Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ
[1]
(ID:183244)
ลอราเล่าต่อว่า เซอร์จิโอ เลโอเน เกิดมาในครอบครัวนักแสดง พ่อเป็นผู้กำกับ
แม่เป็นดารายุคหนังเงียบ เลโอเนชอบดูภาพยนตร์ตั้งแต่เด็ก
อาจเป็นเพราะแรงบันดาลใจจากพ่อซึ่งมักพาเขาไปเที่ยวในกองถ่าย
หลังจากเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยพักหนึ่ง ทำคะแนนไม่ผ่าน
เลโอเนเลยออกมาฝึกงานอยู่ในกองถ่ายกับวิตตอริโอ เดซิกา
เมื่อเขากำกับเรื่อง BICYCLE THIEVES (1948) ช่วงนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2
เพิ่งจะยุติลง โรมมีโรงถ่ายชั้นนำอย่าง CINECITTA
ซึ่งสร้างเสร็จมาตั้งแต่สมัยจอมเผด็จการมุสโสลินี
กองถ่ายอเมริกันเริ่มเข้ามาถ่ายทำในอิตาลี
ในช่วงนั้นส่วนใหญ่เป็นหนังเกี่ยวกับขุนศึกโรมัน (PEPLUM)
เลโอเนมีโอกาสทำงานกับผู้กำกับฮอลลีวู้ดหลายคน อย่างเช่นในเรื่องเบนเฮอร์
ช่วงนั้นคนในวงการหนังอิตาเลียนมีงานไม่ขาดสาย ขณะที่ถ่ายทำหนังเรื่อง THE
LAST DAYS OF POMPEII (ถล่มปอมเปอี) ที่แสดงนำโดย สตีฟ รีฟส์
ชายงามเพาะกายชาวอเมริกัน ผู้กำกับคนเดิมเกิดป่วย
เลโอเนถูกตามตัวให้มากำกับต่อจนจบ จากนั้นเขามากำกับภาพยนตร์เรื่องแรก THE
COLOSSUS OF RHODES (1961) เรื่องราวจลาจลในป้อมปราการยักษ์บนเกาะโรดส์
กรีก มีดาราชายชาวอเมริกันอย่าง รอลี คัลฮุน แสดงนำ
หนังประสบความสำเร็จทั่วโลกรวมทั้งบ้านเรา
ซึ่งผู้เขียนมีโอกาสได้ดูที่โรงภาพยนตร์กรุงเกษม ลอราเล่าต่อว่า เซอร์จิโอ
เลโอเน ชอบหนังคาวบอยอเมริกันมาตั้งแต่เด็ก ชอบงานของผู้กำกับจอห์น ฟอร์ด
อีกทั้งเขาชอบหนังซามูไรที่กำกับโดย อาคิระ คูโรซาวา
เลยเกิดแนวคิดเมื่อได้ดูหนังเรื่องโยยิมโบ (1961)
เรื่องราวของซามูไรไร้ชื่อ นำมาประยุกต์กับจินตนาการของตัวเอง
เกิดเป็นหนังเรื่อง..นักฆ่าเพชรตัดเพชร(A FISTFUL OF DOLLARS (1964)
โดยอิมพอร์ตดาราชายชาวอเมริกัน คลินต์ อีสต์วู้ด มาแสดงนำ
(ครั้งแรกเลโอเนทาบทามเบิร์ต เรย์โนลด์ แต่ถูกปฏิเสธ)
จินตนาการตัวละครคาวบอยของเลโอเนผิดกับตัวละครคาวบอยอเมริกันซึ่งดูสะอาด
สะอ้าน หน้าตาหล่อเหลา แต่งตัวดี แต่ตัวละครคาวบอยอิตาเลียนดูหยาบกระด้าง
หน้าตาดุดัน กักขฬะ แต่งตัวสกปรก เสื้อผ้าขาด เลโอเนมักซูมกล้องไปที่ใบหน้า
ดวงตา อากัปกิริยาของมือเวลาเคลื่อนไหว ประกอบดนตรีประกอบของเอนนิโอ
มอร์ริโคเน ซึ่งผสมผสานเสียงกีตาร์ไฟฟ้ากับเสียงทรัมเป็ต เสียงระฆัง
เกิดเป็นเอกลักษณ์หนังคาวบอยอิตาเลียนขึ้นมา ลอราเล่าว่า เซอร์จิโอ เลโอเน
มักยกกองถ่ายไปถ่ายนอกสถานที่ที่แอลมีเรีย (ALMERIA) ในสเปน
ซึ่งมีภูมิประเทศคล้ายกับดินแดนตะวันตกในอเมริกา
ส่วนฉากภายในจะถ่ายที่โรงถ่าย CINECITTA ในโรม
เมื่อหนังคาวบอยอิตาเลียนประสบความสำเร็จทั่วโลก
เศรษฐกิจเมืองแอลมีเรียพลอยเฟื่องฟูไปด้วย
กองถ่ายหนังคาวบอยอิตาเลียนจำนวนมากปักหลักอยู่ที่นั่น..
(ID:183245)
ผู้เขียนถามถึงเอนนิโอ มอร์ริโคเน นักแต่งดนตรีประกอบ
ซึ่งเขียนดนตรีประกอบให้กับหนังดังทุกเรื่องที่เซอร์จิโอ เลโอเน กำกับ ลอรา
เดลลี คอลลี เล่าว่า เอนนิโอ มอร์ริโคเน เป็นเพื่อนกับเซอร์จิโอ เลโอเน
ตั้งแต่ครั้งเป็นนักเรียนด้วยกัน ผู้เขียนเล่าว่า
ครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนไปเทศกาลภาพยนตร์โรม
ผู้เขียนมีโอกาสได้คุยกับมอร์ริโคเนโดยผ่านล่าม
รู้สึกว่ามอร์ริโคเนเป็นคนอัจฉริยะ ลอราถามผู้เขียนว่า
แล้วเคยไปที่บ้านมอร์ริโคเนหรือเปล่า ผู้เขียนบอกว่า ไม่เคย
เธอเล่าว่าบ้านของมอร์ริโคเนอยู่ไม่ไกลจากใจกลางโรม
ในบ้านจะมีสตูดิโอขนาดเล็ก เพียบพร้อมด้วยเครื่องดนตรี เครื่องมือ
เขาจะทำงานแต่งเพลงที่นั่น ระยะหลังเขาวางมือมอบให้แอนเดรียลูกสาวทำแทน
แต่แอนเดรียนั้นส่วนใหญ่พักและทำงานอยู่ที่ลอสแองเจลีส
ผู้เขียนถามลอราว่าแล้วบ้านของเซอร์จิโอ เลโอเน เธอเคยไปหรือเปล่า
เธอบอกว่าเคยไป บ้านของเลโอเนอยู่ที่ EUR ตอนใต้ของโรม
เป็นแหล่งอาศัยที่พัฒนาจากชุมชนบ้านเก่าให้เป็นหมู่บ้านทันสมัย
เกิดขึ้นในช่วงมุสโสลินีเรืองอำนาจในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ภายในบ้านของเลโอเนจะมีโรงหนังขนาดย่อม ซึ่งเขาจะใช้เป็นทั้งที่ทำงาน
ตัดต่อ และที่พักผ่อนหย่อนใจ
ปัจจุบันลูกชายของเลโอเนซึ่งทำงานในวงการภาพยนตร์อิตาเลียนพักอาศัยอยู่
ลอรา เดลลี คอลลี เล่าถึง ONCE UPON A TIME IN AMERICA (1984)
หนังเรื่องสุดท้ายที่เซอร์จิโอ เลโอเน กำกับ
ฉากภายในและภายนอกโรงแรมแห่งหนึ่งในลองไอร์แลนด์ นิวยอร์ก ที่มีโรเบิร์ต
เดอนีโร อยู่ด้วย เลโอเนใช้โรงแรม EXCELSIOR ในเวนิสเป็นสถานที่ถ่ายทำ
เพราะลักษณะคล้ายกันมาก
อีกทั้งเธอมีโอกาสมาเยี่ยมกองถ่ายหลายครั้งเมื่อถ่ายฉากภายนอกและภายในที่
โรงถ่าย CINECITTA โรม
หลังจากความสำเร็จในภาพยนตร์คาวบอยสองเรื่องแรกที่เซอร์โจ เลโอเน กำกับ
ทำให้เกิดหนังคาวบอยอิตาเลียนมากมายขึ้นมา
หลายเรื่องเกิดจากฝีมือของคนที่เคยทำงานร่วมกับเซอร์จิโอ เลโอเน อย่างเช่น
DUCCIO TESSARI ซึ่งร่วมเขียนบทหนังเรื่อง A FISTFUL OF DOLLARS
เธอบอกว่าภายหลังเขาผันตัวไปเป็นผู้กำกับ เป็นคนที่ปั้นจูเลียโน เจมมา
(GIULIANO GEMMA) หรือมอนต์โกเมอรี วู้ด (ดาราหนุ่มหน้าเทพบุตร)
จนเป็นดาราดังในหนังเรื่อง จ้าวสมิงริงโก้(A PISTOL FOR RINGO) (1965) กับ THE RETURN OF
RINGO (1965) ปัจจุบันจูเลียโน เจมมา อายุเลขเจ็ดกว่าๆ หันมาแสดงละครเวที
ภาพยนตร์ทีวี ส่วนลูกสาวสองคนเป็นดาราภาพยนตร์
ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร อีกคนหนึ่งที่ร่วมเขียนบทหนังเรื่อง A
FISTFUL OF DOLLARS ได้แก่ TONINO VALERII
ภายหลังหันมากำกับหนังคาวบอยอิตาเลียน ซึ่งประสบความสำเร็จอยู่หลายเรื่อง
อย่างเช่น DAY OF ANGER (1967) ที่มี ลีแวน คลีฟ แสดงนำ รวมทั้ง สองหญ่าย..(MY NAME IS
NOBODY )(1973) ที่มี เทอร์เรนซ์ ฮิลล์ แสดงกับเฮนรี ฟอนดา
อีกทั้งเซอร์จิโอ เลโอเน เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้
ส่วนอีกสองคนที่มีความสำคัญกับงานของเลโอเนได้แก่ เบอร์นาโด แบร์โตลุชชี
กับดาริโอ อาร์เยนโต ทั้งสองร่วมกันเขียนบทภาพยนตร์..เสือผจญสิงห์(ONCE UPON A TIME IN
THE WEST (1967) ภายหลังแบร์โตลุชชีกลายเป็นผู้กำกับชื่อดัง
หนังที่ประสบความสำเร็จ อย่างเช่น จักรพรรดิ์โลกไม่ลืม(THE LAST EMPEROR) ส่วนดาริโอ อาร์เยนโต
ยังคงเขียนบทภาพยนตร์และทำงานกำกับภาพยนตร์ ส่วนใหญ่เป็นหนังเขย่าขวัญ
อย่างเช่น ดวงอาถรรพ์SUSPIRIA (1977) และ DEEP RED (1975) รวมทั้งล่าสุด DRACULA 3D
(2012)
(ID:183246)
ผู้เขียนถามลอรา เดลลี คอลลี ถึงเซอร์จิโอ คอร์บุชชี (SERGIO CORBUCCI)
ผู้กำกับหนังคาวบอยอิตาเลียนชื่อดังอีกคนหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่
เลี่ยกับเซอร์จิโอ เลโอเน
หนังที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของเขาคงไม่มีเรื่องไหนเกิน DJANGO (จังโก้)
(1966) ที่ฟรังโก เนโร แสดงนำ แล้วแจ้งเกิดจากภาพยนตร์เรื่องนี้
เธอบอกว่าหนังส่วนใหญ่ของคอร์บุชชีไม่ค่อยซีเรียส
ระยะหลังประสบความสำเร็จกับหนังคาวบอยตลกที่แสดงโดยเทอร์เรนซ์ ฮิลล์ กับบัด
สเปนเซอร์ มากกว่า เธอพูดถึง DJANGO UNCHAINED
หนังเรื่องใหม่ที่ทาเรนติโนกำกับ ในเรื่องฟรังโก เนโร
รับเชิญมาเข้าฉากหนึ่ง ทาเรนติโนยังคงเน้นสไตล์ของเลโอเน
โดยให้กล้องซูมไปที่ใบหน้าและดวงตาของฟรังโก เนโร เขาต้องการสื่อความรู้สึก....
สำหรับผู้เขียนและนักดูหนังอีกจำนวนมาก
หนังคาวบอยอิตาเลียนยังคงไม่ตายจากวงการภาพยนตร์
ผู้คนทั้งคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ยังคงโหยหาอยากดูหนังประเภทนี้ในบางครั้ง
บางคราว
เทศกาลภาพยนตร์เวนิสเมื่อสิบปีก่อนมีโปรแกรมย้อนอดีตกับภาพยนตร์คาวบอย
อิตาเลียนจำนวนหนึ่ง หนังของผู้กำกับเซอร์จิโอ เลโอเน
ถูกนำมาซ่อมแซมแล้วฉายตามเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติอยู่บ่อยครั้ง
ส่วนเซอร์จิโอ คอร์บุชชี
มีการย้อนอดีตรำลึกถึงเขากับภาพยนตร์จำนวนหนึ่งที่เขากำกับที่นครลอสแองเจลี
สเมื่อต้นปีที่ผ่านมา...
ในระหว่างงานแจกรางวัลตุ๊กตาทอง ปี 1993
ที่นครลอสแองเจลีส คลินต์ อีสต์วู้ด ซึ่งได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจาก
UNFORGIVEN เขาพูดถึงผู้กำกับในดวงใจมีอยู่แค่ 2 คน คนหนึ่งคือ DON SIEGEL
(ผู้กำกับ มือปราบปืนโหด(DIRTY HARRY) ส่วนอีกคนหนึ่งคือ เซอร์จิโอ เลโอเน.ผู้ล่วงลับและเป็นตำนานแห่งหนังเคาบอยสปาเก็ตตี้อีกนานแสนนาน..
(ID:183247)
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
(ID:183250)
ไม่หลับไม่นอนรึไง.........แห?.เฮียแอ๊ด..............ฮิฮิ.
เลือกหน้า [1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 5
ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 113096851
ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :Vikitxm , 42ot , Vilianapwx , Glenntiktub , Ambroseatut , Irinarv , MichaelaWah , Vikiavd , Vilianauii , Davidhkc ,