เป็นอีกก๊อปนึงที่มีอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นเวอร์ชั่นไหน ปีอะไร พยายามหาข้อมูลแต่หาไม่เจอ   เรียนถามทุกท่านครับ...

ขอถามท่านป๊อบอายก่อนว่าฟิล์มชุดนี้ยังเก็บไว้อยู่กับตัวเองหรือเปล่า

ถ้าอยู่กับตนเอง จะบอกว่า นี่คือฟิล์มเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ผลิตโดย "เป็ดทอง" ในเวอร์ชั่น FLAT ซึ่งผมเห็นฟิล์มชุดนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2552 เป็นวันที่ซื้อผมซื้อที่กรอหนังแบบที่มีที่ล็อกยึดติดกับโต๊ะ ซึ่งเป็นตัวสุดท้ายของทางร้านที่มีขายในราคา 750 บาท ตอนนั้นก็คิดว่าฟิล์มชุดนี้คงไม่มีผู้ใดสนใจหรอกมั้ง ประกอบกับ "ที่กรอหนัง" มันจำเป็นมากกว่า ก็เลยชะล่าใจ

จนกระทั่งหลังงานมิตร ชัยบัญชาที่หอภาพยนตร์ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553 ในตอนเช้าก่อนจะกลับนครสวรรค์ ก็ได้แวะไปที่ร้านเป็ดทอง เพื่อจะซื้อฟิล์มชุดนี้นี่แหละ ปรากฏว่า "หมดไปแล้ว"

(ครั้งสุดท้ายที่เห็นในตอนนั้น เหลือเพียง 3 ม้วน ซึ่งห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ ขายในราคาม้วนละ 800 บาท ทั้ง 3 ม้วนที่ผมขอแกะดูในตอนนั้น พิมพ์ลงฟิล์มอั๊กฟ่าทั้งหมดครับ สีออกแดงแล้วล่ะ)

พอทราบว่าหมด แต่ก็เสี่ยงที่จะถามต่อไปว่า มีแนวโน้มที่จะปรินต์ออกมาใหม่หรือไม่ (เพราะรู้อยู่แล้วว่า ตัวต้นฉบับ "เนกาตีฟ" ต้องอยู่กับทางร้าน) ระหว่างนั้น ทางร้านก็เอาตัวเนกาตีฟให้ดู พร้อมกับคำตอบที่ได้ก็คือ ทางร้านยังเก็บตัวต้นฉบับไว้ทุกชุด ซึ่งมีถึง 3 แบบ รวมทั้งชุด "หยาดฝน" ด้วย แต่ไม่สั่งปรินต์แล้ว เหตุผลก็คือ

ต้นฉบับที่มีอยู่นั้น มีเพียงชุดเดียว เพราะเมื่อหลายปีก่อนสั่งทำไว้เป็นล็อตใหญ่ คราวละ 1,000 ชุด เครื่องไม้เครื่องมือยังไม่ทันสมัยเหมือนเดี๋ยวนี้ ฟิล์มต้นฉบับจึงไม่ค่อยเสียหายในระหว่างการพิมพ์มากนัก ประกอบกับไม่ได้มีแค่ "เป็ดทอง" รายเดียว ยังมีผู้ผลิตรายอื่นๆ ด้วย ดังนั้นจึงยังขายได้เป็นระยะๆ 

ถ้าจะนำไปพิมพ์ออกมาใหม่ ต้องนำฟิล์มชุดนี้ไปที่แล็บเพื่อเทเลซีน และต้องตกแต่งภาพและสีใหม่ด้วยคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะทำเป็นฟิล์มเนกาตีฟชุดใหม่ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งขั้นตอนที่ว่านี้ ทางร้านไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายครับ เลยใช้กระบวนที่ว่านี้ ไปทำเฉพาะฟิล์ม "โป๊ยเซียน" ที่เป็นของ บุญเลิศ ส. โปรดักชั่น เท่านั้น (ฟิล์ม "โป๊ยเซียน" ที่เส้นซาวด์เป็นสีฟ้านั้น เป็นการนำฟิล์มเดิมไปเทเลซีน พร้อมกับตกแต่งภาพและสี ก่อนที่จะปรินต์ลงเนกาตีฟชุดใหม่นะครับ เพราะต้นฉบับชุดเดิมก็ใกล้จะเสียหายแล้วด้วย)

ส่วนชุด "หยาดฝน" นั้น แม้จะเป็นของ "เป็ดทอง" ก็จริง แต่ว่า ผู้ที่ไปสั่งทำนั้นได้ใช้ชื่อ Golden Duck International ซึ่งเป็นทายาทของเจ้าของร้าน ที่นำเข้าเครื่องฉายสำหรับโรงซีนีเพล็กซ์นั่นแหละครับ ไปทำที่ "สยามพัฒนาฟิล์ม" ซึ่งมีทั้งแบบ 35 ม.ม. และ ดิจิตอล ด้วย (เคยดูในแบบดิจิตอลแล้วครับ ภาพคมชัดมาก)

กระทั่งเมื่องาน MOVIE ON THE BEACH ในคืนที่ฉายเรื่อง "ศึกบางระจัน" ก็เจอฟิล์มเพลงสรรเสริญฯ ชุดนี้อีกครั้ง สภาพสีออกแดงครับ

ฟิล์มชุดนี้ ถือว่าของหายากไปแล้ว ที่สำคัญสภาพสียังสวยสด ต่างจาก 3 ม้วนสุดท้ายที่อยู่ในร้าน แม้จะปรากฏรอยขูดขีดตอนสาวฟิล์มออกจากรีล แต่มันหาชมที่ไหนไม่ได้แล้วครับ

เมื่อไม่นานมานี้ก็ไปพบฟิล์มเพลงสรรเสริญฯ ในอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของสมาชิก ตามภาพ ซึ่งทาบทามไว้แล้วครับ ตอนนี้อยู่ระหว่างหาปัจจัยเป็นค่าใช้จ่าย (ถึงได้ทำหนังสือ Handmade สอบบรรจุครูไงครับ) เพราะมีกำหนดการที่จะนำไปทำ จำนวน 2 รีล เพราะเป็นห่วงฟิล์มตัวอย่างเรื่อง "กะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อน" ที่เริ่มส่งกลิ่น + บิดไปบ้างแล้ว ในช่วง 2 - 3 นาทีแรก แต่อากาศเย็นๆ ในตอนนี้ก็ยังช่วยชะลอความเสียหายไปได้บ้าง

ผมเองก็ใช้วิธีแบบนี้ครับ เพราะฟิล์มเพลงสรรเสริญฯ ที่มีอยู่ ช่วงท้ายจะมีร่องรอยเยอะ เลยต้องต่อด้วยฟิล์มตัวอย่างปิดท้าย

* ฟิล์มที่มีภาพตัดซีนไม่ค่อยมีปัญหาเท่าใด ตัวอย่างเก่า ตัวอย่างใหม่ใส่ต่อท้ายได้ไม่มีปัญหา

* ฟิล์มตัวอย่างที่ภาพเป็นแบบสโคปนั้น จะเป็นตัวอย่างเก่าๆ ทั้งนั้นเลย หรือไม่ก็ "หนังโฆษณา" บางเรื่องก็สีเฟดเพราะจะต้องต่อไว้หลังตัวอย่างเรื่องสุดท้ายที่เป็นฟิล์มภาพตัดซีน ก่อนฟิล์มเพลงสรรเสริญฯ (ที่เป็นแบบสโคป) เพื่อให้คนฉายชักเลนส์สโคป + ปรับโฟกัส จบเพลงสรรเสริญฯ ก็ยังต้องต่อฟิล์มตัวอย่างแบบสโคปต่อท้ายอีกที

ตอนงานลอยกระทงที่ผ่านมา ในคืนที่ฉาย MY BEST BODYGUARD และ PIRATE 4 ซึ่งเป็นหนังสโคปทั้งคู่ ระหว่างที่เอาตัวอย่างหนังจีน "18 จิ๋วยอดมนุษย์ทองคำ" (ต่อคั่นฟิล์มเพลงสรรเสริญฯ) กับ หนังอินเดีย "อภินิหารขุมทรัพย์มหัศจรรย์" ไปฉายต่อท้าย ก็ยังมีคนถามหาหนังทั้ง 2 เรื่องเลยครับ

ก่อนหน้านี้มีฟิล์มตัวอย่างหนังจีนเรื่องหนึ่ง ภาพแบบตัดซีน ได้มาจาก "พรสมัยฟิล์ม" ซึ่งตอนท้ายไม่มีชื่อเรื่องอะไรเลย เพิ่งจะมารู้ชื่อเรื่องเมื่อไม่นานนี้เอง เดี๋ยวเอาไว้ฉายต่อจากฟิล์มเพลงสรรเสริญฯ ที่เป็นแบบตัดซีนครับ

(หนังเรื่องนี้ออกฉายในปี พ.ศ. 2534 ที่ประเทศจีน ส่วนบ้านเราเข้าฉายเมื่อ พ.ศ. 2547 โดย "แปซิฟิค ไอส์แลนด์ ฟิล์ม" ระบบเสียง "โมโน" 2 แทรค แต่ที่ใบปิดฉบับภาษาไทย ระบุเป็น "ดอลบี้ เซอร์ราวด์")