Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ประธานกรรมการ :ปวีณ เขื่อนแก้ว
เวบมาสเตอร์:อนุกูล วิมูลศักดิ์ 084-819-7374,095-308-6840


= ภายใน24ชั่วโมง , = ภายใน 3 วัน = ทั่วไป , = คลาส2 , = คลาส3 ,
รูป
หนังฝรั่งในอดีต ทุกยุค ทุกสมัยเจ้าของ อ่าน ตอบ ผู้ตอบหลังสุด
-Dead Again - เมินเสียเถิดความตาย40621.. 9/5/2556 22:58
-2 ค่าย กับหนังเรื่องเดียวกัน34424.. 9/5/2556 17:04
-L..A. Confidential - ดับโหด แอลเอ เมืองคนโฉด43960ยังไม่มีคนตอบ
-คาวบอยคอมพิวเตอร์ Westworld (1973) หนังเก่าน่าดู87021.. 9/5/2556 0:04
-dvd เสียงเดิม 43195.. 8/5/2556 7:19
-ไว้อาลัยหนังสุดที่รักของผม กับแผ่นห่วย ๆ43046.. 7/5/2556 21:49
-Jack Reacher ยอดคนสืบระห่ำ ผิดหวังมากกับหนังที่รอคอยมานาน 46875.. 7/5/2556 12:19
-หนังเรื่องนี้มีเสียงโรงเปล่าครับ39473.. 5/5/2556 19:04
-Passenger 57 คนอันตราย 57 หนังดีที่ถูกหลงลืม841110.. 2/5/2556 12:10
-เคยชมความสยองมาแล้วจากหนังล้อมผ้าและมันกลับมาในรูปแบบ VCD เรลิค นรกเดินดิน!710810.. 1/5/2556 17:24
-อยากดูหนังเรื่องนี้672515.. 26/4/2556 22:39
-Tobruk (1967) ป้อมปืนโทบรู๊ค48595.. 25/4/2556 16:37
-ช่ว่ยกันแนะนำหนังคาวบอยน่าดูกันหน่อยครับ2399118.. 24/4/2556 18:16
-ไอ้แมลงวัน สยองพันธ์ุผสม ผีหลอกวิญญานหลอน 2 เสืออากาศจิตป่วน 1และ28ครับ658712.. 23/4/2556 19:49
-vcdเสียงโรงคับเพิ่งได้มาตามตลาดมือ2406811.. 21/4/2556 19:23
-ลี แวนคลิฟ ดาราหนังเคาบอยในอดีตกับข้อมูลภาพที่หามายั่วคนชอบหนังเคาบอยโดยเฉพาะ1669235.. 20/4/2556 22:32
เลือกหน้า
[<<] [37] [38] [39] [40] [41] [42] [43] [44] [45] [46] [47] [48] [49] [50]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 790

(ID:12342) อยากดูหนังเรื่องนี้


ไม่ทราบว่าท่านใดมีหนังเรื่องนี้ครับ อยากดูครับไม่รู้ชื่อเรื่องอะไรแต่คุ้นๆมากครับอยากได้ข้อมูลหนังเรื่องนี้ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=myhnAZFR1po



ความเห็น

[1]


(ID:130155)
            คนที่มีหนังเรื่องนี้อยู่ชื่อ..เฮียแอ๊ดอาละวาดฟุ้งซ่านไปทั่วอยู่แถวๆอุดร...โธ่เว้ย.!อีตาแอ๊ด...ก็หนังเรื่องนี้ที่ตูอุตส่าห์โมเสียงไทยของเสียงเอก และขนไปแจกให้ถึงที่อุดร  ในงานครบรอบเวบ  ทั้งเจ้าแขก นังวีณ ฯลฯได้รับไปกันทั่วหน้า..(ตอนนั้นกะลังบ้าวิชาโมหนัง.ตอนนี้หายบ้าแระ..ตั้งแต่น้ำท่วมปีแล้ว.ทั้งต้นฉบับและมาสเตอร์ของหนังทุกเรื่องที่ทำไว้ไปกับน้ำโม๊ด..ไม่ต้องมาอ้อนนาอีกเฟ๊ย.!)  ยังจำไม่ได้รึไง...แห....ถามจริงๆเหอะหนังโมเสียงไทย..ที่ขนไปให้เป็นกุรุสเป็นร้อยเรื่องน่ะ...ได้เปิดดูมั่งป่าว...แห...สงสัยต้องไปหาจิตแพทย์แล้วมั๊ง...ประเภทชอบตะแง้ว..พอได้มาแย้ว..แต่ไม่เคยเล้ยที่จะเปิดดู...มันน่าส่งเจ้าเสือนั่งรถทัวร์ไปหาที่บ้าน..เจง.เจงเลย..(หนีบไม้เบสบอลไปด้วยนะเว้ย.เจ้าเสือ.!..เจอหน้าเฮียแอ๊ดแย้วให้หวดไม่ต้องยั้ง..ฮ่าฮ่า..วู๊ย.!..สะจาย)
             ถล่มเฮียแอ๊ด..ให้อารมณ์ติสกลับมาเข้าร่างเป็นที่เรียบร้อยแย้ว.(ต้องถล่มใครซักคนนึงไม่งั้นอารมณ์ติสไม่ยอมมา..ฮิฮิ).ทีนี้ก็ถึงเวลามานั่งจิ้มคีย์บอร์ดให้ข้อมูลของหนังเรื่องนี้กันซะที..อิอิ...หนังเรื่องนี้คือ  Deliverance ออกฉายในไทยเมื่อปี พ.ศ  2515 ที่โรงหนังวอร์เนอร์ แถวมเหศักดิ์ ที่ตอนนี้โรงหนังที่ว่านี้ไม่มีแล้ว  ในชื่อไทยว่า  ล่องแก่งธนูเลือด นำแสดงโดย เบิร์ต  เรโนลด์ , เน๊ต  เบ๊ตตี้ , จอห์น  วอยส์ และรอนนี่   ค๊อกซ์ (คนที่เล่นฉากดวลแบนโจกับกีตาร์ในหนังที่เฮียแอ๊ดเอาคลิปมาถามน่านแหละ)  และนี่คือโปสเตอร์ของหนังเรื่องนี้ เป็นเวอร์ชั่นฉบับญี่ปุ่นที่หา เอามาให้เบิ่ง รับรองว่ามีที่เดียวก็ที่เวบพีเพิลซีนเนี่ยแหละ..ฮ่าฮ่า  และไม่ต้องหวังว่าจะได้เบิ่งภาพแบบกระจิดริด เพราะเรื่องแกล้งเฮียแอ๊ดตูถนัด...ต้องลงภาพมหาบิ๊กให้เฮียแกโวยวายเล่น...เพราะดูไม่ทั่ว..ฮ่าฮ่า (ก็ปรับ resolution ของจอคอมที่ดูอยู่ให้เหมาะกับการแสดงผลดิ..พณฯทั่น  โดยลากเมาส์ไปตรงไหนก็ได้ที่หน้า desktop แล้วคลิ๊กขวา เลือกคำว่า properties แล้วเลือก setting ทีนี้ก็เลือกปรับการแสดงผลที่หน้าจอคอมได้เลย สำหรับ window XP  แต่ถ้าเป็น  window 7 ก็ให้คลิ๊กขวาที่หน้า desktop แล้วคลิ๊กตรงคำว่า screen resolution แล้วทำการปรับการแสดงผลของภาพให้ตรงกับจอตามที่ต้องการได้เลย..)







(ID:130157)
          หนังเรื่องนี้ของผู้กำกับชาวอังกฤษ จอห์  บัวร์แมน ซึ่งมีผลงานที่ไม่ค่อยจะซ้ำแนวเลย...หนังของยอดผู้กำกับท่านนี้ที่เข้ามาฉายเมืองไทย เท่าที่พอจะจำได้ ก็มี ซาดอส เทพเจ้าคอมพวเตอร์ หนังโลกอนาคตที่จับดารานำของเรื่อง คือ ฌอน  คอนเนอร์รี่ มานุ่งผ้าเตี๋ยว(Zardoz)  นรกแปซิฟิค (Hell in the Pacific) หนังแอนตี้สงครามที่ทั้งเรื่องมีแสดงกันอยู่แค่สองคน คือ ลี  มาร์วิน และ โตชิโร  มิฟูเน่ แต่หนังมันส์มากกับการแสดงของทั้งคู่..จ้าวโลกลับแล (The Emeral Forest) หนังที่แฉภัยของการทำลายธรรมชาติของมนุษย์ได้ดี...
          เผอิญได้อ่านข้อเขียนเป็นบทวิจารณ์ของ คุณประวิทย์  แต่งอักษร นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดังเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ มีสาระและมุมมองที่น่าสนใจ ก็เลยขออนุญาตนำเสนอข้อมูลบทวิจารณ์ของคุณประวิทย์ มานำเสนอให้ทุกท่านได้รับทราบข้อมูลกันครับ


            

                                     โดยปราศจากข้อเคลือบแคลงสงสัย ฉากในหนังของจอห์น บัวร์แมนเรื่อง Deliverance (1972) ที่ได้รับการโจษขานและกล่าวขวัญถึงมากที่สุด รวมทั้งในเวลาต่อมา ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้ชมอย่างไม่รู้ลืม (สามารถพิสูจน์ได้จากจำนวนของผู้ที่เข้าไปเยี่ยมชมคลิปของฉากดังกล่าวใน เว็บไซท์ยูทูปที่มีมากถึงเกือบสามล้านครั้ง) ก็คือเหตุการณ์ในช่วงต้นเรื่องที่ได้รับการขนานนามว่า ?Duelling Banjos? หรือการประชันฝีไม้ลายมือระหว่างชายหนุ่มนักกีตาร์โปร่งกับเด็กชายท่าทาง ปัญญาอ่อนที่ทักษะในการเล่นแบนโจของเขาเรียกเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอก จากบอกว่าเป็นความน่าอัศจรรย์ขั้นเทพ

กระนั้นก็ตาม สิ่งที่ควรได้รับการระบุควบคู่ไปด้วยก็คือ มันเป็นฉากที่ ?ดูเหมือน? ว่าไม่ได้สะท้อนภาพ, ความหมายหรือเนื้อหาที่แท้จริง หรืออาจถึงขั้นก่อให้เกิดความไขว้เขวกับผู้ชม-เมื่อคำนึงถึงเรื่องราวที่ กำลังถูกบอกเล่าในช่วงถัดมา


+


(ID:130158)

                                                    มันเริ่มต้นจากหนุ่มเมืองกรุงกำลังตั้งเสียงกีตาร์ของตัวเอง แล้วจู่ๆ เด็กชายปัญญาอ่อนที่โผล่จากไหนก็ไม่รู้-ก็ทักทายด้วยเสียงแบนโจ เครื่องดนตรีคู่กาย-จากบนเฉลียงของตัวบ้าน หลังจากนั้น การ ?พูดคุย? กันระหว่างเสียงกีตาร์กับเสียงแบนโจก็เริ่มต้นขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะชักชวนให้ฝ่ายหลังร่วม ?แจม? ในท่วงทำนองของเพลงคันทรี่ย์สไตล์บลูแกรสส์ที่กระฉับกระเฉงและเปี่ยมล้นไป ด้วยชีวิตชีวา และผู้ชมถึงกับได้เห็นคนท้องถิ่นที่ร่วมดื่มด่ำเสียงเพลงไม่ใกล้ไม่ ไกล-กระโดดโลดเต้นอย่างเข้าถึงในอารมณ์ หรืออันที่จริง ในห้วงระยะเวลาสั้นๆของการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัวระหว่างเสียงกีตาร์กับเสียง แบนโจที่หยอกเย้ายั่วล้อกันอย่างสอดประสานกลมกลืน สนุกสนานและครื้นเครง ทุกคนที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นต่างพากันปลดปล่อยและผ่อนคลายอิริ ยบถของตัวเอง และอยู่ในมู้ดของความหรรษาเบิกบาน ทั้งๆที่ในช่วงก่อนหน้า ผู้ชมรู้สึกและสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ตลอดจนความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างพวกชาวบ้านกับสี่หนุ่มจากตัวเมือง


ฉากดวลเพลงอันสุดแสนเมามันนี้จบลงด้วยหนุ่มเมืองกรุงไล่เสียงกีตาร์ของ ตัวเองไม่ทันเสียงแบนโจ และจำต้องปล่อยให้คู่ต่อกรของเขา-วิ่งแซงเข้าเส้นชัย ส่วนที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นความไม่ชอบมาพากลอยู่หลังจากนี้เอง กล่าวคือ แทนที่เสียงดนตรีจะเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างนักดนตรีมือสมัครเล่น ทั้งสองคน เด็กชายปัญญาอ่อนกลับปฏิเสธที่จะจับมือกับชายหนุ่มที่แสดงออกอย่างไม่ปิดบัง ว่านับถือและชื่นชมในฝีมืออันฉกาจฉกรรจ์ เจ้าหนูไม่แม้กระทั่งพูดจาอะไร (หรืออาจเป็นเพราะเขาพูดไม่ได้) และคลับคล้ายว่า เขารีบผลุนผลันกลับคืนสู่โลกส่วนตัวอย่างไม่รั้งรอ



(ID:130159)

ฉากดวลเพลงอันสุดแสนเมามันนี้จบลงด้วยหนุ่มเมืองกรุงไล่เสียงกีตาร์ของ ตัวเองไม่ทันเสียงแบนโจ และจำต้องปล่อยให้คู่ต่อกรของเขา-วิ่งแซงเข้าเส้นชัย ส่วนที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นความไม่ชอบมาพากลอยู่หลังจากนี้เอง กล่าวคือ แทนที่เสียงดนตรีจะเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างนักดนตรีมือสมัครเล่น ทั้งสองคน เด็กชายปัญญาอ่อนกลับปฏิเสธที่จะจับมือกับชายหนุ่มที่แสดงออกอย่างไม่ปิดบัง ว่านับถือและชื่นชมในฝีมืออันฉกาจฉกรรจ์ เจ้าหนูไม่แม้กระทั่งพูดจาอะไร (หรืออาจเป็นเพราะเขาพูดไม่ได้) และคลับคล้ายว่า เขารีบผผลันกลับคืนสู่โลกส่วนตัวอย่างไม่รั้งรอ

ไม่ว่าจะอย่างไร มันเป็นฉากที่ให้ความรู้สึก ?สว่างไสว? ที่สุดของหนัง และมันชวนให้ทึกทักไปได้ถึงขั้นที่ว่า มันน่าจะถือเป็นฤกษ์หามยามดี และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็น ?การตัดสินใจที่ถูกต้อง? เหลือเกินสำหรับสี่หนุ่มจากเมืองใหญ่อย่างแอตแลนต้า-ที่ในสุดสัปดาห์นี้ พวกเขาเลือกที่จะไม่เล่นกอล์ฟ และเปลี่ยนรูปแบบสันทนาการเป็นการพายเรือคานูล่องไปตามเกาะแก่งของแม่น้ำที่ ชื่อ ?คาฮูลาวาซี่? ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขากลางป่าลึกทางตอนเหนือของมลรัฐจอร์เจีย ซึ่งจากคำบอกเล่าของลูอิส (เบิร์ต เรย์โนลด์) โต้โผและหัวเรือใหญ่ของการท่องเที่ยวกึ่งผจญภัยครั้งนี้ ระบุตั้งแต่ในช่วงเปิดเรื่องที่เป็นเสียงพูดคุยกับเพื่อนๆของเขา-ว่า แม่น้ำคาฮูลาวาซี่นี้ไม่เพียงแต่จะเป็นแม่น้ำสายสุดท้ายทางตอนใต้ ของอเมริกา-ที่ยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่องทั้งจากมลภาวะและการเข้ามายุ่มย่ามหรือ ปู้ยี้ปู้ยำของน้ำมือมนุษย์ หากทว่าในอีกไม่ช้าไม่นาน หุบเขาทั้งหมดในแถบนี้ (นั่นรวมถึงแม่น้ำสายดังกล่าวและชุมชนของชาวบ้านหลายแห่ง) ก็จะจมอยู่ใต้ผืนน้ำเนื่องจากมันจะกลายเป็นทะเลสาบที่ถูกใช้เพื่อผลิตกระแส ไฟฟ้าป้อนให้กับพวกที่มีอันจะกินในเมืองได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย





(ID:130160)

หรืออ้างอิงจากถ้อยคำที่ลูอิสเลือกใช้อย่างเจตนาว่า การสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำทับลงไป-ก็ไม่แตกต่างจากการ ?ข่มขืน? ดินแดนแถบนี้ ซึ่งในระหว่างที่ผู้ชมถูกกำหนดให้ได้ยิน ?เสียงสนทนา? ที่โต้ตอบไปมา หนังก็เผยให้ผู้ชมได้เห็นภาพของการข่มขืนพื้นที่ทางธรรมชาติที่ดำเนินไป อย่าง ?หื่นกระหาย?, อึกทึกครึกโครมและเอิกเกริกใหญ่โต


ด้วยเหตุผลตามที่ถูกบรรยายสรุปไว้นี่เอง ลูอิสถือว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาและเพื่อนๆจะได้สัมผัสกับความงดงามทาง ธรรมชาติของแม่น้ำและสภาพบรรยากาศโดยรอบที่เปรียบไปแล้ว ก็เหมือนกับหญิงสาวพรหมจรรย์ที่ยังไม่เคยแปดเปื้อนมลทิน                     

                      ข้อมูลที่ผู้ชมควรได้รับการแจกแจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวลูอิส-ก็คือ เขาเป็นแบบฉบับของชายชาตรีที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ชื่นชอบความเสี่ยงและการผจญภัย (ผู้ชมถึงกับได้ยินเจ้าตัวคุยโตโอ้อวดทำนองว่าเขาไปไหนมาไหน-ไม่เคยหลงทาง) รวมทั้งมีบุคลิกของความเป็นผู้นำ หมายความว่า ลูอิสเป็นคนประเภทที่ไม่ว่าจะประสบกับภาวะคับขันหรือความยากลำบากแค่ไหน เขาก็ย่อมจะต้องมีวิธีแก้ไขหรือสามารถหนทางในการรับมือ (การเลือกเบิร์ต เรย์โนลด์มาสวมบทบาทนี้-ถือว่าเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เพราะภาพพจน์ที่ผู้ชมสามารถจำแนกได้อย่างไม่มีทางผิดพลาด-ก็คือ พระเอกหนังแอ็คชั่นที่มักจะต้องได้บทโลดโผนโจนทะยานเป็นประจำ หรือถ้าหากจะเปรียบให้นักดูหนังรุ่นหลังได้นึกภาพตามอย่างชัดเจนก็ต้องบอก ว่า เขาคือบรูซ วิลลิสของทศวรรษที่ 1970 นั่นเอง) และดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว ทริปนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น-ถ้าหากไม่ได้คนอย่างลูอิสเป็นตัวตั้งตัวตี

ปัญหาก็คือ เพื่อนๆอีกสามคนของเขา อันประกอบไปด้วยเอ็ด (จอน วอยท์), บ็อบบี้ (เน็ด เบ็ตตี้) และดรูว์ (รอนนี่ ค็อกซ์) ไม่ได้ยึดถือในลัทธิหรืออุดมการณ์เดียวกันกับลูอิส และอันที่จริง พวกเขาไม่มีทั้งความพร้อมในทางร่างกายและสภาพจิตใจ ตลอดจนความกระเหี้ยนกระหือรือ และเหตุผลเดียวที่พวกเขาพาตัวเองมาร่วมอยู่ในอยู่ในกิจกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อ ความปลอดภัยและสวัสดิภาพของตัวเองโดยไม่จำเป็น-ก็เพราะถูกฝ่ายแรกเกลี้ย กล่อมและคะยั้นคะยอ




(ID:130161)

                                        แน่นอนว่าคนที่ไม่มีความเหมาะสมกว่าเพื่อน-ก็คือบ็อบบี้ นักขายประกันที่เป็นชายหนุ่มรูปร่างอุ้ยอ้ายและรักความสะดวกสบาย อีกทั้งไม่ชอบให้ใครมาคอยออกคำสั่งหรือบงการ และนั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ในระหว่างการล่องเรือคานูไปตามสายน้ำอัน เชี่ยวกรากและไม่เมตตาปรานี ความไม่ชอบขี้หน้าระหว่างเขากับลูอิส ซึ่งก่อนหน้านี้ ต่างฝ่ายต่างรู้จักกันเพียงแค่ผิวเผิน-จะค่อยๆเพิ่มพูน

ดรูว์ก็ไม่แตกต่างไปจากบ็อบบี้ตรงที่เขาไม่ได้ฝึกฝนตัวเองให้เป็นนักผจญ ภัย อาชีพของเขาตามที่ถูกระบุไว้ในเทรลเลอร์หรือหนังตัวอย่าง-ก็คือ ผู้บริหารฝ่ายขายของบริษัทน้ำอัดลม และทักษะเพียงอย่างเดียวที่ตัวละครผู้มีสรีระค่อนข้างเก้งก้าง-โชว์ให้ทุกคน ได้แลเห็นตอนต้นเรื่อง ก็คือความช่ำชองในการเล่นกีตาร์ที่เข้าขั้นจัดจ้าน หากทว่าความคุณสมบัติพิเศษดังกล่าวนี้ก็เกือบจะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้สำหรับ การดำรงชีวิตในท่ามกลางป่าดงพงไพร


และนั่นเหลือเอ็ดผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของลูอิส และเปรียบเสมือน ?นักบินที่สอง? ของการเดินทาง ดังที่ผู้ชมสามารถสังเกตได้เหมือนกัน เขาคือตัวละครที่หนังให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลาที่ผ่านพ้นไป รวมทั้งเป็นคนเดียวที่ผู้ชมได้รับอนุญาตให้ก้าวล่วงเข้าไปรับรู้ตื้นลึกหนา บาง ตลอดจนห้วงคิดคำนึงของตัวละคร

ข้อมูลเบื้องต้นที่สามารถสรุปได้เกี่ยวกับตัวเอ็ด-ปรากฏอยู่ในคำพูดของลู อิสนั่นเองที่ตั้งคำถามกับเพื่อนรักของเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า ด้วยเหตุผลอะไรที่นำพาให้เขาร่วมอยู่ในการผจญภัยที่มีความเสี่ยงครั้ง นี้-ทั้งๆที่เขา ?มีอาชีพการงานที่ดี มีบ้านที่สมฐานะ และมีครอบครัวที่ประกอบไปด้วยเมียและลูกน้อยที่อบอุ่นและเปี่ยมสุข? ซึ่งปรากฏว่า ชายหนุ่มได้แต่อ้ำอึ้งและยอมรับว่าตัวเขาก็นึกสงสัยในข้อนี้เหมือนกัน (แต่กล่าวให้ครบถ้วนจริงๆ คำถามดังกล่าวของลูอิสไม่ได้ถึงกับเป็นปริศนาโดยสิ้นเชิง และแม้ว่าหนังอาจไม่ได้เปิดเผยตรงๆ แต่ผู้ชมก็สามารถสันนิษฐานได้ไม่ยากว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองแฝงนัย ของโฮโมเซ็กฌ่วลหรือรักร่วมเพศอย่างเจือจาง และนั่นอธิบายว่า ด้วยเหตุใด-เอ็ดถึงยอมละทิ้งความสุขสบาย-มาใช้ชีวิตแบบนอนกลางดินกินกลาง ทรายในช่วงวีคเอนด์นี้กับเพื่อนรัก หรืออีกนัยหนึ่ง คนรักของตน)



(ID:130162)

ประเมินในแง่ของกายภาพแล้ว เอ็ดเป็นชายหนุ่มที่เรือนร่างของเขากำยำล่ำสันกว่าบ็อบบี้และดรูว์ แต่ถึงกระนั้น ก็เทียบเคียงไม่ได้กับลูอิส-ที่มีภาพลักษณ์ของความเป็นคนที่กร้าวแกร่งและ สมบุกสมบัน และนั่นรวมถึงทักษะในการใช้ชีวิตกลางแจ้งของตัวละคร อันอาจหมายรวมถึงสัญชาติญาณของการอยู่รอด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิญญาณเพชรฆาต

ฉากที่ตอกย้ำให้ผู้ชมได้ตระหนักถึงความแตกต่างดังกล่าวนี้อย่างแจ้ง ชัด-ได้แก่ตอนที่ลูอิสสาธิตให้เอ็ดได้เห็นถึงการจับปลาด้วยลูกธนูที่นอกจาก ดูแคล่วคล่องว่องไวและทะมัดทะแมง ยังไม่มีวี่แววของความพะวักพะวน สะทกสะท้านหรือตื่นกลัว (เป็นไปได้ว่าหลายคนอาจจะนึกโต้แย้งว่า การยิงปลาในแม่น้ำไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรงหรือต้องอาศัยความ กล้าหาญซักเท่าใด แต่ข้อที่จำเป็นต้องระบุไว้ ณ ที่นี้ก็คือ ผู้ชมได้เห็นตัวละครนี้ยิงธนูสองครั้งและเหยื่อเคราะห์ร้ายในครั้งหลังของ เขา-ไม่ใช่แม้แต่สิงสาราสัตว์ทั่วไป แต่ได้แก่มนุษย์ด้วยกัน อีกทั้งประโยครำพึงรำพันของดรูว์ในช่วงไล่เลี่ยกันที่เอ่ยขึ้นว่า เขาไม่เข้าใจว่าคนเราสามารถยิงสัตว์เป็นๆได้อย่างไร-ก็น่าจะเป็นการเน้นย้ำ กลายๆว่า ความเป็นนักฆ่าอาจจะไม่ได้เป็นคุณสมบัติที่ถูก ?ติดตั้ง? อยู่ในมนุษย์ทุกคน) ซึ่งนั่นเป็นอากัปกิริยาที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับของเอ็ดในเช้าวันถัดมา ที่เขาคว้าคันธนูเข้าไปในป่าลึกด้วยหวังว่าจะสามารถ ?ฆ่า? อะไรซักอย่างเหมือนกับเพื่อนรัก จนกระทั่งได้เผชิญหน้ากับกวางตัวเขื่องที่กำลังเล็มหญ้าอย่างสบายอารมณ์

หนังเผยให้ผู้ชมเห็นว่าชายหนุ่มได้แต่ง้างคันธนูค้างไว้ ก่อนที่ร่างกายของเขาจะสั่นสะท้านจนไม่อาจควบคุม และปล่อยให้ลูกศรหลุดมือซึ่งมันพุ่งห่างจากเป้าหมายไปไกล ไม่ว่าเจตนารมณ์ของผู้สร้างต้องการจะบอกอะไร อย่างหนึ่งที่แน่ๆ นับจนถึงตอนนั้น เอ็ดยังไม่มีหรืออย่างน้อย ยังค้นไม่เจอ ?ความเป็นนักฆ่า? ในตัวเอง และสมมติว่าทริปนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่มีเหตุการณ์ที่มีนัยยะสำคัญเกิดขึ้น เรื่องเล็กๆที่มีเพียงแค่เขากับผู้ชมร่วมรับรู้นี้-ก็คงถูกลืม แต่แน่นอนว่า บัวร์แมนคงไม่ใส่ฉากที่ไม่เกี่ยวพันกับเนื้อหาหลักของเรื่องเข้ามาโดยไร้จุด มุ่งหมายปลายทาง และว่าไปแล้ว ผู้ชมก็จะรับรู้ได้เองในอีกไม่นาน

จุดประทุของเรื่องเริ่มมาจากเหตุการณ์ที่เอ็ดกับบ็อบบี้ซึ่งพายเรือคา นูของพวกเขาล่วงหน้าไปก่อนลูอิสและดรูว์-หยุดแวะข้างทาง ทั้งสองได้พบกับคนแปลกหน้าที่หน้าตาท่าทางตลอดจนการแต่งเนื้อแต่งตัว-ไม่ได้ แตกต่างไปจากพวก ?หลังเขา? ที่เพิ่งได้พบเจอเมื่อวันวาน และสิ่งที่เกิดขึ้นสามารถสรุปอย่างย่นย่อได้ดังนี้ เอ็ดถูกจับมัดไว้กับต้นไม้ บ็อบบี้โดน ?ข่มขืน? ทางประตูหลัง (นอกเหนือจากถูกบังคับให้ส่งเสียงร้องครวญครางโหยหวนเหมือนหมูที่กำลังโดน เชือด) และก่อนที่เอ็ดจะตกเป็นเหยื่อรายต่อไป ลูอิสผู้ซึ่งเรือคานูของเขากับดรูว์เคลื่อนผ่านมาพอดี-ก็เด็ดชีพหนึ่งในสอง ด้วยลูกธนู ขณะที่อีกหนึ่ง-วิ่งหายเข้าไปในความระเกะระกะของต้นไม้อย่างรวดเร็ว

ข้อที่ควรหยิบยกขึ้นมากล่าวอ้างถึงอย่างจำเพาะเจาะจงก็คือ พวกหลังเขาทั้งสองไม่ได้ต้องการปล้นหรือมุ่งหวังทรัพย์สินเงินทองจากเอ็ดและ บ็อบบี้ (ที่ฝ่ายหลังพยายามอาศัยเป็นเครื่องต่อรอง) เพราะเป็นเรื่องที่สามารถอนุมานได้ว่า ในโลกที่อยู่ซ่อนตัวเองอยู่ห่างไกลจากความเจริญทางวัตถุและอารยธรรม สิ่งเหล่านี้ไม่อาจใช้เพื่อการยังชีพ (มีดพกของเอ็ดยังมีประโยชน์ยิ่งกว่า เพราะอย่างน้อย มันก็ใช้โกนหนวดหรือล่าสัตว์) และสามารถกล่าวได้ความมุ่งหวังของพวกเขา-เชื่อมโยงกับสิ่งที่เรียกได้ว่า สันดานดิบ หรือความปรารถนาที่แฝงเร้นอยู่ในเบื้องลึกของความเป็นมนุษย์นั่นเอง





(ID:130163)

ไม่มากไม่น้อย ความเข้าใจที่ว่าหนึ่งในประเด็นหลักของ Deliverance พูดถึงเรื่องของมนุษย์ทำลายความงดงามทางธรรมชาติตลอดจนสมดุลของสิ่งแวดล้อม ก็ต้องบอกว่ามันคลาดเคลื่อนจากเป้าหมายที่ผู้สร้าง อันหมายถึงจอห์น บัวร์แมน ผู้กำกับ และเจมส์ ดิคกี้ย์ ในฐานะคนเขียนบทหนังและเจ้าของบทประพันธ์ดั้งเดิม-ต้องการนำเสนอไกลโขที เดียว เพราะพินิจพิเคราะห์อย่างรอบด้านแล้ว ความงดงามทาง ?ธรรมชาติ? ตามที่ถูกนำเสนอในหนังเรื่องนี้-นอกจากจะเป็นภาพลวงตา รวมทั้งไม่ได้มีสถานะของการเป็น ?ผู้ถูกกระทำ? เพียงฝ่ายเดียวแล้ว มันยังแฝงไว้ด้วยความ ?ดิบเถื่อน? และทารุณโหดเหี้ยม อันเนื่องมาจากสภาพทางกายภาพของมัน-ซึ่งในอีกไม่ช้าไม่นาน ตัวละครทั้งสี่คนก็จะถูกทำให้ตระหนักในข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างถ้วนทั่วกัน หรือพูดให้ชัดๆก็คือ ถูกธรรมชาติเล่นงานอย่างชนิดสะบักสะบอม (หรือถ้าจะใช้คำที่หนักหนาสาหัสกว่านั้น-ว่า ถูก ?กระทำชำเรา? ก็ไม่น่าจะผิดความหมายแต่อย่างใด)

อีกทั้งด้วยความที่มันเป็นดินแดนที่ถูกตัดขาดจากความศิวิไลซ์ มันจึงก่อให้เกิดสภาวะที่เรียกว่าความไม่ศิวิไลซ์หรืออนารยะขึ้นมา และนั่นหมายความว่า กฎ กติกาและมารยาทตามที่อารยชนทั้งหลายยอมรับ-ถูกยกเลิกชั่วคราว และมันมีสภาพเป็นเหมือน ?ฟรีโซน? ที่ใครนึกจะทำอะไรตามสัญชาติญาณพื้นฐานหรือสันดานสัตว์ป่าของแต่ละคนก็ย่อม ได้ตามอำเภอใจ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นเป็นเงื่อนไขที่ยุยงให้สองหนุ่มหลังเขา-เลือก ?วิธี? ฉกฉวยประโยชน์จากสองหนุ่มเมืองกรุงอย่างที่ปรากฏให้แก่สายตาของผู้ชม และฉากที่ยิ่งตอกย้ำว่า อารยธรรมไม่มีหมายความสำหรับพื้นที่รกร้างแถบนี้โดยสิ้นเชิง-ก็ได้แก่ เหตุการณ์ภายหลังจากที่ลูอิสยิงลูกธนูปักทะลุอกของหนึ่งในสองหนุ่มหลังเขา และทั้งสี่หนุ่มปรึกษา(หรือโต้เถียง)กัน-ว่าจะจัดการอย่างไรกับร่างไร้ วิญญาณ

ดรูว์เป็นต้นเสียงที่แข็งขันให้นำศพของหมอนี่ไปมอบให้กับฝ่ายตำรวจและบอก ความจริง แต่ลูอิสและบ็อบบี้ซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยตรง-ไม่ เห็นด้วยอย่างรุนแรง

หมายความว่าลูอิสเป็นคนลงมือฆ่า เพราะฉะนั้น แนวโน้มที่เขาจะเผชิญกับความยุ่งยากในทางกฎหมาย-ก็เป็นอะไรที่มองเห็นได้แต่ ไกล และนั่นยังไม่ต้องเอ่ยถึงความไม่น่าจะเที่ยงตรงของกระบวนการพิจารณาคดีที่ ชายหนุ่มเชื่อว่า ผู้คนในชุมชนละแวกนี้ล้วนเกี่ยวดองเชื่อมโยง และนั่นทำให้มีโอกาสสูงมากที่คณะลูกขุนอาจเป็นลุงป้าน้าอาของผู้ตาย ส่วนบ็อบบี้เองที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ-ก็ไม่ต้องการให้เรื่องบัดสีสำหรับตัว เขาเองแพร่งพร่ายออกไป และปรารถนาที่จะให้มันถูกฝังพร้อมกับคนที่โจมตีประตูหลังเขานั่นเอง

กลายเป็นเอ็ดที่ถูกกำหนดให้ต้องเลือกว่าเขาจะเทคะแนนเสียงไปทางใดตาม ?ระบอบประชาธิปไตย? (ซึ่งจริงๆแล้ว ควรจะเรียกว่า ?กฎหมู่? มากกว่า) และเหตุการณ์ดังกล่าวตอกย้ำให้ผู้ชมได้ตระหนักอีกครั้งหนึ่งว่า นี่คือหนังที่พูดถึงการสัญจรทางจิตวิญญาณของเอ็ด จากสภาวะที่มีกรอบของกฎหมาย ตลอดจนศีลธรรมและอารยธรรม-เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและค้ำจุน ไปสู่ก้นบึ้งแห่งความมืดมิดที่เขาไม่เคยรับรู้ว่ามันซุกซ่อนอยู่ในตัวเอง รวมทั้งมันเป็น ?อาณาบริเวณ? ที่ความถูกต้องดีงาม-ปราศจากคุณค่าและความหมายโดยสิ้นเชิง


ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ชมจึงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเอ็ด จากชายหนุ่มที่ในตอนเริ่มแรก ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ปล่อยลูกดอกปลิดชีวิตกวาง ไปสู่ฉากที่เขาลุ้นระทึกให้ลูอิส เพื่อนรัก-ลงมือฆ่าหนึ่งในสองอันธพาลก่อนที่ตัวเขาจะตกเป็นเหยื่อทางเพศ เหมือนกับบ็อบบี้ไปอีกคน ตามมาด้วยการโหวตสนับสนุนให้ฝังกลบหนุ่มหลังเขาในป่าลึก และแน่นอน ห้วงเวลาที่บอกให้รู้ว่า ?ด้านมืด? หรือบางที อาจจะเรียกว่าวิญญาณนักฆ่าในตัวชายหนุ่ม-เข้าครอบงำอย่างสมบูรณ์ ก็ได้แก่ตอนที่ประวัติศาสตร์หวนกลับมาซ้ำรอยเดิมเมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้ เขาต้องยิงธนูใส่สิ่งมีชีวิตที่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งคราวนี้ มันไม่ใช่สรรพสัตว์ตามสุมทุมพุ่มไม้เหมือนในตอนแรก หากได้แก่ใครบางคนที่เขาเชื่อว่าเป็นหนุ่มหลังเขาอีกคนที่วิ่งหนีหายไปใน ช่วงชุลมุน และถูกสันนิษฐานว่าเป็นคนลอบยิงดรูว์ ประการสำคัญ เอ็ดไม่มีเวลาให้ตรึกตรองมากนัก เพราะฝ่ายตรงข้ามซึ่งหันมาเห็นเขาพอดิบพอดี-ก็กำลังยกปืนลูกซองขึ้นพร้อม เหนี่ยวไก

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในตลอดช่วงเวลาเหล่านี้ โรคเก่าของเอ็ดทำท่าว่าจะกำเริบ-เมื่อเขาเริ่มมีอาการสั่นเทิ้มและไม่สามารถ ควบคุมตัวเอง แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ปล่อยลูกศรออกไป และในขณะที่ผู้ชมถูกทำให้เข้าใจว่ามันพลาดเป้า ปรากฏว่ามันปักทะลุกลางอกของไอ้หนุ่มหลังเขาเต็มๆ

นับจนกระทั่งถึงตอนนี้ ไม่ว่าเอ็ดจะตระหนักได้หรือไม่ก็ตาม เขาได้พาตัวเองมาอยู่ใน ?เกม? ที่ลูอิสเอ่ยถึงก่อนหน้าอย่างเต็มตัว มันเป็นเกมที่เก่าแก่และดึกดำบรรพ์ที่สุดในโลกที่เรียกว่าการอยู่รอด และกฎและกติกาง่ายๆมีอยู่เพียงข้อหรือสองข้อ นั่นก็คือ การดิ้นรนทุกหนทางไม่ให้ถูกฆ่า และข้อสำคัญ ถ้าหากจะมีความตายเกิดขึ้น มันก็ควรจะต้องเป็นของคนอื่นมากกว่าตัวเอง





(ID:130164)

ไม่ว่าจะอย่างไร ส่วนที่อาจกล่าวได้ว่าน่าครุ่นคิดยิ่งกว่าเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นในระหว่าง ล่องคานูไปบนสายน้ำอันแสนหฤโหด-ก็คือผลสะเทือนไหวภายหลังจากที่เอ็ดและ เพื่อนๆหวนกลับคืนสู่ความศิวิไลซ์ ซึ่งอาจจะประมวลมูลค่าความเสียหายของการเดินทางเข้าไปสัมผัสกับ ?ธรรมชาติ? อย่างย่นย่อได้ดังต่อไปนี้

ดรูว์จบชีวิตโดยไม่มีใครรู้ว่าเขาถูกยิงจริงๆหรือไม่ และร่างไร้วิญญาณของเขาก็ถูกถ่วงไว้ด้วยก้อนหินให้จมดิ่งลงสู่ก้นแม่น้ำ (ส่วนที่เย้ยหยันก็คือการจมน้ำในลักษณะเหมือนถูกยิงของดรูว์เป็นต้นเหตุให้ เพื่อนๆพากันสติแตก และขยับขยายให้เรื่องยิ่งบานปลาย เป็นไปได้หรือไม่ว่านั่นเป็นผลพวงจากความไม่ชอบมาพากลของสภาพแวดล้อม จนกระทั่งจิตใต้สำนึกของแต่ละคนทำงานกันเกินเลย) ขณะที่ลูอิสประสบอุบัติเหตุขาหัก และไม่เหลือคราบของชายชาตรี กระทั่งอยู่ในสภาพของคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างน่าสมเพชเวทนา เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หมอบอกว่าเขาอาจจะต้องถูกตัดขาทิ้ง ซึ่งนั้นย่อมหมายความว่า ชีวิตโลดโผนโจนทะยานของเขาคงต้องรูดม่านปิดฉากไปโดยปริยาย


ส่วนบ็อบบี้ปรารถนาที่จะลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ประโยคทิ้งท้ายที่เขาเอ่ยกับเอ็ดที่บอกว่า ?ฉันคิดว่าหลังจากนี้ เราคงจะไม่ได้เจอกันอีกนาน? แทบจะไม่ต้องแปลความหมายของมันเลยว่า เขาไม่ต้องการให้เรื่องอันแสนอัปลักษณ์นี้-ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาโดยไม่จำเป็น แต่กล่าวให้ครอบคลุมแล้ว เอ็ดก็คงไม่แตกต่างกัน

จากที่หนังให้เห็น เขาอาจจะสามารถผ่านบททดสอบอันแสนสาหัสนี้ไปได้ (หรืออีกนัยหนึ่ง ค้นพบด้านมืดที่เจ้าตัวไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ตั้งแต่ต้น) แต่ก็อยู่ในสภาพที่ ?บอบช้ำและบุบสลาย? ทั้งในทางร่างกายและโดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตวิญญาณ รวมทั้งสูญเสียช่องทางในการเชื่อมโยงติดต่อกับความถูกต้องดีงาม ดังจะเห็นได้จากการที่เขากลายเป็นหัวโจกให้บ็อบบี้และลูอิสร่วมกันโกหกหลอก ลวงและปกปิดความจริงจากนายอำเภอ (รับบทโดยเจมส์ ดิคกี้ย์ เจ้าของบทประพันธ์) ซึ่งเกี่ยวพันกับความตายของคนสามคน และสองในจำนวนนั้น-อาจถูกกฎหมายตีความว่าเป็นการฆาตกรรม และเอาตัวรอดไปได้-แม้ว่าจะค่อนข้างทุลักทุเล





(ID:130165)

แต่หนังก็บอกให้รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างล่องแก่งไม่เคยเลือน หายไปจากจิตใต้สำนึกของตัวละคร และยังคงตามหลอกหลอนเขาในรูปของฝันร้าย-ซึ่งน่าเชื่อว่า มันจะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แย่ไปกว่านั้นก็คือ ไม่มีใครบอกได้ว่าอาฟเตอร์ช็อคของมันจะกินระยะเวลาไปอีกยาวนานเพียงใด



กล่าวในท้ายที่สุดอย่างกำปั้นทุบดิน เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะมนุษย์ชอบหาเรื่องใส่ตัว และประเมินความอำมหิตและเหี้ยมโหดของ ?ธรรมชาติ? ต่ำกว่าความเป็นจริง สมมติเล่นๆว่าวีคเอนด์นั้น สี่หนุ่มจากเมืองใหญ่เลือกเล่นกอล์ฟ จนป่านนี้-พวกเขาก็คงจะได้กลับบ้านไปหาลูกหาเมียด้วยความปลอดภัย และนอนหลับสบายโดยไม่ต้องมีเรื่องบ้าบอคอแตกมาคอยรังควาญ รวมทั้งไม่ต้องคอยรับมือกับ ?ปิศาจร้ายในจิตใจ? ที่เมื่อถูกปลดปล่อยออกมาอาละวาดแล้ว การจะต้อนให้มันกลับไปสงบนิ่งเหมือนก่อนหน้า-ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดาย

DELIVERANCE (1972)

กำกับ, อำนวยการสร้าง-จอห์น บัวร์แมน/บทภาพยนตร์-เจมส์ ดิคกี้ย์ จากนิยายชื่อเดียวกันของเขาเอง/กำกับภาพ-วิลมอส ซิกมอนด์/ลำดับภาพ-ทอม พรีสลี่ย์/ดนตรี-เอริค ไวส์เบิร์ก/กำกับศิลป์-เฟรด ฮาร์พแมน/สเปเชี่ยลเอฟเฟ็คท์-มาเซล เวอร์คูเทียร์/เครื่องแต่งกาย-บัคกี้ เราส์/ผู้แสดง-จอน วอยท์, เบิร์ต เรย์โนลด์, เน็ด เบ็ตตี้, รอนนี่ ค็อกซ์, บิลลี่ แม็คคินลี่ย์, เจมส์ ดิคกี้ย์, ฯลฯ/สี/ความ 109 นาที

ขอขอบคุณบทวิจารณ์ของคุณประวิทย์  แต่งอักษร มาณ.ที่นี้ด้วยครับ
ที่มาของข้อมูล  http://pwttas.wordpress.com/2011/11/12/deliverance-1972/



(ID:130171)
โอ้พระเจ้าข้อมูลเยอะจริงๆแล้วป๋าก็ให้หนังผมมาแล้วหลายปีแต่ผมลืมได้ไงว่ะเนี่ย 5555 เดี๋ยวจะหาเวลาว่างๆมารื้อหนังเรื่องนี้มาดูซะแล้วครับ
ขอบคุณป๋าอีกครั้งที่ช่วยเตือนความจำ เหอ เหอ..



(ID:130362)

โดนพาดพิง ...

งั้นผมขอเปลี่ยนจากนั่งรถทัวร์ไปอุดร เป็นนั่งเครื่องบินแทนครับท่านอาจารย์ ... ออกตั๋วให้ผมด้วยนะครับ วิ้วววว




(ID:150755)

+


(ID:150820)
ดูแล้วคิดถึงป๋าจุ๋มจัง อยากให้หายเร็วๆจะได้หาข้อมูลหนังมาให้พวกเราได้ดูกันอีกครับ



(ID:151985)
ขอขอบคุณอย่างสูงครับสำหรับข้อมูลของหนังเรื่องนี้ เพราะผมค้นหามานานเพิ่งมาเจอที่นี่ และยังมีอีกเรื่องที่อยากได้ข้อมูล คือ  ป่าดู๋ดี๋ ครับ



เลือกหน้า
[1]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 15

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 112931655 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :bkNer , Michailyzt , GermanFoup , HelenViefs , DonaldSap , Davidfable , พีเพิลนิวส์ , AntonGeods , เอก , Carlosincof ,