Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ
ห่างหายจากจอภาพยนตร์ไปพักใหญ่ ตามกาลเวลา แน็ก ชาลี ปอทเจส (ชาลี ไตรรัตน์) ก็ได้ฤกษ์กลับมาแสดงนำเต็มตัวอีกครั้งในภาพยนตร์ผีระทึกขวัญเรื่อง “อาบัติ” ของค่ายสหมงคลฟิล์มฯ โดยงานนี้เขาทุ่มสุดตัวยอมโกนหัวจริงเพื่อรับบท “เณรซัน” ตัวละครสำคัญที่จำต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ลึกลับชวนขนหัวลุกภายในวัดอย่างไม่คาดฝัน..
“แน็ก ชาลี” บทบาทล่าสุดนี้ว่า “ผมรับบทเป็น ‘เณรซัน’ ครับ เด็กวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตคึกคะนองจนโดนพ่อบังคับให้มาบวชเพื่อดัดนิสัย สุดท้ายก็ต้องมาเจอกับความลึกลับที่ถูกซ่อนไว้ในวัดแห่งนี้ บทนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นเลยครับ อย่างแรกคือไม่เคยเล่นเป็นเณรมาก่อน แปลกจริงๆ เพราะชีวิตผมไม่มีโอกาสได้ใส่ชุดพระอะไรแบบนี้ เพราะผมนับถือศาสนาคริสต์ แต่ก็ไม่กังวลอะไรเลย เพราะผมรู้สึกว่าเล่นหนังแนวนี้จะง่ายกว่าเล่นหนังวัยรุ่น ก็รู้สึกดีครับ...
ครั้งแรกที่โดนโกนหัวรู้สึกเจ็บมาก มันจะเป็นใบมีดโกนแบบเก่าที่เป็นใบมีดเดียวยื่นออกมา ถูถากไป แล้วไม่ได้โกนตอนผมมันสั้น โกนทั้งที่ผมยังยาว ปาดแหลก เลือดออกเต็มหัวเลยวันนั้น ปาดเสียงดังแครกๆ จับหัวบีบๆ โหยเลือดไหล (หัวเราะ) เป็นพระจริงๆ ที่วัดนี้โกนให้ แต่ก็ไม่เครียดอะไร ส่วนเรื่องห่มจีวรก็รู้สึกแปลกดี อย่างที่บอกไม่มีโอกาสได้ใส่อยู่แล้ว พอลองใส่ก็เพิ่งรู้จริงๆ ว่าห่มยากนะ คนไม่เคยห่มจะห่มไม่ได้ แม่ผมมากองวันแรกก็ขอถ่ายรูปด้วยเลย (หัวเราะ)..
เรื่องนี้จะทำให้รู้ว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร ทำไปแล้วจะเจอผลตอบรับอะไร เณรซันที่มาบวชก็ไม่ได้เป็นวัยรุ่นที่ดีพร้อมที่จะมาบวชเต็มร้อย ยังใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปที่ยังผิดเยอะแยะ ทำให้มาเจอเรื่องราวต่างๆ มากมายที่ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดไปในทางที่ดีขึ้นได้”
“อาบัติ” ภาพยนตร์ผีระทึกขวัญโดยผู้กำกับหญิงหน้าใหม่ “ฝน-ขนิษฐา ขวัญอยู่” (หนังสั้นเรื่อง “เวลา…รัก” ของเธอเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่อง “ความจำสั้น แต่รักฉันยาว”) กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นตามสยอง 15 ตุลานี้ในโรงภาพยนตร์...
ขอบคุณข้อมูลจากเวบเพจ.สหมงคลฟิล์มและเวบ MTHAI ครับ.
[1]
(ID:192532)
ตัวอย่างภาพยนตร์อย่างเป็นทางการของหนังเรื่องนี้ครับ.
https://www.youtube.com/watch?t=1&v=FY1FPFov3hg
(ID:193303)
ข้อมูลข่าวจากเวบผู้จัดการออนไลน์ครับ..

“ปรัชญา” ผลักดันเฮือกสุดท้าย
หวังให้หนัง “อาบัติ” มีโอกาสเข้าโรงฉาย
รับต้องตัดใจหั่นฉากล่อแหลมทิ้งเอาใจคณะกรรมการ ยอมรับสภาพหนังเสียอรรถรส
ดีใจประชาชนลุกฮือร่วมคันค้าน
ชี้หนังจะถูกแบนหรือไม่ควรให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน
เรียกร้องรัฐบาลเปลี่ยนแปลงกฎหมาย
กลายเป็นประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ชั่วข้ามคืน เมื่อคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์สั่งแบนภาพยนตร์เรื่อง “อาบัติ”
ของค่ายสหมงคลฟิล์ม อ้างเหตุผลมีเนื้อหาไม่เหมาะสม
ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยเฉพาะในสังคมโซเชียลที่หนุนให้ภาพยนตร์เรื่อง
ดังกล่าวเข้าฉายโดยไม่มีการตัดต่อ ล่าสุด “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” โปรดิวเซอร์หนังเรื่องนี้ ขอเปิดใจทุกปมที่ประเด็นร้อนก่อนเข้ารายการ “ข่าวช่อง 2” ณ สตูดิโอ ช่อง 2 ลาดพร้าว 15
“เราก็พยายามทำยังไงให้ภาพยนตร์ได้ฉายให้ได้ ซึ่งจริงๆ
ก็มีขั้นตอนของมัน มีการอุทธรณ์ครับแต่ว่ามันใช้เวลา 15 วันหลังจากถูกแบน
แล้วกรรมการก็ต้องใช้เวลา 30 วันในการพิจารณาซึ่งเรามองว่ามันช้าไป เพราะ
ว่าเราเสียโอกาสในการที่จะฉายไปแล้ววันที่ล็อกเอาไว้
ก็เลยพยายามที่จะยอมตัดต่อบ้างทั้งที่ไม่อยากจะตัด
แล้วก็พยายามให้ท่านคณะกรรมการลองตรวจอีกสักครั้งหนึ่ง”
“ฉากที่ว่าแรง ๆ เราต้องตัดเพราะทางคณะกรรมการเขาติดฉากแรง ๆ แต่จริง ๆ แล้วพอตัดไปแล้วมันเสียอรรถรสครับ เพราะว่ามันส่งผลกันแล้วก็เราจะระมัดระวังพยายามตัดไม่ให้เสียอรรถรส”
“ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเยอะนะครับ ถ้าว่าด้วยภาพก็เยอะ แต่ว่าเราไม่ได้ตัดตามเป๊ะ ๆ ที่ทางคณะกรรมการว่ามา แต่ที่คณะกรรมการว่ามานั้นเขาก็ได้บอกว่า 4 ข้อนั้นเป็น 4 ข้อที่จะให้เราตัด
เพราะคณะกรรการเกิดความรู้สึกไม่ดี แต่ว่าตัดสินใจว่าแบน
ไม่ได้ตัดสินใจให้เราตัด 4 ข้อนี้
เพราะฉะนั้นเราเลยเลือกตัดตามดุลยพินิจของเราให้รักษาการเล่าเรื่องให้
สมบูรณ์ให้มากมากที่สุดครับ”
“ตอนนี้พยายามติดต่อยื่นเข้าไปใหม่ แจ้งความจำนงว่าเราอยาก
จะเสนอใหม่ 4 ข้อที่ขอมาว่าต้องตัดก็ไม่เป็นตามนั้นทั้งหมด
อย่างฉากดื่มเหล้า เณรดื่มเหล้าเราก็ตัด ตัดตอนดื่มออกไป
แต่ยังเล่าเรื่องว่าดื่มอยู่
ส่วนที่ว่าเณรพูดจาแรงไม่เหมาะสมอันนั้นตัดออกไม่ได้
แล้วก็ที่ว่าเณรไปจับเศียรพระในลักษณะเหมือนไม่ให้ความเคารพวัตถุนะครับ
พูดถูกไหมวัตถุ(หัวเราะ) ก็อันนั้นเอาออกไปหน่อย
ซึ่งพอตัดความรู้สึกบางอย่างมันหายไป แต่จริง ๆ แล้วในภาพอื่นยังได้อยู่”
ดีใจคนในสังคมลุกฮือมาเคลื่อนไหวคานอำนาจรัฐบาล อยากใช้โอกาสนี้เจรจาให้เปลี่ยนแปลงกฎหมายใหม่
“อันนี้ยังตอบไม่ได้
ต้องถามกรรมการเพราะว่าเรายื่นให้ท่านพิจารณาใหม่
ส่วนกระแสสังคมตอนนี้ก็ได้ติดตามครับ อันนี้ก็ทำให้เราได้กำลังใจ แล้ว
ก็อีกส่วนหนึ่งตอนนี้ผมมองข้ามการทำหนังเพื่อธุรกิจ
มองข้ามตรงนี้ไปแล้วแล้วนะครับ
ผมมองว่าอันนี้เป็นการเคลื่อนไหวที่ดีมากของสังคมเรา เพราะว่าสังคมเราจริง ๆ
แล้วผมว่าสังคมยังไม่รู้นะครับว่าคนทำหนังเราติดปัญหากับกฎหมายข้อหนึ่งซึ่ง
สื่ออื่น ๆ ไม่ติด สื่ออย่างพวกคุณ(นักข่าว) ก็ไม่ติดคุณจะนำเสนออะไรคุณไม่ต้องให้รัฐบาลมาควบคุม”
“เพราะจริง ๆ
กฎหมายรัฐธรรมนูญมีข้อหนึ่งที่ว่าด้วยรัฐบาลต้องไม่แทรกแซงสื่อเพราะฉะนั้น
พวกเราทุกคนเป็นสื่อ ภาพยนตร์ก็เป็นสื่อแต่ว่าไม่รู้เกิดอะไรขึ้น
ก่อนหน้านั้นนะครับ ในหลายปีก่อนภาพยนตร์ไม่ถูกจัดให้เป็นสื่อ
แล้วเราก็ต่อสู้กันมาว่าเราควรจะมีกฎหมาย
เราควรจะดูแลเราด้วยตัวเราเองเหมือนกับทุกคน
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต่อสู้มาหลายปี เปลี่ยนรัฐบาลมาหลายชุดแล้ว
ซึ่งเราต่อสู้กันมาโดยที่สังคมอาจจะไม่รู้ คราวนี้มาถึงจุด ๆ นี้ผมว่านี่แหละคือสิ่งที่เราจะบอกว่าสังคมไม่ได้ต้องการให้รัฐบาลมาตัดสิน”
“เพราะฉะนั้นผมเลยดีใจมากที่การเคลื่อนไหวของสังคมเป็นแบบ
นี้ ในมุมของคนทำหนังในมุมของสมาคมผู้กำกับ
ในมุมของสมาพันธ์ภาพยนตร์ก็จะใช้โอกาสนี้เจรจากับทางรัฐบาลว่าเปลี่ยนกฎหมาย
เถอะ เป็นกฎหมายที่แบบว่าเราทำหนังเข้าไปเนี่ย
เราก็มีความรับผิดชอบสังคม แต่ถ้าสังคมจะแบนยินดี ไม่ใช้ให้ 7 คนมาแบน
เพราะว่า 7 คนมาแบนไม่มีใครยอม
แต่ทุกวันนี้ที่เรายอมเพราะว่าเราอยู่ใต้กฎหมายนี้อยู่”
“อยากให้มาลงชื่อกันเยอะ ๆ
อันนี้เท่ากับว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งมามาจากฝีมือของประชาชน
เพราะว่าประชาชนเลือกได้ อันนี้ผมว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องมาก ก็
ดีใจที่สังคมบอกรัฐบาลว่าเราแยกแยะได้
เพราะว่าในบริบทของภาพยนตร์เราก็รู้กันอยู่ใช่ไหมครับแค่นี้มันไม่ได้อะไร
หรอก เพราะจริง ๆ แล้วก่อนที่เราจะตัดต่อตัวอย่างตอนนั้นออกไป
เราก็คุยกันหลายรอบว่าบางภาพอาจจะสร้างความเข้าใจผิด ซึ่งจริง ๆ
แล้วเราก็ลดทอนไป
แต่จำเป็นต้องเล่าอย่างนี้เพราะเรื่องมันมาทางนี้แล้วก็ในขั้นตอนหนัง
ตัวอย่างมันก็ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการมาแล้วเหมือนกัน
แล้วก็ได้ผ่านมาแล้วจึงได้ฉายออกไป”
บอกเป็นหนึ่งในผู้ร่วมผลักดันให้เกิด พรบ.จัดเรต แต่สำหรับเรตแบนหนังยังกว้างเกินไป
“ทราบครับ แต่ทราบว่ามันกว้างมาก เพราะจริง ๆ แล้วในเรตติ้งต่าง ๆ นั้นมีรายละเอียดครบถ้วน
อันนี้ผมรู้ดีในแง่คนทำหนังแล้วก็อาจจะเป็นเพราะว่าผมไปเป็นตัวแทนของสมาคม
ผู้กำกับในการไปร่วมทำให้เกิด พรบ.ฉบับเรตติ้ง แล้วก็ไปร่วมร่างคู่มือ
เพื่อไปตอบสนองกับกฎกระทรวงว่าด้วยเรตต่าง ๆ มันมีรายละเอียดอย่างไร
เรื่องคำหยาบคาย เรื่องทางเพศ ความรุนแรง
เรื่องทางศาสนาแล้วความมั่นคงของชาติ นี่และครับเราจะรู้ว่าในเรตต่าง ๆ
มีเรื่องพวกนี้ได้อยู่ในระดับไหน ซึ่งจะละเอียดมากเราแก้กันหลายรอบด้วยกัน
อันนี้คือเรตติ้ง”
“แต่เรตแบนเนี่ยกว้างมาก เพราะว่าเรตแบนนี่เขาได้กำหนดไว้ในมาตรา 29
ที่ว่าด้วยภาพยนตร์ที่ทำให้เสื่อมเสีย และขัดต่อศีลธรรมอันดี
แล้วก็ทำลายสถาบันของชาติ
รวมถึงสถาบันมหากษัตริย์อันนี้กลายเป็นว่าปล่อยให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะ
กรรมการซึ่งเรามองเห็นตั้งแต่นานแล้วว่าตรงนี้เป็นปัญหาเพราะฉะนั้นเราก็ชี้
มาตรงนี้ตลอดว่าไอ้จำนวนเรตเนี่ยเราโอเคเห็นด้วยและดีด้วย
แล้วก็สังคมต้องชอบอยู่แล้ว แต่ว่าแบนเนี่ยมีปัญหาแน่ ๆ
แต่จะมีเฉพาะภาพยนตร์ที่โดนแบน จะเห็นว่าก่อนหน้านี้เราไม่มีปัญหาใด ๆ เลย
แต่พอถึงโดนแบนจะมีปัญหา”
“จริง ๆ เราไม่เห็นด้วยกับระบบ ผมไม่ได้โทษคณะกรรมการ ไม่โทษกระทรวงวัฒนธรรม ผมโทษระบบ คือต่อให้เปลี่ยนคณะกรรมการชุดนี้เป็นชุดอื่นก็ตามก็เป็นไปได้ที่อาจจะแบน เพราะ
มันอยู่ที่หลักความคิดเห็น แต่ว่าไม่ควรให้กว้างเกินไปอยู่ที่ดุลยพินิจ
มันไม่มีเกณฑ์มาจัด เรื่องนี้ตอนเรายื่นไป เราอยากได้เรต 18”
เผยยังมั่นใจหนังของตนเอง แต่ต้องเคารพกฎกติกาและความเห็นของคณะกรรมการ
“เราไม่ได้ร่วมจัดเรต เราร่วมในการร่างกฎเกณฑ์กติกา
คู่มือในการจัดเรต เราไม่ได้เป็นคณะกรรมการ
เพราะการจัดเรตเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ 7 ท่าน อย่างที่ว่าเรา
พยายามทำทุกอย่างให้ได้ฉาย แต่ใจจริงเราอยากได้ฉายฉบับไม่ตัด เรายังมั่นใจ
มั่นใจมาก ๆ แต่ว่าโอเคเราต้องเคารพกฏิกา เคารพความคิดเห็นของกรรมการ
เราก็พยายามเราก็ยอมอ่อนลงมาในการตัด แล้วก็ให้ผ่านให้ได้ แต่เรามีลิมิตนะครับ เราคงไม่ตัดจนถึงกับว่าอะไรก็ได้ เราต้องรักษาความเป็นตัวตนเราอยู่เหมือนกัน”
“ผมไม่ได้คุยกับนักแสดงเลยครับ แต่ว่าคนอื่น ผู้กำกับอาจจะได้คุย
ก็เห็นเขาคุยอะไรกัน
ผมไม่ได้คุยเพราะว่าอธิบายกับสื่อแล้วก็สังคมที่ตั้งคำถามมา”
มั่นใจหนังอาบัติทำให้คนไทยรักศาสนามากขึ้น
“จริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้สอนว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
คำสอนพระพุทธเจ้าง่าย ๆ แค่นั้นเอง เพียงแต่ว่าวิธีการเล่า
มันก็แล้วแต่ผู้กำกับที่เขาอยากเล่าแบบไหน วิธีไหน
แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง จริง ๆ
ผมก็แปลกใจที่ว่ายังมีคณะกรรมการดูแล้วรู้สึกแบบนั้น เพราะจริง ๆ
ถ้าเกิดว่าภาพยนตร์ที่เราดูแล้วรู้สึกว่ามีแนวโน้มที่จะรู้สึกแบบนั้น
เราจะไม่แปลกใจ แต่อันนี้ไม่ใช่เพราะมันเคลียร์มาก ๆ
แล้วก็ไม่มีอะไรที่ซับซ้อนเกินความไม่เข้าใจ ดูจบแล้วรักศาสนามากขึ้น
ผมว่าคนไทยโดยเฉพาะชาวพุทธจะรักหนังเรื่องนี้ ผมเชื่อมั่นอย่างนั้นครับ”
เผยยังไม่รู้ว่าจะได้รับบทสรุปเมื่อไหร่ ส่วนความเสียหายกับสหมงคลฯ มีแน่นอน บอกแม้จะบั่นทอนแต่ดีใจที่ประชาชนออกมาเคลื่อนไหว
“จากการยื่นไปครั้งนี้ใช่ไหมครับ ก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้รอคำตอบ
ว่าคณะกรรมการเขาจะรับหรือเปล่า จะรับตรวจอีกครั้งหรือเปล่า
หรือรับแล้วจะรับเมื่อไหร่ จะตรวจเมื่อไหร่ อันนั้นยังไม่ทราบครับ สำหรับเราความเสียหายมีแน่นอน (หัวเราะ) มันเสียหายแน่ ๆ ครับ แต่ว่าผมไม่รู้ว่ายังไง เท่าไหร่”
“ก็บั่นทอนคนทำงานนะครับ แต่ผมข้ามความรู้สึกนั้นมานานแล้ว ตอนนี้ผมดีใจที่ประชาชนสังคมเคลื่อนไหวในรูปแบบแบบนี้ แล้วก็สื่อมวลชนให้ความสนใจในการนำเสนอเรื่องนี้ แล้วทุกคนก็คงหวังให้ทุกอย่างมันออกมาดี แล้วก็พัฒนาสังคมอันนี้ผมดีใจครับ"
“จริงๆ แล้วในโลกของการสร้างสรรค์มันควรจะเปิดกว้าง คุณจะอะไรก็ได้เพียงแต่ว่าคุณต้องรู้นะว่าสิ่งที่คุณเสนอไปมันให้อะไรกับสังคม ง่าย ๆ ทุกคนก็รู้อยู่แล้วควรจะให้ดีกับสังคม ไม่ใช่ไปให้ร้าย”
..
(ID:193323)
นายประดิษฐ์ โปซิว ผู้อำนวยการสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม(สวธ.) กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ มีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 2 ห้ามฉายภาพยนตร์ เรื่องอาบัติ ของบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดนั้น ขณะนี้ทางผู้สร้างได้นำเรื่องดังกล่าวกลับไปแก้ไขและนำมาส่งให้สำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ตรวจพิจารณาใหม่อีกครั้ง พร้อมกันนี้ ผู้สร้างได้เปลี่ยนชื่อภาพยนตร์จาก”อาบัติ” เป็น “อาปัติ” ซึ่งเป็นคำที่เขียนตามภาษาบาลีแต่มีความหมายเหมือนเดิม ดังนั้นทางสำนักพิจารณาภาพยนตร์ฯจะประสานไปยังคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เพื่อเชิญประชุมตรวจพิจารณาภาพยนตร์ที่ปรับแก้ไขโดยเร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ได้นัดประชุมคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เพื่อตรวจพิจารณาหนังอาปัติ ฉบับแก้ไขของสหมงคลฟิล์ม ในวันที่ 16 ต.ค.เวลา 13.30 น.ที่สำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์สวธ. ทั้งนี้ คณะกรรมการที่ตรวจพิจารณาครั้งนี้จะเป็นคนละชุดกับการตรวจพิจารณาครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ทางสำนักฯได้เชิญคณะกรรมการทุกชุดเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย..
(ID:193395)
"อาปัติ" ผ่านเซ็นเซอร์แล้ว ได้เรต น18+ พร้อมฉายทันทีคืนนี้ (16 ต.ค.)
"ดีใจค่ะที่ผ่านแล้ว ต้องขอขอบคุณคณะกรรมการมากๆ นะคะที่รับพิจารณาให้โอกาสภาพยนตร์ เรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งใน 'อาปัติ' จะยังมีการ
คงไว้ซึ่งเส้นเรื่องหลักและเจตนาของเรื่องอย่างครบถ้วน สิ่งใดที่อยากเห็น ก็ยังจะได้เห็นอยู่ในหนังเรื่องนี้ค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆ ค่ะ"
ขนิษฐา ขวัญอยู่ (ผกก.)...เรต น18+ (เหมาะสำหรับผู้ชมอายุ 18 ปีขึ้นไป / ต่ำกว่า 18 ปีดูได้แต่ควรมีผู้ปกครองแนะ
(ID:194745)
วันที่ 14 มกราคม.2559นี้ ดีวีดีหนังเรื่อง อาบัติจะออกวางจำหน่ายแน่นอนครับ.
เลือกหน้า [1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 5
ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 116005741
ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :RoboEx skacy , BennieGig , DanielGoola , Robertliz , KennethSceta , CurtisThups , Michaelpeave , Robertmok , Anthonyseinc , StevenTaf ,