาพยนตร์กลางแปลงในบริเวณที่ตั้งของศาลเจ้า มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องให้ความสำคัญ เช่น การตั้งจอภาพยนตร์จะต้องให้อยู่ในแนวหรือระดับเดียวกับประตูของศาล โดยที่ตั้งของเครื่องฉายจะต้องไม่ไปขวางอย่างเด็ดขาด เพราะเชื่อกันว่า เป็นการฉายภาพยนตร์ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือดู ดังนั้น ก่อนทำการฉายภาพยนตร์ตัวอย่าง หรือภาพยนตร์เรื่องยาว จะต้องฉายภาพยนตร์โป๊ยเซียนเป็นลำดับแรกเสมอ โดยผู้ฉายหรือทีมงานจะต้องจุดธูปเทียนเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าที่ตรงนั้นก่อน จึงจะทำการฉายได้ นอกจากนี้ เมื่อฉายภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายจบแล้ว จะต้องฉายภาพยนตร์โป๊ยเซียนเป็นการปิดท้ายอีกรอบหนึ่ง ซึ่งการฉายในรอบที่สองนี้มีความหมายโดยนัยว่าเป็นการอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์กลับ กรณีที่มีงานหลายคืนติดต่อกัน เจ้าของบริการภาพยนตร์กลางแปลงที่เคร่งครัดในเรื่องนี้ จะต้องปฏิบัติเช่นนี้ทุกคืนจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของงาน

แต่ในปัจจุบันนี้ การฉายภาพยนตร์โป๊ยเซียนปิดท้ายภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายนี้ ไม่ได้เป็นถือปฏิบัติตายตัวแต่อย่างใด คือจะฉายหรือไม่ฉายก็ได้



(ID:36887)

รูปแบบการนำเสนอของฟิล์มภาพยนตร์ "โป๊ยเซียน"

จากการที่ได้สอบถามกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายอุปกรณ์การฉายภาพยนตร์กลางแปลง ตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้า ที่เรียกว่า "แฟลตบำเพ็ญบุญ" ข้างโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง ทำให้ทราบข้อมูลมาว่า ฟิล์มภาพยนตร์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานเหล่านี้ ได้มีการผลิตออกมาแล้วถึง 3 รูปแบบ

ฟิล์มภาพยนตร์โป๊ยเซียน ชุดแรก เป็นภาพยนตร์ขาว-ดำ ซึ่งต้องนำเข้ามาจากประเทศฮ่องกง โดยผู้แสดงอุปรากรจีนได้พูดเป็นภาษาจีนแมนดารินทั้งเรื่อง สำหรับฟิล์มชุดดังกล่าวได้สูญหายไปแล้ว นอกจากนี้ก็ไม่พบฟิล์มชุดดังกล่าวอีกเลยจากบริการภาพยนตร์กลางแปลง ฟิล์มชุดนี้คาดว่าน่าผลิตเมื่อประมาณ พ.ศ. 2500

ฟิล์มภาพยนตร์ "โป๊ยเซียน" ชุดที่สอง เป็นผลงานที่สร้างโดยคนไทย โดยใช้เวทีงิ้วที่บริเวณวงเวียนใหญ่ เป็นสถานที่ถ่ายทำฟิล์มภาพยนตร์ชุดนี้ ซึ่งวัตถุประสงค์ในการจัดทำก็คือ เพื่อใช้ทดแทนฟิล์ม "โป๊ยเซียน" ชุดแรก ที่เป็นฟิล์มขาว-ดำ เนื่องจากต้องสั่งเข้ามาจากประเทศฮ่องกง ทำให้ฟิล์มชุดนี้มีราคาสูง อีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นการถ่ายทำด้วยฟิล์มสีซึ่งจะดูสวยงามกว่า ทั้งนี้เนื้อหาในภาพยนตร์ "โป๊ยเซียน" จะต้องคงรูปแบบเดิม ทำให้ฟิล์มภาพยนตร์ชุดนี้ได้นำมาใช้ในช่วงทศวรรษปี พ.ศ. 2520 เรื่อยมา สำหรับการฉายภาพยนตร์ชุดนี้ ตามหนังกลางแปลงในปัจจุบันมีให้เห็นน้อยมาก

สำหรับฟิล์มภาพยนตร์โป๊ยเซียนชุดนี้ มีจุดเด่นตรงที่การโชว์เทคนิคหายตัวของบรรดาเซียนทั้งแปด แม้ว่าเทคนิคในขณะนั้นจะยังไม่ทันสมัยเหมือนในปัจจุบัน แต่ก็เป็นที่ชื่นชอบของคณะกรรมการการจัดงาน


+


(ID:36889)

ส่วนฟิล์มภาพยนตร์ "โป๊ยเซียน" ชุดล่าสุดที่ใช้ฉายอยู่จนทุกวันนี้ เป็นฉบับที่สร้างโดย บุญเลิศ ส. โปรดักชั่น เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2530 โดยใช้นักแสดงงิ้วร่วมกับการถ่ายทำในสตูดิโอ ทำให้ดูสมจริงมากขึ้น ส่วนเนื้อหานั้นแตกต่างจากฟิล์มภาพยนตร์ "โป๊ยเซียน" ชุดที่แล้วอยู่บ้าง ซึ่งได้แบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 องก์ กล่าวคือ

องก์ที่หนึ่ง เป็นการรำอวยพรเพื่อเคารพเทพยดาฟ้าดินของเซียนทั้งแปด

องก์ที่สอง มีชื่อว่า "เต็ก ยิ้ง เกี๊ยก" เป็นการรำอวยพร

องก์ที่สาม มีชื่อว่า "เซียงกี ซั้งจื้อ" เป็นตอนที่นางฟ้าได้ประทานเทวบุตรลงมาให้

ในเรื่อง กล่าวถึงตึ้งย้งซึ่งได้พบกับนางฟ้า นางฟ้าได้ปฏิภัตรตั้งครรภ์ เทวดามีโองการให้นางฟ้ากลับวิมาน เมื่อนางฟ้าได้คลอดเทวบุตรแล้ว เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงมีเทวบัญชา สั่งมอบกุมารให้ตึ้งย้ง ณ คงคาสวรรค์ เทียนเอ๋อ

องก์ที่สี่ มีชื่อว่า "หลี ซี้ มิ้ง" เป็นการรำอวยพรเพื่อประสาทพรคล้ายวันเกิดของมารดาและเป็นการอัญเชิญ "โป๊ยเซียน"

สำหรับฟิล์มชุดนี้ ทางผู้สร้างได้พิมพ์คำบรรยายของเนื้อร้องเป็นภาษาไทยไว้ด้วย ปัจจุบันฟิล์มภาพยนตร์ชุดนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของ ร้าน "เป็ดทอง" ข้างศาลาเฉลิมกรุง และให้ กันตนาฟิล์มแล็บ ดำเนินการจัดพิมพ์อยู่เรื่อย ๆ

ข้อมูลอ้างอิง

- เว็บไซต์ วิกิพีเดีย "โป๊ยเซียน (เทพเจ้าจีน)"
- ภาพถ่ายการฉายภาพยนตร์โป๊ยเซียน ดัดแปลงจากภาพถ่ายของสมาชิกในเว็บนี้ ยกเว้นเวอร์ชั่น (ชุด) ที่สอง ซึ่งมีสมาชิกในเว็บนี้ฝากไฟล์แนบมากับอีเมล์ โดยไม่ได้บอกรายละเอียดว่ามาจากที่ใด


+ +
++


(ID:36897)

- ขอบคุณมากครับ คุณอนุกูล ที่นำข้อมูลให้ได้ทราบ นำมาเผยแพร่ให้ได้รับรู้ไว้ เพราะเคยดูเวลาฉายหนังกลางแปลงสมัยเด็กๆ  งานแก้บนจะเห็นฉาย แต่ในปัจุบันผมยังไม่เคยเห็น ตำนานโป๊ยเซียน ฉายเลยครับ




(ID:37105)

พูดถึงเวอร์ชั่นที่สอง จำได้ว่า ผู้ที่ถือลิขสิทธิ์ในฟิล์มชุดนี้เป็นของศาลเจ้าแถว ๆ นั้น และข้อมูลอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต้องมี ORDER ไม่น้อยกว่า 10 ก็อบปี้ เค้าถึงจะทำให้ครับ (เผลอ ๆ ราคาต่อก็อบปี้อาจจะสูงกว่าชุดสามที่ "เป็ดทอง" ผลิตออกมาล่าสุดก็เป็นได้)

ที่ออฟฟิศของ ธนา ฯ นครสวรรค์ มี "โป๊ยเซียน" ชุดสอง อยู่ 2 ก็อบปี้ แต่สภาพฟิล์มลายทั้งคู่ ดูเหมือนว่าจะเก็บไว้นานแล้วด้วย ฝุ่นเลยจับเต็มหมด โดยมากตามหน่วยกลางแปลงในนครสวรรค์จะมีแต่ชุดสามทั้งนั้น ยกเว้น จุ๊ยเจริญ ฯ ที่เคยมีครอบครองถึง 3 ชุด (รวมทั้งเวอร์ชั่น ขาว - ดำด้วย แต่ทิ้งไปหมดแล้ว)

ส่วนชุดสองที่ผมมี ซื้อมาจาก "แจกันหยก" ราคาหลักร้อยปลาย ๆ แต่สภาพฟิล์มก็ไม่ค่อยสมบูรณ์ หัวขาด ท้ายกุด ทั้งสะดุด ทั้งสแครทช์ แถมสีเฟดออกม่วงแดง แต่ก็เก็บรักษาไว้ตามสภาพครับ




(ID:37110)

ต้องขออภัยด้วย ที่ข้อมูลพิมพ์ลงไปนั้น อ่านแล้วอาจทำให้สมาชิกอื่น ๆ ที่เข้ามาอ่านแล้วยังไม่เคลียร์ ผมเลยเพิ่มเติมดังนี้ครับ

ฟิล์มโป๊ยเซียน เวอร์ชั่นสองนี้ ถ่ายทำที่บริเวณศาลเจ้าพ่อเสือ เนื่องจากมีสมาชิกให้ข้อมูลมาเมื่อปีที่แล้ว ผมก็เลยไปค้นหาภาพ โดยเช็คดูหลาย ๆ ภาพ หลาย ๆ มุม ปรากฏว่าเป็นสถานที่นั้นจริง ๆ ครับ ส่วนเวทีงิ้วอาจจะตั้งอยู่ในนั้นหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ข้อมูลที่ได้รับมาตอนไปซื้อฟิล์มตัวนี้ บอกว่าเวทีงิ้วดังกล่าวอยู่ที่วงเวียนใหญ่

เป็นไปได้ว่า ตอนถ่ายทำ คงจะถ่ายทำทีละซีน เพราะซีนแรกจะเป็นบริเวณศาล ส่วนซีนที่สองก็เป็นบริเวณเวทีจนจบเรื่อง

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ข้อมูลเกี่ยวกับราคาตามที่แจ้งนั้น อันนี้เป็นข้อมูลที่มาจากสมาชิกเช่นกันครับ คำว่า "ORDER ไม่น้อยกว่า 10 ก็อบปี้" สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการสั่งซื้อจากเจ้าของหน่วยหนังกลางแปลงหลาย ๆ หน่วย รวมกันแล้ว เป็นจำนวนตั้งแต่ 10 ก็อบปี้ขึ้นไป จึงจะจัดพิมพ์ ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าราคาเฉลี่ยต่อก็อบปี้จึงอาจจะสูงกว่าเวอร์ชั่นที่เป็ดทองผลิต ที่สำคัญ "โป๊ยเซียน" ที่ทางร้านเป็ดทองผลิตออกมานั้น สั่งปรินต์คราวหนึ่งก็หลายก็อบปี้อยู่ ดังนั้น ทางร้านจึงสามารถวางขายได้อยู่เรื่อย ๆ ที่สำคัญไม่ต้องรอคอยนาน ซื้อปุ๊บได้ปั๊บเลยครับ




(ID:101909)

ขอขุดกระทู้ และปักหมุดสักหน่อยแล้วกัน เพราะถือว่าเป็นกระทู้ความรู้ล้วนๆ ครับ

* เจ้าของกรรมสิทธิ์ฟิล์มโป๊ยเซียน เวอร์ชั่นสอง อยู่ใต้ถุนแฟลตบำเพ็ญบุญ ถัดจากร้านแจกันหยกไปเพียง 2 - 3 ห้อง จำชื่อร้านไม่ออก (กลัวผิด) ส่วนราคา.. 6 พันปลายๆ เป็นปรินต์ใหม่ เส้นซาวด์สีฟ้าแล้วครับ

ข้อมูลนี้ได้มาจาก สมาชิกแถวนี้แหละ อีกอย่างหนึ่ง เค้าแจ้งไว้นานตั้งปีกว่าแล้ว แต่คิดว่าสถานะของฟิล์ม รวมทั้งราคา ณ ปัจจุบัน อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้างนะครับ




(ID:116418)

ขอถามหน่อยครับ หนังโป๊ยเซียน ที่ฉายกลางแปลง มีทั้งหมดกี่ม้วนครับ


ผมไปเจอมาเขาบอกว่าเป็นหนังเรื่องโป๊ยเซียน ความยาวทั้งหมด 2 ม้วน ม้วนที่สองมีประมาณครึ่งรีล
เขาจะขายราคา 1,500 บาท พร้อมรีล และกระเป๋า
แต่ผมไม่ได้ซื้อมาน่ะครับ

ถ้าใช่หนังโป๊ยเซียนจริง ราคานี้ยังไม่ได้ต่อลอง ใครอยากได้รีบไปเลยครับ คลองถมถนนหลัง รพ.กลาง
เจอเมื่อเวลา 16.30 น.ของวันนี้(7มค55)ล่ะครับ และยังมีหนังวางอยู่อีก 2-3 กระเป๋าไม่รู้ว่าเรื่องอะไรบ้าง 
(ผมไม่ได้มาโฆษณาน่ะครับ ไปพบมาจึงมาบอกกล่าว ใครอยากไ้ด้ก็ไปเอาเอง)




(ID:116430)

หนังโป๊ยเซียนทั้ง 2 เวอร์ชั่น ความยาว 10 กว่านาทีเท่านั้นครับ แต่เวอร์ชั่นที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ "ศิริวาจาฟิล์ม" (ถ่ายที่ศาลเจ้าพ่อเสือ ร่วมกับเวทีงิ้ว) จะยาวกว่าหน่อย ของ "เป็ดทอง" ไม่ถึง 15 นาทีครับ

ดังนั้นหนึ่งรีลที่ใช้ทั่วไป ใส่ฟิล์มได้ 2000 ฟุต ก็ประมาณ 20 นาทีครับ




(ID:116442)
ขอบคุณครับ



(ID:125868)

หนังโป๊ยเซียนความยาวประมาณ 15 นาทีของ \"เป็ดทอง\" ราคา 4500 บาทกระเป๋า 800 บาท ผมไปเอามาแล้วใครสนใจไปร้านเป็ดทองเลย

 




(ID:129127)
ผมเคยเอาฟิล์มมาเทเลซีนไว้ดูเล่นๆ ถ้าว่างๆจะนำเอามาลงเป็นตัวอย่างให้ดูกันครับ



(ID:129162)

ชัดครับพี่แอ๊ด  เสียงแจ่มออกหมด




(ID:129256)
http://www.youtube.com/watch?v=vLOGuvpa_yM




(ID:132267)
เวอร์ชั่นที่อาแอ๊ดลงผมเคยดูในกลางแปลงเมื่อก่อนซัก 15ปี เป็นอย่างต่ำ แล้วหลังจากนั้นไม่นานจะเป็นเวอร์ชั่นปัจจุบันได้ประมาณ ไม่กี่ปีหน่วยนั้นก็เอาเวอร์ชั่น 2 มาฉายอีกครั้ง สภาพยังกิ๊งๆ แต่ครั้งสุดท้ายไม่ต่ำกว่า 10 ปีหละครับ ฉากที่เปิดมาที่เห็นเป็นหลังคาแล้วมีมังกร ตอนเด็กๆผมแอบนึกว่าเป็นหลังคาของศาลเจ้าที่ไปดูเอง



(ID:133144)

ผมขออนุญาต โหลดมาโบลวเป็นไวด์สกรีนนะครับ  เพื่อเป็นศิริมงคลชีวิต ^^




(ID:133217)

Sequence 01 1 from filmcando on Vimeo.




เลือกหน้า
[1] [2]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 19

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 112893030 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Lindahoisy , DJWrepe , zubdokaback , Jabeabe , FuriousPelt , toplinkmd , พีเพิลนิวส์ , Pojja , HelenViefs , Davidfable ,