Mobile Version / สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน www.peoplecine.com ท่านยังไม่ได้ log in นะครับ เข้าใช้งานระบบ / สมัครสมาชิก/ ลืมรหัสผ่าน

ประธานกรรมการ :ปวีณ เขื่อนแก้ว
เวบมาสเตอร์:อนุกูล วิมูลศักดิ์ 084-819-7374,095-308-6840


= ภายใน24ชั่วโมง , = ภายใน 3 วัน = ทั่วไป , = คลาส2 , = คลาส3 ,
รูป
ตามไปดูหนังกลางแปลงเจ้าของ อ่าน ตอบ ผู้ตอบหลังสุด
-เก็บภาพมาฝากครับ1060817.. 14/2/2556 16:44
-รุ่งสุริยาภาพยนตร์ หน่วย 2009 ฉายงานประจำปีที่วัดใต้ศรีมงคล เมืองยโสธร วันที่ 1-2-3 ก.พ.561521114.. 13/2/2556 16:03
-ยิ้ม ยิ้ม 2 วิเศษช้ยชาญ อ่างทอง 11- 14 ก.พ.วัดทองขาหย่าง บางปลาม้า สุพรรณบุรี92055.. 13/2/2556 16:01
-ภาพสดๆ"นันทวัน"ที่ชัยภูมิครับ121044.. 13/2/2556 15:58
-จิรัญญาสุรินทร์ บ.เบิด อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ บ.หนองค่าย ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 8-9 ก.พ 561821123.. 13/2/2556 15:58
-ทำด้วยใจรัก1064018.. 13/2/2556 15:57
-พรชัยภาพยนตร์ฉายบ้านโคกยาว อ.ยาง1271416.. 13/2/2556 15:54
-กิมแช จอยักษ์ งานบุญมหาชาติ วัดเกาะแก้ว โกสุมฯ หนังใหม่ ชมฟรี!! 8 ก.พ.2257020.. 13/2/2556 15:52
-ประสงค์ ภาพยนตร์ อ.น้ำพอง 11 ก.พ 56 งานบ้านงิ้ว ต.สาวะถี101501.. 13/2/2556 12:38
-วันที่ 13 ก.พ 56 พบกับจิรัญญาภาพยนตร์สุรินทร์ ที่ อ.ลำปลายมาส จ.บุรีรัมย์84821.. 10/2/2556 21:18
-ช้างลัคกี้ภาพยนตร์ กับจอ20เมตร โดย เจริญศรีภาพยนตร์บ้านม่วง1631811.. 10/2/2556 7:36
-นันทวัน กับ ภาพเก็บตกรายการ"กระบี่มือหนึ่ง"2517923.. 10/2/2556 7:05
-เก็บภาพมาฝาก จิรัญญาสุรินทร์ วัดบ้านเพี้ยราม ต.เพี้ยราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ 06/02/131844123.. 8/2/2556 11:51
-8 ก.พ ช้างลัคกี้ ภาพยนตร์ หน่วยใหญ่จากนครขอนแก่น แจ้งข่าววันงาน ครับ 93022.. 8/2/2556 9:21
-พบกับ จิรัญญาภาพยนตร์สุรินทร์ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ 08/02/13 70520ยังไม่มีคนตอบ
-โดนจับแล้วฉายโปรแจคเตอร์5031481.. 6/2/2556 23:06
เลือกหน้า
[<<] [73] [74] [75] [76] [77] [78] [79] [80] [81] [82] [83] [84] [85] [86] [87] [88] [89] [90] [91] [92] [>>]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 3122

(ID:11288) โดนจับแล้วฉายโปรแจคเตอร์


      เมื่อคืนนี้มีการจับกุมผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ ฉายโปรเจคเตอร์จอ 10 เมตร หนังเรื่องปัญญาเรณู และวอนโดนเตะรับงานกลางแปลงงานวัดแถว อ.สว่างแดนดิน ในราคา 8000 บาท เจอข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ข้อหาไม่มีใบอนุญาติประกอบการวิดิทัศน์ ไม่มีใบอนุญาตประกอบการโรงภาพยนตร์ (กลางแปลง) งานนี้โทษหนักทั้งปรับแล้วก็ติดคุก อุปกรณ์ถูกยึดหมด  จึงขอเตือนเพื่อนสมาชิกระมัดระวังด้วย 

ความเห็น

[1]

[2] [3] [4]


(ID:121245)
ครับ...น่าจะมีอะไรสักอย่างตามความเห็นส่วนตัวครับ...แต่ก็สมควรโดนครับ..บางที่อาจจะทำให้แผ่นผี ชีดีปลอม มันหมดไปครับ...หนังกลางแปลงจะใด้อยู่ได้ครับแต่ก็ยังยอมรับโซนหนังภาคอีสานครับที่ยังมีหนังกลางแปลงให้ชมและยังเป็นหนังที่ข้อนข้างชนโรงเลย แต่ถ้าแถวบ้านผมคงต้องพึ่งโรงหนังครับ..น้อยมากที่จะมีโอกาศได้ชมหรือไม่มีโอกาศชมหนังใหม่เลย ผมก็มีหน่วยแต่หาเจ้าภาพเช่นสายภาคอีสานยังอยากครับ........



(ID:121280)

คนเราทุกวันนี้ (กลุ่มหนึ่ง) ก็มุ่งหาเงินอย่างเดียวครับ อาจจะไม่มีทางเลือก

หรือเจตนาจะเดินทางนี้ก็มีครับ ศีลธรรม จรรยา ผิดกฏหมายข้าไม่สน เดี๋ยว

ก็ไปทําบุญไถ่บาปเอา โลกเราถึงมีแต่คนละเมิด จับปรับกันมั่ง ถึงตัวใหญ่ก็ดีไป

แต่คิดว่าคงยากส์มาก เดี๋ยวก็คงเจ๊งทั้งระบบละครับ โรงหนังเมืองไทย หรือ

ทั้งโลกก็เจอปัญหาเดียวกันครับ หนังฉายได้วันนึง ชั่วข้ามคืนซีดีผีเกลื่อนเมือง

นี่แหละครับ ปัญหาที่เกิดจากความเจริญทางวัตถุ(อย่างเดียวจริงๆ) อยากระบายครับ

แต่ขอแค่นี้แล้วกัน ช่วยๆกันครับ เราไม่ใช่พวกขี้ฟ้อง แต่เราไม่ชอบคนชุบมือเปิบครับ




(ID:121281)
ผมเคยเตือนแล้ว ไม่เชื่อ .....ช่วยไม่ได้



(ID:121531)
ความเกี่ยวข้องกับตำรวจนะครับ
กรณีกฎหมายเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างกรณีนี้
หากผู้ประกอบการหรือตัวแทนลิขสิทธิ์นั้นๆไม่แจ้งความร้องทุกข์
กับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ จนท.ตร.ท้องที่ไม่มีสิทธิ์จับกุมนะครับ
เพราะเป็นกฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ เป็นความผิดทางแพ่ง สามารถ
ยอมความกันได้(จ่ายเป็นค่าปรับ) ตร.เป็นแค่ตัวกลางประสานในการ
ไกล่เกลี่ยเท่านั้น แต่ขอบอกก่อนนะครับว่ากฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
บทลงโทษและค่าปรับหนักหนาเอาการอยู่นะครับพี่น้อง ไม่คุ้มเสี่ยงครับ



(ID:121592)

แล้วเรามีความตั้งใจที่จะนำเสนอเอาหนังเก่าๆมาฉายเช่นงานวัดโดยไม่มีค่าจ้างก็ผิดด้วยละซิคราวนี้ ไอ้เราก็อุตสาห์ตั้งใจสร้างบรรยากาศแบบหนังกลางแปลง เพราะบางทีเราอยากให้คนรุ่นเก่าได้เห็นหนังที่ตัวเองเคยดูสมัยหนุ่มๆและอยากให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นหนังสมัยนั้นเราตั้งใจอยากอนุรักษ์สืบสาน

    ผมขอถามเป็นข้อๆนะครับท่านผู้รู้เพื่อความกระจ่าง ย้ำนะครับไม่ใช่งานจ้างนะครับ

    1. ฉายงานช่วยฟรี ไม่ใช่หนังใหม่ ไม่มีค่าจ้าง เช่นลานกลางแจ้งของวัด,โรงเรียน,สนามหน้าบ้าน โดยฉายผ่านเครื่องเล่นซีดีผ่านโปรเจคเตอร์ลงสู่จอจะมีความผิดทุกกรณีใช่ไหมครับ

    2. ฉายงานช่วยฟรี ไม่ใช่หนังใหม่ ไม่มีค้าจ้าง  เช่นลานกลางแจ้งของวัด,โรงเรียน,สนามหน้าบ้าน โดยฉายผ่านเครื่องเล่นซีดีฉายเข้าทีวีธรรมดาจะมีความผิดทุกกรณีใช่ไหมครับ (มันจะแตกต่างกันอยู่ที่จอทีวีกับจอหนัง)

    ผมขอถามต่ออีกนะครับเพื่อความกระจ่าง หากฉายผ่านโปรเจคเตอร์สู่จอหนังผิด งั้นเราฉายลงสู่จอทีวีในงานกลางแจ้งย่อมผิดด้วยสิครับเพราะฉายจากเครื่องเล่นเหมือนกัน  หรือเขายกเว้นฉายลงจอทีวีไม่จับจับแต่ฉายลงจอหนังอย่างเดียว

  แต่หากจะจับกันจริงของเจ้าของผู้ผลิตเข้มงวดกะพวกแผ่นก๊อปแผ่นผีด้วยนะครับ ในห้างดังๆยังมีขายเกลื่อนเลย พวกมันรวยเอาๆ อันนี้สิน่าจับผลประโยชน์เต็มๆ

  




(ID:121610)

ทั้งข้อ 1 และ 2 จะเป็นการจ้างหรือฉายฟรี ก็หนีความผิดไม่พ้นครับ ก็ต้องว่ากันตามความใน พรบ. ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ และ พรบ. ลิขสิทธิ์ด้วย อาจจะโดนทั้ง 2 พรบ. หรือเพียง พรบ. เดียว

อย่างไรก็ตาม ในการจัดฉายภาพยนตร์ ให้ยึดตาม "พรบ. ภาพยนตร์และวิดีทัศน์" ไว้เป็นหลักก่อนครับ (นี่ยังไม่ได้แตะประเด็นเรื่อง "สัญลักษณ์เรตติ้ง" นะครับ) ส่วนตัวหนัง (ในรูปของแผ่น หรือไฟล์ดิจิตอล) นั้นอีกเรื่อง

อย่าลืมกลับไปอ่านเกี่ยวกับโอกาสที่จะรอดพ้นอันเนื่องจาก "สถานที่จัดฉาย" ประกอบด้วย แต่อย่าถือเป็นบรรทัดฐานนะครับ

ที่ผ่านมาก็มีสมาชิกโทรเข้ามาสอบถามในประเด็นนี้เหมือนกัน ทั้งในเรื่อง "ใบประกอบอนุญาตฯ" ว่ากันตรงๆ ไม่ได้จนปัญญาที่จะตอบ ก็ว่ากันไปตามความใน พรบ. ครับ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับหน่วยงานที่ดูแลตรงนี้ เค้าจะดำเนินการหรือไม่เท่านั้น เพราะเท่าที่ทราบมา บางจังหวัดมุ่งไปที่โรงภาพยนตร์ที่มีอาคาร หรืออยู่ในอาคารมีที่ตั้งเป็นหลักเป็นแหล่ง ร้านจำหน่ายแผ่นภาพยนตร์และวิดีทัศน์ กับร้านเกม เท่านั้นครับ




(ID:121618)

แน่จริงไอ้เจ้าของ "ลิขสิทธิ์ หรือ ตัวแทนลิขทธิ์"ก็พาตำรวจไปจับเลยซิครับ "พวกขายแผ่นผี"มีเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองเต็มไปหมด  "ผิดเต็มๆเงินเข้ากระเป๋าเติม" ถ้าอย่างนั้นก็อย่าทำมาเลยครับ คำเตือนที่อยู่ในแผ่น VCD,DVD

 ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือ ตัวแทนลิขทธิ์ เอาจริงเอาจังผมว่าเค้าจะได้เงินค่าปรับเรื่องลิขสิทธิ์มากกว่าขายแผ่นมาสเตอร์ซะอีก จริงใหมครับท่านสมาชิก ต่างจากพวกเราที่ตั้งบำเพ็ญประโยชน์ช่วยงานสังคมสตางค์เดียวก็ไม่ได้หวังดันซวยไปด้วยคิดแล้วมันน่าช้ำใจจริงๆ จริงใหมครับพี่น้องฮืๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ




(ID:121625)

^

เรื่องนี้ มันลึกลับซับซ้อนมากกว่าที่คิดอีกนะครับ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพย์ติดดีๆ นี่เอง

(ที่สำคัญก็เคยมีข้อความโพสต์ในลักษณะนี้ตามกระทู้ในเว็บไซต์อยู่หลายครา เห็นการเรียกร้องจากหลายส่วนก็เยอะ สุดท้ายก็..เอวัง)

ปัญหาที่ควรแก้ให้ตรงจุด คือ จิตสำนึกของตัวบุคคลเท่านั้นครับ




(ID:121640)

เจตนาที่ดีด้วยใจรัก ก็มาขัดกับกฎหมายข้อนี้อย่างหาที่ลงตัวไม่ได้จริงๆ

อยากให้เจ้าของลิขสิทธ์หันมาพิจารณาเรื่องความผิดข้อนี้ให้สมเหตุสมผล เพราะเราฉายเราก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนหรือความเสียหายให้กับเจ้าของหนังเลยแม้แต่น้อย (ส่วนคนที่ฉายหนังใหม่หรือชนโรงอย่างนี้สมควรถูกจับครับ) แต่ท่านกลับได้ผลประโยชน์ที่ทำให้คนรู้จักหนังของท่าน เพราะผมเคยฉายหนังเก่ามีคนมาถามว่ามีขายที่ไหน ผมก็บอกให้เขาไปซื้อร้านที่ผมเคยไปซื้อ

ส่วนคนขายแผ่นปลอมเกลื่อนเมืองและโจ่งแจ้งทุกตลาดนัดและถนนคนเดินและห้างดังๆ ท่านทำไมไม่ไปจับทั้งๆที่บุคคลเหล่านั้นสร้างความเดือดร้อนและเสียหายกระทบธุรกิจท่านเป็นอย่างมากสุดๆ ต่างจากพวกเราที่หาความเดือดร้อนให้กันท่านแทบไม่มีเลยแม้แต่น้อย

เสียใจเเละเสียดายครับสำหรับคนที่ตั้งใจอยากอนุรักษ์และสืบสานด้วยใจจริง




(ID:121675)

กลุ่มเราก็คงทําได้แค่ปรับทุกข์กันนี่แหละครับ

แค่เราไม่อุดหนุน ซีดีเถื่อนทั้งหลายก็พอ ส่วน

หน้าที่การปราบปรามคงเป็นเรื่องของตํารวจละกัน

ยุคนี้เป็นยุคทุนนิยมครับ มือใครยาวว่ากันไป

สัญลักษณ์ของหนังผมว่าฟิล์มเหมาะที่สุด จะเอา

อย่างอื่นแทนผมว่ามันแปลกๆ ถ้าฝรั่งเลิกฉายฟิล์ม

ผมเดาแบบมองโลกในแง่ร้ายนิดนึง โรงหนังก็คง

ไม่รอดอ่ะครับ ฉายโปรเจกเตอร์ให้คนดูแล้วบอก

เป็นระบบดิจิตอล 3 มิติ 4 มิติ 5 มิติ(อนาคตคงมีกลิ่นด้วย)

คงไม่ต่างกับการดู แอลอีดีทีวีที่บ้านเท่าไหร่ ดูหนัง

เพื่อพักผ่อนต้องมาคอยใส่แว่นให้ปวดขมับ ฉายโปรเจกเตอร์

ไม่พอ ค่าตั๋วยังแพงอีก ใช้คนน้อยแค่กดปุ่มตั้งโปรแกรม

ก็ฉายได้แล้ว อย่างว่าพวกเราอาจจะดูเหมือนคนยุคเก่านะ

ชอบฟิล์ม กี่มิลก็แล้วแต่ ชอบดูกลไกการขับเคลื่อนก่อนจะ

เป็นภาพออกมาโลดเเล่นบนจอให้เราได้ชมกัน มีศิลปะใน

การฉาย(โดยเฉพาะกลางแปลง) ฝรั่งก็คล้ายๆจะหมดมุก

จะทําอะไรมาขายชาวโลกดีน๊อ จะได้มีเงินเข้าประเทศเยอะๆ

เอาละ 3 มิติละกัน ขายเครื่อง ขายเลนส์ ขายหลอด ขายแอมป์

ขายจอ โจมตีสิ่งที่ตัวเองสร้างมาว่าโบราณ มีเส้น มีรอยต่อ

ภาพไม่ชัด อีกจิปาถะที่ไม่ดี เป็นการเปลี่ยนสู่ยุคดิจิตอลเต็มรูปแบบ

เพื่อเข็นสินค้าออกสู่ตลาดได้ง่าย (อันนี้ผมคิดเองส่วนตัวนะ)

ไม่เป็นไรการเปลี่ยนแปลงคงต้องใช้เวลาระยะนึง ธุรกิจโรงหนังชั้นสอง

เมืองไทยคงปรับตัวกันยกใหญ่หรือเป็นแค่กระแสก็คงดูกันไปครับ

ฝรั่งสร้าง ฝรั่งทําลาย เราสิดันไปชอบมันเอง ผมทําใจได้นะ

ทุนนิยมมันครองโลกจริงๆ




(ID:121697)

แนวโน้มมีความเป็นไปได้ทั้งหมดครับ เพราะอะไร

1. แล็บล้างและพิมพ์ฟิล์มในบ้านเรา ทั้งสามแล็บ สต็อกฟิล์มในงานโพสต์ โปรดักชั่น ร่อยหรอลงเรื่อยๆ และทางแล็บเค้าทราบกันอยู่แล้วว่า จะต้องมีการเปลี่ยนผ่าน เค้าจึงลงทุนเครื่องมือสำหรับรองรับในระบบดิจิตอลทั้งหมดครับ

จะบอกว่า ตอนนี้น้ำยาเคมีที่ใช้ในการล้างฟิล์ม หายาก และราคาแพงแล้วด้วย จนตอนนี้ต้องแก้ปัญหาด้วยการใช้น้ำยาชุดนั้นแหละ เวียนซ้ำ แล้วคุณภาพจะไปเหลืออะไร สังเกตได้ ฟิล์มหนังบางเรื่อง แม้จะเป็นฟูจิ หรือโกดัก แต่ก็มีลักษณะออกแดงเหมือนฟิล์มอั๊กฟ่าที่ใกล้จะเฟดนั่นแหละครับ

ที่สำคัญ หนังกลางแปลงบางหน่วยก็ "อัด" แสงซีนอนเต็มที่ แล้วผลเป็นไง ฟิล์มบางเรื่องจึง "ช้ำแดง" ก่อนถึงเวลาอันควร

2. ศักยภาพของกล้องถ่ายทำภาพยนตร์ที่เป็นรูปแบบความละเอียดสูง ก็มีการพัฒนาที่ดีขึ้น และเมื่อเรนเดอร์ไฟล์ที่ตัดต่อและมิกซ์เสียงเสร็จ ลงเนกาตีฟและทำก็อบปี้ออกฉาย ก็แทบไม่เห็นความแตกต่างครับ

3. อุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลก คงไม่น่าจะเลวร้ายอย่างที่คิดกัน เพราะระบบ 3 มิติ มันเป็นเพียงแค่เทคนิคทางการค้าอย่างหนึ่ง ซึ่งเมื่อถึงจุดอิ่มตัว ก็เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง เพราะต่อไปก็จะเป็นแบบ 2D แบบดิจิตอลนั่นแหละครับ

ช่วงแรกที่ดิจิตอลออกมาใหม่ๆ ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ และภาพยนตร์ ก็มีทั้งเสียงที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยทั้งจากหัวอนุรักษ์นิยม และหัวสมัยใหม่เหมือนกับที่สมาชิกหลายท่านได้แต่ปรับทุกข์กันนั่นแหละครับ แต่ในที่สุดก็ไม่อาจทนต่อกระแสความนิยมได้ ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการค้าจึงต้องเตรียมปรับตัวกันขนานใหญ่ เพื่อเตรียมการเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้

แต่ที่กำลังจะกลายเป็นปัญหาที่ต้องหาทางแก้ไปกันต่อไป นั่นคือ การจัดเก็บเพื่ออนุรักษ์ (Reservation) จะดำเนินการกันอย่างไร เพราะ "ดิจิตอล" มีความเสี่ยงในเรื่องการสูญหายของข้อมูลด้วย

4. สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในบ้านเรา ที่เห็นได้ชัดเลยคือ เมเจอร์ กับเอสเอฟ เค้าเดินหน้าไปก่อนแล้ว และนั่นหมายความว่า ระบบการจัดจำหน่ายภาพยนตร์จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีทั้งแบบล้มหายตายจากไปอย่างสิ้นเชิง และที่ปรับตัวให้ใกล้เคียงกับเมเจอร์ กับเอสเอฟ ซึ่งกำลังติดตามอยู่ มีแนวโน้มจะเห็นได้ชัดก็ปีนี้และปีต่อๆ ไปแหละครับ

5. ในเว็บไซต์ ก็คงจะมีสมาชิกอย่างพวกเราที่เล่นเครื่องฉายระบบฟิล์มอยู่ ก็เลยยังพอที่จะมีฟิล์มวนๆ เวียนๆ อยู่แถวนี้ให้ได้เล่นกัน เพราะจุดประสงค์หลักของการก่อตั้งเว็บไซต์ คือ PRIVATE CINEMA ส่วนภาพยนตร์ในเชิงการค้าและธุรกิจ ก็ต้องคงมีไว้เพื่อรายงานความเคลื่อนไหวคู่ขนานกันไป และในส่วนของการซื้อ - ขาย ก็จะเน้นเฉพาะสมาชิกที่คุ้นเคย และไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ในการประกาศซื้อ - ขายให้กับสมาชิกที่อยากจะมีไว้เป็นสมบัติส่วนตัว (แต่ในกรณีที่นำไปใช้ทางการค้า ถือเป็นความรับผิดชอบของสมาชิกเอง)

6. โดยส่วนตัว ผมไม่เคยหวั่นวิตกเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะได้ปรับตัวไปแล้ว ส่วนโรงหนังก็ยังเข้าไปใช้บริการเหมือนเดิม เพราะผมไปดูมาครบทุกรูปแบบ ในส่วนของการอนุรักษ์ต้องใช้ประโยชน์ของ "ดิจิตอล" ที่มีอยู่ เพื่อรักษาในการคงสภาพความเป็นภาพยนตร์เท่านั้นครับ




(ID:121831)

ไม่ได้ว่าใครนะครับ เพราะยังมีความ "ชะล่าใจ" อยู่ เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก คิดเข้าข้างตัวเองไปเรื่อย เพราะสักวันหนึ่งก็ฉุกคิดขึ้นได้เอง เมื่อถึงตรงนั้นแล้วคงย้อนเวลาไม่ได้แล้ว

เราไม่สามารถระบุช่วงเวลาที่แน่นอนได้หรอกครับ เพราะมันเข้าแทนที่ระบบเดิมไปเรื่อยๆ จนเมื่อใดที่ทุกอย่างลงตัวแล้ว จึงจะถือว่าสิ้นสุดของมันโดยสมบูรณ์

ดูตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด นั่นคือ

* หนังไทยที่สร้างในระบบฟิล์ม 16 ม.ม. และมาพากย์สดตอนฉาย เริ่มต้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วหนังไทยเรื่อง "สุภาพบุรุษเสือไทย" มาฟลุคทำเงินหลายล้านอีก ทีนี้ก็มีผู้สร้างหนังไทยในระบบฟิล์ม 16 ม.ม. ออกมาหลายราย (แต่ก็ยังมีหนังไทยระบบฟิล์ม 35 ม.ม. แทรกเป็นระยะๆ ขณะที่หนังเทศเป็นระบบมาตรฐาน 35 ม.ม. อยู่แล้ว) ช่วงก่อนที่ "มิตร ชัยบัญชา" เสียชีวิตก็มีหนังไทย ระบบฟิล์ม 35 ม.ม. ออกมาบ้างประปราย แต่มาปูพรมเต็มที่คือช่วงปี พ.ศ. 2514 ขณะที่หนังไทยที่เป็นฟิล์ม 16 ม.ม. พากย์สด ก็ค่อยๆ ลดลงจนเหลือศูนย์ประมาณปี พ.ศ. 2516 หรือ พ.ศ. 2517 แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเลิกซะทีเดียว เพราะยังมีกลุ่มที่ใช้ฟิล์ม 16 ม.ม. อยู่ คือ ช่างภาพมือสมัครเล่น นักข่าวของสถานีโทรทัศน์ เอเจนซีที่ผลิตโฆษณา อย่าง อ. สรรพสิริ วิริยะสิริ ผู้สร้างภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ (ก็เหมือนกับซีรีส์ในทุกวันนี้) หน่วยงานประชาสัมพันธ์ขององค์กรนั้นๆ และในมหาวิทยาลัย (รวมทั้ง "วิทยาลัยครู" ที่ต่อมายกระดับเป็น "สถาบันราชภัฏ" และ "มหาวิทยาลัยราชภัฏ" ตามลำดับ) ที่เปิดสอนหลักสูตรภาพยนตร์ ทั้งที่เป็นของคณะนิเทศศาสตร์ และคณะครุศาสตร์ สาขาวิชาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา กระทั่งเมื่อระบบวิดีโอเข้ามาแทนที่ ฟิล์ม 16 ม.ม. ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญและเลิกใช้ไปในที่สุด

* แผ่นเสียง > เทป (ทั้งแบบ "รีล", แบบ "คาร์ทริดจ์" ซึ่งเรียกว่า "เทป 8 แทรค" และก็ "เทปคาสเซ็ท")

โดยเฉพาะเทปคาสเซ็ทนี้สามารถตีตลาดได้รวดเร็วกว่าเทป 8 แทรค ทั้งๆ ที่เทป 8 แทรคเพิ่งจะออกมาได้ไม่นานเท่าไหร่ แผ่นเสียงก็เลยไปอยู่เฉพาะแค่ดีเจ นักจัดรายการวิทยุ (เคยทราบมาบ้างว่า แรกๆ ก็ต้องซื้อเอง ต่อมาก็มีนโยบายของทางค่ายเพลงที่ต้องการโปรโมทอัลบั้มของศิลปิน จึงมีการเดินสายแจกแผ่นไปยังสถานีวิทยุทั่วประเทศ ก่อนที่จะมีการจัดส่งทางไปรษณีย์ในภายหลัง) และนักฟังเพลงที่มีเงินเก็บเหลือเฟือ

ช่วงที่แผ่นเสียงกำลังจะนิ่ง เทปคาสเซ็ทก็ไปได้สวย (บางอัลบั้มถ้าดังจริง มียอดขายทะลุหลักล้าน) "ซีดี" ก็เปิดตัวขึ้นมา ประมาณปี พ.ศ. 2528 แต่ก็ใช่ว่าจะแทนที่อย่างฉับพลันเหมือนเทปคาสเซ็ท เพราะกว่าจะลงตัวในเรื่องของคุณภาพ รวมไปถึงการผลิต เพราะยุคแรกของซีดีต้องไปทำที่เมืองนอกและมีเพียงไม่กี่อัลบั้ม ต่อมาก็มีบริษัท โซล่าร์ เฮาส์ ที่ขอซื้อลิขสิทธิ์จากค่ายเพลงหลายค่ายเพื่อนำไปผลิตเป็นซีดี มีทั้งอาร์เอส, นิธิทัศน์, คีตาทายาทครูเอื้อ สุนทรสนาน ฯลฯ (ไม่มี "แกรมมี่") ซึ่งราคาขายต่อแผ่นก็สูงเหมือนกัน จนเมื่อบริษัท ออนป้า นำเครื่องจักรผลิตซีดีเข้ามาในประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2537 และเริ่มผลิตซีดีเพลง (รวมทั้งวีซีดีในยุคแรกๆ) ในปีต่อมา ทำให้ราคาขายตามปก ลดลงมาที่ 190 บาท ซึ่งเป็นอัลบั้มเพลงสากลคัฟเวอร์ และขยับไปยังเพลงไทย เพราะตอนนั้นมี 2 ค่ายเพลงที่ให้ออนป้า ผลิตเทปกับซีดี คือ "นิธิทัศน์" และ "คีตา" ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าแรกๆ ที่ลดราคาเพื่อให้ผู้คนทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาไม่แพง (ยกเว้นศิลปินอิสระ ช่วงฟองสบู่แตก กับค่ายเบเกอรี่ ราคาปก 300 บาท ส่วน "อาร์เอส" และ "แกรมมี่" ก็ทยอยสั่งเครื่องผลิตซีดีเข้ามาเช่นกัน แต่ราคาขายตามปกแพงกว่า ซีดี "อาร์เอส" แรกๆ 400 และก็ลดเหลือ 300 ส่วนแกรมมี่ แรกๆ 450 แล้วก็มาลดที่ 350, 300 และ 290 ตามลำดับ ส่วนแผ่นเสียงก็เลิกผลิตไปช่วงก่อนฟองสบู่แตกประมาณ 3 หรือ 4 ปี

และหลังผ่านพ้นช่วงฟองสบู่แตกไป ราคาซีดีเพลงไทยก็ลดลงเรื่อยๆ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ขณะที่การผลิตเทป คาสเซ็ทก็ลดปริมาณลง จนในที่สุดก็มีหลายค่ายเพลงยุติการผลิตเทป คาสเซ็ทไปโดยปริยาย (เท่าที่ทราบมาตอนนี้เหลือเพียงบริษัทออนป้า เจ้าเดียวที่ยังผลิตเทป คาสเซ็ทอยู่ แต่เป็นเทปบรรยายธรรมมะ)




(ID:122040)

ไม่กี่วันก่อน ผมก็ได้ไปดูหนังแก้บนที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่งมา ในจ.ชลบุรี นั่งดูตรงที่เคยมานั่งดูสมัยเด็กๆเมื่อพ.ศ.2525 ก็สามสิบกว่าปีแล้วนะ สถานที่แห่งนั้นแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ จำนวนคนดู เมื่อก่อนมีคนดูเยอะมากๆคนไปทีหลังยืนดูติดจอมากๆแหงนคอตั้งบ่าเลย ก็ยังดูกันตั้งสองเรื่อง ทั้งๆที่ยืนแทบติดจอแหงนคอตั้งบ่าอย่างนั้น  คิดถึงบรรยากาศเก่าๆทุกทีเลยครับ ตอนเทคโนโลยียังแค่นั้น

                                       ตอนนี้สงสัยว่าตอนมีหนังกลางแปลง เด็กๆสมัยนี้ จะยังเก็บเศษฟิล์มกลับไปบ้านอยู่หรือเปล่า  ไม่รู้นะครับมันเกิดสงสัยขึ้นมาไงก็ไม่รู้ (สำหรับตัวผมตอนเด็กๆนั้น เวลาที่หนังขาด น้าคนฉายจะโยนเศษฟิล์มมาให้แบบรู้ใจเลย "เอ้า..เอาไป"  คงเห็นเรามาด้อมๆมองๆตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดินละมัง) 

                                       อ้อ...ลืมไปเดี๋ยวนี้ฟิล์มไม่ขาดง่ายเหมือนสมัยก่อนซะด้วยสิ เวลาฉายก็คงไม่ค่อยมีทิ้งฟิล์มเท่าไร ถ้าฟิล์มขาดง่ายๆเหมือนสมัยก่อน จำนวนผู้ชมที่เป็นเด็กอาจจะเพิ่มขึ้นก็ได้...555   

                                    




(ID:122056)

เดี๋ยวนี้หาคนที่ตั้งใจดูหนังกลางแปลงจริงๆ น้อยลงแล้วครับ ต่อให้หนังเรื่องนั้นมีจุดขาย หรือจุดที่น่าสนใจก็ไม่สน อย่างมากก็ยืนดูแค่สักพักแล้วก็ไป

* โดยส่วนตัว ซึ่งสังเกตจากพฤติกรรมของผู้ชม ที่จะมีจนนับจำนวนไม่ได้ คือช่วง "ตัวอย่างหนัง" ครับ จะไม่ให้เยอะได้อย่างไร เล่นฉายด้วยตัวอย่างแบบชนโรง แต่พอเข้าหนังเรื่องแล้ว คนดูก็ทยอยหายไปเรื่อยๆ

(ตอนนี้เพิ่งประเดิมฉายตัวอย่างหนังด้วยโปรเจคเตอร์เมื่อไม่นานนี้ โดยเริ่มเก็บตัวอย่างแบบดิจิตอลไฟล์ ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2553 แล้ว ซึ่งมีข้อดีคือ ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ แต่ก็มีข้อจำกัดคือ จะใช้ได้เฉพาะหนังไทยจากค่ายใหญ่ และหนังจีนที่เป็นของ "มงคลภาพยนตร์" เท่านั้น แต่ฟิล์มก็ยังไม่ทิ้ง โดยจะเก็บตัวอย่างที่เป็นหนังต่างประเทศที่มีซับไทย หรือหนังไทยบางเรื่องที่ดิจิตอลไฟล์คุณภาพแย่มาก หรือไม่มีดิจิตอลไฟล์เลย เพื่อเอาไปถ่ายโอนเป็นดิจิตอลในอนาคต จะว่าไปแล้วหนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์ที่เป็นดิจิตอลไฟล์ HD ก็ใช้ได้ครับ แม้ว่าจะไม่มีซับไทย แต่ขี้เกียจที่จะทำ จะฉายก็ฉายมันอย่างนั้นแหละ สรุป..ก็เก็บตัวอย่างหนังแบบคู่ขนานครับ)

กรณีฟิล์มขาดนั้น นานๆ จะมีสักครั้ง ถ้าไม่เกิดช่วงตอนเปลี่ยนม้วน ก็มาจากเช็คเกอร์ของสายหนังนั่นแหละครับ ที่ต่อฟิล์มไม่ดีเอง




(ID:122060)

สอบถามผู้รู้ครับ เกี่ยวกับการฉายหนังระบบดิจิตอล เคยได้ยินว่าต้นทุนในการฉายแบบนี้จะประหยัดกว่าการฉายฟิล์ม(เพราะไม่ต้องพิมพ์ฟิล์มหลายๆก๊อบบี้)แถมยังได้คุณภาพของภาพที่ชัดเสียงที่ดีเทียบเท่ากับฟิล์มหรือดีกว่าฟิล์มด้วย......

แต่ทำไมเรายังต้องเสียค่าดูเท่าเดิม หรือ อาจจะแพงกว่าเดิม ในส่วนตัวผมสนับสนุนให้ฉายแบบดิจิตอลนะครับ เขาทำได้ดีเท่าหรือเหนือกว่าแบบฟิล์ม ถ้าเขาอ้างว่าค่าใช้จ่ายถูกลง ราคาตั๋วก็น่าจะถูกลงด้วย ถ้าทำได้ก็ขอสนับสนุนนะครับ ....

เผื่อว่าจะมีเจ้าของโรงหนังเข้ามาอ่านบ้าง ..... แล้วราคาที่เหมาะสมควรเท่าไหร่ดีครับ  อย่างดูหนังวันพุธ 59 บาทก็ยังมีเลย....




(ID:122104)
ผมขอถามท่านผู้รู้ครับ ถ้าผมเอาโปรไปช่วยฉายตามงานวัด งานงิ้ว หนังคาวบอยเก่าๆอายุประมาณ30-40ปีจะโดนใหมครับฉายให้ฟรีๆ



(ID:122115)

@ หรั่งอินทร์บุรี : คำตอบอยู่ที่หน้า 2 Reply 10 (อยู่ถัดจากภาพจาก "ปัญญาเรณู" ไม่กี่ความเห็นครับ) นอกนั้นก็ขึ้นกับ "ดวง"

@ ดอน พันแสง : โดยส่วนตัวเชื่อว่า น่าจะเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่านระบบครับ แรกๆ อาจจะนับ 1 ถึง 10 แต่ตอนนี้เลยไปไกลที่คาดการณ์ แต่ก็ยังไม่เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ประกอบกับราคาของเครื่องฉายที่ยังแพงอยู่ (4 - 5 ล้าน / มันถูกลงจริงครับ แต่มูลค่าโดยรวมก็ยังถือว่าสูงอยู่) จึงทำให้คนดูต้องแบกรับกับราคาตั๋วมหาโหดอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ซึ่งคงต้องใช้เวลานานพอสมควร จนกว่าเมื่อ "ดิจิตอล" ถูกแทนที่ 100 เปอร์เซ็นต์เมื่อใด ค่าตั๋วอาจจะลดลง แต่คงลดได้ไม่มากครับ อย่าลืมเรื่อง การบริหารแบบ "ผูกขาดเบ็ดเสร็จ" ด้วย เพราะศึกษาด้วยตนเองมาตั้งแต่ตอนฟองสบู่แตกด้วยซ้ำ และมาเห็นภาพชัดเจน + เน้นย้ำตอนเรียนในหลักสูตรระยะสั้น ระดับ ประกาศนียบัตรบัณฑิต (เรียกให้เข้าใจง่ายคือ "อนุปริญญาโท" นั่นเอง เพราะเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับระดับปริญญาโทในขั้นแรก เมื่อจบในระดับนี้ ผมก็...เพียงแค่ทำ "วิทยานิพนธ์" ก็จบปริญญาโทแล้วครับ) 

เพราะฉะนั้น นับจากนี้ไป การฉายในรูปแบบดิจิตอลในระดับพื้นฐาน ก็จะมีแบบ 2 มิติ สำหรับหนังทั่วไปที่ไม่มีฉากโชว์เทคนิคพิเศษมากนัก และแบบ 3 มิติ เท่านั้นครับ (4 มิติ นั่นเป็นการสร้างบรรยากาศจำลองขึ้นมาเฉยๆ) 




(ID:122635)

ถ้าหนังในสายหนังไม่มีล่ะ นอกจาก ใบโพธิ์ หนังตึก UIP SDT แล้วพวกวอร์เนอร์ ฟ็อก  (ประเภทฉายครบสามเดือนฝรั่งเอากลับบ้านเนี่ย)ที่ไม่มีให้สายหนังเอาไปฉาย ใครจะเป็นคนชี้เป้าหนอ อีกเรื่องนึง วันนี้คุยกับสายหนังที่สกลนคร เสี่ยโจ้บอกว่า หนังค่ายพาราเม้าท์บางเรื่องไม่มีฟิล์มมีแต่ดิจิตอล เรื่องหนังต่อไปจะใช้แต่ดิจิตอลท่าจะจริงแฮะ เสี่ยโจ้เล่าว่าถ้าอีก3ปีข้างหน้า ไม่มีฟิล์มแกก็คงหันไปหาดิจิตอลล่ะ เพราะว่าทำมาถึงขนาดนี้แล้ว แกเตรียมตัวแล้ว(คงจะเตรียมเงินด้วยแหละ เพราะเครื่องแพงมากกกก...)  เครื่องมือสองแกสู้ เหอๆๆๆ สุดท้าย เรื่องปัญญาเรณู2 สายไหนแพงที่สุด เห็นว่า สุรินทร์ 5000 ชัยภูมิ7000 สกลนคร10000 (ที่สกลจ้างเรื่องนี้เรื่องเดียวที่เหลือหนังแถม) โอยจะบ้าตาย ทำไมมันแพงจัง




เลือกหน้า
[1]
[2] [3] [4]
จำนวนหัวข้อทั้งหมด 62

กลับขึ้นข้างบน / กลับหน้าแรก

ค้นกระดานข่าว:


ถูกเปิด: ถูกคลิ๊กแล้ว: 116855557 ตอนนี้มีผู้เข้าชม : 1 ล่าสุด :FVJerry , EricRE , พีเพิลนิวส์ , นนท์ , เอก , วัตร , เอ๋ , Tongkam , Tor , ไผ่เศร้าสหอิสาน ,